บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

สภาพรถของนีรธาราไม่มีอะไรน่าห่วง รอยชนจนท้ายบุบก็ถูกเคาะออกและทำสีใหม่เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วเพราะพยัคฆ์กำชับเพื่อนเจ้าของอู่ให้รีบแซงคิวทำให้ คุณหมอสาวยิ้มกว้างให้เจ้าของอู่ ธนกฤต กิจเสรี รู้สึกตาพร่ามัวไปหมดเผลอยิ้มตาลอยให้คุณหมอคนสวย ทั้งที่ภายในใจนั้นมีแต่คำถามอัดแน่นไปหมด

ไอ้เสือมากับหมอนีนได้ยังไง?

เป็นศัตรูกับพ่ออีท่าไหน ถึงประคองลูกสาวศัตรูเดินเข้าอู่?

ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นไปในทิศทางใด?

“ขอบคุณนะคะคุณ...”

“ผมกฤตครับคุณหมอ รถคุณหมอเรียบร้อยดีแล้วใช่มั้ยครับ มีตรงไหนให้แก้ไขหรือคุณหมอรู้สึกว่ามันแปลกๆ บอกผมได้นะครับ ผมยินดีซ่อมให้ไม่คิดเงิน” ธนกฤตบอกเสียงหวาน แถมยังยกมือแตะปลายข้อศอกของคุณหมอสาวเป็นเชิงให้เดินดูรอบๆ ตัวรถ

พยัคฆ์หน้านิ่วนัยน์ตาขุ่นมองเพื่อนอย่างไม่ชอบใจระคนหมั่นไส้ อยากกระชากมือมันออกจากข้อศอกหมอนีนจริงๆ หน็อยไอ้นี่คงอยากตาแตกถึงทำแบบนี้ เดี๋ยวก่อนเถอะ พ่อจะต่อยมันให้ตาแตกเชียว

“ซ่อมให้ฟรีด้วยเหรอคะ ว้าว...ดีจัง แต่ว่านีนไม่มีเวลาค่ะ คงต้องขอเก็บสะสมแผลเล็กๆ ไปเรื่อยๆ ก่อน ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ หรือเครื่องมีปัญหาแล้วนีนจะเอามาทำนะคะ”

“น้ำมันเครื่องผมก็เปลี่ยนให้ฟรีไม่คิดเงิน หรือเบรกล่ะครับ ยังหนึบดีไหม ไหนดูหน่อยซิ” ธนกฤตนั่งลงดูความหนาของผ้าเบรก “อ้อ...เบรกยังหนาอยู่เลย ว้า...รถดีขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรให้ผมทำสิครับ”

“มึงจะทำอะไรวะไอ้กฤต รถเค้าดีไม่มีอะไรต้องซ่อม อย่าหาเรื่องเลยดีกว่า”

คนที่พยายามนับหนึ่งถึงร้อยในใจแต่ยังไงก็นับไม่ถึงถามเสียงขรม สีหน้าบึ้งตึงบอกถึงความโหดสุดขั้วไม่ได้ทำให้ธนกฤตนึกกลัว เพื่อนที่รู้จักคบหามานานจนรู้ใจรู้ว่าถึงยังไงเพื่อนก็ไม่ทำกันแน่

“อ้าว...ก็กูเป็นห่วงคุณหมอนี่หว่า เป็นผู้หญิงใช้รถต้องดูแลรถให้ดีๆ เกิดไปเสียที่ไหนกลางค่ำกลางคืนล่ะจะทำยังไง กูน่ะหวังดีนะเว้ย”

“เก็บความหวังดีของมึงไว้เถอะ โน่นน้องเชอรี่คนสวยมาโน่นแล้ว กิ๊กมึงไม่ใช่เหรอไอ้กฤต”

แต่เรื่องนี้ทำให้ธนกฤตถึงกับหน้าเสียมองไปยังหญิงสาวคนที่มาใหม่แต่งกายเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด นึกเสียดายคุณหมอสาวที่คงต้องหลุดลอยไปไกลตอนนี้ ถ้าให้เปรียบเทียบกันธนกฤตชอบหมอนีนมากกว่าน้องเชอรี่ หมอนีนสวยหวาน เรียบร้อย เก่ง นิสัยดี เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง แตกต่างจากเชอรี่ที่เอาแต่กรีดกรายเฉิดฉายไปวันๆ

“พี่กฤตขา...” เสียงแหลมดังมาแต่ไกลๆ หญิงสาวคนงามแต่เพียงรูปกายหากแต่หัวใจยังไม่สวยเท่ารูปเดินเฉิดฉายเข้ามาในอู่

นีรธาราเห็นว่าน่าจะรีบพาตัวเองออกไปให้พ้นสถานที่แห่งนี้ก่อนที่เรื่องของเธอกับนายหัวพยัคฆ์จะดังระเบิด

“นีนคงต้องขอตัวแล้วนะคะ คุณกฤต พี่เสือ นีนลาล่ะค่ะ” คุณหมอสาวไม่เปิดโอกาสให้พยัคฆ์รั้งตัวเอาไว้อีกแล้ว เธอขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

