บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ความจริงแล้วเขากับวริษารู้จักกันมาหลายปี เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน พอเรียนจบเขาก็ทุ่มเทเวลาให้กับธุรกิจที่บ้าน ในขณะที่วริษาเองก็ค่อยๆ เติบโตบนเส้นทางของนักแสดง ทำให้ต่างฝ่ายต่างหายไปจากชีวิตของกันและกัน

ระหว่างนั้นเขามีคบหาผู้หญิงบ้าง แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร กระทั่งโลกได้หมุนวนจนเขากับเธอได้โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง และเป็นจังหวะที่เขาโสดจึงตัดสินใจที่จะลองศึกษาใจเธอดู แม้จะไม่ได้บอกกันตรงๆ แต่เขาก็มั่นใจว่าวริษารู้ว่าเขากำลังจีบเธออยู่ ซึ่งถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนมากเกินไป วริษาก็กำลังมีใจให้เขาอยู่มากทีเดียว

“ขอบคุณค่ะ”

“เย็นนี้เราไปดินเนอร์กันนะครับ”

“ค่ะ” วริษาพยักหน้ารับ เพราะตอนนี้เธอนั้นสามารถไปไหนมาไหนได้แล้ว ไม่ต้องคอยเก็บตัวอย่างแต่ก่อน แถมยังไม่ค่อยมีใครเข้ามาทักอย่างที่กลัวเสียด้วย

การก้าวขาออกไปจากเซฟโซนว่ายากแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแย่กว่าเพราะมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่กลัว ทั้งๆ ที่เธอน่าจะดีใจกับอิสรภาพที่เฝ้ารอ แต่ทว่ากลับรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ถึงอย่างนั้นเธอก็คงต้องเดินหน้าต่อ เพราะนี่คือชีวิตของเธอ

คิดแล้วก็แอบถอนหายใจออกมา เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่เธอทุ่มเทมาตลอดสิบปีในวงการบันเทิงมันคือสิ่งที่ถูกต้องไหม แต่เมื่อกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว จึงต้องปรับตัวเอง

เอกรัฐนั่งรอที่ห้องรับแขก ในขณะที่วริษานั้นขอตัวขึ้นไปแต่งตัวเพื่อจะออกไปดินเนอร์กับชายหนุ่ม ปกติวริษาอยู่ที่บ้านตามลำพัง แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดทุกๆ สองวัน ส่วนแก้วกาญนั้นอยู่กับครอบครัว

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง อดีตนางเอกสาวคนสวยที่แต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินลงบันไดมาท่ามกลางสายตาชื่นชมของเอกรัฐ เขายอมรับว่ามักจะตกหลุมรักวริษาอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นในตอนนี้

“เม็ดฝนดูแปลกหรือคะ” เพราะเห็นว่าเอกรัฐเอาแต่นั่งมองนิ่งๆ ทำให้วริษาเอ่ยถามขึ้นอย่างมา แล้วก้มมองตัวเองอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

“เปล่าครับ สวยต่างหาก ยิ่งเม็ดฝนอยู่ในชุดที่พี่เลือกให้ก็ยิ่งเหมาะ” เอกรัฐเอ่ยอย่างภูมิใจ ในขณะที่วริษาเองก็จงใจหยิบชุดนี้มาสวมเพื่อเอาใจชายหนุ่มเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณค่ะ” วริษาเอ่ยขอบคุณด้วยหัวใจที่พองโต นั่นเพราะเธอเองก็มีใจให้เอกรัฐอยู่มาก แอบปลื้มเขามาตั้งแต่เรียนก็ว่าได้ ไม่คิดจริงๆ ว่าวันหนึ่งความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะสนิทกันได้อย่างในตอนนี้

ทั้งคู่ออกเดินทางไปยังร้านอาหาร ซึ่งวันนี้เอกรัฐมีเซอร์ไพรส์เพราะพาวริษาไปยังตึกสูงที่วิวบนนั้นสามารถมองเห็นกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนได้แบบสามร้อยหกสิบองศา โดยเขาให้เลขาส่วนตัวจองโต๊ะที่ดีที่สุดไว้แล้วนั่นเอง และสถานที่ก็สร้างความประทับใจให้วริษามากทีเดียว

เอกรัฐรู้สึกดีที่เธอชอบที่นี่ เมื่อมาถึงโต๊ะที่ตกแต่งไว้อย่างโรแมนติก ชายหนุ่มก็เทคแคร์เธอเป็นอย่างดีอย่างที่เคยทำ คอยถามไถ่ว่าวริษานั้นอยากได้อะไรเพิ่มบ้างไหม ความจริงใจและความเอาใจใส่ที่เอกรัฐถ่ายทอดมาให้นั้น วริษาเองก็รับไว้อย่างเต็มใจ

