บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6

ตอนที่ 6

“กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมพ่อไม่ได้ยินเสียงรถเลย” บิดาถามบุตรสาวเมื่อนีรธาราสาวเท้าเข้าไปในบ้าน

“รถนีน...เอ่อ...มีคนขับรถชนท้ายรถนีนค่ะ นีนก็เลยส่งเข้าอู่ซ่อมไปเลย”

“แล้วนีนกลับยังไงล่ะลูก ทำไมไม่โทร.บอกพ่อ พ่อจะได้ไปรับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ นีนกลับเองได้ แล้วนี่นีนก็ถึงบ้านแล้วนะคะคุณพ่อ”

เพราะเกรงว่าบิดาจะสงสัย ซึ่งมันค่อนข้างจะผิดปกติวิสัยของเธอไปนิด ทุกครั้งหากเกิดเหตุฉุกเฉินไม่ว่าจะเรื่องอันใด นีรธารามักจะโทร.หาบิดาก่อนเป็นอย่างแรก ร่างบางเข้ามากอดร่างหนาของพ่อ คลอเคล้าออดอ้อนเต็มที่ด้วยหวังว่าความรักที่พ่อมอบให้จะช่วยปิดบังความจริงให้เธอได้

“ถ้างั้นพรุ่งนี้พ่อจะไปดูที่อู่ให้ ว่าแต่ลูกส่งเข้าอู่ไหนล่ะ พ่อจะได้ไปเร่งเขาให้” บิดาบอกอย่างหวังดี เข้าใจว่าลูกสาวคงอยากได้รถคืนมาเร็วๆ ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ใช้อิทธิพลนิดๆ หน่อยๆ ขี้คร้านเจ้าของอู่จะรีบเร่งลัดคิดซ่อมให้ทันที

นีรธาราถึงกับอึ้ง เธอลืมถามพยัคฆ์ไปเลยไม่รู้ว่าเขาจะเอาเข้าอู่ไหน แต่ถึงอย่างไรจะให้บิดารู้ไม่ได้ เพราะถ้ายอมให้บิดาไปเร่งช่างที่อู่ ความต้องแตกแน่ๆ

“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ พรุ่งนี้นีนกะว่าจะไปดูอยู่แล้ว ไม่ต้องเร่งหรอกค่ะ นีนไม่ได้รีบ เดี๋ยวนีนเอารถอีกคันของคุณพ่อไปใช้ก็ได้ค่ะ หรือคุณพ่อไม่อนุญาตคะ”

“ไฮ้...ทำไมจะไม่ได้ล่ะลูก เอารถพ่อไปใช้ก่อนเถอะ ลูกจะได้ไม่ต้องลำบาก แล้วนี่ทานอะไรมารึยัง”

“ยังค่ะ งั้นนีนขอตัวไปทานข้าวก่อนนะคะ”

ปกติแล้วนีรธาราจะกลับบ้านไม่เป็นเวลา เธอจะให้บิดามารดาทานข้าวกันไปก่อน ส่วนเธอทานทีหลังเป็นประจำแบบนี้เสมอ วันนี้ก็เหมือนกันเดินห่างจากบิดาออกมาได้ หญิงสาวก็ลอบเป่าปาก เห็นทีพรุ่งนี้เธอต้องตื่นแต่เช้าวิ่งโร่ไปดูรถที่อู่เสียหน่อยแล้ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จแต่ยังอยู่ในชุดคลุมผ้าขนหนู เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าใบย่อมก็ดังขึ้น นีรธาราลดผ้าขนหนูที่กำลังใช้เช็ดเรือนผมลงก่อนจะเหวี่ยงไปบนเตียง แล้วกดรับโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์โทร.ของใครก็ยังไม่ทราบ

“สวัสดีค่ะ”

“หมอนีน อาบน้ำแล้วหรือยัง”

หญิงสาวใจเต้นแรง เสียงนี้ต่อให้นานเพียงใดเธอก็ไม่มีวันลืม

“พี่เสือหรือคะ”

“ดีใจจังที่จำได้ พี่นึกว่าจะกลายเป็นแค่ทางผ่านสำหรับหมอนีนเท่านั้น”

แก้มสาวแดงแช้ด แม้กระทั่งเจ้าตัวที่เห็นจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้งยังไม่เชื่อว่าแก้มใสจะแดงได้มากขนาดนี้ หัวใจกำลังลั่นกลองระรัวแน่นอก นีรธาราทิ้งตัวนิ่งถ้อยคำเว้าวอนอ่อนโยนนั่นกำลังทำให้เธออ่อนแรง

“พี่เสือเอาเบอร์นีนมาจากไหนคะ”

“ไม่มีอะไรที่พี่ต้องการแล้วจะไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องของนีน ต่อให้ยากแค่ไหนพี่ก็จะหามาให้ได้”

หวามลึกไปถึงขั้วหัวใจของคุณหมอสาว

“แล้วพี่เสือมีธุระอะไรกับนีนหรือเปล่าคะ” บางทีการที่เขาหาเบอร์โทร.ของเธอจนได้อาจเพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

“ต้องมีธุระด้วยหรือถึงจะโทร.หานีนได้ ทำไมคุณหมอเย็นชาใส่พี่จัง ไม่ดีใจสักนิดเหรอที่พี่โทร.หา”

ดีใจสิ ดีใจจนเนื้อเต้น กล้ามเนื้อกระชับและคลายตัวไม่รู้ตั้งกี่รอบ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจที่กำลังทำงานหนักที่สุด

“ค่ะ นีนก็...ดีใจค่ะ อ้อ...พี่เสือคะ นีนมีเรื่องจะถาม” เกือบลืมเรื่องอู่ซ่อมรถไปแล้ว ต้องโทษเสียงออดอ้อนของเขาคนเดียว ทำเอาเธอควบคุมสติไม่อยู่ ถ้าลืมเรื่องสำคัญแบบนี้พรุ่งนี้มีหวังตายแน่

“อะไรจ๊ะหวานใจ”

‘พี่เสือหยุดพูดจาหวานๆ ให้นีนใจเต้นแรงก่อนได้มั้ยคะ นีนจะลอยพ้นพื้นอยู่แล้วนะ’ นีรธาราคิดแต่ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา ได้แต่คิด ได้แต่ห้ามอยู่ในใจ หากแต่ในความเป็นจริงเธอกลับชอบฟังคำพูดหวานๆ จากคนห่ามๆ อย่างเขามาก มากจนอยากได้ยินแบบนี้ไปทุกวัน

“เรื่องรถของนีนค่ะ พี่เสือเอาไปเข้าอู่ให้นีนหรือยังคะ” ถามไปแล้วก็เพิ่งคิดได้ เธอเจอเขาชนท้ายก็จวนเย็นแล้ว กว่าจะไปรักษาสันเสร็จก็เย็นย่ำพอดี แล้วอู่ที่ไหนจะยังเปิดทำการในเวลาแบบนั้น

“พรุ่งนี้เช้าพี่จัดการให้จ้ะ นีนรีบใช้หรือจ๊ะ”

“เปล่าค่ะ คือคุณพ่อถาม นีนยังไม่มีคำตอบให้ท่าน ไม่รู้จะเลี่ยงไปได้นานแค่ไหน”

“งั้นพรุ่งนี้หมอนีนมาหาพี่นะจ๊ะ พี่จะพาไปดูรถที่อู่ จะได้มีคำตอบให้คุณพ่อ”

“พี่เสือบอกชื่ออู่กับที่ตั้งมาเลยดีกว่าค่ะ นีนไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะงานยุ่งแค่ไหน”

“งานยุ่งหรือไม่อยากเจอพี่กันแน่ ไม่เป็นไร พี่จะทำอย่างที่นีนต้องการ พรุ่งนี้พี่จะให้อู่โทร.บอกนีนว่าอยู่ที่ไหนแล้วกันนะ”

“เอ่อ...อ๊ะ...ฮัลโหล พี่เสือคะ พี่เสือ” นีรธาราต้องผูกคิ้วให้กับความใจร้อนและขี้น้อยใจของพยัคฆ์ หัวก็ยังไม่ทันล้านไม่คิดว่าจะขี้น้อยใจง่ายขนาดนี้ เฮ้อ...สรุปว่าเธอคงต้องไปหาเขาแล้วล่ะ ไม่อยากให้เขาคิดหาว่ารังเกียจ ตัวก็โตยังขี้งอนเป็นเด็กตัวเล็กๆ

หญิงสาวนิ่งคิดถึงคนที่รีบตัดสายไปเสียก่อน เธอจะบันทึกเบอร์โทร.นี้เอาไว้ในเครื่อง แต่หน้าใสก็ส่ายไปมา ไม่ดีกว่า ถ้าบันทึกเก็บไว้วันดีคืนดีบิดารับสายแทนคงแย่แน่ เธอจะจดจำเอาไว้ในหัวใจ ที่ซึ่งจะไม่มีผลกับใครนอกจากใจตัวเอง

ดวงตาสีนิลหรี่แคบลงภายใต้แว่นกันแดดเพื่อจับจ้องร่างบางที่ย่างเท้าข้ามถนนมาหาอย่างรีบร้อน มุมปากได้รูปกระตุกเป็นริ้วๆ สมใจ ไม่เสียเที่ยวที่ต้องมาจอดรถรอเธออยู่ริมถนนโดยไม่แน่ใจเลยสักนิด แม้จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าถึงยังไงนีรธาราไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของเขา แมวน้อยชอบเขา เรื่องแค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก

คุณหมอสาวเปิดประตูแล้วแทรกกายเข้าไปในรถให้เร็วที่สุด ก่อนตวัดตามองรอบๆ ตัวจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครสนใจเธอ จึงค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย

“พี่ดีใจมากที่นีนมา พี่มาจอดรถรออยู่นานแล้ว กลัวอยู่ว่านีนจะไม่มา” พยัคฆ์คว้ามือสาวไปกุมไว้

“ถ้านีนไม่มาพี่เสือก็ต้องเคืองนีน นีนไม่อยากให้พี่เสือเข้าใจผิด” เธอบอก และมองท่าทียกมือขาวขึ้นจูบหนักๆ ใจสาวเป็นอันสั่นไหวอีกหน

“ขอบใจที่แคร์พี่ ที่โรงพยาบาลคนไข้เยอะไหม” พยัคฆ์เปลี่ยนเรื่อง

“ไม่ค่ะ อาจจะเป็นเพราะยังเช้าอยู่ แต่เอ่อ...ที่จริงวันนี้เป็นวันหยุดของนีนค่ะ”

“งั้นนีนก็ไปกับพี่ได้สิ”

“นีนตั้งใจจะไปอู่ซ่อมรถกับพี่เสืออยู่แล้วค่ะ” เธอตอบซื่อๆ พยัคฆ์ก็เลยเผยยิ้มกว้างให้หญิงสาวตาพร่ามัวไปกับเสน่ห์ในตัวของเขา เสน่ห์อันมากล้นที่มัดใจสาวๆ ได้อยู่หมัดเพียงแค่สบสายตา

“พี่หมายถึงที่อื่น หลังจากไปดูรถที่อู่แล้ว เราจะไปปิกนิกกัน”

“เอ๊ะ!! ปิกนิกเหรอคะ”

“ใช่ ”

นีรธาราไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนเนื่องจากอาชีพของเธอไม่เอื้ออำนวยให้มีเวลาเที่ยวได้บ่อยๆ การไปปิกนิกกับพยัคฆ์จึงเป็นเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้น อารมณ์เด็กๆ ผุดเข้ามามอบรอยยิ้มหวานๆ ดวงตาใสกระจ่างมองไปที่ชายหนุ่ม ทำเอาพยัคฆ์ตาพร่ามัวนึกอยากกอดแน่นๆ และทำอะไรตามใจตัวเองในตอนนี้นัก

“ไปค่ะ แต่นีนไปได้ไม่นานหรอกนะคะ นีนกลัวคุณพ่อจะรู้น่ะค่ะ”

สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปโดยที่นีรธาราไม่ทันได้เห็น สันกรามของเขากระตุกเป็นริ้วๆ ก่อนจะขยับตัวหันมาสบตาเธอตรงๆ

“ถ้านีนไม่สบายใจ เราไม่ไปก็ได้ เดี๋ยวพี่จะไปส่งนีนที่อู่แล้วกันจ้ะ”

คุณหมอสาวหน้าเสีย ละล่ำละลักปฏิเสธความเข้าใจของเขา

“ไม่ใช่นะคะ นีนเป็นห่วงพี่เสือนี่คะ”

“พี่ตามใจหมอนีน ถ้าไม่อยากไปหรือเป็นห่วงพี่ก็ไม่เป็นไร พี่อยากให้หมอนีนสบายใจ ไม่อยากทำให้ลำบากใจ”

“ไปค่ะ นีนจะไปกับพี่เสือค่ะ” นีรธาราโพล่งออกไป

พยัคฆ์ระบายยิ้มออกมาเต็มใบหน้า รอยยิ้มดีใจของเขาทำให้กระแสอารมณ์พุ่งพล่านอยู่ในทรวงอก อารมณ์ชนิดหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับคุณหมอสาวมาก่อน ไม่เคยมีใครทำให้หัวใจเธอเต้นแรงได้แค่ส่งยิ้มหวาน แต่สำหรับเขาดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น

“พี่ตามใจหมอนีน แล้วพี่จะรีบพากลับบ้านนะจ๊ะ”

“ค่ะ”

รถคันใหญ่เคลื่อนออกจากจุดนั้นพร้อมรอยยิ้มของพยัคฆ์ ดวงตาคมกล้าเป็นประกายนิ่งแน่วมองตรงไปยังเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด เป็นเส้นทางพาไปสู่สถานที่ที่เขามักจะพาตัวเองไปหลบอยู่เงียบๆ ตามลำพัง

ไม่ใช่ว่านีรธาราจะไม่เคยเห็นธรรมชาติอันแสนงดงาม ป่า เขา ลำเนา ไพร เธอเห็นมานักต่อนัก แต่สถานที่ที่ทำให้เธอไม่อยากกะพริบตาเอาเสียเลยแบบนี้ยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน ทันทีที่ลงจากรถและเดินตามแรงลากจูงของคนตัวโตข้างหน้า เธอก็ไม่อาจเก็บงำรอยยิ้มเล็กๆ เอาไว้ได้ ภาพเบื้องหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นภาพป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์มีลำธารพาดผ่าน ลำน้ำทอดยาวมาจากทิศเหนือไปสู่ทิศใต้ตัดผืนป่าสีเขียวขจีประดับประดาด้วยดอกไม้ป่ารายล้อม

แรงจูงรั้งพาเธอเดินไปเรื่อยๆ จนปลายเท้าสะดุดเพราะเธอไม่เป็นอันจะก้มหน้ามองพื้นดินขรุขระ ด้วยกำลังพิสมัยกับธรรมชาติที่เห็น ร่างบางเซหลุนๆ คนตัวโตหยุดกึกเอี้ยวตัวมาประคองคนตัวเล็กให้ก้าวต่อไป พร้อมทั้งก้มมองข้อเท้าบอบบางอย่างสังเกตโดยไม่มีคำพูดหรือคำถามใดๆ ออกจากปากของเขา

นีรธาราเดินต่อตามหลังคนตัวสูงกระทั่งสายตาสะดุดเข้ากับกระท่อมไม้ซุงหลังน้อยที่อยู่บนชะง่อนหินผาไม่สูงเท่าใดนัก ไม่ทันได้เอ่ยปากถามปลายเท้าก็สะดุดกับอะไรบางอย่างอีกหน พยัคฆ์คิ้วขมวดปรายตาคมหันมามองหญิงสาว

“เดินระวังหน่อย”

คุณหมอสาวพยักหน้าอ่อยๆ เพิ่งรู้ว่ากำลังก้าวข้ามสะพานไม้ที่ทอดตัวผ่านลำธารไปยังฝั่งตรงข้าม สะพานเล็กๆ นี้มีทุ่นลอยได้รองอยู่ใต้ล่าง คงจะทำเตรียมไว้เผื่อเวลาหน้าฝนน้ำเต็มตลิ่งสะพานจะได้ลอยตัวขึ้นสูงเหนือสายน้ำ เธอข้ามสะพานไม้ที่มีสภาพค่อนข้างแน่นหนาพอสมควรก่อนจะพาตัวเองปีนป่ายขึ้นไปตามก้อนหินก้อนใหญ่ ไม่นานต่อมาหญิงสาวก็หยุดนั่งบนแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ หน้ากระท่อมหลังน่ารัก

“กระท่อมของใครคะ”

“ของพี่เอง พี่ชอบมาซุกตัวอยู่ที่นี่เวลาอยากอยู่คนเดียว”

“พี่เสือพูดเหมือนกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ มีเรื่องอะไรเล่าให้นีนฟังได้นะคะ”

พยัคฆ์ทรุดนั่งลงแววตาขื่นขมสีหน้าอมทุกข์ นีรธารารู้สึกสงสารพยายามคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ผู้ชายคนนี้มีความทุกข์ ถ้าไม่ใช่...

“เมื่อตอนเด็กๆ ที่โรงเรียนจะจัดงานวันแม่ แม่ก็ไปร่วมงานให้พี่กราบเท้าและซุกหน้าบนตักพร้อมติดดอกมะลิที่อกเสื้อของแม่ พี่มีแม่ที่น่ารักและรักพี่มากที่สุด พี่รักท่านมากที่สุดจนไม่เหลือความรักไว้ให้ใคร พอถึงวันพ่อก็เป็นหน้าที่ของพ่อ แม้โรงเรียนจะไม่ให้พ่อมานั่งให้ลูกกราบ แต่พอถึงวันพ่อโรงเรียนก็จัดกิจกรรมให้พ่อลูกทำร่วมกัน ลุงเจ็ทก็มาเป็นพ่อให้พี่ตลอด จนพี่รักและเทิดทูนลุงเจ็ท พี่ให้ลุงเจ็ทเป็นพ่อโดยไม่เคยรู้ว่าพ่อตัวเองจริงๆ แล้วเป็นใคร”

“พี่เสือ...” นีรธาราสะท้านลึกไปกับสุ้มเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดรวดร้าว ทั้งสีหน้าและแววตาเศร้าหมองก็ทำเอาเธอน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “พี่เสือไม่ทราบหรือคะว่าเป็นลูกใคร”

“พี่เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อ แม่ของพี่ต้องระเห็จออกมาอยู่ตามลำพังในขณะที่ท้อง แม่แกร่งมากดูแลพี่ได้แม้ตัวเองต้องลำบากแค่ไหน ในขณะที่ตัวเองก็ทำอะไรลำบากมากขึ้นทุกที แม่เล่าให้ฟังว่าวันคลอดพี่ แม่เกือบเอาชีวิตไม่รอดถ้าไม่ได้คุณตำรวจช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล พี่เองก็อาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้”

“พี่เสือคะ เรื่องที่ใครๆ ก็พูดกัน พี่เสือทราบไหมคะ” นีรธาราถามเสียแผ่วแล้วตั้งตามองปฏิกิริยาของเขาหลังจากได้ยินคำถามของเธอ

“พวกเขาพูดมั่ว พี่เพิ่งมารู้ทีหลังจากลุงเจ็ท ที่จริงแล้วพี่เป็นลูกของลุงเจ็ท” ประกายตาคมวับของเขาคล้ายจอทอแสงอะไรบางอย่าง พยัคฆ์ต้องหลบตาวูบลุกขึ้นไขกุญแจเปิดประตูกระท่อมหลังน้อย

อากัปกิริยาเช่นนั้นทำให้นีรธารานึกสงสัย ท่าทางเขาเหมือนมีลับลมคมในอย่างไรไม่รู้ จะว่าเขาไม่อยากพูดถึงก็ไม่ใช่ คล้าย...กำลังปิดบังอะไรบางอย่างจากเธอ

แต่แล้วนีรธาราก็เดินตามร่างสูงเข้าไปในกระท่อม ภายในไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยสักชิ้นนอกจากฟูกและหมอนที่พับเก็บเรียบร้อยวางอยู่มุมหนึ่ง

“พี่เสือคะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไม...”

“เลิกพูดเรื่องนี่สักที พี่ไม่อยากพูดถึงมันอีก!” จู่ๆ เขาก็ตะโกนใส่หน้าเธอ ทำเอาหญิงสาวหน้าซีด พยัคฆ์พยายามระงับอารมณ์ให้ถึงที่สุด “ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” แล้วเขาก็ต้องขอโทษเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ นีนเองที่ผิด” นีรธาราคิดว่าเวลานี้เขาคงไม่อยากเห็นหน้าเธอ ถ้างั้นก็คงต้องเชิญตัวเองกลับ ช่วยไม่ได้ดันไปพูดถึงเรื่องบ้าๆ พวกนั้นเองนี่นา

“จะไปไหน!” ชายหนุ่มเรียกคุณหมอสาว เมื่อเธอกลับหลังหันแล้วก้าวไปทางเดิม

“นีนคิดว่า...อุ๊ย!” ร่างบางผวาไปข้างหลัง เมื่อวงแขนกำยำตวัดร่างเธอเข้าแนบกาย สุ้มเสียงแผ่วทุ้มดังเบาๆ อยู่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจอุ่นที่เป่ารดซอกหูชวนให้ขนบนกายลุกเกรียว

“พี่ไม่ให้นีนไปไหนทั้งนั้น ถ้าพี่จะปล่อยนีนไป พี่จะไม่พานีนมาที่นี่หรอก”

“พี่เสือคะ”

คุณหมอสาวถนัดแต่เรื่องรักษาคนเจ็บ ไม่คุ้นกับการเข้าถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ อ้อมแขนที่รัดแน่นราวปลอกเหล็ก ลมหายใจที่ปะทะซอกคอ ก่อนสะท้านเฮือกสุดตัวเมื่อริมฝีปากอุ่นๆ แตะแนบอยู่บนลำคอระหง

พยัคฆ์สูดกลิ่นเนื้อสาวเข้าปอด คลอเคลียปลายจมูกกับผิวเนื้อเนียนอุ่น ขบย้ำเนื้อนุ่มหนักหน่วงก่อนตวัดปลายลิ้นเลียความชุ่มชื้นแต้มอณูเนื้อสาวแสนหอม

“ทำไมเนื้อเธอถึงหอมนักหมอนีน พี่ไม่เคยได้กลิ่นเนื้อใครหอมเท่านี้มาก่อน”

เรียวลิ้นตวัดระรัวไซ้ไปตามซอกคออุ่น ขบแก้มนุ่มงับปลายคางแหลม แล้ววกขึ้นมาตวัดปลายลิ้นซุกซนเข้าสู่ใบหูนุ่ม เลียไล้วนไปมาอย่างต้องการจะแกล้งหญิงสาวให้ขนลุกเล่น

“อย่าค่ะพี่เสือ” นีรธาราร้องห้ามเสียงสั่นอย่างพยายามเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดให้ได้ เนื้อตัวยังอยู่ในวงแขนอุ่นที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยอย่างรู้สึกได้ เธออยากอยู่ใกล้เขาก็จริง แต่ไม่อยากเปลืองเนื้อเปลืองตัวแบบนี้

“รังเกียจพี่เหรอหมอนีน” พยัคฆ์แสร้งทำเสียงเศร้า พอหญิงสาวหันมามองสีหน้าระรื่นก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองฉับพลัน

“ถ้านีนรังเกียจพี่เสือ นีนไม่มาหรอกค่ะ”

“ถ้างั้นหันหน้ามามองตาพี่สิ นัยน์ตาของพี่จะบอกว่าพี่จริงใจกับหมอนีนมากแค่ไหน”

คุณหมอคนซื่อหันไปสบตาคนเจ้าเล่ห์ แววตาของเขาบอกอะไรบางอย่างชัดเจนจนไม่ต้องตีความหมาย คุณหมอแก้มผ่าวร้อน แม้จะไม่เคยมีแฟน แต่สายตาแบบนี้เธอได้รับอยู่บ่อยๆ ทว่าผู้ชายอื่นไม่ใช่คนที่เธออยากอยู่ในวงแขน ยกเว้นพยัคฆ์เจ้าของวงแขนอบอุ่นกำซาบลึกเข้าไปถึงทรวงใน

“เห็นไหม แววตาพี่บอกอะไรหมอนีนบ้าง”

“พี่เสือคะ นีนมีเรื่องอยากจะถาม”

“เรื่องอะไรจ๊ะ ถามได้ตอบได้” พยัคฆ์มอบรอยยิ้มหวานกระตุกใจสาวจนนีรธารากลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว

“อับดุล!” หญิงสาวนึกสนุกเรียกชายหนุ่มเป็นอับดุล

“เอ๊ย!” ชายหนุ่มก็ขานรับให้สมกับเป็นอับดุล

“เมื่อก่อนอับดุลไม่เคยชอบหน้านีน แล้วทำไมตอนนี้อับดุลเปลี่ยนไปล่ะคะ”

“ก็อับดุลคิดได้ หมอนีนดีกับคนของอับดุล หมอนีนไม่เกลียดอับดุลเหมือนพ่อของหมอนีน อับดุลเสียใจที่เคยทำไม่ดีกับหมอนีนบ่อยๆ อับดุลสำนึกผิดแล้ว หมอนีนจะให้อภัยอับดุลมั้ย”

“นีนไม่ให้อภัยพี่เสือหรอก เพราะนีนไม่เคยโกรธพี่เสือ แต่เรื่องคุณพ่อ...นีนอธิบายได้นะคะ”

“ลุงเจ็ทรักพี่มาก พี่กำลังคิดว่าจะเรียกพ่อ แม่เองก็บอกดี”

“ขอโทษนะคะ พี่เสือเชื่อว่าลุงเจ็ทเป็นพ่อของพี่จริงๆ เหรอคะ”

“ทำไมถามพี่แบบนี้” พยัคฆ์ทำเสียงดุ “อย่ากังขาในความดีของลุงเจ็ท พี่เองก็ถอดแบบท่านมาทุกอย่างนี่นา”

พยัคฆ์พูดไม่ผิด เขาถอดแบบเจ็ทเตอร์มาหมดในด้านรูปร่างและเค้าโครงใบหน้า แต่แววตาของเขาไม่เหมือนเจ็ทเตอร์เลยสักนิด ทว่านีรธาราไม่อยากถูกดุ เธอจึงเลือกที่จะเงียบ

เมื่อหญิงสาวเงียบ ชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มแล้วคลอเคลียแก้มสากเข้ากับแก้มนุ่ม

“หมอนีนจ๋า ทำไมน่ารักน่าปรารถนาแบบนี้นะ พี่คงอกแตกตายแน่ๆ ถ้าอยู่ใกล้หมอนีนนานๆ แบบก้อนหิน พี่ขอได้มั้ยจ๊ะ”

นีรธาราเบิกตากลมโตเท่าไข่ห่าน พยัคฆ์จำต้องสะกดอารมณ์ความลึกล้ำให้ถึงขีดต่ำสุด กระแสเสียงที่เปล่งออกมาหลังจากนั้นจึงสั่นเทิ้ม

“ไม่ต้องตกใจ พี่ไม่ทำร้ายหมอนีนแน่ พี่ขอแค่สิ่งที่หมอนีนจะให้ได้เท่านั้นจ้ะ”

“พี่เสือสัญญากับนีนสิคะ แล้วนีนจะให้” เธอก็ใช่จะซื่อเชื่อคนง่ายเสียทีเดียว อย่างน้อยต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันบ้าง แค่คำสัญญาก็ยังดี

“ได้สิจ๊ะ พี่สัญญาจะไม่ล่วงเกินนีนมากกว่าที่ควรจะเป็น”

กระแสเสียงเปล่งกระซิบแผ่วพร่าชวนให้หญิงสาวลืมกายลืมใจ ดวงตาเว้าวอนเรียกร้อนหิวกระหายก็ดูจะมีอำนาจกว่าครั้งใดๆ ที่ได้สบตากัน แม้นีรธาราจะเคยสัญญากับตัวเองเอาไว้จะไม่ชิงสุกก่อนห่าม ทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามแนวทางที่ควรจะเป็น ทว่าครั้งนี้เธอทนทานกระแสแห่งความปรารถนาที่ส่งมาจากเจ้าของร่างสูงไม่ได้จริงๆ หัวใจของเธอร่ำๆ แต่อยากอยู่ในอ้อมแขนของเขา ริมฝีปากของเธออยากอ้าออกเพื่อให้ลิ้นของเขาซุกซอนเข้าไปข้างใน

‘ไม่นะนีน มันผิด เธอจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้ไม่ได้ มันบาปนะ’

ซีกหนึ่งของหัวใจร้องห้ามตรงกันข้ามกับใจอีกด้านที่โหยหาสัมผัสของเขา

‘ถ้าเธอรักเขา เธอก็ยอมเขา เธอแอบรักเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอนีรธารา แล้วเธอจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปได้ยังไง’

หัวใจอีกฟากดูคล้ายจะมีอำนาจมากกว่า ความรู้สึกนั้นบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเสียจนร่อยหรอ เธอไร้กำลังใจจะต่อต้าน ไร้อำนาจที่จะทัดทานความต้องการของตัวเอง

เธอหลงรักนายหัวพยัคฆ์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ จำไม่ได้หรอก แต่มันนานแล้ว หลายปีแล้วที่เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเขาอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดมา ไม่ว่าจะพยายามต้านทานอย่างไรเธอก็ยังจดจำเขาได้ขึ้นใจ ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น เรื่องนี้ไม่เคยถูกแพร่งพรายให้ใครรู้นอกจากตัวเธอเองที่เก็บงำความรู้สึกนี้เอาไว้คนเดียว

เขาเกลียดเธอ เกลียดพ่อของเธอ แต่ทำไมเธอถึงสลัดเขาไปจากใจไม่ได้ เหตุผลนั้นอยู่ในใจของเธอผู้เดียว

“หมอนีนจ๋า พี่เสือจะขาดใจแล้วนะ”

ร่างบางโถมเข้าสู่อ้อมแขนของพยัคฆ์ มือหนารีบประคองสองแก้มให้ใบหน้าแหงนรับจุมพิตจากเขา จุมพิตรุ่มร้อนดูดดื่มปานกลืนกิน จุมพิตตะกละตะกลามแผดเผาไปทั่วเรียวปากอย่างไม่สนว่าปากนุ่มจะชอกช้ำหรือไม่ นีรธาราเผยอปากเพื่อหอบหายใจแฮ่กๆ เรียวลิ้นสากพุ่งเข้าสู่ลิ้นเล็กตวัดเป็นเกลียวและรีดความหวานให้กลืนหายลงลำคอ

พยัคฆ์ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองแทบจะทุรนทุรายลงไปดิ้นพล่านอยู่กับพื้นเมื่อสองนาทีก่อน หากนีรธาราปฏิเสธเขาคงไม่ต่างจากสัตว์เลื้อยคลานถูกสาดน้ำร้อน ความร้อนเกาะกินใจจนแทบอยากกระชากเธอเข้าหาตัวและทำตามความต้องการของตัวเองให้จบให้สิ้น แต่ว่าพอได้จูบเธอจริงๆ จังๆ เขาจึงเข้าใจว่าความต้องการที่มีให้เธอจะไม่มีวันจบสิ้น นานวันเข้ากลับยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

มือหนาลูบไล้สะโพกงอนสวย หนั่นเนื้อนุ่มแต่แน่นอย่างคนที่ไม่เคยต้องมือชายมาก่อน เรียกเลือดหนุ่มให้ระอุพล่านส่งออกมาเป็นลมหายใจร้อนวูบวาบ แม้กระทั่งปลายจมูกตัวเองก็ยังอุ่นร้อน มือหนาขยำลูบคลำเรือนร่างอรชรเต็มไม้เต็มมืออย่างเพลิดเพลินจนไม่อยากถอนออก แล้วยิ่งขยำก็ยิ่งอยากสัมผัสเนื้อแท้ที่เนียนเรียบ อยากเห็นความขาวผ่องเป็นยองใย อยากเห็นเรือนร่างแสนสวยชนิดนางฟ้านางสวรรค์ก็อาจเทียบไม่ติด

ครั้งก่อนเกิดขึ้นในรถ ที่แคบๆ แบบนั้นทำให้เขาไม่อาจทำอะไรตามใจตัวเองได้ถนัด แต่ครั้งนี้พยัคฆ์ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าอะไรที่ยังไม่ทำในหนก่อนจะไม่พลาดในหนนี้ รวมถึงพรหมจรรย์ของเธอด้วย

“พี่เสือคะ เดี๋ยวค่ะ”

มือไม้ของพยัคฆ์ยุ่มย่ามไปทั่วเนื้อตัวโดยเฉพาะสะโพกของเธอก็ยังถูกช้อนขึ้นบีบขยำ กระโปรงชายลูกไม้ของเธอถูกเลิกขึ้นสูงจนมือของเขาสัมผัสโคนขาเนียน นีรธาราถึงกับสะดุ้งผิวบริเวณนั้นกลายเป็นหนามเล็กๆ เมื่อขนทั่วกายขนลุกซู่ซ่าไปหมด หากแต่พยัคฆ์ไม่สนใจมือเล็กที่พยายามปัดป้อง

เขาเลื่อนมือขึ้นเรื่อยๆ สอดเข้าไปในกระโปรงเพื่อลูบสะโพกผายตึง สำเหนียกถึงความเซ็กซี่ร้ายกาจที่ซ่อนอยู่ในความหวานเรียบง่ายของเธอ กางเกงชั้นในผ้าลูกไม้บางแนบไปกับผิวเนื้อ เขาลูบไล้ทั่วความงอนเช้งผิวผ้าขรุขระสลับความเนียนละเอียดที่ลอดออกมาตามลายลูกไม้ ทำให้พยัคฆ์ต้องเบี่ยงหน้ากดปากลงกับซอกคอสาว และตั้งใจปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้ระอุร้อนเท่ากัน

นีรธาราปากสั่นไรฟันกระทบกันดังกึกจึงเม้มปากแน่นและกลายเป็นกัดริมฝีปากตัวเองไว้ เมื่อปลายนิ้วซุกซนของคนที่ยังไม่ยอมหยุดแม้จะได้ยินเธอเรียก กลายเป็นว่าตอนนี้เธอต้องสะกดอารมณ์ที่เคลื่อนไปตามปลายนิ้วของเขาให้หยุดนิ่ง มันช่างยากเย็นแสนเข็ญ ปลายนิ้วของเขาสอดเข้าไปในขอบขาของกางเกงชั้นในลูกไม้เพื่อแตะต้องเนื้อแท้โดยไร้สิ่งกีดขวาง

ความเนียนนุ่มใต้ฝ่ามือเร่งเร้าให้ชายหนุ่มขบเม้มซอกคออุ่นหนักๆ หลายครั้ง ทำเอาร่างสาวสะดุ้งวาบครางเสียงแผ่ว ริมฝีปากที่คลานต่ำลงมาเรื่อยๆ ไปตามใต้คางหยุดลงที่แอ่งชีพจรอุ่น ชะงักลมหายใจเป่าเนื้อเนียนค้างเติ่งเพราะมือหนากำลังรั้งชั้นในลูกไม้ต่ำลงเรื่อยๆ

“พี่เสือคะ เดี๋ยวค่ะ อา...”

นีรธาราเปล่งเสียงเรียกอีกครั้งเมื่อปากเขาหยุดนิ่ง ริมฝีปากเธอสั่นและเขาคงได้ยินเสียงไรฟันกระทบกันถึงเงยหน้ามอง รอยยิ้มที่ส่งผ่านมาให้สกัดกั้นคำถามที่ติดอยู่บนเรียวปากอิ่มให้จมดิ่งอยู่แค่ความคิด อีกนิดเดียวความคิดก็พาลสะดุดกึกกลายเป็นคิดอะไรไม่ออก รู้สึกแค่เพียงปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือเนินนางกลางร่าง

“อย่าเพิ่งพูดอะไรจ้ะ แค่รู้สึกอย่างเดียวก็พอ”

เสื้อยืดตัวสวยของหญิงสาวถูกดึงออกจากร่างอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มีเวลายับยั้งและคิดใหม่แต่ไม่ทำ ได้แต่คล้อยตามความต้องการของเขา แม้กระทั่งร่างเล็กจะถูกดันให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ จนชิดฝาห้อง รอยยิ้มบางๆ แต่ตรึงใจเธอก็เปิดเผย

“อย่ากลัวจ้ะ ไม่มีอะไรต้องกลัว เชื่อพี่นะคนเก่ง”

“พี่เสือคะ คือนีน...เราไม่...”

