เผด็จหัวใจยัยซุปตาร์(ตกค้าง)

66.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
40
บท
564
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอคือ...ซุป'ตาร์สาวดาวค้างฟ้า ที่อาจจะค้างนานไปนิดจนทำให้แฟนคลับค่อยๆ หดหาย ส่วนเขาคือ...ดาวดวงใหม่ ที่ถูกสะกัดดาวรุ่งตั้งแต่ยังไม่เริ่มดัง ---------------------- วริษาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเปิดรูปถ่ายของชายหนุ่มขณะที่เขาทำงานอยู่ที่ร้านสุภาพบุรุษมีหอยออกมาให้เจ้าตัวดู พร้อมเอ่ยถามขึ้น “คือนายใช่ไหม” มาวินแกล้งทำเป็นตกใจกับคำถามนั้นของวริษา ทั้งๆ ที่เขาเองก็รู้ว่าลูกค้าสาวคนที่มักจะสั่งอาหารแต่ไม่เคยกินเลยก็คือเธอเช่นเดียวกัน แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้เสมอไป ไม่ใช่หรือ เก็บเป็นความลับไว้บ้างก็น่าจะดี เพราะมันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร “ว่าไง ผู้ชายในรูปคือนายหรือเปล่า” เมื่อเห็นว่ามาวินไม่ตอบวริษาก็จี้เอาคำตอบอีกครั้ง ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ “ใช่” “ไปทำงานแบบนี้ ไม่อายบ้างหรือไง” “ไม่ครับ อีกอย่างผมก็ใส่หน้ากากปิดหน้าขนาดนี้ คงไม่มีใครจำได้หรอก” “แต่พี่จำได้” วริษาหลุดปากพูดออกไป นั่นทำให้มาวินยิ้มออกมา “แล้วทำไมพี่เรนนี่ถึงจำผมได้ล่ะครับ” มาวินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มในขณะที่แววตาก็ยังคงกรุ้มกริ่มจนใบหน้าของวริษาเห่อร้อน “กะ...ก็ดูจากรูปนี่ไง ไม่เห็นมีอะไรแปลก” แม้ปากจะเอ่ยตอบไปแบบนั้น แต่หัวใจของวริษากลับเต้นไม่เป็นจังหวะ จากที่จะต้อนเอาคำตอบจากมาวิน ไปๆ มาๆ กลับถูกชายหนุ่มต้อนเสียได้ “แต่ผมว่าถ้าคนเราไม่ให้ความสำคัญหรือใส่ใจกันก็คงไม่มีทางจำได้แน่” “แล้วแต่นายจะคิดเข้าข้างตัวเองเถอะ” “ครับ” เสียงทุ้มของมาวินเอ่ยรับ ขณะที่สายตายังคงทอดมองมาที่วริษา “งานอื่นมีตั้งเยอะทำไมถึงไม่ไปทำ” “ผมมองว่างานนี้สนุกดีนะครับ” “ขายหอยเนี่ยนะ” “ครับ” มาวินพยักหน้ารับ แม้เหตุผลข้อแรกๆ ที่ไปทำงานเพราะเขาเบื่อที่จะอยู่บ้านไปวันๆ คิดด้วยซ้ำว่าทำไม่นานก็คงออก แต่ไปๆ มาๆ งานกลับสนุกกว่าที่คิด “แล้วทำไมถึงต้องแต่งตัวล่อแหลมขนาดนี้” “ก็เพื่อดึงดูดลูกค้า สร้างเป็นจุดขายของร้าน” “บาป” “บาปอะไร” เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นบนใบหน้าของมาวิน “บาปที่นายกำลังใช้ซิกแพคกับหัวนมชมพูนั่นหลอกลวงบรรดาลูกค้าสาวให้หวั่นไหว จนมือไม้สั่นเปย์แบบไม่ลืมหูลืมตามากกว่ามั้ง แต่ละคนให้ทิปมากกว่าเงินค่าหอยอีก” “พูดเหมือนตาเห็น เอ้...หรือว่าพี่เรนนี่เคยไปที่ร้านมาแล้ว” มาวินแกล้งถาม และนั่นก็ทำให้วริษาเลิกลั่ก “ไม่เคย” วริษาปฏิเสธทันที แต่ยิ่งเธอตอบเร็วเท่าไหร่พิรุธก็ยิ่งมีมากเท่านั้น

นิยายรักโรแมนติกดารานางเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นรักแรกพบเลือดร้อนรักหวานๆ

บทที่ 1

ภาพเพดานห้องนอนที่ไม่คุ้นตา ผ้าม่านและโทนสีห้องบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สถานที่อันคุ้นเคย แล้วมันคือที่ไหนกัน ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหน หญิงสาวที่เวลานี้ยังคงนอนอยู่บนเตียงเอ่ยถามตัวเองขึ้นในใจ พร้อมกับคิดทบทวนเรื่องราว

ก่อนจะตกใจสุดขีดเมื่อสำรวจตัวเองแล้วพบว่าเวลานี้บนตัวเธอไม่หลงเหลือเสื้อผ้าไว้แม้แต่ชิ้นเดียว หญิงสาวหน้าซีดเผือด ความสับสนและความกลัวเข้าครอบงำจนน้ำตาเริ่มเอ่อ

เมื่อคืนเธอออกไปนั่งดื่มปรับทุกข์เรื่องงานกับเขา...ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของน้องสาวตัวเอง

เธอเมาและเขาก็คอยดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาทุกๆ ครั้ง

แต่...ทำไมครั้งนี้ เธอถึงตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงส่วนกลางลำตัว คล้ายกับได้สูญเสียบางอย่างไป หรือว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเธอในขณะที่เมาจนไม่ได้สติอย่างนั้นเหรอ

ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลง เมื่อเขาคนนั้นเปิดประตูเข้ามาในห้อง ภาษิตส่งยิ้มให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำไมเธอถึงไม่กล้ามองหน้าเขาแม้แต่น้อยนิด

“ตื่นแล้วหรือครับที่รัก”

“ที่รัก!” เธออุทานออกมาอย่างตกใจที่ได้ยินคำนี้

“ใช่...คุณไงที่รักของผม”

“คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกฉันแบบนั้น”

“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรดี เมียไหม” คำๆ นี้มันร้ายแรงกว่าทำว่าที่รักหลายเท่าตัวนัก มีหรือที่เธอจะยอมรับได้

“ไม่...เรื่องราวของคุณกับฉันมันก็แค่ความผิดพลาด”

“ผิดพลาดอย่างนั้นเหรอ” ขณะเอ่ยชายหนุ่มก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอ แววตาของเธอดูเจ้าเล่ห์แต่เป็นความเจ้าเล่ห์ที่ทำให้เธอใจสั่นได้เสมอ

สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะเธอเองก็มีใจให้ภาษิตคนรักของน้องสาว เธอพยามยามตัดใจจากชายหนุ่มแล้ว แต่ทว่ากลับทำไม่ได้ หนำซ้ำวันนี้เธอกับเขายัง....

หากน้องสาวรู้เรื่องนี้เข้า เธอคงเสียใจเป็นอย่างมากแน่

“ใช่...เรื่องของเรามันก็แค่ความผิดพลาด”

“แต่ผมกลับไม่คิดแบบนั้น” เธอไม่พร้อมที่จะฟังเหตุผลอะไรจากภาษิตทั้งนั้น เพราะสิ่งเดียวที่รู้สึกตอนนี้คือความเสียใจที่ปล่อยให้เรื่องบ้าๆ พวกนี้เกิดขึ้น

“หลังจากนี้ ช่วยออกไปจากชีวิตฉันด้วย” น้ำเสียงอันสั่นเครือของเธอเอ่ยไล่เขา แต่ในเมื่อเขากำลังจะมาเป็น

น้องเขยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มันดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว

“ผมทำไม่ได้” ภาษิตค้านขึ้นมาทันที เขารู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไร ยังไงเสียเขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปอย่างเด็ดขาด

“สุดท้ายคุณมันก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัว”

“นั่นเพราะผมรักคุณ”

“แต่ฉันไม่ได้รักคุณ คนที่คุณควรรักและซื่อสัตย์กับเธอให้มากๆ คือน้องสาวฉัน ผู้หญิงที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีอะไรกันแค่ครั้งเดียวอย่าง...ฉัน” สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แม้จะพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลสักแค่ไหนสุดท้ายมันก็ไม่ได้ผล

น้ำตามากมายของเธอไหลรินออกมาเป็นสาย นี่คือหลักฐานของความอ่อนแอ ความสิ้นหวังและความผิดหวังในตัวเองได้เป็นอย่างดี

แปะ แปะ แปะๆ

เสียงปรบมือดังขึ้นรัวๆ ภายในห้องโฮมเธียเตอร์ สีหน้าของคนที่กำลังนั่งปรบมืออยู่หน้าโทรทัศน์ขนาดหกสิบนิ้วดูมีความสุขกับการนั่งชมผลงานการแสดงในอดีต ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นผลงานสร้างชื่อให้เธอเลยก็ว่าได้ วริษาจึงชื่นชอบมาก ตามมาด้วยคำชื่นชมที่เอ่ยถึงตัวเอง

“ทำไมฉันถึงเล่นดีขนาดนั้นนะ” วริษายิ้มกริ่มเพราะไม่ว่าจะย้อนกลับมาดูละครเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นๆ ที่ตัวเองแสดงกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอก็ยังภาคภูมิใจเสมอๆ และเพราะฝีมือบวกจังหวะของชีวิตแบบก้าวกระโดด ทำให้นักแสดงโนเนมอย่างเธอก้าวขึ้นมาเป็นดาวของวงการมายาอย่างทุกวันนี้ ซึ่งนับรวมๆ แล้วน่าจะเกินสิบปี

“คนอะไรนั่งชมตัวเองก็เป็น” แก้วกาญที่เข้ามาได้ยินการเอ่ยชมตัวเองของเพื่อนสนิทถึงกับอดไม่ได้ที่จะแซว แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก

“ก็มันเรื่องจริง ตอนนั้นฉันสวมวิญญาณนักแสดงมากฝีมือ แสดงได้ทุกบทบาทจนได้รับรางวัลการันตีมากมายก่ายกอง”

“แล้วตอนนี้อะ เป็นดาวค้างฟ้าตกงานรอวันดับแสง”

“แกก็พูดแรง น้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย” วริษาแกล้งปาดน้ำตา แต่มันก็จริงอย่างที่แก้วกาญบอก ตอนนี้เธอเหมือนดาวค้างฟ้าที่รอวันดับแสง

โลกกำลังเปลี่ยน กระแสละครก็เช่นเดียวกัน บทจากผู้จัดหลายๆ ค่ายที่ส่งมาให้เธอพิจารณานั้นก็เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา รวมถึงช่วงอายุของเธอที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย บทนางเอกบางเรื่องก็ไม่เหมาะที่จะรับเล่นจริงๆ

แต่ใครเลยอยากให้เป็นแบบนั้น เธอยังคงหวังว่าสักวันเธอจะกลับมาโด่งดัง และหากนั่นคือแสงสุดท้ายบนวงการมายา เธอก็จะขอดังให้สุดแล้วโบกมือลาอย่างเป็นทางการ

“อย่ามาแอคติ้ง นี่ถ้าไม่มีเงินเก็บป่านนี้แกอาจได้เป็นข่าวหน้าหนึ่ง อดีตนางเอกตัวท็อปของวงการเปิดรับบริจาคค่ารักษาพยาบาล”

“ใครจะไปทำแบบนั้นกันเล่า ทำงานหาเงินก็ต้องรู้จักเก็บสิ ไม่ใช่ใช้มือเติบเพราะคิดว่าเงินมันหาง่ายๆ” นี่คือคติประจำใจของวริษา ทำงานหาเงินแบ่งส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินเก็บ และเพราะความมีวินัยในเรื่องนี้ ทำให้เธอมีบ้าน มีรถ มีเงินสดในบัญชีที่แบ่งไปซื้อหุ้นหรือซื้อกองทุนไว้ใช้กินตอนแก่

ครอบครัวก็อยู่กันสุขสบาย เพราะก่อนเข้าวงการบันเทิงครอบครัวเธอทำธุรกิจส่วนตัวกันอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้พี่ชายของเธอขึ้นสานงานต่อจากพ่อไปเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่เธอก็นั่งกินเงินเดือนสบาย แต่บางครั้งก็ถูกเรียกไปช่วยออกแบบบ้าง พอเห็นผลงานของตัวเองก็อดที่จะปลื้มไม่ได้เหมือนกัน

“คิดได้แบบแกก็ดี เพราะหลายคนคิดไม่ได้ แล้วนี่แกได้อ่านบทละครที่ทางผู้จัดส่งมาให้ยัง” แก้วกาญที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและพ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของวริษาเอ่ยถามขึ้น

“อ่านแล้ว”

“รับไหม”

“ถ้าไม่ให้ฉันไปแสดงเป็นบทแม่ก็น่าสนใจอยู่” นั่นคือข้อแม้เดียวในขณะนี้ที่วริษาปฏิเสธงาน

“ก็แค่ไม่กี่ฉาก”

“ก็นั่นแหละ” เอ่ยจบวริษาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะบทมันไม่โดนใจจริงๆ

“แต่งานในวงการสมัยนี้ที่มันเหมาะกับช่วงอายุอย่างแกฉันว่ามันหายาก”

“แกหาว่าฉันแก่เหรอ” วริษาแกล้งร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่แก้วกาญก็รู้ทันว่าเพื่อนแค่แอคติ้งไปเท่านั้นเอง

“ใช่...แกอายุสามสิบสี่เข้าไปแล้วนะยะ บทบาทนางเอกแทบทุกบทก็ล้วนแต่ผ่านมือแกมาแล้วทั้งนั้น จะมีอะไรให้แกเล่นอีก”

“บทคนบ้าไง”