เพราะยิ่งได้รู้จักเอกรัฐก็ยิ่งเป็นผู้ชายในสเปค แม้บ้างเรื่องอาจหยุมหยิมมากไปหน่อยก็ตามจนก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของวริษาไปบ้าง แต่เธอก็ยังรับได้

“ถ้าจำไม่ผิด วันนี้เมื่อปีก่อนคือวันที่เราออกเดทกันครั้งแรก”

“ค่ะ” วริษาเอ่ยรับอย่างประหลาดใจ นั่นเพราะไม่คิดว่าเอกรัฐเองจะจำได้

“ขอบคุณสำหรับเวลาหนึ่งปีที่แสนพิเศษนะครับ” คำพูดของเอกรัฐเกือบทำให้วริษาลอยได้ เธอส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขกลับไปให้ชายหนุ่ม

การดินเนอร์ฉลองครอบรอบการออกเดทครบหนึ่งปีค่อยๆ ดำเนินไปอย่างโรแมนติก แต่เพราะวริษามีเรื่องกลุ้มใจ ทำให้เธอเผลอตัวดื่มไวน์ไปหลายแก้วจนออกอาการมึน นั่นทำให้เอกรัฐรีบเช็คบิลเพื่อจะได้พาเธอกลับบ้าน ก่อนที่วริษาจะแสดงอาการเมาไปมากกว่านี้

“เม็ดฝน เม็ดฝนครับ”

“ค่ะ” วริษาเอ่ยรับด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าเมามากพอสมควร

“ถึงบ้านแล้วครับ เดินไหวหรือเปล่า”

“ไหวค่ะไหว” เธอโบกไม้โบกมือบอกว่าไหว ก่อนจะพยายามเปิดประตูรถเพื่อจะก้าวลงไป แต่เอกรัฐกลับมองว่าหากปล่อยเธอไว้แบบนี้คงไม่ได้การ ชายหนุ่มรีบลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่วริษานั่งอยู่ จากนั้นจึงค่อยๆ พยุงเธอเข้าบ้าน

และเมื่อถึงห้องรับแขก ชายหนุ่มก็พาเธอไปนั่งพักตรงโซฟา ยังไม่ทันที่เขาจะได้ขยับลุกไปไหน วริษาก็อาเจียนออกมา ส่วนหนึ่งกระเด็นไปถูกตัวของเอกรัฐจนเลอะเทอะไปตามๆ กัน

เอกรัฐชักสีหน้าเพราะไม่พอใจ เพราะไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่ก็ยังคงเก็บอารมณ์ไว้ได้ดี

“ขอโทษค่ะพี่หนึ่ง เม็ดฝนพยายามห้ามแล้ว แต่มันไม่ได้จริงๆ” คนเมาเอ่ยขอโทษขอโพย เพราะเธอนั้นพยายามกลั้นไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้

“ไม่เป็นไรครับ รอตรงนี้เดี๋ยวพี่มา” เอ่ยจบเอกรัฐก็รีบเข้าไปล้างคราบอาเจียนของวริษาออกจากตัว พร้อมกับยืนบ่นที่หน้ากระจก

“ขยะแขยงชะมัด” ชายหนุ่มเป่าลมออกปากหนักๆ พร้อมเช็ดเนื้อเช็ดตัวเพื่อขจัดคราบไปด้วย แต่พอดมกลิ่นตัวเองก็ทำท่าอาเจียนออกมา เขาคนเดียวคงดูแลวริษาไม่ได้แน่ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปตามแก้วกาญให้มาช่วยอีกแรง

เมื่อวางสายจากแก้วกาญแล้ว เอกรัฐก็ยืนคุมอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสวมบทสุภาพบุรุษด้วยการเดินกลับไปหาวริษาแล้วจัดการเช็ดคราบอาเจียนในห้องรับแขกให้เธอด้วยความขยะแขยงเต็มกำลังแต่ก็ต้องทำ ในขณะที่เจ้าบ้านนั่งสะลึมสะลืออยู่ แต่ก็พอมีสติว่าตอนนี้เอกรัฐกำลังทำอะไร

“ทำไมถึงเหมือนเทพบุตรขนาดนี้นะ” วริษาเพ้อออกมาเบาๆ ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังเอกรัฐ ยิ่งเห็นว่าเขาทำอะไรเธอก็ยิ่งปลาบปลื้มชายหนุ่มขึ้นไปอีก

ในขณะที่เอกรัฐก็พยายามทำในสิ่งที่มันขัดกับความรู้สึกกระทั่งเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเอ่ยถามวริษาขึ้นอย่างเป็นห่วง

“โอเคขึ้นหรือยังครับ”

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ เม็ดฝนไม่น่าดื่มไวน์นั่นจนเมา แถมยังมาเป็นภาระให้พี่หนึ่งต้องลำบากดูแลแบบนี้เลย ขอโทษนะคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel