เปรียบดั่งเชลย

63.0K · จบแล้ว
ทีปสิขา
43
บท
11.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขา...ผู้มีความโกรธแค้นภายใน ตั้งใจทำลายผู้หญิงคนหนึ่งให้เธอเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัส หลังจากสิ้นบิดาเธอและเขาตกลงแยกย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมลูกน้อยที่ติดท้องมา...

ประธานพลิกชีวิตแก้แค้นเศรษฐีพระเอกเก่งพาลูกกหนีคนธรรมดา

บทที่ 1 ถูกเล่นงานอยู่คนเดียว

ภายในโรงแรมหรูขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ปณิดา หญิงสาวในชุดแม่บ้าน กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดห้องพัก หลังจากแขกเช็คเอาท์ออกไปได้ไม่นาน ในมือถือผ้าสะอาดชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดไปทั่วบริเวณ เธอมีอายุราวยี่สิบห้าปี และจบการศึกษาเพียงมัธยมปลายเท่านั้น หากแต่รูปร่างผิวพรรณสะอาดหมดจดงดงาม เป็นที่จับตาจากเพื่อนร่วมงานชายคนอื่น ๆ เมื่อเช็ดทำความสะอาดเสร็จแล้วจึงหันไปหยิบไม้ถูพื้น ถูไปทั่วบริเวณเพื่อให้ห้องพักดูใหม่ ตามมารตฐานทางโรงแรมวางไว้ หญิงสาวใช้เวลาทั้งหมดเกือบห้าสิบนาที ก่อนจะออกไปยังห้องผ้า นำผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม มาจัดวางใหม่ทั้งหมด

“ณิดา เสร็จแล้วเธอไปทำห้อง 4401 ด้วยนะ” หัวหน้าแม่บ้านเดินเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น ก่อนหญิงสาวจะยิ้มรับ

“ได้ค่ะพี่วิสา” ทั้งสองส่งยิ้มให้กันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนอีกฝ่ายจะเดินจากไป หากแต่ไม่นานหัวหน้าแม่บ้านคนเดิมก็เดินกลับมาคล้ายลืมอะไรบางอย่าง

“อ่อ..ณิดา วันนี้คุณภีมวัจน์จะเข้ามาราว ๆ บ่ายสอง เรื่องที่เธอทำความสะอาดพลาด ทำกระจกในห้องน้ำแตกคราวก่อน คุณภีมวัจน์ให้ตรวจสอบค่าเสียหายแล้ว เห็นว่าจะพูดเรื่องนี้ในวันประชุมใหญ่ เธอเตรียมตัวด้วยแล้วกัน” สิ้นคำพูดของวันวิสา สีหน้าของปณิดาก็เปลี่ยนเป็นหนักใจ

“ค่ะ” ก่อนอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาแล้วตบบ่าลูกน้องเบา ๆ

“พี่เอาใจช่วยนะ ในบรรดาพนักงานทำความสะอาดทั้งหมด คุณภีมวัจน์ดูเหมือนไม่ชอบ และมักจะเล่นเธออยู่คนเดียว หากไม่ไหวจริง ๆ เธอจะลาออกก็ได้นะ พี่จะเซ็นอนุญาตให้เอง จะได้ไปหางานที่สบายใจทำ ไม่ต้องอึดอัดแบบนี้” ปณิดาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองหัวหน้าแม่บ้านด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะฝืนยิ้ม

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ณิดารู้ดี ว่าควรทำยังไง” แม้ไม่รู้ความหมายของลูกน้องมากนัก แต่วิสาก็พยักหน้ารับแล้วเบี่ยงตัวเดินจากไป ปล่อยให้ปณิดายืนนิ่งทบทวนสิ่งต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ

ภายในบ้านหลังใหญ่ที่อดีตเคยคึกคัก หากแต่บัดนี้เงียบสงบแตกต่างจากก่อน สองเท้าของภีมวัจน์เดินเข้ามาหาพยาบาลประจำตัวมารดา แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“วันนี้คุณแม่ทานได้เยอะไหม”

