บทที่ 3
แต่ทว่ายอดวิวที่แทบไม่ขึ้น จากที่คิดว่าคงมากมายถึงขั้นหลักหมื่นถึงแสนกลับมีเพียงหลักพันเท่านั้น! แต่วริษาก็ยังคงปลอบใจตัวเองว่าคลิปพึ่งลง คงรออีกสักหน่อย
ในขณะเดียวกันแก้วกาญก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านคอมเมนต์ไปด้วย ลึกๆ หวังให้คนดูที่เป็นแฟนคลับส่งข้อความมาประมาณว่า ว่าคิดถึง อยากเห็นผลงานอีก อยากให้ทำนั่นทำนี่ แต่กลับกลายเป็นคอมเมนต์เชิงลบและการบลูลี่
‘อดีตนางเอกดัง ก็แค่อดีตไหมอะ’
‘ได้ข่าวว่าหยิ่ง เลือกงาน ไม่แปลกที่กระแสจะตก จนต้องมาอัดคลิปลงยูทูปช่องธรรมดาๆ แบบนี้’
‘สงสัยเงินหมด’
‘สวยด้วยโบท็อกแน่ๆ หน้าดูปลอม’
‘สร้างกระแสก่อนลาวงการงั้นเหรอ แหมมมมมมม’
“มีคอมเมนต์เข้ามาบ้างไหม”
“ยะ...ยังไม่มี” แก้วกาญตอบอย่างมีพิรุธ นั่นทำให้วริษายื่นมือมาขอโทรศัพท์ไปเพื่อจะได้อ่านเอง แต่เธอกลับรีบเก็บแทนที่จะยื่นให้
“แกอย่าอ่านเลย มันไม่มีอะไรหรอก”
“ส่งมาเถอะ” วริษาเอ่ยขอด้วยสีหน้านิ่งๆ แก้วกาญรู้ว่าคงปิดเรื่องนี้ไม่ได้จึงจำต้องยื่นโทรศัพท์ให้วริษาไป และทันที่ได้อ่านคอมเมนต์เหล่านั้น วริษาก็ถึงกับจุกในอก แม้จะมีคอมเมนต์ดีๆ เข้ามาให้ได้ชื่นใจอยู่บ้าง แต่ใจเธอมันถูกประโยคร้ายๆ ที่เปรียบหมือนปลายมีดแหลมได้ทิ่มแทงลงไปในความรู้สึกจนหดหู่
วริษามั่นใจว่าตัวเธอนั้นมีภูมิต้านทานในเรื่องพวกนี้พอสมควร แต่อาจเพราะเธอคาดหวังมันมากเกินไป เมื่ออะไรไม่ได้ตามที่คาดไว้ จึงเฟล...
“ฝากปิดทีวีด้วยนะแก้ว ฉันขอขึ้นห้องก่อน”
“แกโอเคใช่ไหม”
“โอเค” แม้จะตอบแบบนั้นแต่วริษากลับแอบปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอเดินกลับขึ้นห้องแล้วทิ้งตัวลงนอน อาการอึ้งจู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นร้องไห้
วริษาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังและเจ็บปวดแบบนี้มาก่อน หรือการที่เธอวางตัวแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการมาตั้งแต่เข้าวงการคือเรื่องที่ผิดพลาด
บอกให้เธอวางตัวให้เป็น....เธอก็ทำแล้ว
บอกว่าเธอนั้นไม่ควรออกไปไหนมาไหนตามลำพังหรือแสดงตัวในที่สาธารณะให้แฟนคลับเห็น...เธอก็ทำอย่างเคร่งครัด แม้จะอึดอัดบ้างก็ตาม
ไม่รับงานโชว์ตัวเอง จะรับได้ก็ต่อเมื่อทางผู้ใหญ่คิดว่าเหมาะ...เธอก็ทำมาตลอด ยอมทิ้งเงินค่าตัวไปอย่างมหาศาล
ไม่ออกรายการที่ไม่เหมาะสม....เธอก็ไม่เคยไป แม้จะมีรายการทีวีติดต่อเข้ามามากมายก็ตาม
เธอต้องเป็นซุปเปอร์สตาร์ในแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการให้เป็น ต้องมีคุณค่าในตัวเอง ทุกอย่างมันเพอร์เฟค เพราะความแตกต่างทำให้เธอโด่งดัง ความเข้าถึงยากทำให้ออกงานแต่ละครั้งเป็นที่สนใจ ค่าตัวเธอเพิ่มขึ้นตามแบบที่ผู้ใหญ่คาดการ แต่นั่นมันเหมือนการสร้างหอคอยให้เธออยู่ที่สูงเพียงลำพัง นานวันเข้าเธอจึงไม่สามารถก้าวลงมาได้ และก็ถูกทิ้งไว้ให้อยู่บนนั้นเพียงลำพัง
เพราะตอนนี้เธอแทบไม่มีงานเข้ามาเลย ยิ่งทางช่องไม่ได้เรียกเข้าไปต่อสัญญาก็รู้สึกเหมือนถูกลอยแพ ดูเหมือนการจะคืนวงการคงเป็นเรื่องไกลตัวเข้าไปทุกที หรือว่าเธอควรจะหยุดหวังลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว
“มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ” วริษาปาดน้ำตาออกจากแก้ม เธอจะสู้ดูอีกสักครั้ง สู้ในแบบของตัวเธอ เพราะตอนนี้ผู้ใหญ่ก็เหมือนจะลอยแพเธอแล้ว คงไม่มานั่งสนใจว่าเธอจะทำตัวแบบไหน นั่นทำให้อดีตนางเอกดาวค้างฟ้าเดินกลับลงมาหาแก้วกาญที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“แก้วแกตอบกลับผู้จัดไปเลย ว่าฉันรับเล่นละครที่เสนอบทมาให้”
“ฉะ...ฉันพึ่งวางสายจากพี่หน่อยไปตะกี้ พี่หน่อยบอกว่าโอกาสหน้าจะเสนอบทให้แกใหม่ เพราะตอนนี้ได้นักแสดงแล้ว”
“อืม” วริษาเอ่ยรับเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไปอีกครั้ง แก้วกาญตามมาและได้ยินเสียงร้องไห้สะอื้นของเพื่อนก็รีบเข้าไปปลอบใจ
“ร้องมา ฉันอยู่ตรงนี้”
วริษานอยด์อยู่เกือบสองวัน เป็นสองวันที่เธอไม่เข้าไปดูคลิปเลยแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งมั่นใจว่าทำใจได้แล้วจึงกลับมาเปิดคลิปดูอีกครั้ง ซึ่งยอดวิวมันขึ้นไปแค่ไม่กี่พันจากวันแรกเท่านั้น นอกจากนั่งดูคลิปเธอยังอ่านคอมเมนต์ด้วยใจที่เปิดกว้าง
เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้รู้จักตัวตนของเธอ พวกเขาก็แค่คอมเมนต์เอาสนุกปากเท่านั้นเอง วริษาเลือกที่จะไม่ให้ค่าคอมเมนต์แย่ๆ โดยเลือกเสพและเก็บคอมเมนต์ดีๆ เอาไว้ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงออดดังมาจากหน้าบ้าน
“พี่หนึ่ง” วริษาอุทานออกมาเพราะไม่คิดว่าจะเจอชายหนุ่มวันนี้ เนื่องจากเอกรัฐบินไปทำงานที่ต่างประเทศ กำหนดกลับของชายหนุ่มคืออีกสองวันไม่ใช่หรือ
เหตุผลหลักที่เอกรัฐมาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้คือความเป็นห่วง เพราะหลังจากได้ดูคลิปสัมภาษณ์รวมถึงอ่านคอมเมนต์ใต้คลิปชายหนุ่มก็อยากโทรศัพท์กลับมาหาเธอเสียตอนนั้น แต่เขากลับรอเพื่อจะมาเจอหน้า มาพูดคำว่าห่วงให้เธอได้ยินและได้เห็น
เอกรัฐส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินตรงมาหาเธอทันที แม้จะโหมทำงานติดต่อกันมาหลายวัน แต่เมื่อได้เห็นหน้าวริษากลับทำให้เขาหายเหนื่อย
“ขอพี่เข้าไปในบ้านหน่อยได้ไหม”
“อ้อ...เชิญค่ะ” เพราะมัวแต่ตกใจวริษาจึงยังไม่ได้เอ่ยชวนให้ชายหนุ่มเข้าบ้าน ซึ่งทันทีที่ก้าวผ่านประตูรั้วเข้ามา เอกรัฐก็ยื่นช่อดอกไม้ช่อหนึ่งมาให้วริษา เพราะรู้ว่าเธอคงต้องการกำลังใจ
“ให้เม็ดฝนหรือคะ”
“ครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยเสร็จวริษาก็ยื่นมือไปรับช่อดอกไม้สวยๆ จากเอกรัฐ
“พี่เป็นห่วงเม็ดฝนนะครับ หวังว่าดอกไม้สวยๆ ช่อนี้อาจพอจะทำให้เม็ดฝนยิ้มได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอก พร้อมกับส่งแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงมาให้
“ค่ะ...”
“อย่าไปเก็บคอมเมนต์จากคนที่ไม่ได้รู้จักเม็ดฝนมาใส่ใจเลย เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ” เอกรัฐเอ่ยปลอบ ยิ่งทำให้เขาเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
“พี่หนึ่งเห็นคลิปนั่นแล้วหรือคะ”
“ครับ...แต่ไม่ว่ายังไง เม็ดฝนก็คือนางเอกของพี่นะ นางเอกทั้งในจอและนอกจอ” ชายหนุ่มหยอดคำหวาน เพราะหลายเดือนมานี้เขาตามจีบเธออยู่นั่นเอง