“ไม่มีคำว่าไม่สมควรนีน เชื่อพี่นะ”

พยัคฆ์รู้เธอกำลังจะห้ามปรามความต้องการของเขา ซึ่งเขาไม่มีทางให้ อุตส่าห์หลอกล่อมาได้ขนาดนี้แล้วจะให้ปล่อยเธอไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่นายเสือ

เจ้าของร่างบางยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยใดๆ กระโปรงสีอ่อนที่มีชายผ้าลูกไม้สีขาวดูหวานไปทั้งตัวถูกตลบขึ้น ชายหนุ่มเขม้นตามองเนินสามเหลี่ยมที่ถูกชั้นในลูกไม้คาดปิดเอาไว้หมิ่นเหม่เพราะฝีมือของเขา ผิวขาวตัดสีดำของผ้าลูกไม้ช่างเซ็กซี่เต็มประดา นึกเล่นๆ หากนีรธาราใส่ชั้นในผ้าลูกไม้นี้เพื่อเขาจะดีแค่ไหน

ลมหายใจของพยัคฆ์เหมือนจะผ่าวร้อนและติดขัดขึ้นมาดื้อๆ เพียงแค่ได้มองความขาวนวลอวบอิ่มเบื้องหลังผ้าลูกไม้ชิ้นจิ๋ว เขาค่อยๆ เกี่ยวปลายนิ้วรั้งขอบชั้นในตัวกระจ้อยร่อยลงต่ำ มือข้างหนึ่งช่วยยกปลีขาสวยทีละข้างเพื่อถอดผ้าชิ้นน้อยออกจากร่าง ขาสั่นๆ ของหญิงสาวก็ยกตามแต่ที่เขาต้องการแบบกล้าๆ กลัวๆ คราวนี้ก็เหลือแค่กระโปรงยาวแค่เข่ากับเสื้อชั้นในผ้าลูกไม้สีดำเข้าชุดกัน

พยัคฆ์จับจ้องสองเต้าตูมเต่ง มองฝ่าผ้าบางๆ เข้าไปยลความงามของยอดทรวงสีทับทิมหวานที่เห็นรำไร และแอบมองดวงหน้าสวยหวานของสาวเจ้าถึงได้เห็นว่าเธอจ้องเขาตาปรือปรอย รอยยิ้มที่เขามอบให้ดูจะมีค่ามาขึ้นทุกเสี้ยววินาที นีรธาราอยากเห็นรอยยิ้มนี้ตลอดไป

ดวงตาคมปราบวาววับยามจับจ้องเนินเนื้อสองเต้าอวบใหญ่ชนิดซ่อนรูปใต้เสื้อผ้าอย่างมิดชิด ร่างสูงคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ยกมือขึ้นปลดเสื้อชั้นในแล้วลูบไล้ความนุ่มหยุ่นอีกทั้งยังบีบขยำแผ่วๆ สลับหนักหน่วง

“อืม...พี่เสือคะ” นีรธารากลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว ทรวงอกเต่งตึงของเธออยู่ในอุ้งมือหนาของเขา อุ้งมือสากเพราะกรำงานหนักทำให้รู้สึกระคายผิวบอบบางนิดๆ แต่แวบเดียวความระคายเคืองก็แปรเปลี่ยนเป็นความวาบหวิว

นายหัวหนุ่มรูปงามผู้มีดวงหน้าที่รกเรื้อไปด้วยหนวดเครา ภายใต้ท่าทีดิบเถื่อนยังมีความอ่อนโยนซุกซ่อนเอาไว้ อย่างมือที่กำลังขยำทรวงอกหยุ่นก็หาได้รุนแรงจนรู้สึกเจ็บ กลับถูกประคับประคองด้วยความสากร้อนที่แต้มไปทั่ว โดยเฉพาะตอนนี้จุดอ่อนบนร่างกำลังถูกปลายนิ้วสะกิดคีบราวกับนิ้วนั้นเป็นตะเกียบก็ไม่ปาน

พยัคฆ์อดใจจับจ้องเต้าทรวงอันเย้ายวนเพียงสายตาไม่ไหว จำต้องเหยียดตัวขึ้นอีกนิดเพื่อใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับยอดถันก่อนจะครอบครองปลายถันสีหวานดูดดึงเข้าสู่อุ้งปากร้อนชื้น ปลายลิ้นวาดเลียเม็ดทับทิมแสนหวานดูดกลืนรสชาติแสนอร่อยอย่างหิวกระหาย นีรธาราเสียวซ่านไปทุกอณูความรู้สึก ยอดทรวงที่อ่อนไหวราวดอกหญ้าพลิ้วลู่สายลม สะบัดไปมาอย่างอ่อนช้อนอยู่ในปากหนาที่ยังดื่มด่ำความหวานของผิวเนื้อ

มือบางจิกทึ้งชายกระโปรงที่ยังค้างเติ่งอยู่บนเรือนร่าง ขยำดึงรั้งแล้วบิดเป็นเกลียว ข้อนิ้วซีดขาวอย่างเกร็งแน่น ริมฝีปากห่อเล็กสูดลมหายใจและระบายความอัดอั้นออกมาเป็นเสียงครวญครางดังแผ่วๆ

ชายหนุ่มเลื่อนตัวลงโดยที่ยังไม่อยากปล่อยมือจากความนุ่มนวลที่ให้ความรู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าคล้อยต่ำลงถึงเอวเล็กประดับด้วยสะดือสวยเรียวบนหน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน ตวัดเรียวลิ้นทิ้งความชุ่มชื้นเวียนวนอยู่รอบสะดือจนพอใจแล้วนั่นแล จึงปล่อยมือจากเต้าถันเพื่อตลบชายกระโปรงขึ้นสูง

พยัคฆ์ทิ้งตัวต่ำนั่งติดพื้น มือสองข้างรั้งชายกระโปรงขึ้นไม่ปล่อย ดวงตาจับจ้องเนินนางอวบนูนกลางเรือนร่างมีไยไหมบางๆ ปกคลุมตามธรรมชาติเรียกรอยยิ้มกระตุกเป็นริ้วๆ เหนือริมฝีปาก ธรรมชาติคิดว่าไยไหมบางๆ นี่จะป้องกันอะไรได้ ทว่าธรรมชาติก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่น่าค้นหา ภายใต้หลืบเร้นลับ ใต้ไยไหมนุ่มเส้นเล็กนั้นมีอะไรซ่อนอยู่

“กางขาออกนิดสิจ๊ะหมอนีน”

“พอ...พอแล้วค่ะพี่เสือ”

“ไม่จ้ะ มันไม่ใช่คำตอบที่พี่ต้องการ ตอนนี้พี่อยากเชยชมเธอให้สมใจเสียก่อน กางขาออกหน่อยสิจ๊ะคนดี นะ” ลองลงท้ายด้วยน้ำเสียงเว้าวอนแบบนี้ มีหรือนีรธาราจะใจแข็งอยู่ได้

เธอมองจ้องเข้าไปในดวงตาคมที่เปลี่ยนประกายเป็นหวานเยิ้มอย่างทำอะไรไม่ถูก และพอชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักขาสั่นๆ ก็แยกออกจากกัน นอกจากขาจะสั่นแล้วมือของเธอก็ยังสั่นไปหมด ต้องคอยเกร็งนิ้วจิกลงบนหัวไหล่หนา

พยัคฆ์ชื่นชมความงามอันน่าพิสมัยด้วยสายตาก่อนยัดชายกระโปรงใส่มือบางทั้งสองข้างและบังคับด้วยสายตาให้เธอจับมันไว้นิ่งๆ ซึ่งนีรธาราก็ไม่กล้าขัดใจ อะไรบางอย่างในดวงตาของเขาสั่งห้ามไม่ให้เธอปฏิเสธ รวมทั้งหัวใจที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าก็กำชับให้ทำตามความต้องการของเขา

เนินเนื้ออูมอิ่มเด่นชัดอยู่ตรงหน้า พยัคฆ์สอดฝ่ามือไปด้านหลังคลึงเคล้นสะโพกผายไปมา ร่างบางแอ่นตามแรงผลักให้เนินนางจรดริมฝีปากที่โฉบเข้าหา เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อไรเคราเป็นตอๆ ทิ่มแทงเนื้อนิ่มบอบบาง กัดริมฝีปากไว้อย่างกลัวเจ็บ แต่ไม่เลย ความรู้สึกนั้นกลายเป็นความจั๊กจี้เซ็กซี่แปลกๆ มันไม่ได้ชวนให้หัวเราะจนท้องแข็งแต่มันทำให้สีหน้าของเธอแดงก่ำสลับซีดขาวก่อนจะกลายเป็นแดงเข้มยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศสุก

ริมฝีปากของชายหนุ่มดูดดื่มเกสรเล็กๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เกสรของเธอน่ารักเป็นตุ่มเล็กๆ และเขาจะต้องทำให้มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ปลายลิ้นจึงตวัดเลียตุ่มเกสรนารีเบาๆ เพียงแค่นี้ความซ่านกระสันก็ทำให้มันอวบหนาขึ้น เป็นการบอกว่าเธอเองก็ต้องการเขา

พยัคฆ์แทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ เมื่อดื่มด่ำกับความหวานของน้ำหวานที่แนบชิดกับปลายลิ้น แอ่งน้ำหวานตามธรรมชาติมีรสชาติกลมกล่อมและเขาก็ไม่อาจถอนริมฝีปากออกจากตรงนั้นได้ กระทั่งหญิงสาวยืนไม่ไหว ขาแข้งสั่นเกินไป เธอเผลอปล่อยชายกระโปรงลงจึงกลายเป็นครอบศีรษะของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มจึงต้องถอนใบหน้าออกอย่างอ้อยอิ่ง

“หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอหนาแผ่วๆ แล้วลุกขึ้นตวัดร่างบางพาไปนอนราบบนฟูก แล้วกระโปรงที่เป็นอุปสรรคก็หลุดไปจากร่างขาวโพลน

“สวยมาก สวยที่สุดและหวานที่สุดด้วยรู้มั้ยจ๊ะ” พยัคฆ์พึมพำก่อนจับเรียวขาตั้งฉากกับพื้นแล้วแทรกตัวเองเข้าไปหา

สติของนีรธาราแตกกระเจิงตั้งแต่ส่วนเร้นลับถูกดูดดึงด้วยเรียวปากของเขา ตอนนี้สมองของเธอเลยไม่สั่งการใดๆ นอกจากได้แค่นอนนิ่งๆ คอยจิกโน่นดึงนี่อย่างสกัดกั้นอารมณ์ เสียงครางแผ่วๆ ในลำคอยังคงดังออกมาเรื่อยๆ เธอได้ยินเสียงตัวเองแล้วให้นึกเกลียดตัวเองที่ทอดกายให้เขาเชยชมง่ายๆ เพียงแค่ความรู้สึกที่อยู่ในใจมีอำนาจเหนือกว่าสิ่งใดๆ เท่านั้น

ร่างอรชรยักย้ายส่ายไหวไปมาอยู่บนฟูก กลีบกุหลาบแสนสวยยังคงถูกภมรหนุ่มจาบจ้วงด้วยปลายลิ้น เธอรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่คอยลามเลียไปทุกซอกทุกมุม รู้สึกถึงปลายนิ้วที่บังคับให้เธออยู่นิ่งๆ รู้สึกถึงความแข็งแหลมของสันจมูกที่บางครั้งก็กดลงบนกลีบนุ่ม ซ่านเสียวชนิดที่ไม่เคยรู้จัก เปลือกตาที่หลับพริ้มเบิกกว้างมองเพดานสิ้นสุดการบังคับกายใจ เมื่อแสงสีขาววาบเข้ามาทางหางตาพร้อมๆ กับอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น เหมือนร่างจะลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ลอยคว้างกลางอากาศแล้วใครบางคนก็ฉุดให้เธอร่วงลงมาจากฟากฟ้า

“กรี๊ดดดดด” เสียงใครบางคนหวีดร้องดังก้องป่า นีรธาราตกใจหลังจากดึงสติคืนกลับมาถึงรับรู้ว่าเป็นเสียงของเธอเอง

โอ...ใช่เสียงของเธอจริงๆ ด้วย

พยัคฆ์ถอนเรียวปากออกดึงตัวขึ้นจูบหญิงสาวอย่างหนักหน่วง นีรธาราได้กลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นหอมแปลกๆ ติดอยู่บนริมฝีปากของเขา

“หวานมากคนเก่ง ที่นี้ตาพี่บ้างนะ”

ชายหนุ่มถอดเสื้อออกเผยอกกว้างล่ำสันมีขนหน้าอกบางๆ ให้หญิงสาวเห็น นีรธาราเบือนหน้าหนีสติของเธอกลับมาทำให้รับรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อจากนี้

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าใบย่อมดังขึ้น ในขณะที่พยัคฆ์ไม่มีแก่ใจจะให้ความสนใจสิ่งอื่นนอกจากร่างขาวๆ ตรงหน้า นีรธาราก็ลุกพรวดดุจนักชกที่กรรมการเกือบจะเป่าน็อกผลักร่างสูงที่ขวางทางออก ลนลานหยิบมือถือออกจากกระเป๋าแล้วรีบกดรับ

“ค่ะคุณพ่อ”

“นีนไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลเหรอลูก”

“นีน...คือ...นีนมาหาเกวแล้วก็พากันมาทานข้าวน่ะค่ะ แต่วันนี้วันหยุดนีนนะคะ”

“อ้าว...นีนไม่เห็นบอกพ่อว่าหยุดวันนี้ แล้วนี่รถอยู่อู่ไหนล่ะลูก”

“เรื่องรถไม่เป็นไรค่ะพ่อ นีนไปดูมาแล้ว ช่างบอกจะแซงคิวให้ด้วยนะคะ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้านีนทานข้าวเสร็จแล้ว นีนจะกลับบ้านเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรลูก พ่อก็แค่โทร.มาถามดู นีนจะไปไหนกับหนูเกวต่อก็ไปเถอะลูก หนูจะได้พักบ้าง”

“ค่ะคุณพ่อ”

“แค่นี้นะลูก กลับบ้านดีๆ นะ หรือถ้าจะให้พ่อไปรับก็โทร.บอกนะลูก”

“ค่ะคุณพ่อ บ๊ายบายค่ะ”

ยังไม่ทันวางสาย อ้อมแขนอุ่นก็สอดมารัดรอบกาย ฝ่ามือใหญ่วางบนทรวงอกอวบอิ่มเคล้นคลึงไปมา

“อุ๊ย!! พอเถอะค่ะพี่เสือ นีนคงต้องไปดูรถที่อู่แล้วล่ะค่ะ คุณพ่อโทร.มาบอกว่าไปหาที่โรงพยาบาลแต่ไม่พบนีน แบบนี้นีนคงต้องรีบกลับค่ะ”

ถ้าบิดารู้ว่าเธอมาทำอะไรกับพยัคฆ์ในกระท่อมกลางป่ากลางดงแบบนี้ มีหวังคงได้ตายกันไปข้างหนึ่งแน่ๆ ทางที่ดีเธอควรจะรีบไปจากที่นี่ก่อนที่บิดาจะสงสัย

“แล้วพี่ล่ะนีน นีนจะปล่อยพี่ไว้แบบนี้น่ะหรือ” ไม่เพียงแต่บอก พยัคฆ์ยังชี้นิ้วให้ดูเป้ากางเกงตุงๆ เป็นรูปร่างของเขาอีกด้วย

“เอ่อ...นีน...คือ...”

“นีนเป็นหมอ นีนน่าจะรู้ว่าไม่ควรจะปล่อยให้พี่ค้างเติ่งอยู่บนยอดดอยนะจ๊ะ”

“นีนติดไว้ก่อนได้มั้ยคะพี่เสือ วันนี้นีนรีบจริงๆ ค่ะ”

พยัคฆ์ถึงกับนิ่งงันไปนาน เธอช่างเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายจริงๆ เธอคงคิดว่านี่เป็นเรื่องเล่นๆ และเขาก็อยากบอกว่ามันไม่ใช่การเล่นขายของ เพราะถ้าเขายังค้างแบบนี้ต่อไป บางทีอาจจะต้อง...

“นะคะพี่เสือ ให้นีนติดไว้ก่อน แล้วนีนจะใช้คืนให้นะคะ”

ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ไม่รู้จะต้องทำยังไงกับเธอดี เธอทำให้เขาหัวเราะได้แม้ยามเจ็บปวด

“ฮ่ะ ฮ่ะ พี่กำลังจะตายนะจ๊ะ แต่เอาเถอะ สีหน้านีนตอนนี้พี่หมดอารมณ์แล้ว พี่จะให้นีนติดไว้ก่อนก็ได้ แต่นีนต้องใช้หนี้พี่ในวันหลังตกลงมั้ย”

“ได้ค่ะ นีนจะใช้ให้วันหลัง วันนี้พี่เสือพานีนไปดูรถก่อนนะคะ”

พยัคฆ์เป่าปากดึงนีรธาราขึ้นยืนแล้วสวมเสื้อผ้าให้ทุกชิ้น ความอ่อนโยนของเขาทำให้หญิงสาวหัวใจพองโต ความรู้สึกที่มีมากอยู่แล้วก็เพิ่มมากขึ้นทุกนาที

“มีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่จะอดทนแบบพี่ได้” นีรธารามองคนตัวโตที่ยืนกลับเสื้อก่อนสวมอย่างงงๆ

“แต่พี่เสือก็สัญญากับนีนแล้วว่าจะไม่ทำอะไรนีนนี่คะ” เธอแย้งเพราะคิดว่าตัวเองไม่ผิด

“พี่ก็ไม่คิดจะล่วงเกินนีนกว่าที่ควรจะเป็นนี่จ๊ะ พี่ก็แค่อยากให้นีนช่วยพี่เท่านั้น”

“ช่วย?” คุณหมอสาวทำหน้างง

“ก็ถ้าพี่ไม่ได้นีน แต่พี่ก็อยากให้เรามีความสุขด้วยกัน แล้วนี่พี่ก็ทำให้นีนมีความสุขแล้ว แต่นีนทำให้พี่ค้างกลางอากาศ พี่อยากงอน!” ว่าแล้วผู้ชายตัวโตก็สะบัดหน้าพรืด

นีรธารายิ้มกว้างมองคนงอนน่ารักอย่างเพลินตา แล้วเธอก็กอดเขา บอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอนเอาอกเอาใจชนิดที่ใครได้ยินก็ต้องยิ้มให้

“นีนขอติดไว้ก่อนนะคะ แล้วนีนจะแก้ตัวทีหลัง นะคะพี่เสือ”

พยัคฆ์หันมายิ้มตาพราว

“นีนเป็นคนแรกที่ขอติดพี่ และพี่ก็ใจดำกับนีนไม่ได้ด้วย เอาเป็นว่าพี่ให้หมอนีนติดไว้ก่อนนะ วันหลังพี่จะเรียกร้องทั้งต้นทั้งดอก”

“ค่ะพี่เสือ แต่วันนี้พี่เสือต้องพานีนไปจัดการเรื่องรถให้เรียบร้อยนะคะ”

“ไม่เกิน 2 วันก็เสร็จ พี่เร่งอู่ให้แล้ว แผลไม่มาก ที่จริงวันเดียวก็เสร็จ เดี๋ยวเย็นๆ พี่จะให้คนไปดูอีกที ถ้าได้ก็จะเอาออกมาให้เลย”

อู่ซ่อมรถที่ว่านี้เป็นอู่ของเพื่อนพยัคฆ์ เขาใช้ความเป็นเพื่อนกับเจ้าของอู่เร่งซ่อมให้ทั้งรอยบุบและสีรถ ลัดคิวลูกค้าคนอื่นใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ พยัคฆ์จึงไม่ซีเรียสเรื่องเวลา

“จริงหรือคะ ดีจัง งั้นนีนขอไปดูเองนะคะ พี่เสือพานีนไปนะ นีนอยากเห็นกับตาว่าสโนว์ไวท์ปลอดภัยแล้ว”

“สโนว์ไวท์? อย่าบอกนะว่าชื่อรถ”

“ใช่ค่ะ รถสีขาวของนีนชื่อสโนว์ไวท์ค่ะ” แล้วหญิงสาวก็หัวเราะร่วน พยัคฆ์ต้องหัวเราะตามแล้วกอดหญิงสาวก่อนจะพรมจูบไปทั่วดวงหน้าหวาน

“พี่ไม่อยากจากนีนไปเลย พี่อยากกอดนีนไว้อย่างนี้นานๆ”

ความรู้สึกทุรนทุรายในใจของพยัคฆ์ทำให้อ้อมแขนของเขารัดร่างบางแน่นจนหญิงสาวต้องทอดถอนใจแผ่วๆ

“นีนต้องไปค่ะพี่เสือ ตราบใดที่คุณพ่อกับพี่เสือยังไม่ทำความเข้าใจกันแบบนี้ นีนต้องไปค่ะ” น้ำเสียงของคนในอ้อมแขนจริงจังมั่นคงเสียจนชายหนุ่มต้องผลักร่างบางออก

“นีนคิดว่าพี่ไม่อยากทำความเข้าใจกับพ่อของนีนเหรอ นีนต้องกลับไปถามพ่อของนีนใหม่ว่าอยากทำความเข้าใจกับพี่หรือเปล่า”

“นีนขอโทษค่ะ” เธอกล่าวคำขอโทษอย่างเกรงว่าคำพูดของตนจะทำให้ชายหนุ่มโกรธ เธอเชื่อพยัคฆ์เชื่อว่าเขาเป็นคนดี เชื่อว่าเขาไม่อยากมีปัญหากับพ่อเธอ คงจะเป็นหน้าที่ที่เธอไปอธิบายให้พ่อฟังว่าเรื่องจริงเป็นยังไง พยัคฆ์ไม่ใช่คนอยากมีเรื่อง มีแค่ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจากคนของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น

“ไปเถอะ พี่จะพานีนไปดูรถที่อู่ เดี๋ยวนีนจะกลับบ้านช้าผิดปกติ”

พยัคฆ์เบี่ยงร่างให้หญิงสาวก้าวออกไปก่อน เขาจัดการปิดประตูล็อกแน่นหนาแล้วเดินจูงมือบางกลับไปทางเก่า ร่างสูงเดินนำหน้าโดยมีร่างเล็กเดินตามหลังมาติดๆ แววตาของพยัคฆ์วาววับมุมปากกดลึกคล้ายรอยยิ้มก็ไม่ใช่รอยหยันก็ไม่เชิง เขาเดินนำไปเรื่อยๆ แบบเงียบๆ จมอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงลำพังโดยที่หญิงสาวไม่มีทางรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel