บทที่ 5
“แต่พี่เต็มใจดูแล” คำตอบของเอกรัฐยิ่งทำให้วริษาซึ้งใจเข้าไปใหญ่ แต่เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะมาทำซึ้ง เพราะกลิ่นอาเจียนยังคงตลบอบอวลอยู่ในจมูก
“พะ...พี่หนึ่งจะทำอะไรคะ” วริษาเอ่ยถามหน้าตื่น เมื่อเห็นเอกรัฐทำท่าถอดเสื้อบนตัวออก
“พี่แค่จะถอดเสื้อออกครับ มันเลอะแล้วกลิ่นก็ไม่พึงประสงค์มากด้วย” เมื่อพูดจบเอกรัฐก็จัดการถอดเสื้อออกทันที เพราะเขาทนกลิ่นเหม็นๆ ของตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้วนั่นเอง
วริษาถึงกับจ้องมองร่างกึ่งเปลือยที่สมบูรณ์แบบของชายหนุ่มอย่างลืมตัว จ้องชนิดไม่มองไปที่อื่นด้วยซ้ำ หากเป็นวริษาในสถานการณ์ปกติ ที่ไม่ได้เมาเช่นในตอนนี้เธอคงอายจนใบหน้านั้นแดงก่ำและหลบเลี่ยงไปอยู่ที่อื่น แต่ตอนนี้กลับกันเพราะเธอเมา ความเมาทำให้มีความกล้ามากขึ้น เธอจึงเอาแต่จ้องมองเอกรัฐอยู่นานสองนาน
“ซิกแพคพี่หนึ่งสวยดีนะคะ ผู้ชายที่มีไรขนตรงหน้าท้อง ดูเซ็กซี่จัง” คำชมจากเธอกลับทำให้เอกรัฐเขินเสียเอง แม้จะรู้ว่าคำชมจากวริษาอาจเกิดขึ้นเพราะเธอกำลังเมาอยู่ก็ตามที แต่นั่นก็ทำให้ชายหนุ่มภูมิใจไม่น้อย
เพราะวริษาปกติที่ไม่ได้เมาจะไม่ค่อยกล้าพูดเรื่องทำนองนี้สักเท่าไหร่ เขารู้ว่าเธอเป็นคนมีอารมณ์ขัน อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แต่ก็จะติดความนิ่งๆ เข้าถึงยากในบางเรื่อง ซึ่งนั่นคือความท้าทายสำหรับเขาที่จะได้รู้จักเธอ ท้าทายยิ่งขึ้นไปอีกหากเขาสามารถเปลี่ยนแปลงผู้หญิงแบบวริษาให้เป็นแบบที่ต้องการได้
“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขอบคุณ แต่แทนที่จะเดินลุกขึ้นแล้วเดินไปยังรถเพื่อเอาเสื้อสำรองมาสวม เอกรัฐกลับนั่งนิ่งราวกับกำลังใช้ความคิด พร้อมจับจ้องมาที่วริษา
ในขณะที่วริษายังไม่รู้ตัว เธอส่งยิ้มหวานเยิ้มให้เอกรัฐ ก่อนจะหลับตาเพราะรู้สึกมึนหัวมากนั่นเอง ในขณะที่เอกรัฐก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เธอพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปหา ซึ่งมันใกล้มากพอจนสัมผัสลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกันได้
แต่ก่อนที่เอกรัฐจะได้ทำอะไรอย่างที่ใจคิด แก้วกาญก็เข้ามาพอดี ที่เธอมาเร็วแบบนี้เพราะระยะทางจากบ้านของเธอมาบ้านของวริษาไม่ได้ไกลกันมากนั่นเอง
การมาของแก้วกาญนั้นเร็วพอที่จะได้เห็นว่าเอกรัฐกำลังจะทำอะไร ยิ่งเห็นชายหนุ่มเปลือยท่อนบนอยู่แบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกห่วงเพื่อน จึงรีบเข้าไปหาวริษาทันที
“เม็ดฝนเมาแล้วอ้วกนะครับ พี่เลยอยู่ในสภาพนี้” เอกรัฐออกตัวด้วยการรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ซึ่งจากหลักฐานที่ยังคงหลงเหลือและแก้วกาญก็ไม่ได้แย้งอะไร
“ฉันเมานะแก พลอยทำให้พี่หนึ่งลำบากเลย” คนเมาพูดออกมา เพราะทันทีที่ได้ยินเอกรัฐคุยกับใครเธอก็ลืมตามอง จึงเห็นว่าเป็นแก้วกาญ
“งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้พี่ค่อยโทรหาเม็ดฝนอีกที”
“ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะพี่หนึ่งที่ดูแลเม็ดฝนเป็นอย่างดี” แก้วกาญเอ่ยบอก แต่ภาพเมื่อครู่ที่ดูเหมือนเอกรัฐจะรังแกเพื่อนตอนเมา ก็ทำให้แก้วกาญมองตาขวางใส่เขาไปนิดหน่อย
“ไม่เป็นไรครับ” เอ่ยเสร็จเอกรัฐก็กลับออกไปจากบ้านของวริษา แก้วกาญถอนหายใจเฮือกๆ กับสภาพในเวลานี้ของเพื่อน
วริษานั้นดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ได้บ้าง แต่ไม่ถึงกับปล่อยตัวให้เมามากแบบนี้มาก่อน วันนี้มันอาจพ่วงมาจากหลายๆ เรื่องที่คอยกวนใจไม่เลิกราก็เป็นได้ แม้ปากจะบอกโอเคแต่ลึกๆ มันคงเกินจะรับไหว เห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร
วริษาตื่นมาในตอนสายของอีกวัน พอตื่นก็ถึงกับสะดุ้งกับสภาพของตัวเอง นั่นเพราะเสื้อผ้าบนตัวไม่ใช่ชุดที่เธอใส่เมื่อวาน
หรือว่าเธอกับเอกรัฐจะ....
“ไม่ต้องทำหน้าตื่นแบบนั้น ฉันเป็นคนเปลี่ยนชุดให้แกเอง”เสียงของแก้วกาญที่ดังขึ้นตรงปลายเตียงห้องนอน ทำให้ วริษาสะดุ้ง
ก่อนจะยิ้มหน้าเจื่อนๆ แนวผิดหวังหน่อยๆ ที่อะไรๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่ทางกลับกันหากสิ่งที่คิดเกิดขึ้นจริง เธอจะรับมือมันยังไงก็คิดไม่ออกเช่นเดียวกัน
“ว้า! นึกว่าพี่หนึ่ง” น้ำเสียงของวริษาออกแนวเสียดาย แต่แก้วกาญก็รู้ทัน
“เหรอ”
“แล้วนี่แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” วริษาที่ยังคงจำอะไรไม่ได้พยายามยันตัวลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ก่อนจะรู้สึกปวดหัวตุบๆ จากนั้นอาการบ้านหมุนติ้วก็เข้ามาเล่นงานเธออีกหนึ่ง
“เมื่อคืน”
“เมื่อคืนเลยเหรอ” คนทวนคำถามนิ่วหน้าเล็กๆ เพราะไม่ค่อยชอบอาการพวกนี้ของตัวเองสักเท่าไหร่
“อืม...นี่เมาหนักจนจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง”
“ก็นิดหน่อย”
“ท่าทางไม่นิดแล้วมั้ง เมาจนอ้วกขนาดนั้น เมื่อคืนพี่หนึ่งคงดูแลแกไม่ไหวถึงโทรไปให้ฉันรีบมาช่วยดูแกหน่อย”
“หมดกันฉัน” วริษารู้สึกผิด ที่ปล่อยให้ตัวเองดื่มจนเมามาย แถมยังต้องไปเป็นภาระคนอื่นอีก
“ใช่...หมดสภาพมากเลยด้วย ภาพลักษณ์อันดีงามที่แกสะสมมาพังทลายก็ตอนเมานี่แหละ” พอหวนไปนึกถึงสภาพของวริษาเมื่อคืนแล้วแก้วกาญก็ต้องส่ายหน้าให้ อย่างว่าคนเมาจะไปถือสาอะไร ยังดีหน่อยที่พอมีสติจึงพาขึ้นห้องได้ง่าย ไม่งั้นคงได้นอนบนโซฟาในห้องรับแขกจนถึงเช้า
“ก็คนมันเมาอะเนอะ”
“ไม่ต้องมาเนอะหาพวกเลย รู้ไหมว่าเมื่อคืนถ้าฉันมาไม่ทันแกกับพี่หนึ่งอาจมีซัมติงกันไปแล้วก็ได้ เพราะตอนที่ฉันมาถึงเหมือนพี่หนึ่งเขากำลังจะจูบแกหรือว่าจูบไปแล้วก็ไม่รู้”
“ยัง” วริษารีบบอกทันที
“เอาอะไรมามั่นใจ ตอนนั้นแกเมาอยู่”
“ก็เมาแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้สติขนาดนั้น” วริษายอมรับว่าเธอนั้นเมาแต่ไม่ถึงกับไม่มีสติจนเผลอทำอะไรที่ไม่ควรลงไป
แต่หากเมื่อคืนเอกรัฐจูบเธอขึ้นมาจริงๆ เธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธดีเหมือนกัน มันก้ำกึ่งบอกไม่ถูก ดีแล้วที่แก้วกาญเข้ามาได้ทันจังหวะนั้นพอดี
“หรือแกเมาเพื่อจะอ่อยพี่หนึ่ง”
“อ่อยที่ไหนกันเล่า เมาของจริงนี่แหละ” วริษาปฏิเสธทันที เพราะมั่นใจว่าเธอไม่ได้อ่อยเอกรัฐเสียหน่อย เหตุการณ์มันก็แค่พาไปเท่านั้นเอง
“แล้วถ้าพี่หนึ่งเขาจูบแกขึ้นมาจริงๆ แกทำไง”
“ไม่รู้...โอ้ย! ปวดหัวจัง”
“คงแฮงค์นะ รีบไปอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าว ฉันทำไว้รอแล้ว”
“ขอบใจนะแก้ว”
“เรื่องเล็ก” แก้วกาญยังคิ้วให้วริษาก่อนจะลงไปรอเธอที่โต๊ะอาหาร ในขณะที่คนพึ่งสร่างเมาก็พยายามตั้งสติแล้วลุกไปอาบน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัว จากนั้นก็ลงไปสมทบกับแก้วกาญ
ระหว่างนั่งกินข้าวต้มฝีมือของแก้วกาญ วริษาที่กินไปเพียงสองสามคำก็เริ่มเขี่ยไปเขี่ยมา สีหน้าคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ และถ้าให้แก้วกาญเดาอาจเป็นเรื่องคลิป
“ให้ฉันบอกเขตต์ให้ลบคลิปสัมภาษณ์ของแกออกดีไหม”
“ไม่ต้องลบหรอก ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ ฉันโอเคขึ้นแล้วจริงๆ”
“แน่ใจนะว่าแกโอเค ไม่ใช่แอบไปเมาแอ๋มาอีก”
