บทที่ 12 บะหมี่เชื่อมสัมพันธ์
บ่อยครั้งเขามักจะแอบมองเธอเดินไปยังสวนดอกไม้หลังบ้าน เพื่อดูแลดอกไม้พวกนั้นอย่างดี หลังจากมันบานเต็มที่แล้วจึงตัดใส่แจกัน วางไว้ยังโต๊ะรับแขก ขณะที่เขาและเธอแทบไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกันมากนัก ด้วยเพราะภีมวัจน์เป็นคนชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ซึ่งหญิงสาวไม่เคยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดใจแม้แต่น้อย หากแต่กลางดึกคืนหนึ่ง ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งรายงานเพื่อส่งอาจารย์อยู่ด้านล่าง เขาที่รู้สึกหิว จึงลงมาหาอะไรกินในครัว เสียงรื้อค้นของกินในครัวทำให้หญิงสาวที่นั่งทำรายงานอยู่ ตัดสินใจเดินเข้าไปหา และเป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกัน
“พี่ภีมทำอะไรเหรอคะ” เสียงใสเอ่ยเรียกจากด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังถือซองบะหมี่ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะอ้ำอึ้งแล้วตอบออกไป
“หิว..ก็เลยว่าจะหาอะไรกินหน่อย” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มแล้วเดินเข้ามาพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วยเพราะเธอพึ่งอาบน้ำเสร็จ ยังเริ่มทำรายงานได้ไม่นานนัก
“ณิดาทำให้ไหมคะ”
“ไม่เป็นไร” เขาปฏิเสธด้วยท่าทางราบเรียบ ก่อนจะหยิบไปยังหม้อใบเล็กขึ้นมา แล้วหันซ้ายหันขวาด้วยไม่รู้อุปกรณ์ต่าง ๆ วางอยู่ตรงไหนบ้าง เมื่อปณิดาเห็นดังนั้นจึงปล่อยยิ้มหวาน
“มาค่ะ ณิดาทำให้”
“แต่ว่า...” เขาทำท่าลังเล ก่อนรอยยิ้มแสนอ่อนโยนของเธอ จะทำให้ชายหนุ่มจำยอมในที่สุด
“ณิดาคิดว่า ถ้าพี่ภีมทำเองคงจะนานกว่านี้แน่ ๆ ค่ะ” หญิงสาวหยิบหม้อใบเล็กออกจากมือของเขา แล้วเปิดไฟตั้งน้ำอย่างชำนาญ ขณะที่เขามองเธอด้วยสายตายากจะคาดเดา ก่อนทั้งสองจะนิ่งเงียบไป
“ใส่ไข่กับผักลงไปด้วยดีไหมคะ” ใบหน้าสวยหวานหันกลับมาถามอีกฝ่าย ขณะที่เขาอึกอักเล็กน้อย
“กินบะหมี่เปล่า ๆ แบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพแน่ ๆ ค่ะ ณิดาว่าใส่ไข่กับผักลงไปบ้างก็ดี” ว่าแล้วเธอหันไปเปิดตู้เย็นพร้อมหยิบไข่กับผักออกมา
เสียงเดือดจากเตาไฟดังเป็นระยะ พร้อมหญิงสาวจะบรรจงใส่วัตถุดิบลงให้หม้อช้า ๆ แล้วปิดฝาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนสายตาของภีมวัจน์จะจับจ้องมองตรงมายังกิริยาอ่อนโยนของเธอแล้วเอ่ยถามบางอย่าง
“เธอไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหรอ”
“ใครบอกคะ”
“เห็นคุณพ่อคุยกับคุณแม่ ว่าเธอจะรับทุนการศึกษาเพียงแค่ ม.ปลายไม่ใช่เหรอ” เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยถามด้วยท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนปณิดาจะหันเปิดหม้อแล้วบรรจงเททุกอย่างใส่ถ้วย
“ณิดากับพ่อเกรงใจคุณชวกรน่ะค่ะ เรื่องเรียนมหาวิทยาลัยพ่อบอกว่าจะพยายามส่งเองโดยไม่ขอรบกวนพวกท่านอีก” ชายหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ พร้อมหญิงสาวจะเลื่อนถ้วยบะหมี่ให้พร้อมรอยยิ้มหวาน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เขาทอดสายตามองไปยังถ้วยบะหมี่ที่มีควันโชยฟุ้งส่งกลิ่นหอม
“ขอบคุณนะ” ก่อนจะกล่าวขอบคุณออกมาด้วยความจริงใจ
“ณิดาไปทำรายงานก่อนนะคะ พี่ภีมทานเสร็จแล้วเอาวางไว้ตรงนี้นะ เดี๋ยวณิดามาล้างให้เอง อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มมีเสน่ห์ แล้วเดินจากไป ขณะที่ภีมวัจน์นิ่งอึ้งได้เพียงครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยยิ้มออกมาแล้วนั่งกินบะหมี่ฝีมือปณิดาจนหมดถ้วย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังหญิงสาวที่ยังคงทำรายงานอยู่ โดยไม่สนใจว่าเขากินอิ่มแล้วหรือไม่
“ถ้าเธอจบ ม.ปลายแล้ว เธอจะไปเรียนต่อที่ไหน” เสียงของภีมวัจน์ดังมาจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวละจากงานตรงหน้า แล้วหันกลับไป
“อิ่มแล้วเหรอคะ” เธอถามพร้อมรอยยิ้มงดงามเช่นเดิม
“อื้ม” เขาพูดพร้อมย่อตัวลงนั่งด้านข้าง เผยให้เห็นว่าอีกฝ่ายค่อย ๆ ยอมรับเธอด้วยความเต็มใจ
“ณิดายังไม่รู้เลยค่ะ ต้องดูก่อนอีกที สำหรับณิดาแล้วขอเพียงจบมหาวิทยาลัยคว้าปริญญาสักใบให้พ่อ ได้มีงานดี ๆ ทำช่วยพ่ออีกแรงเท่านี้ก็พอแล้วล่ะค่ะ” เธอตอบตามความรู้สึก ก่อนจะนึกบางอย่างได้
“พี่ภีมคงเรียนเกี่ยวกับบริหารใช่ไหมคะ เพราะว่าต่อไปพี่ภีมต้องรับธุรกิจต่อจากคุณชวกร เห็นพ่อพูดบ่อย ๆ ว่าพี่ภีมคือความหวังของคุณท่าน”
“ก็คงงั้นแหละ แล้วเธอล่ะอยากเรียนอะไร”
“ก่อนหน้าที่พ่อจะมาทำงานกับคุณชวกร แม่มีอาชีพขายของค่ะ แต่หลังจากแม่เสียแล้วทุกอย่างก็พังหมดเลย ตอนนี้ณิดาไม่ได้ใฝ่ฝันว่าอยากจะเรียนอะไร ขอเพียงมีเงินเรียนให้จบปริญญาเท่านั้นก็พอแล้วล่ะค่ะ” ชายหนุ่มลอบมองสายตาและใบหน้าของเธอเป็นระยะ รับรู้ว่าปณิดาเป็นผู้หญิงเปิดเผยและจริงใจคนหนึ่งเท่าที่เคยรู้จักมา ก่อนเขาจะขอตัวขึ้นไปนอน
หลังจากนั้นภีมวัจน์มักจะได้กินบะหมี่ฝีมือปณิดาในทุกวัน ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จากพูดคุยธรรมดาเริ่มมีเสียงหัวเราะแทรกเข้ามาเป็นระยะ จากความห่างที่ดูเหมือนแสนไกล นานวันเข้าค่อย ๆ ใกล้ชิดทีละน้อย จนความรู้สึกหวั่นไหวของภีมวัจน์มากขึ้นทุกวัน นับจากวันนั้นแม้พยายามลืมเธอมากเท่าใด แต่เขาไม่อาจลบล้างความรู้สึกเก่า ๆ ให้จางหายไปได้
เข้าวันรุ่งขึ้น เพียงแค่ปณิดาเดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมชุดแม่บ้าน ทว่าสายตาของพนักงานคนอื่นกลับมองตรงมาด้วยสายตาแปลก ก่อนพนักงานต้อนรับชายคนหนึ่งจะเดินเข้ามาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“เรารู้คำตอบละ ว่าทำไมจีบเธอไม่ติดสักที ที่แท้เธอมีเป้าหมายสูงกว่าพนักงานต้อนรับอย่างเรานี่เอง” เพียงแค่ได้ยินคำพูดของเอกภพ หญิงสาวก็เดาได้ทันทีว่าข่าวต่าง ๆ คงหลุดมาจากยัยตัวดีสองคนนั้นที่ตั้งแง่กับเธอนับจากวันแรกที่เข้ามาทำงาน
