บทที่ 3 ทำตามสัญญา
หญิงสาวนั่งคู้เข่าอยู่ที่บันไดหนีไฟ หลบซ่อนความวุ่นวายเพื่อทบทวนสิ่งต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ จุดนี้เป็นสถานที่เดียวให้เธอได้พักกายพักใจ ไม่ต้องทนมองสายตาดูถูกจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ที่มีแต่ความริษยา ในทุกวันเธอต้องเผชิญความยากลำบากอย่างสาหัส กว่าจะผ่านพ้นไป หญิงสาวเอนกายพิงกำแพงแล้วปลดปล่อยความอ้างว้างเดียวดายออกมาเพียงลำพัง ไม่รู้ว่าเรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ จะผ่านพ้นไปเมื่อใด
ภายในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ สองเท้าของปณิดารีบวิ่งเข้ามายังห้องรักษาตัวของนายอาทิตย์ด้วยท่าทางรีบร้อน ก่อนจะชนเข้ากับญาติคนไข้คนอื่น
“เดินระวังหน่อยสิ” หญิงกลางคนตวาดเสียงดังใส่ ทำให้ปณิดาต้องหยุดขอโทษอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นท่าว่าอีกฝ่ายไม่เอาเรื่อง จึงเบี่ยงกายเดินตรงไปยังห้องของบิดาทันทีด้วยความรีบร้อน เพียงเปิดประตูเข้ามาหญิงสาวกลับชะงักนิ่ง เมื่อเห็นร่างของภีมวัจน์กำลังเจรจาอยู่กับหมอเจ้าของไข้ พร้อมบิดาของเธอนอนอยู่
“ขอบคุณมากครับ” ภีมวัจน์กล่าวขอบคุณแพทย์เจ้าของไข้ ก่อนปณิดาจะยกมือไหว้เมื่อคุณหมอเดินผ่านออกจากห้องไป หญิงสาวปาดเหงื่อบนศีรษะ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปหาภีมวัจน์โดยไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่
“ผมจัดการคุยกับคุณหมอหมดแล้วนะ เรื่องแผนการรักษานายอาทิตย์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้
“ขอบคุณมากนะครับ คุณภีมที่ช่วยเหลือครอบครัวเรา” ชายกลางคนที่นอนอยู่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ชายหนุ่มเพียงแค่เลื่อนตามองแล้วหันกลับมายังหญิงสาว ที่ใบหน้าซีดเซียว อยู่ในชุดแม่บ้านไร้ราคา
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก เห็นแก่ที่เคยทำงานให้คุณพ่อ ผมเลยช่วย มันก็เท่านั้น” น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับชายกลางคน ทั้งที่สายตาจับจ้องมองปณิดาไม่วางตา
“ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณอยู่ดี ไม่คิดไม่ฝันว่า...จะได้รับการช่วยเหลือจากคุณ ทั้งที่ครอบครัวเราย้ายออกมานานมากแล้ว” นายอาทิตย์พยายามเอ่ยถึงเรื่องราวเก่าก่อน
“ผมขอตัวก่อน” ภีมวัจน์ตัดสินใจเอ่ยตัดบท แล้วเบี่ยงตัวเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวหันมองร่างของอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ เมื่อประตูห้องปิดลง เธอจึงหันกลับไปยังบิดาที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้
“ณิดาขอโทษนะคะที่มาช้า พอดีว่าต่อไปนี้ณิดาจะต้องทำงานล่วงเวลาค่ะ” นายอาทิตย์ได้ยินดังนั้นจึงปล่อยยิ้มกว้าง
“อยู่ช่วยงานคุณภีมเขาให้มากนะลูก หากไม่ได้เขา ป่านนี้พ่ออาจตายไปแล้วก็ได้” อาทิตย์กล่าวด้วยสายตาซาบซึ้ง ในความดีงามของอดีตลูกชายเจ้านาย ทว่าใบหน้าของหญิงสาวกลับค่อย ๆ หุบยิ้มลงเมื่อนึกถึงการกระทำต่าง ๆ ที่ผ่านมาของเขา
“มีอะไรหรือเปล่าลูก”
“เปล่าหรอกค่ะ ไม่มีอะไร ณิดาเห็นพ่อยิ้มได้แบบนี้ ค่อยสบายใจหน่อย”
“เรื่องค่ารักษาพยาบาลคุณภีมบอกพ่อว่า เขาจะจัดการให้ทั้งหมด เป็นเรื่องจริงใช่ไหม” หญิงสาวพยักหน้า
“เขาพูดแบบนั้นค่ะ”
“ทำไมอยู่ ๆ คุณภีมถึงรู้ว่าพวกเรากำลังต้องการความช่วยเหลือ นานมากแล้วที่พวกเราไม่ได้ติดต่อกลับไปบ้านหลังนั้น ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ ๆ คุณภีมจะติดต่อกลับมา” ปณิดานิ่งเงียบ ก่อนจะทำเปลี่ยนเรื่องไปในที่สุด
“คงเป็นเรื่องบังเอิญมั้งคะ เขาจะติดต่อมาด้วยเรื่องอะไร หรือยื่นข้อเสนออะไร ณิดาก็ไม่สนใจหรอกค่ะ ขอเพียงแค่ได้รักษาพ่อให้หายก็พอ” ชายกลางคนได้ยินดังนั้นจึงปล่อยยิ้มบางเบาออกมา
“โรคของพ่อรักษายากมาก คุณหมอยังไม่รับปากว่าต่อให้ได้ยาดีที่สุด ก็ใช่ว่าจะหาย”
“ยังไงพ่อก็ต้องหายดีค่ะ ในโลกนี้ณิดาเหลือพ่อแค่คนเดียว ถ้าไม่มีพ่อแล้วณิดาจะอยู่ยังไงล่ะคะ” ชายกลางคนชะงักนิ่ง ก่อนปณิดาจะค่อย ๆ จับมือบิดาแล้วก้มหน้าซบลงพร้อมใบหน้าเหนื่อยล้ากับสิ่งที่ต้องเผชิญในทุกวันอ
ภายในรถคันหรูของภีมวัจน์ เขากำพวงมาลัยแน่นด้วยความคับแค้นใจอย่างถึงที่สุด แม้นเวลาจะผ่านไปนานหลายปี หากแต่ความเจ็บปวดไม่เคยลบเลือนไปจากใจได้ เขาเวียนเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาและฟื้นฟูจิตใจ หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับครอบครัว วันที่บิดาถูกลอบยิงต่อหน้ามารดา ในเวลานั้นเขาอยู่มหาวิทยาลัย เพื่อรอรับปณิดากลับบ้านพร้อมกัน หญิงสาวใบหน้าสวยใสราวกับดาราที่ใคร ๆ ต่างพากันรุมจีบเธอ หากแต่ภีมวัจน์คอยกันท่า ไม่ให้เธอมีโอกาสได้รู้จักใคร แล้วตามดูแลเธออย่างใกล้ชิด ไม่ให้ใครได้เข้าใกล้ ด้วยฐานะบิดาของเธอเป็นเพียงคนขับรถที่บิดาของเขาไว้ใจมากที่สุด ถึงขนาดให้สองพ่อลูกย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ภายในบ้าน เลี้ยงดูอย่างดีราวกับญาติสนิท
“พี่ภีมคะ กลับก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวณิดาอยู่ช่วยงานกลุ่มเพื่อน ๆ อีกสักพัก” เขาเลื่อนสายตาไปยังเพื่อนของเธอแล้วส่ายศีรษะไปมา
“ไม่อะ พี่อยู่รอณิดาดีกว่า พี่ไม่ได้รีบ” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มกว้างออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ
