ตอนที่ ๒ : ออกโรงปกป้อง (1)
การทำงานเป็นสาวใช้ของบ้านราชรัชตะดูราบรื่นดีทุกอย่าง วันนี้ทอฝันมาทำงานเป็นวันแรกโดยมีนวลคอยสอนงานให้อย่างละเอียด บังอร ป้าพิศและนายถมคนขับรถต่างก็เอ็นดูหญิงสาว คุยกันไม่เท่าไรก็ถูกคอราวกับคุ้นเคยมานานนับปี ทอฝันรู้จากนวลว่าวันนี้ปราชญ์ไม่อยู่บ้าน เพราะต้องพาบุษราไปตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุของอาการป่วย ซึ่งก็ไม่เคยปรากฏอะไรนอกจากการป่วยภายในจิตใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยู่ดีมีสุขหรอก ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าสามีไม่ได้ไปทำงานอย่างที่โกหก แต่พาเมียน้อยไปเปิดหูเปิดตาที่บ้านพักต่างจังหวัดต่างหาก
ทอฝันลากลับบ้านทันทีที่ถึงเวลาเลิกงาน อารมณ์ที่เบิกบานกลับกลายเป็นเศร้าหมอง เมื่อสุภายังคงไม่กลับมาอย่างที่ภาวนาไว้ ชาวบ้านก็พากันต่อว่าไม่ขาดปากว่าใจร้ายใจดำที่ทิ้งลูกสาวอยู่บ้านคนเดียวโดยไม่เหลียวแล จริงอยู่ที่คนละแวกนี้รักและเอ็นดูทอฝันกันทุกคน ตั้งแต่เด็กเล็กยันคนแก่เลยก็ว่าได้ แต่ความรักความเอ็นดูที่ว่าก็ไม่ได้ดีเสมอไป เพราะพวกวัยรุ่นที่สุมหัวกันเมามายตั้งแต่หัวค่ำไม่ได้คิดกันแค่นั้น ทอฝันโตเป็นสาวเต็มตัว แถมยังสวยน่ารักบาดตาบาดใจ หากไม่มีใครคิดอกุศลกับเธอก็ถือว่าแปลกแล้ว
ทอฝันจัดการกวาดถูบ้านและทำกับข้าวง่ายๆ กิน พออิ่มท้องแล้วก็ไปอาบน้ำแปรงฟันเตรียมตัวเข้านอน หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมาอย่างคนอยู่ไม่สุข สุดท้ายก็ตัดสินใจคลานออกจากมุ้งมานั่งดูโทรทัศน์ฆ่าเวลา ร่างบางเอนหลังพิงผนังห้องเกือบเคลิ้มหลับไป แต่เสียงเคาะประตูตึงตังทำให้เธอสะดุ้งตื่นเต็มสายตา รอยยิ้มน่ารักกว้างขึ้นบนใบหน้า รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปเปิดประตูโดยไม่สนใจจะตะโกนถามเสียก่อนว่าใครคือผู้มาเยือนยามวิกาล
“แม่!” หญิงสาวเรียกเสียงดัง รอยยิ้มบนใบหน้าเจื่อนลงถนัดตา เมื่อได้เห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่คาดหวัง แต่เป็นเดชกับโอม สองหนุ่มวัยคะนองที่มักจะเอ่ยแซวและพูดจาจาบจ้วงกับเธอเป็นประจำ เคยร้ายกาจถึงขั้นขู่ว่าจะฉุดไปทำมิดีมิร้ายเลยด้วยซ้ำ
สองหนุ่มที่มีอาการมึนเมาเต็มที่จ้องมองสาวสวยในชุดนอนลายจุดสีขาวปนชมพูอย่างมีความหมาย ทอฝันรีบดึงประตูปิด แต่ช้ากว่าคนเมาที่แทรกตัวเข้ามาภายในบ้านด้วยความรวดเร็ว เดชก้าวสามขุมเข้ามาหญิงสาว ส่วนโอมจัดการลงกลอนประตูให้หนาแน่น เพราะจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางแผนปล้นสวาทสาวพรหมจรรย์อย่างเด็ดขาด
“พี่เดช พี่โอม...ออกไปเถอะนะจ๊ะ นี่มันดึกมากแล้ว...มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรที่สุด ซึ่งมันก็ฟังดูหวาดกลัวและสั่นเครืออย่างที่สุดด้วยเช่นกัน เท้าเรียวเล็กถอยหลังห่างออกไปเรื่อยๆ สายตามองหาวัตถุอะไรก็ได้ที่มีน้ำหนักพอที่จะช่วยหยุดความบ้าระห่ำของคนตรงหน้า แต่มันกลับว่างเปล่าเสียจนใจหาย
“แหม น้องฝันคนสวย ทำไมวันนี้ถึงยอมพูดกับพวกพี่ได้ละ ทุกวันจะเย้าจะแซวแค่ไหนก็เดินหนีตลอดเลยนี่” น้ำเสียงของเดชยังคงฟังชัดเจนอยู่ ท่าทางมั่นคงเหมือนไม่ได้ดื่มเหล้ามาเยอะมากนัก ต่างจากโอมที่เซจนแทบจะล้มไปกองอยู่บนพื้นแล้ว แต่ก็ยังประคองตัวเองให้ยืนพิงประตูอยู่ตรงนั้น ไม่ได้แสดงออกว่าต้องการคุกคามเธอเหมือนอย่างที่เดชทำ
“พาพี่โอมกลับบ้านเถอะ พี่เดช นี่มันดึกมากแล้ว ฝันง่วงจนแทบลืมตาไม่ขึ้นแล้วนะพี่” ทอฝันทำเป็นงัวเงีย
“พี่ไม่ได้โง่นะฝัน” เดชปราดเข้ามากระชากต้นแขนกลมกลึง แล้วดึงให้เข้ามาปะทะแผ่นอกเสียเต็มแรง “โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนักหรอก ฝันคิดหรือว่าจะไล่พี่กลับไปได้ง่ายๆ...คืนนี้ฝันต้องเป็นของพี่!” ชายโฉดไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา พยายามจะบดจูบและซุกไซ้เข้าที่ใบหน้าและซอกคอขาวผ่องอย่างบ้าคลั่ง
“กรี๊ด!...ปล่อยนะ!” ทอฝันกรีดร้องเสียงดังลั่นพร้อมกับบ่ายหน้าหนี เดชกลัวจะมีคนได้ยินเข้าจึงปล่อยหมัดหนักๆ พุ่งเข้าใส่ที่หน้าท้องหญิงสาวถึงสองครั้ง เจ้าของร่างบางเจ็บจุกจนยืนไม่อยู่ ล้มลงไปนอนงอตัวอยู่บนพื้น ไม่มีแรงที่จะเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออีกต่อไป เดชเองก็ไม่ยอมรอช้าให้เสียเวลาเช่นกัน เขาปลดเข็มขัดออกจากกางเกงยีนตัวเก่ง ทรุดตัวลงคร่อมทับเธอ แล้วฉีกเสื้อนอนขาดวิ่นจนมองเห็นบราเซียตัวจิ๋วห่อหุ้มทรวงสล้างขาวอวบเอาไว้
“ไม่!...ถอยไปนะ...ถอยไป!” ทอฝันร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต พยายามถดถอยออกห่างเมื่อมือหยาบกระด้างแตะต้องลงบนผิวเนื้อ เดชมั่นหมายว่าจะถอดกางเกงนอนออกให้พ้นทาง จะได้ย่ำยีสาวงามให้สาแก่ใจ แต่ดวงชะตาคงยังไม่ถึงจุดพลิกผันให้ตกต่ำ เพราะจู่ๆ ประตูบ้านที่เก่าจนใกล้พังก็ถูกเปิดออกอย่างแรงด้วยฝีมือของใครคนหนึ่ง ทำเอาร่างที่ยืนซวนเซของโอมถึงกับล้มกลิ้งไปอีกทาง
เดชหันไปมองมารความสุขด้วยความฉุนเฉียว ตั้งท่าจะพุ่งเข้าใส่เพราะมั่นใจว่าไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่ดูเป็นผู้ดีคงสู้หัวโจกผู้เชี่ยวชาญด้านการชกต่อยอย่างตัวเองไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันได้เงื้อหมัดก็ต้องถอยกรูด เพราะปราชญ์ไมได้มาตัวเปล่า แต่มีปืนพกติดตัวมาด้วย
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าแกไม่อยากโดนยิงหัวกระจุย!” ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังลั่น จังหวะนั้นเองที่ชาวบ้านเริ่มกรูกันมาดูเหตุการณ์ อรชรที่ตามมาด้วยรีบวิ่งเข้าไปประคองทอฝันให้ลุกขึ้นจากพื้น พาเธอหายเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะตอนนี้เสื้อที่สวมใส่อยู่นั้นหลุดลุ่ยไปหมดแล้ว
“มึงนี่มันเลวจริงๆ นะ ไอ้เดช! ฝันมันเป็นน้องเป็นนุ่งยังกล้าคิดอกุศลกับมันอีก มึงทำลงได้อย่างไรวะ”
“ชิงหมาเกิดแท้ๆ เลยเชียว หัวใจมึงทำด้วยอะไร ไอ้โอมนี่ก็เมากลิ้งเหมือนหมาไม่มีผิด คราวนี้ได้ติดคุกหัวโตแน่”
“กูอยากกระทืบพวกมึงสองคนจริงๆ ว่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าท้องอยู่ รับรองกูจัดเต็มแน่!”
เสียงด่าทอของชาวบ้านดังขึ้นไม่ขาดสาย จนกระทั่งตำรวจมารวบตัวเดชกับโอมไปแล้วนั่นแหละ ทุกคนถึงได้หันมาสนใจทอฝันอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าปราชญ์มาช่วยหญิงสาวเอาไว้ได้ทันเวลา พวกชาวบ้านจึงยอมแยกย้ายกันกลับไปนอนด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยเด็กผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งก็ไม่ต้องมาแปดเปื้อนด้วยน้ำมือพวกคนเลว
ปราชญ์รีบเข้าไปดูอาการทอฝันทันที เท่าที่มองด้วยตาเปล่าก็พบว่าภายนอกไม่มีอะไรบอบช้ำ แต่เธอกำลังตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของอรชร ช่างน่าสงสารจับใจเสียเหลือเกิน เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวแต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับความป่าเถื่อนของมนุษย์ในสังคมเดียวกัน นี่ถ้าหญิงสาวไม่ทำกระเป๋าสตางค์หล่นเอาไว้ในห้องรับแขก จนใจเขาร่ำร้องอยากจะเอามาคืนให้ถึงมือ คงไม่บังเอิญเห็นพวกสวะสองคนนั่นบุกเข้าไปในบ้านของทอฝันหรอก ทันทีที่เห็นว่าพวกนั้นไม่ได้มีเจตนาดี ชายหนุ่มก็รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แล้วนำปืนที่บิดาเคยสั่งให้เก็บไว้ในรถออกมาช่วยเธอ
“ไม่ต้องกลัวนะฝัน น้าอยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายฝันได้แล้วนะลูก” อรชรน้ำตาคลอด้วยความสงสาร
“ที่นี่อันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว ผมว่าคุณน้าน่าจะพาฝันไปอยู่ด้วยที่บ้านนะครับ” ปราชญ์แนะนำ
“น้าก็อยากทำแบบนั้นนะคะ แต่ญาติที่อยู่ต่างจังหวัดเพิ่งโทรศัพท์มาบอกว่าลุงของน้าเสีย น้าต้องรีบไปจัดการเรื่องงานศพคืนนี้เลย อีกชั่วโมงเดียวรถก็จะออกแล้วด้วย” สาวโสดดูกลัดกลุ้มไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นผมจะพาฝันไปอยู่ที่บ้านของผมเองครับ” ชายหนุ่มเสนอโดยไม่ต้องคิดนาน
“แต่ว่า...”
“ผมไว้ใจได้ครับ ทันทีที่พาฝันไปถึงบ้านแล้ว ผมจะให้นวลช่วยโทรยืนยันว่าผมไม่ได้พาเธอไปนอกลู่นอกทาง เดี๋ยวรบกวนขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณน้าไว้ด้วยนะครับ” เขารวบรัดตัดตอนด้วยการหยิบโทรศัพท์ออกมารอบันทึกเบอร์ อรชรลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในตัวปราชญ์
ขณะที่ทั้งสองคนแลกเบอร์โทรศัพท์กัน ทอฝันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนกระทั่งหมดสติไป ตอนแรกอรชรตกใจแทบแย่ กลัวว่าหลานสาวจะเป็นอันตราย แต่พอปราชญ์ยืนยันว่าหญิงสาวก็แค่เพลียและตกใจมาก ร่างกายก็เลยอ่อนล้าจนหมดสติ อรชรถึงได้ยอมวางใจและปล่อยให้ชายหนุ่มช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่รถ
“ฝากด้วยนะคะคุณ”
“เรียกผมว่าปราชญ์ก็ได้ครับ” เขาหันมาตอบ หลังจากจัดการให้ทอฝันเอนตัวหลับสบายอยู่บนเบาะข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว “ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงบ้านแล้วผมจะให้นวลโทรหาคุณน้าทันที ถ้าทอฝันตื่นขึ้นมาแล้วยังกลัวหรือเจ็บตรงไหน ผมจะให้หมอมาดูอาการเองครับ”
“ขอบคุณนะคะ นี่ถ้าฝันไม่ได้คุณช่วยไว้คงแย่ไปแล้ว” นึกแล้วก็อดใจหายไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจช่วยอยู่แล้ว” ชายหนุ่มยิ้มมีเสน่ห์
“ขับรถดีๆ นะคะ ถึงบ้านจะอยู่ไม่ไกล แต่มันก็ดึกมากแล้ว ถนนหนทางแถวนี้ทั้งเปลี่ยวทั้งมืดเสียด้วย”
“ผมจะระวังครับ คุณน้าเองก็เดินทางปลอดภัยนะครับ ผมเสียใจด้วยเรื่องคุณลุงของคุณน้า”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณปราชญ์ ถ้าฝันตื่นมาแล้วฝากบอกด้วยนะคะว่าน้าเป็นห่วงมาก”
“เดี๋ยวผมจะบอกให้ครับ” หลังจากบอกลากันเรียบร้อย ปราชญ์ก็เดินอ้อมไปขึ้นรถทางด้านคนขับ จัดการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเคลื่อนตัวฝ่าความมืดออกไปอย่างช้าๆ เขาหันมามองดวงหน้าขาวซีดของคนที่หลับสนิทเป็นระยะ ยิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ยิ่งไม่อยากให้เธอคลาดสายตาเลยจริงๆ
ทอฝันจะรู้ไหมนะว่าเธอมีอิทธิพลต่อหัวใจเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ปราชญ์เองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าจะพะวงถึงเธอได้ตลอดเวลาเหมือนวันนี้ ความจริงเขาจะเก็บกระเป๋าสตางค์ของเธอไว้คืนวันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่หัวใจมันกระสับกระส่ายอยากเห็นหน้าให้นอนหลับฝันดี ลงทุนขับรถตามหาที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชนของเธอ จนกระทั่งมาถึงจุดหมาย แล้วก็โกรธแทบยั้งสติไม่อยู่ที่เห็นคนสารเลวคิดทำร้ายเธอ นี่ทอฝันคงทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปแล้วสินะ
ปราชญ์ขับรถเข้ามาจอดภายในบ้านราชรัชตะ นายถมเห็นทอฝันที่กำลังนอนหลับสนิทติดรถมาด้วยก็อดประหลาดใจไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ซักถามอะไร ชายหนุ่มก็เดินอ้อมไปอุ้มหญิงสาวออกมาจากรถ แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนคนใช้เสียก่อน ใจจริงเขาอยากพาเธอไปนอนพักที่ห้องรับรองชั้นบน แต่ก็เบื่อที่จะต้องตอบคำถามของมารดา เพราะอีกไม่นานท่านก็คงรู้ว่าทอฝันคือสาวใช้คนใหม่ที่เขาเป็นคนรับเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง มันคงไม่ถูกต้องนักหากจะให้อภิสิทธิ์แก่เธอมากกว่าสาวใช้คนอื่น
“เคาะประตูห้องนวลให้ฉันหน่อยถม” ชายหนุ่มหันมาสั่ง เพราะมือของเขาไม่ว่างที่จะทำด้วยตัวเอง
“ได้ครับคุณปราชญ์” ถมรับคำแล้วรีบยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเสียงดังรัวเร็ว นวลที่นอนหลับไปได้พักหนึ่งแล้ว รีบเดินมาเปิดประตูด้วยท่าทีหงุดหงิด แต่พอเห็นทอฝันหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของปราชญ์ นวลก็เดาได้ในทันทีว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไม...”
“หลีกไปก่อนนวล อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย” เจ้านายน้อยตัดบท ก่อนจะพาคนที่หมดสติแทรกตัวเข้ามาภายในห้อง จัดการวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างจนถึงระดับอก นวลกับถมเดินตามเข้ามายืนตรงปลายเตียงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับทอฝันกันแน่
“ทำไมหน้าตาฝันถึงดูซีดเซียวแบบนั้นละคะ คุณปราชญ์” นวลถามอีกครั้ง
“ฝันถูกทำร้ายน่ะ ไอ้พวกสารเลวที่อยู่ในซอยเดียวกันมันเห็นฝันอยู่คนเดียวก็เลยคิดชั่ว โชคดีที่ฉันเอากระเป๋าสตางค์ไปคืนเลยช่วยเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี คืนนี้นวลไปนอนห้องบังอรก่อนแล้วกันนะ พอเช้าแล้วค่อยเปิดห้องใหม่ให้ฝันอยู่ ฝันจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าน้าอ้อยจะกลับมาจากต่างจังหวัด แล้วที่สำคัญรีบโทรศัพท์ไปบอกน้าของฝันด้วยละว่าฝันมาถึงแล้ว” ปราชญ์ยื่นโทรศัพท์ส่งให้ นวลรีบรับมาแล้วออกไปต่อสายถึงอรชรทันที เมื่อฝ่ายนั้นวางใจหายห่วง นวลก็เดินกลับเข้ามาในห้องเพื่อยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้เจ้านาย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวนวลดูแลฝันต่อเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“อืม อย่างนั้นฉันขึ้นไปดูคุณแม่ก่อนนะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะหลับไปแล้วหรือยัง นี่ถ้าฝันตื่นขึ้นมาแล้วเจ็บปวดตรงไหนให้ไปบอกฉันได้ทันทีเลย ไม่ต้องเกรงใจละ” ชายหนุ่มย้ำกับนวลแล้วทอดสายตามองทอฝันอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง ไม่นานก็เดินออกไปเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน
ถมอยู่คุยเป็นเพื่อนนวลครู่เดียวก็แยกย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเอง ส่วนนวลไม่ได้ไปนอนที่ห้องของบังอรตามที่ปราชญ์บอก เธอน้ำผ้าเย็นมาซับตามใบหน้าและลำคอให้ทอฝัน เผื่อว่าจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น จากนั้นก็ปูเสื่อนั่งเฝ้าไข้คนเจ็บอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเผลอหลับไป
