บท
ตั้งค่า

4. เรื่องจริงหรือแค่ฝันไป

แม้ว่าพิพัฒน์จะตกปากรับคำกับท่านยายและคุณแม่จะพาเรื่องที่จะพาเธอกลับบ้านเมื่อฟื้นแล้วก็ตามแต่ระหว่างนี้ เขายืนกรานที่จะให้เธอพักอยู่กับเขาที่นี่ เพราะใกล้โรงพยาบาลมากกว่าที่บ้าน ทั้งที่คุณยายและคุณแม่ของเขาทัดทาน อยากให้พาเธอกลับไปพักอยู่บ้าน “พงศ์พิพัฒน์สวัสดิ์” เพื่อความเหมาะสมมากกว่าที่จะให้เธอพักอยู่ที่นี่กับเขาถึงแม้จะ มีจำเนียรมาอยู่รับใช้ด้วยก็ตามแต่หากคนทั่วไปทราบ คงเป็นเรื่องไม่ดีงามนัก แต่เขาก็ยืนยันด้วยเหตุผลอย่างหนักแน่นว่า

“ที่นี่อยู่ใกล้โรงพยาบาล ใกล้หมอมากกว่า”

แม้ว่าท่านยายและคุณแม่จะเข้าใจความคิดสมัยใหม่ของพิพัฒน์ ทั้งสองก็ยังไม่คลายความกังวล แต่ก็ต้องยอมโอนอ่อนตามความเห็นของพิพัฒน์ อนุญาตให้หญิงสาวแปลกหน้าพักอยู่ที่นี่สักพัก

‘ผ่านมาสองวันแล้ว ทำไมเธอยังคงไม่ฟื้น’ พิพัฒน์ครุ่นคิด

พิพัฒน์ถือว่าเธอยังมีโชคเข้าข้างอยู่บ้างถึงแม้จะมีเรื่องราวที่ไม่ค่อยดีสำหรับเธอตรงที่เกิดเหตุการณ์ในช่วงวันหยุดราชการ เขาจึงต้องไม่ไปทำงาน และได้โอกาสอยู่เฝ้าหล่อน เขาเปลี่ยนห้องว่างข้างๆ ให้เป็นห้องนอนชั่วคราวของเขา หมอมนูญที่แวะมาตรวจอาการของเธอทุกวันแต่ก็ไม่พบอาการผิดปกติอะไรจึงให้แต่น้ำเกลือและบอกกับเขาว่า

“สักสองสามวันเธอคงจะฟื้น ดูอาการไปก่อน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง จะห่วงมีเพียงอย่างเดียว คือ พ่อแม่ญาติพี่น้องจะออกตามหาเป็นห่วง”

ตลอดเวลาสองวันที่ผ่านมา มีคนแวะเวียนมาเยี่ยมหญิงสาวที่ตกน้ำทุกวัน คุณน้านำชุดในร้านที่คุยนักคุยหนาว่านำแฟชั่นที่สุดในพระนครมาให้เพิ่มอีกชุด เผื่อไว้ให้เธอสวมใส่ตอนที่ฟื้น เพราะกลัวว่าชุดที่ฝากไว้ก่อนหน้าที่มีเพียงชุดเดียวอาจไม่พอใส่ ทุกคนในบ้านของเขารู้สึกรักและเอ็นดู ถูกชะตาอยู่เธอไม่น้อย ต่างสันนิษฐานไปต่างๆ นานา ถึงเรื่องที่มาที่ไปของเธอ น้องหญิงบอกว่าเธอหน้าขาวเหมือนพวกลูกเจ้าสัวตระกูลใหม่ ทุกคนต่างเห็นด้วย แต่เขาไม่คิดเห็นว่าเธอจะใช่

ระหว่างที่หญิงสาวที่พิพัฒน์ช่วยชีวิตมายังไม่รู้สึกตัว ทั้งเขาเอง ท่านยาย คุณแม่ คุณน้า และน้องหญิง หมอมนูญ ต่างไม่นิ่งนอนใจ พยายามช่วยออกประกาศตามหาญาติให้กับเธอ แต่ก็ไม่พบและไม่มีวี่แววเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่เขาตั้งใจที่จะพาเธอกลับบ้านเมื่อฟื้นขึ้นหายดีแล้ว หรือไม่ก็ให้ครอบครัวของเธอมารับกลับบ้าน

บัวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นเป็นฝ้าเพดานไม้สีขาว พัดลมติดเพดานมีใบพัดเพียงสามใบ ตรงกลางเป็นโคมไฟ ลมเย็นๆ พัดโชยเข้ามาในห้องต้องตัว เธอหันไปมองทางหน้าต่างที่ชายผ้าม่านขาวปักเป็นดอกไม้หลากสี ทั้งสีแดง สีชมพู สีฟ้า สีเหลือง สลับกับใบไม้สีเขียวเรียงเป็นแถวตามชายม่าน ทำให้รู้ว่าผู้ปักมีฝีมือพิถีพิถัน ประณีตงดงามมาก บัวพยายามนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เธอตกน้ำที่หน้าวัดระฆัง ก่อนหมดสติระหว่างที่พยายามว่ายน้ำกลับขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ผล หลังจากนั้นบัวก็จำอะไรไม่ได้กระทั่งตอนนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือมันอาจจะเป็นแค่ความฝัน แต่เมื่อพิจารณาไปรอบๆ ห้องแล้ว ทำให้เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้ฝันไป บัวขยับตัวขึ้น พยายามมองทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ ห้อง ซึ่งบัดนี้ทุกอย่างดูชัดเจนยิ่งขึ้น

“มันคือความจริง” บัวพูดกับตัวเอง

บัวเริ่มคิด สิ่งต่างๆ ที่เธอเห็นรอบๆ ขณะนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่คุ้นเคย

‘หรือเราจะอยู่ในโรงพยาบาล แต่ ก็ไม่น่าจะใช่ เอ! หรือจะเป็นโรงพยาบาลที่ตกแต่งแบบวิทเทจ ไม่ติดแอร์มาในธีมรักษ์โลกหรา’

บัวมองไปรอบๆห้องที่ทาด้วยสีขาวนวลตั้งแต่ฝาผนังจนถึงเพดาน บัวมองที่พัดลมทองเหลืองตั้งพื้น และนาฬิกาโบราณสีน้ำตาลไหม้ทรงสี่เหลี่ยมยาว ที่แขวนบนผนังห้องอีกด้านหนึ่ง ครึ่งด้านล่างของนาฬิกา มีลูกตุ้มกลมๆ แกว่งไปมา ขณะนี้เข็มสั้นชี้ที่เลข 9 ส่วนเข็มยาวชี้ที่เลข 6 บัวมองผ่านหน้าต่างออกไป เห็นท้องฟ้าสีฟ้า มองลอดช่องผ้าม่านที่หน้าต่างก็มีต้นไม้ร่มรื่น แสงแดดอ่อนส่องผ่านเข้ามาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้บัวรู้สึกว่าร้อนแต่อย่างใด บัวจึงเดาว่าเวลานี้น่าจะเป็นเวลาเก้าโมงครึ่งในตอนเช้า บัวพยายามมองไปรอบๆ เห็นโต๊ะเขียนหนังสือ สีน้ำตาลอ่อน ขอบโต๊ะทั้งสี่ด้านเป็นลายเกะสลักดอกไม้ดูอ่อนช้อย บนโต๊ะมีหนังสือสองสามเล่มวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ถัดจากกองหนังสือคือโคมไฟที่ตัวโคมน่าจะเป็นแก้ว รูปร่างคล้ายกับดอกไม้ มีก้านโคมเป็นทองเหลืองโบราณ หน้าตาเหมือนที่บัวเคยเห็นในร้านขายของโบราณที่เคยแวะไปกับคุณยาย บนโต๊ะมีกรอบรูปขาวดำ ซึ่งบัวมองเห็นไม่ถนัดว่าคนในรูปคือใคร เก้าอี้ที่อยู่กับโต๊ะเขียนหนังสือเป็นเก้าอี้ทรงหลุยส์มีทั้งเบาะรองนั่งและและหมอนพิง ทั้งที่เก้าอี้ก็มีที่พิงหลังบุด้วยหนังน้ำเงินเข้ม ขอบเก้าอี้นั่งเป็นไม้สีน้ำอ่อน เข้ากับโต๊ะ มีการแกะสลักบริเวณขอบเก้าอี้เป็นลายเดียวกับขอบโต๊ะ ชั้นวางหนังสือเป็นไม้สีน้ำตาลอ่อนตั้งอยู่ข้างๆโต๊ะเขียนหนังสือ อีกมุมหนึ่งของห้องเป็นตู้เสื้อผ้าสีน้ำตาลอ่อนฝาตู้แกะสลักเช่นเดียวกันข้างๆตู้จะเรียกว่าเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ไม่เชิงเพราะไม่มีเก้าอี้นั่งคู่กับโต๊ะเครื่องแป้งเป็นกระจกขนาดใหญ่ขอบเป็นไม้แกะสลักและมีขาตั้งด้านข้างขอบกระจกด้านหนึ่งมีตะกร้าแขวนไว้ใส่หวีและมีน้ำหอมที่เธอไม่คุ้นตา ข้าวของเครื่องใช้ในห้องน่าจะเป็นของผู้ชายยกเว้นผ้าม่านที่ดูอ่อนหวานจนนึกไม่ออกว่าถ้าเป็นผู้ชายจะเป็นผู้ชายแบบไหน บัวคิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel