บทที่ 13 รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร
“ณิดาขอตัวไปทำงานก่อน” หญิงสาวพูดพร้อม เบี่ยงตัวเดินจากไป เพราะไม่อยากเสียเวลาด้วย ก่อนหัวหน้าแม่บ้านจะเข้ามา
“คุณภีมเรียกหา” ทำให้พนักงานคนอื่นที่อยู่บริเวณนั้นหันไปซุบซิบกันหนักกว่าเก่า พร้อมสายตาสั่นไหวของหญิงสาวจะเผยออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาต้องการให้เธอเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่น และยังคงพอใจเช่นนั้นอยู่เสมอ ปณิดาตอบรับวันวิสาก่อนจะเบี่ยงตัวเดินไปยังห้องของภีมวัจน์ตามคำสั่งโดยดี
สองเท้าของเธอเดินมาหยุดหน้าห้อง สายตากลมสั่นไหวไปมาพร้อมความคิดมากมาย ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูตามมารยาท แล้วเปิดเข้าไป พบว่าภีมวัจน์นั่งทำงานอยู่
“คุณภีมมีอะไรให้ฉันทำเหรอคะ” เขาละสายตาจากคอมฯ แล้วมองเธอครู่หนึ่ง
“วันนี้คุณไม่ต้องลงไปทำความสะอาดห้องพัก ช่วยเก็บกวาดข้าวของในห้องของผมให้เป็นระเบียบก็พอ”
“แต่ว่างานฉันยังไม่เสร็จ”
“คุณไม่ต้องห่วง ผมบอกวันวิสาไว้แล้วว่าจะขอตัวคุณหนึ่งวัน”
“ค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังห้องทำงานของเขา ที่ค่อนข้างไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังตู้วางเอกสาร แล้วเริ่มทำความสะอาดและจัดระเบียบตั้งแต่นั้น ชายหนุ่มยังคงนั่งมองกิริยาของปณิดาพร้อมความคิดมากมายหลั่งไหลออกมา ก่อนจะเอ่ยบางอย่าง
“คุณช่วยผมคิดหน่อยสิ ว่าผมจะเอาคืนพ่อคุณยังไงให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำ” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจะชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันใบหน้าสวยมายังภีมวัจน์
“ณิดาบอกแล้วไงคะ ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อ” เธอยืนยันความบริสุทธิ์ของบิดา ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม
“ความเจ็บปวดของคุณ จะทำให้พ่อคุณเจ็บปวดยิ่งกว่า แต่ยังไม่คิดออก ว่าจะทำยังไงให้คุณเจ็บปวด จนพ่อของคุณมองมา แล้วแทบอยากจะหยุดหายใจไปในที่สุด” คำพูดเยือกเย็นของภีมวัจน์ทำให้ปณิดาพยายามปล่อยผ่านไม่ใส่ใจ เธอกลืนน้ำลายแล้วจัดการกับแฟ้มเอกสารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ
“ทำให้คุณเรียนไม่จบ ผมก็ทำไปแล้ว ทำให้คุณเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ผมก็ทำไปแล้ว แต่แค่นั้นมันก็ไม่ได้ทำให้พ่อคุณรู้สึกอะไร” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปหาชายหนุ่มเป็นครั้งที่สอง
“ตอนนี้พ่อป่วยค่ะ คุณไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคุณอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้ ฉันยืนยันคำเดิมว่าพ่อไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณชวกรถูกยิง” ภีมวัจน์ลุกจากเก้าอี้ ค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาย่อตัวลงทอดสายตามองหญิงสาวด้วยสายตายากจะคาดเดา
“คุณมันโง่” คำพูดของเขาบาดลึกลงกลางใจอีกฝ่าย จนเธอต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ที่ผมยังจ่ายค่ารักษาพยาบาลพ่อคุณ ก็เพื่อให้เขามีลมหายใจมองดูคุณทุกข์ทรมาน เหมือนที่ผมต้องทนมองแม่เจ็บปวดจนถึงตอนนี้ไง นี่ก็แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น...” ชายหนุ่มพูดพร้อมยกมือไปจับไรผมของหญิงสาว ก่อนจะเธอจะเบี่ยงกายหลบ
“จะทำอะไรคะ” ดวงตากลมเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาจะคลี่ออกมา
“ผมรู้แล้ว ว่าจะทำยังไงให้คนเป็นพ่อเจ็บปวด รับรองเลยว่านายอาทิตย์จะต้องเจ็บปวดเจียนตาย” ปณิดาปัดมือเขาออก แล้วรีบลุกขึ้นยืนในทันทีด้วยความหวาดหวั่น
“ณิดาขอตัวไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดก่อนนะคะ” เธอหันตัวเตรียมจะเดินออกจากห้อง หากแต่มือหนาของภีมวัจน์กลับรั้งแขนเธอกลับเข้ามาในอ้อมกอด
“พี่ภีม ปล่อยนะคะ จะทำอะไร” หญิงสาวเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างถึงที่สุด ก่อนสายตาเจ้าเล่ห์ของภีมวัจน์จะทอดมองมาอย่างคนไร้หัวใจ
“คุณเป็นดั่งดวงใจของนายอาทิตย์ และถ้าผมเอาคุณมาเป็นของเล่นชั่วคราว ทั้งไร้ค่า ไร้ความหมาย ไร้ราคา อยากจะโยนทิ้งเมื่อไหร่ย่อมได้ นายอาทิตย์คงต้องทรมานใจอย่างถึงที่สุด”
“พี่ภีมพูดอะไร ปล่อยนะคะ” ปณิดาได้ยินดังนั้น จึงรู้ความหมายของอีกฝ่ายทันที ก่อนเธอจะพยายามใช้แรงดิ้นออกจากกายของเขา
“ปล่อยณิดานะคะ” ปณิดายังคงใช้แรงดันกายเขาออก
“ไม่” ชายหนุ่มกลับดึงหญิงสาวเข้าหาตัว แล้วผลักเธอมายังโซฟาตัวใหญ่ด้านข้าง พร้อมโผเข้าหาอีกฝ่ายทันทีโดยไม่ให้เธอมีโอกาสต่อต้าน
ปณิดารู้ตัวอีกทีก็ถูกเขาโอบรัดไว้อย่างแนบแน่นจนเธอไม่สามารถกระดิกตัวไปไหนได้
“พี่ภีมต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ปล่อยณิดานะคะ” หญิงสาวพยายามต่อว่าเขา ก่อนอีกฝ่ายจะส่ายศีรษะไปมาแล้วก้มลงหอมแก้มเธออย่างมีความหมาย ขณะที่หัวใจของปณิดาเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักเขาออกแล้วใช้โอกาสวิ่งหนีออกจากห้องไป
ชายหนุ่มทำได้เพียงทอดสายตามองร่างเล็ก พร้อมแสยะยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ
“วันนี้ก็แค่แกล้งเธอเล่นเท่านั้น ยังไม่ใช่วันที่พี่จะเอาจริง” เขาตั้งใจปล่อยเธอหนีหายไป ก่อนจะเบี่ยงกายลุกมานั่งทำงานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หากแต่ฝีเท้าของปณิดาวิ่งหนีไปตามทางเดินด้วยสีหน้าหวาดกลัว จนเผลอชนเข้ากับร่างของเอกภพอย่างไม่ตั้งใจ
“ณิดา วิ่งหนีอะไรมา ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้นล่ะ” เขาจับจ้องมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ ก่อนเธอจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลันหันไปมองข้างหลัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนใจร้ายไม่ตามมา จึงหันกลับมายังชายหนุ่มตรงหน้า