“คุณหทัยรัตน์ทานได้มากกว่ามื้อก่อนค่ะ แต่ก็ยังมีการอมอาหารอยู่บ้าง” เขาพยักหน้า ก่อนจะย่อตัวลงนั่งเสมอกับมารดาพลางทอดสายตาไปยังเธออย่างมีความหมาย

“แม่ครับ วันนี้ผมไปโรงแรมก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับมาหา” น้ำเสียงอบอุ่นกล่าวขึ้น ก่อนสายตาของมารดาจะเลื่อนมาสบตาลูกชายอย่างว่างเปล่า

“ภีมระวังด้วยนะลูก เดี๋ยวมีคนยิงเอา ปังปัง” มารดาทำท่าพูดช้า ๆ พร้อมออกท่าทางด้วยอาการเหม่อลอย ก่อนชายหนุ่มจะเบือนหน้าออก แล้วข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ภีมวัจน์ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปยังพยาบาลที่ดูแล

“ผมฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเวลา”

“คุณภีมไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันจะดูแลคุณหทัยรัตน์อย่างดี” สิ้นคำพูดของพยาบาลสาว ภีมวัจน์จึงพยักหน้ารับ ก่อนหันตัวเดินจากไป

โรงแรมเฌอมาริน เป็นธุรกิจของ ชวกร บิดาของภีมวัจน์ที่เสียชีวิตไปจากการถูกลอบยิงเมื่อหลายปีก่อน เป็นผลให้มารดาของเขามีอาการหวาดผวา จนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนอย่างเคย สองเท้าของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาในโรงแรม พร้อมเหล่าพนักงานต่างค้อมตัวลงเคารพด้วยรู้ว่าเขาคือเจ้าของโรงแรมที่กำลังถูกจับตามอง ด้วยอายุยังน้อย หากแต่การบริหารงานเก่งกาจไม่ต่างจากบิดาของเขาเท่าไหร่นัก

“ปณิดาล่ะ” เขาเลื่อนสายตาไปยังทุกคน ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ หัวหน้าทุกแผนกถูกเรียกขึ้นมาประชุมโดยพร้อมเพรียง ก่อนรายละเอียดต่าง ๆ จะยกขึ้นในที่ประชุมจนเวลาล่วงเลยไปนานหลายชั่วโมง การแลกเปลี่ยนปัญหาต่าง ๆ ได้เสร็จสิ้นลง หากแต่สายตาของภีมวัจน์เลื่อนมองบางอย่าง ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นปณิดาเข้ามาประชุมตามนัดหมาย

“ลูกน้องคุณล่ะ” เขาหันไปยังหัวหน้าแม่บ้านแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ก่อนวันวิสาจะอึกอักแล้วยิ้มเจื่อน

“ดิฉันแจ้งเธอแล้วค่ะ แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงยังไม่มา” ภีมวัจน์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนร่างของปณิดาจะเปิดประตูเข้ามาด้วยความรีบร้อน แล้วน้อมกายลงเล็กน้อยอย่างเหนื่อยหอบ

“ขอโทษที่มาช้าค่ะ” เธอค้อมกายลงซ้ำ ๆ หลายครั้ง ขณะที่ชายหนุ่มไม่พูดจา ได้แต่ทอดสายตาไปยังหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นดังนั้นปณิดาจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปรับลูกน้องด้วยกิริยาอ่อนน้อม

“ทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะณิดา” หญิงกลางคนกระซิบถามก่อนเจ้าของโรงแรมจะเอ่ยบางอย่างออกมา

“ผมต้องมารอคุณงั้นเหรอ” ปณิดาอ้ำอึ้ง แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพื่อตั้งสติ

“ดิฉันเพิ่งทำความสะอาดห้องผ้า และห้องพักชั้นสี่เสร็จค่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณภีมวัจน์ต้องรอ” เธอพูดด้วยสีหน้าซีดเซียวและสำนึกผิด

“เรื่องอื่นสำคัญมากกว่าผมขนาดนั้นเลยเหรอ”