“หมอนีน เดี๋ยวสิหมอ” พยัคฆ์เรียก ธนกฤตได้แต่มองตามท้ายรถนีรธาราไป ก่อนจะหันไปตบบ่าเพื่อน

“กูว่า...เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยแล้วล่ะ”

นายหัวสิงขรนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะกลางสนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อเห็นบุตรสาวขับรถเข้ามาก็รีบพับหนังสือพิมพ์เก็บ นีรธาราลงจากรถเห็นบิดานั่งรออยู่ก็รีบร้อนเดินไปหา ส่งรอยยิ้มหวานไปให้ก่อนแล้วค่อยหอมแก้มซ้ายขวาของบิดา

“ไหนว่ารถอยู่ที่อู่ไงล่ะลูก”

“ซ่อมเสร็จแล้วค่ะ เจ้าของอู่รู้ว่าเป็นรถนีนก็เลยแซงคิวซ่อมให้ คือเขาเคยไปรักษากับนีนน่ะค่ะ” บุตรสาวแจกแจง

“อ้องั้นรึ ดีแล้วล่ะ บริการรวดเร็วว่องไวขนาดนี้เห็นทีเราต้องไปขอบคุณเขาหน่อยล่ะมั้ง”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ นีนขอบคุณเขามาแล้ว เอ่อ...เขาก็ทำงานแลกเงินไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ว่าแต่คุณพ่อมานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวคะ” คุณหมอรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ถนัดที่ต้องหาเรื่องโกหกพ่อแม่ กลัวเผลอหลุดความจริงออกไป

“วันนี้แดดไม่ค่อยมี ลมก็พัดเย็นสบายดี พ่อเลยออกมานั่งรับลมน่ะลูก”

“ค่ะ คุณพ่อทานอะไรหรือยังคะ”

“มื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้วลูก”

“เหรอคะ ว้า...นีนว่า...” หญิงสาวหุบปากฉับ

“นีนจะบอกอะไรพ่อหรือลูก”

“ปละ...เปล่าค่ะ นีนขอตัวก่อนนะคะ อยากอาบน้ำค่ะ” เกือบหลุดไปแล้ว เธอคิดจะชวนบิดาไปทานของหวานด้วยกันได้ยังไง ในเมื่อเธอเพิ่งกลับมาจากไปทานข้าวกับเกวลิน แย่ล่ะ เธอยังไม่ได้เตี๊ยมเพื่อนเลยนี่นา ช้าไม่ได้แล้ว

นีรธาราผละจากบิดาพอเดินพ้นประตูบ้านก็จ้ำอ้าวขึ้นชั้นสอง โดยไม่ทันเห็นมารดาที่กำลังจะเดินเข้ามาทัก กลายเป็นมารดาที่กำลังสงสัยในความรีบร้อนของเธอจนถึงกับต้องสาวเท้ายาวๆ ตามบุตรสาวขึ้นไป เพราะลูกสาวแสนดีของเธอไม่เคยทำตัวลับๆ ล่อๆ แบบนี้มาก่อน

เมื่ออยู่ตามลำพังในห้องความรีบร้อนทำให้เธอไม่กดล็อกประตู เธอโทร.หาเกวลินเพื่อนซี้ทันที

“เกวเหรอ นีนพูดนะ”

“จ้ะ ฉันจำเสียงเธอได้จ้ะคุณหมอ” เกวลินหยอกล้อมาตามสาย

“นีนมีอะไรให้เกวช่วยหน่อยจ้ะ”

“อะไรหรือจ๊ะคุณหมอนีน”

“ถ้าคุณพ่อเจอเธอหรือโทร.ถามเรื่องนีนกับเธอ เธอต้องบอกว่าใช่นะเกว”

“เอ๊ะ! มีอะไรหรือเปล่า ขอรายละเอียดปลีกย่อยหน่อยได้ไหม”

“คือวันนี้ฉันไปทำธุระมา แต่ไม่อยากให้คุณพ่อรู้ ฉันเลยเอาเธอมาอ้าง”

“อ้างว่าไปไหนกับฉันน่ะเหรอ”

“ใช่ เราไปกินข้าวกันมาที่ร้านเดิมนะ”

“ได้ๆ ถ้าพ่อเธอโทร.มาถาม ฉันจะบอกตามนั้น”

“ขอบใจมากนะเกว แค่นี้ก่อนนะ นีนรู้สึกเพลียๆ ยังไงไม่รู้”

นีรธาราวางสายเมื่อเพื่อนกล่าวลา ดีที่เกวลินไม่เซ้าซี้ถามเหตุผล คุณหมอสาวถอนใจยาวความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ใช่เรื่องที่น่าพิสมัย แต่เธอก็ก้าวเข้าไปในวงจรนี้แล้วและยังไม่รู้ด้วยว่าจะมีทางออกหรือไม่ เส้นทางเดินของเธอกับพยัคฆ์เหมือนเส้นคู่ขนานที่ไร้ทางออก

“นีน”

หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังอยู่ข้างหลัง

“คุณแม่! คุณแม่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้วคุณแม่มีธุระอะไรกับนีนหรือเปล่าคะ”

“เดี๋ยวนี้การที่แม่จะเข้ามาหานีนในห้อง แม่ต้องมีธุระสำคัญจริงๆ ถึงจะเข้ามาหาได้แล้วหรือลูก” มารดาพูดเสียงระคนน้อยใจ นีรธาราเห็นแบบนั้นก็รู้สึกผิดรุนแรงในทรวงอก รีบเข้าไปกอดเอวหนาของมารดาอย่างเอาใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แค่นีนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเท่านั้นเอง”

“นีน แม่มีเรื่องอยากจะถาม วันนี้นีนไปไหนมากันแน่ลูก” มารดาถามตรงๆ ทำเอานีรธาราถึงกับหน้าถอดสี

“เอ่อ...นีนไปกับ...”

“นีนอาจจะโกหกคุณพ่อได้ แต่นีนโกหกแม่ไม่ได้หรอกนะลูก หนูไปไหนมา”

“เอ่อ...นีนก็ไปดูรถที่อู่ไงล่ะคะแม่ โชคดีที่เจ้าของอู่ใจดีกับนีนมาก แซงคิวคนอื่นๆ แถมยังซ่อมให้ตั้งแต่เช้า นีนก็เพิ่งรู้นะคะ ซ่อมรถถูกชนท้ายจนบุบ ซ่อมไม่ยากเลย ไม่งั้นก็คงไม่เสร็จเร็วขนาดนี้ ดีที่ไฟท้ายไม่แตก ถ้าแตกล่ะก็...”

“แม่รู้ว่ารถนีนไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เรื่องที่แม่ไม่รู้คือนอกจากไปอู่แล้วนีนไปไหนมาอีก หรือนีนจะบอกว่านีนอยู่ที่อู่ตั้งครึ่งค่อนวันแบบนี้”

นีรธาราใจคอไม่ดีเอาเสียเลย การโกหกไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ทำไมคนชอบโกหกกันนักนะ มารดาจับไต๋เธอได้ยังไงหรืว่า...ได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์กับเกวลิน!

“นีนไปรักษาคนเจ็บนอกสถานที่มาค่ะ” ในที่สุดเธอก็หาเรื่องเฉไฉจนได้ “คนของนายหัวพยัคฆ์ได้รับบาดเจ็บค่ะ นีนก็เลยไปรักษา แต่นีนไม่อยากให้คุณพ่อทราบ กลัวว่าท่านจะไม่พอใจน่ะค่ะ นีนก็เลยต้อง...”

“โกหก” มารดาต่อให้ บุตรสาวพยักหน้าหงอยๆ “แล้วทำไมไม่ให้หมอวังวิเศษรักษา นีนไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้วนี่ลูก” สายตาของมารดามองมาราวจับผิด นีรธารารู้สึกหายใจหายคอไม่คล่อง ลมหายใจคล้ายจะรั่วอกจากอกจนต้องสูดลมหายใจหลายๆ ครั้ง

“นีนเจอนายหัวพยัคฆ์ค่ะ เขาก็เลยเอาตัวนีนไปรักษา” เรื่องนี้เธอไม่ได้โกหกหรือปั้นเรื่องขึ้นนะ มันคือความจริง

“แปลกจริง ทำไมยังต้องมาข้องแวะกับนีนด้วย รู้ก็รู้ว่าพ่อกับเขาไม่ถูกกัน” แล้วมารดาก็ถอนใจเฮือกใหญ่ราวกับหนักใจในเรื่องนี้ บุตรสาวสังเกตเห็น ความคับข้องใจที่อุตส่าห์กักเก็บเอาไว้ก็ทลายออกมา

“แม่คะ นีนอยากรู้ คุณพ่อเป็นอะไรกับนายหัวพยัคฆ์คะ เขาสองคนเป็นพ่อลูกกันอย่างที่คนเขาลือหรือเปล่าคะ”

คำถามของนีรธาราทำให้เปรมจิตผู้เป็นแม่ถึงกับต้องเบิกตาโตยกมือทาบอก พินิจมองเข้าไปในแววตาแน่วนิ่งของบุตรสาวอย่างตริตรอง และแล้วเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแต่หนหลังโดยที่นีรธาราไม่เคยได้รู้ เพราะช่วงเวลานั้นหญิงสาวยังเป็นเด็กทารกอยู่ในวัยแบเบาะยังไม่รับรู้หรือจำความในเรื่องที่ผู้ใหญ่ได้กระทำ

เจ็ทเตอร์เดินโซซัดโซเซหนีบขวดเหล้าไว้ที่ซอกแขน วันนี้เขาดวลเหล้ากับเพื่อนหนักไปหน่อยตามประสาคนมีเงินถุงเงินถังก็เป็นโต้โผใหญ่เลี้ยงเหล้าเพื่อนดังเช่นทุกวัน ชายสูงวัยไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นใดนอกจากเป็นหุ้นส่วนของพยัคฆ์ทำสวนยางพารา รายได้จากการกรีดยางเอาไปแปรรูปก็มาก แถมเงินที่เก็บอยู่ในบัญชีธนาคารไว้กินดอกเบี้ยก็ใช้ทั้งชาติไม่มีวันหมด เจ็ทเตอร์จึงไม่เดือดร้อนที่ต้องลอยชายไปวันๆ เที่ยว กิน เลี้ยงเพื่อนแบบนี้มาตลอด

ชายสูงวัยเพ่งมองไปยังเนตรดาวที่ยืนตัดแต่งกิ่งกล้วยไม้ภายในซุ้มริมสนามหน้าบ้าน เขายกมือปาดน้ำลายสอออกจากมุมปาก ดวงตาวาววาบหรี่ลงเป็นประกายเจ้าเล่ห์ ก่อนเดินโซเซเข้าไปหาคนที่มีศักดิ์เป็นน้องแต่ในความคิดและอารมณ์เธอเป็นมากกว่านั้น

“เนตรจ๋า เนตรทำอารายอยู่...จ๊ะ”

เนตรดาวละสายตาจากกล้วยไม้เพื่อหันมามองพี่ชายของเธอแล้วเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเหม็นหึ่งราวกับเจ็ทเตอร์ตกขวดเหล้าแทนดื่ม

“อี๋...เหม็นมาเชียว พี่เจ็ททำไมพักนี้ดื่มเหล้าหนักขึ้นทุกวันๆ คะ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

“พี่อยากมาวเพราะคิดถึงเนตร น้องเนตรจ๋า เมื่อไหร่จารับรักพี่ซ้าทีจ๊ะ พี่รอจนหัวหงอกแล้วนะ จะให้ต้องรอต่อปายถึงเมื่อไหร่”

เนตรดาวคิดจะเดินหนีคนเมาพูดไม่รู้เรื่อง แต่เจ็ทเตอร์คว้าข้อมือเธอเอาไว้ จึงต้องหันไปทำตาดุใส่คนที่เป็นพี่ชาย แต่คิดไม่ซื่อกับน้องอย่างเธอ

“พี่เจ็ทเมามากแล้ว เข้าบ้านไปนอนเถอะค่ะ” เธอบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา เจ็ทเตอร์ไม่ยอมปล่อยจึงต้องออกแรงสะบัดแรงๆ “ปล่อยค่ะ” ข้อมือเธอหลุดจนได้ ทว่าเจ็ทเตอร์ไม่ยอมให้หนีไปไหน เขาผวาเข้ามากอดยอมปล่อยขวดเหล้านอกตกพื้น

“อย่าทิ้งพี่ไปอีกเลยนะเนตร เห็นใจพี่เถอะนะ พี่รอนานมาก มากจนรอไม่ไหวแล้ว”

ผู้หญิงที่ผ่านพ้นวัยสาวมาได้สักระยะ แต่ยังคงมีรูปร่างอวบอิ่มค่อนข้างท้วมผิวขาวผ่อง ใบหน้าสวยแม้จะไม่ตึงเต่งเท่าวัยสาว แต่เธอก็ยังสวยงดงามไม่เปลี่ยน หนุ่มใหญ่สูงวัยอย่างเขายังมองไม่เห็นผู้หญิงคนไหนสวยงามไปกว่าเธอ ทั้งยามเศร้ายามสุขดวงหน้าหวานนี้ก็ยังไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ ตราบจนวันนี้ความรู้สึกรักก็ยังไม่เคยลดลงไปกว่าเดิม

“ปล่อยนะพี่เจ็ท อย่าทำแบบนี้นะ ปล่อย!” เนตรดาวเสียงแข็ง เผลอสูดลมหายใจเอากลิ่นเหล้าเข้าจมูกจนแทบจะกลายเป็นคลื่นเหียน ทั้งผลักทั้งดันทั้งแกะมือที่รวบเอวหนาของเธอ แต่ดูเหมือนคนเมาจะไม่สนใจยิ่งแกะก็ยิ่งรัดแน่น

“พี่ม่ายอยากปล่อย พี่รักเนตรนะ รักมานานแล้ว เป็นของพี่เถอะนะเนตร”

“ไม่!!!” เนตรดาวพยายามแกะมือหนาจนหลุดออก แล้วหันมาสับสันมือเข้าที่ซอกคอคนเมา “ถ้าทำแบบนี้อีก เราจะไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกันได้”

“ผลัวะ” เจ็ทเตอร์ครางโหย เกือบจะวิ่งตามเนตรดาวไปแล้วถ้าไม่เห็นรถกระบะคันใหญ่ของพยัคฆ์เลี้ยวเข้ามาเสียก่อน

“เนตรดาว เธอคิดว่าคำปฏิเสธของเธอจะมีผลกับพี่เหรอ เธอคิดผิด พี่จะทำทุกอย่างให้ได้เธอมา” เจ็ทเตอร์พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหมุนปลายเท้ายืนกอดอกรอชายหนุ่มที่กำลังก้าวยาวๆ เข้ามาหา

“วันนี้ออกไปไหนมารึเสือ มีคนบอกลุงว่าเห็นเสืออยู่กับหมอนีน จริงหรือเปล่า” ถึงเวลานี้น้ำเสียงของคนเมาฟังแน่นิ่ง พูดกันรู้เรื่อง ลิ้นไม่พันกัน อีกทั้งแววตาของเจ็ทเตอร์ยังวาววับแพรวพราว

“ใครบอกคุณลุงครับ” พยัคฆ์ย้อนถาม ก่อนจะเดินเลี่ยงร่างสูงของผู้เป็นลุงเข้าไปในบ้าน

“เพื่อนลุงเอง มันบอกว่าเห็นเสือกับลูกสาวไอ้สิงขรอยู่ที่อู่ของธนกฤต”

“จริงครับ” พยัคฆ์รับ

“เสือชอบนัง...เอ้อ...หมอนีนใช่ไหม อย่าปฏิเสธลุงเลย ลุงดูออกก็เรามันผู้ชายเหมือนกันนี่หว่า”

ชายหนุ่มหลบตาลุงวูบ พลางส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ

“ผมก็แค่นึกสนุก ช่วงนี้มันเบื่อๆ ยังไงชอบกลเลยต้องหาอะไรทำที่มันไม่เบื่อเท่านั้นเอง”

“ฮึ! ถ้าลุงไม่ได้เลี้ยงเสือมาตั้งแต่เกิด ลุงคงเชื่อที่เสือพูดแบบนี้ ลุงก็แค่จะบอกว่าที่จริงหมอนีนก็เป็นคนดีนะ สวยอย่างกับนางฟ้า เสียอย่างเดียวที่เกิดมาเป็นลูกของไอ้คนระยำสิงขร คนชั่วช้าสามานทอดทิ้งได้แม้กระทั่งลูกในท้องเมีย เลวบัดซบขนาดนั้นมันต้องเอาคืน”

“เลิกพูดถึงเขาดีกว่าครับ ผมไม่อยากฟัง” หลานชายปฏิเสธ เรื่องนี้มันทำให้เขาจิตเสียแค่ได้คิดถึงมัน และถึงจะไม่มีใครเอ่ยถึง เขาก็ยังจำที่แม่เคยเล่าให้ฟังไม่มีลืม

“ไฮ้!! ฟังลุงหน่อยเถอะ หมอนีนไม่น่าเกิดมาเป็นลูกไอ้สิงขรเลย พ่อกับลูกนิสัยใจคอต่างกันลิบลับ แต่ก็เป็นไปแล้ว หมอนีนคนดีคนเก่งเป็นลูกของมันไอ้คนชั่ว นี่เสือ...แต่ลุงว่าบางทีความดีที่ฉาบอยู่บนตัวหมอนีนก็อาจจอมปลอมก็ได้ เชื้อย่อมไม่ทิ้งแถว คนทำดีเอาหน้ามีถมไป ลับหลังจะเป็นยังไงก็ไม่มีใครรู้”

“คุณลุงครับ ผม...” พยัคฆ์กำลังจะบอกว่ารู้สึกเหนื่อยที่ต้องกลับมานั่งฟังเรื่องแบบนี้ น่าแปลกความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เขาไม่เคยเหนื่อยที่ต้องคอยคิดจองเวรจองกรรมกับคนชั่วคนนั้น ความแค้นมันสุมอยู่ในอกไม่มีทางระเหยออก แล้วทำไมตั้งแต่ใกล้ชิดเธอ เขาถึงรู้สึกว่าหัวใจกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ

“อ้อ...หลายวันก่อนลุงเห็นหมอนีนควงแขนหมออีกคนไปกินข้าว ท่าทางกระหนุงกระหนิงเหมือนเป็นคนรักกันเลย สงสัยว่าสองคนนี้จะมีใจให้กันล่ะมั้ง” เจ็ทเตอร์เลิกคิ้วขึ้นมองหลานชาย จากอาการเหน็ดเหนื่อยไม่สนใจใครกลายเป็นต้องหันขวับหรี่ตาแคบลงและตั้งใจฟังคนเป็นลุงเล่านิทานให้ฟัง

“แต่ว่า...ทำไมหมอนีนถึงมาทำสนิทสนมกับเสือล่ะ หรือคิดจะจับปลาสองมือ บ๊ะ!! เห็นไหมล่ะ เชื้อไม่ทิ้งแถว พ่อมันเคยเป็นยังไงลูกมันก็ต้องเป็นอย่างนั้น น่ารังเกียจ สวยแต่รูปจูบไม่หอม”

เจ็ทเตอร์ยุยงให้พยัคฆ์เกลียดสิงขรมากขึ้นเรื่อยๆ โดยยืมมือหมอนีนมาเป็นหมาก ความแค้นแต่หนหลังทำให้หนุ่มใหญ่ผมดอกเลาทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้น เจ็ทเตอร์รอดูปฏิกิริยาของหลานชายอย่างตั้งใจ เห็นกรามหนาแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ รอยยิ้มสมใจก็ปรากฏเหนือมุมปาก สมใจแล้วก็รอให้ความสาแก่ใจมาเยือน

พยัคฆ์หรี่ตาแคบลงอย่างใช้ความคิด สมองร้องดังถึงชื่อนีรธาราพอๆ กับชื่อสิงขร ความแค้นทะลุองศาเดือดที่รางเลือนด้วยฝีมือของคุณหมอสาวกำลังจะกลับมาเด่นชัด แม้ในความคมชัดจะมีหมอกขาวบางๆ ให้หัวใจเย็นสดชื่น แต่ไม่ทำให้เขาลืมสิ้นความเกลียดชัง จงเกลียดจงชังชนิดชาตินี้ก็คงไม่มีวันลืม ถ้า...

“วันก่อนคนของเราไปสะดุดตีนพวกมันเข้าจนเกือบมีเรื่องกัน ดีนะที่ลุงจัดการได้”

เรื่องนี้เรียกให้ความเย็นชาที่ฉาบอยู่บนสีหน้าคลายลงเล็กน้อยก่อนคนตาคมดุจะหันมาสนใจคนเป็นลุก

“ทำไมผมไม่รู้”

“อ้าว! นี่เสือไม่รู้หรอกเหรอ ลุงนึกว่ารู้แล้วเสียอีกเห็นเงียบๆ ลุงก็เลยไม่เล่าให้ฟัง”

สองวันนี้เขามัวแต่ยุ่งเรื่องของนีรธาราจนลืมสนใจอย่างอื่น รสกายของเธอยังติดตรึงอยู่บนริมฝีปาก เธอคือความปรารถนาของเขา เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขาเป็นบ้าได้ไม่ยาก

นี่เขาละเลยเรื่องสำคัญไปเท่าไหร่ ต้องมาเสียเวลากับอาหารหวานแทน

“มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่มีใครบอกผม คือช่วงนี้ผมยุ่งๆ เรื่องอื่นก็เลย...”

“เสืออยู่กับหมอนีน ลุงรู้ รู้ด้วยว่าเสือคิดยังไงกับหมอนีน แต่เสือจะเสี่ยงมากเกินไปไหม นั่นน่ะลูกอสรพิษนะ ลูกอสรพิษก็ต้องเป็นอสรพิษเหมือนกัน เสืออย่าลืม”

“ผมไม่เคยลืม ไม่มีวันลืม” น้ำเสียงเย็นๆ สะกดออกมาจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ ดวงหน้าหล่อเหลาที่สาวๆ คอยแต่จะเพ่งพิศไม่วายตาเปลี่ยนเป็นความกระด้างเย็นชาปนอยู่ในความอำมหิต ริมฝีปากสวยได้รูปเม้มเข้าหากันแน่นจนมันถูกกลืนหายเข้าไปในอุ้งปาก

เจ็ทเตอร์อยากระบายเสียงหัวเราะออกมาให้ดังสุดโต่ง ทว่าสิ่งที่ทำได้กลับกลายเป็นสีหน้าเศร้าสร้อย แววตาหดหู่จนน่าจะได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมระดับโลก อีกทั้งกระแสเสียงที่เปล่งออกมาก็เต็มไปด้วยความกังวลใจ

“ลุงไม่อยากให้เสือจดจำเรื่องในอดีตโดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ จากคนเลวๆ พรรค์นั้น แต่ลุงจะไม่ยอมเสียเสือไปให้พวกมัน ความรักความหวังดีของลุงมีให้เสือมาตั้งแต่เกิด ไม่มีใครรักและหวังดีกับเสือเท่าลุงอีกแล้ว คนเลวๆ พวกนั้นสมควรจะถูกเอาคืน”

พยัคฆ์สดับรับฟังคำสอนเชิงสั่งของลุงด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความแค้น ความอ่อนไหวที่มีเต็มเปี่ยมก่อนหน้านี้มลายหายไปหมด ดวงตาวาวโรจน์โชนแสงนั่นบอกได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่เจ็ทเตอร์คาดหวังกำลังเป็นจริง

“เสือกลับมาเหนื่อยๆ อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วพักผ่อนซะนะ ลุงรู้สึกง่วงอยากนอนเหมือนกัน”

เจ็ทเตอร์ตบบ่าหลานชายแล้วหมุนตัวระบายยิ้มเต็มใบหน้าก่อนเดินเลี่ยงกลับไปบ้านของตนที่อยู่หลังถัดไป

สิงขรปิดสมุดบันทึกที่ไม่เพียงแต่ใช้เขียนบันทึกประจำวันแต่ยังเป็นที่เก็บความทรงจำในอดีต รูปที่แทรกสอดอยู่ในหน้าใดหน้าหนึ่งเป็นความทรงจำที่แม้พยายามจะลืมให้ได้แต่ไม่เคยทำได้

‘พี่สิงห์คะ ดูกุหลาบแปลงนี้สิคะ เนตรว่ามันสวยกว่าแปลงอื่นพี่สิงห์ว่ามั้ยคะ’

เนตรดาวชี้ชวนให้สิงขรย่อตัวลงนั่งมองแปลงกุหลาบที่เธอบรรจงปลูกเอาไว้ ชายหนุ่มมองเพียงผ่านๆ มองน้อยกว่ามองใบหน้าสวยใสของภรรยาสาว

‘เพราะคนปลูกสวย มันก็เลยสวยเหมือนคนปลูก’

เนตรดาวเป็นผู้หญิงสาวระดับประกวดนางงามแล้วได้ตำแหน่ง กุหลาบหรือดอกไม้ช่อไหนก็ไม่สวยมากไปกว่าเธอ ดังนั้นสิ่งที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดเห็นจะเป็นใบหน้างามผุดผ่อง หาใช่แปลงกุหลาบไม่

‘แหมพี่สิงห์ปากหวานอีกแล้วนะคะ’

‘พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รักเนตรมาก’

เนตรดาวทำตาโตราวไข่ห่านแล้วยิ้มหวานออกอาการขวยเขินปิดไม่มิด แววตาพราวไปด้วยความรักล้นหัวใจ รอยยิ้มที่ส่งออกมาจึงสวยหวานกว่าใครในโลก

‘กุหลาบแปลงนี้เนตรใช้หัวใจปลูกค่ะ แต่พี่สิงห์เนตรใช้หัวใจรัก’

สิงขรกอดภรรยาสุดที่รักแน่นแล้วพรมจูบไปทั่วดวงหน้าหวาน รอยยิ้มสวยๆ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากที่แย้มยิ้มค่อยๆ เผยอออกรับจุมพิตหวานหอมจากสามีรูปงาม

‘หวานมากเลยจ้ะ เนตรของพี่หวานไปหมดทั้งตัว ตัวก็หอม จูบก็หวาน หน้าก็สวย หุ่นก็อวบอึ๋ม เนตรจ๋าพี่หวง พี่ห่วง รักและหวงเนตรมาก’

‘หึงด้วยค่ะ พี่สิงห์ขี้หึง’

‘เมียพี่สวยขนาดนี้ จะไม่ให้พี่หึงได้ยังไงจ๊ะ รักมาก หึงมาก ห่วงมาก เนตรจ๋า พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม’

สิงขรเชยคางมนขึ้น เนตรดาวจ้องเข้าไปในดวงตาคมหวานของสามีเห็นแต่เงาของเธออยู่ในนั้น เห็นความรักที่เขามอบให้เธอเพียงผู้เดียว

‘พี่สิงห์จะขออะไรเนตรคะ บอกเนตรมาเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่เนตรจะให้พี่สิงห์ไม่ได้ แม้แต่ชีวิต’

‘อย่าพูดอย่างนั้นเนตรจ๋า พี่ไม่คิดจะขอชีวิตเนตร พี่จะขอให้เนตรมีชีวิตเพื่ออยู่กับพี่ตลอดไป และพี่จะขอ...’

‘ขออะไรคะ’ ใบหน้าหวานสวยแสดงความอยากรู้อย่างตั้งใจ สิงขรอดใจไม่ไหวประคองดวงหน้าพริ้มเพรานั้นไว้ในอุ้งมือ และจูบเธออย่างดูดดื่มเต็มความรู้สึกหวานแหลมของหัวใจ

‘สิ่งที่พี่ทนไม่ได้และไม่ขอที่จะทน ก็คือการหักหลัง พี่จะทนไม่ได้ถ้ารู้ว่าเนตรนอกใจพี่ อย่าหาว่าพี่ใจร้ายเลยนะ พี่รักมาก รักมานาน รักมาตลอด และพี่จะรักเนตรไปจนวันตาย หากเนตรคิดนอกใจพี่เมื่อไหร่ พี่คงทนไม่ไหว ถึงตอนนั้นพี่ยังไม่รู้เลยว่าจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีเนตร พี่จะกอดใครได้แน่นเท่ากอดเนตร และจะกอดใครได้อุ่นเท่ากอดเนตร พี่จะจูบใครได้ลึกสุดใจเท่าจูบเนตร และพี่...’

‘พอเถอะค่ะพี่สิงห์ ทุกอย่างที่พี่พูดจะไม่มีวันเกิดขึ้น อย่าคิดว่านี่คือคำสัญญา ให้คิดว่าเนตรพูดจากความรู้สึกของหัวใจที่ไม่สามารถมอบให้ใครได้อีกนอกจากพี่สิงห์’

สิงขรรวบรัดร่างอรชรไว้แน่นจูบเธอเต็มความรักอย่างดูดดื่มเร่าร้อน ก่อนจะช้อนร่างระหงขึ้นแล้วพาเดินลิ่วเข้าบ้าน จุดหมายคือบนเตียงกว้างในห้องนอนของเขากับเธอ

สิงขรนิ่งคิดถึงภาพความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือนในอดีต เขาคิดไม่ถึงว่าเนตรดาวจะนอกใจทำร้ายเขาได้ลง จำไม่ได้เลยว่าผู้ชายคนนั้นเข้ามาข้องแวะกับเธอได้อย่างไร เพราะเขาเป็นเหมือนลาโง่ที่มีเพียงหัวใจรัก นอกจากทำแต่งานเขาก็มีแต่ความรักที่โอบอุ้มหัวใจเอาไว้ ก่อนหน้าที่จะเจอเนตรดาว สิงขรเป็นคนใจร้อนเอาแต่ใจตัวเองทุกอย่าง อยากได้อะไรต้องได้ อยากทำอะไรก็ทำไม่สนใจใคร ชีวิตของเขาไม่ต่างอะไรจากมาเฟีย ทุกอย่างที่ต้องการเขาใช้เงินใช้อำนาจบารมีซื้อหามาได้ ใครขวางทางก็เจอดี

ชื่อเสียงของนายหัวสิงขรจึงลือกระฉ่อนถึงความใจร้ายโหดเหี้ยม แต่สิงขรไม่เคยทำร้ายใครก่อน ด้านดีของเขาก็มีกลายเป็นบารมีมากมาย เขาช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ช่วยเหลือเด็กที่ลำบากไร้ที่พึ่งพิง คนงานของเขาเกือบครึ่งหนึ่งคืนคนที่เขาอุปการะเลี้ยงดูและให้งานทำ จากไม่มีก็กลายเป็นมี บางคนในตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวได้ดิบได้ดีไปแล้ว พวกเขาก็ไม่เคยลืมบุญคุณของผู้ที่ชุบเลี้ยงอย่างนายหัวสิงขร

เมื่อเจอเนตรดาว คนที่ไม่รู้จักความรักหัวใจก็เบิกบาน เนตรดาวเป็นน้ำฝนที่หลั่งลงมาบนหัวใจแห้งกร้าน

“คุณพ่อคะ กำลังยุ่งหรือเปล่าคะ” นีรธาราเห็นบิดากำลังนั่งเหม่อลอย ตรงหน้ามีสมุดบันทึกเล่มหนาปกหนังสีน้ำตาลวางอยู่

“เปล่าลูก วันนี้นีนกลับบ้านเร็วนี่ลูก ที่โรงพยาบาลไม่ยุ่งเหรอ”

“ไม่ค่ะ วันนี้นีนรู้สึกมึนหัวบอกไม่ถูก ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะมีไข้ก็เลยกลับเร็ว หมอยงยุทธกับหมอแทนคุณก็อยู่ค่ะ”

“อ้อ...งั้นรึ”

“ที่ห้วยยอดมีหมอเก่งๆ ตั้งสองคนแล้ว แต่วังวิเศษยังต้องการหมอเพิ่มขึ้น ให้นีนไปช่วยงานที่นั่นเถอะนะคะพ่อ”

นายหัวสิงขรส่ายหน้าทันทีที่ลูกพูดจบ

“อย่าเลย นีนอยู่ใกล้ๆ พ่อนี่แหละดีแล้ว อยู่ห่างพ่อ พ่อก็เป็นห่วงสิลูก”

“พ่อคะ พ่อไม่คิดจะดีกับพี่...เอ่อ...นายหัวพยัคฆ์บ้างเลยหรือคะพ่อ นีนว่าการทะเลาะกันไม่ใช่เรื่องดีเท่ากับการดีกันนะคะ นีนว่า...”

“พอๆ พอเลยยัยนีน เลิกพูดถึงมันซะ แล้วก็เลิกคิดจะให้พ่อทำดีกับมันด้วย หัวเด็ดตีนขาดพ่อก็ไม่มีวันดีกับมันหรอก ไอ้เด็กเมื่อวานซืนพรรค์นั้น ไอ้เด็กไม่มีพ่อ แม่มันท้องกับใครก็ไม่รู้ แล้ว...เอ่อ...” สิงขรหุบปากเมื่อรู้สึกว่าตนจะพูดมากเกินไป แล้วนีรธาราก็ตั้งใจฟังจริงๆ จังๆ เสียด้วย “พ่อจะทำงานแล้ว ว่าจะดูบัญชีเสียหน่อย นีนมีอะไรก็ไปทำเถอะ”

ไล่ตอนนี้คิดเหรอว่าเธอจะไป

“พ่อไม่รู้จริงๆ หรือคะ นายหัวพยัคฆ์ลูกใคร”

“พ่อไม่ใช่พ่อมัน พ่อจะรู้ได้ยังไงมันลูกใคร” นายหัวสิงขรบอกปัด

“แต่นายหัวพยัคฆ์เป็นลูกของนายแม่เนตรดาว แล้วนายแม่เนตรดาวก็เป็น...”

“มันจะเป็นลูกใครก็ช่างหัวมันประไร อย่าไปสนใจมันเลย พ่อสะอิดสะเอียนกับชื่อนี้เต็มทีแล้วนะนีน” สิงขรเสียงแข็ง ทำเอาบุตรสาวต้องถอนหายใจยาว

“นีนไม่พูดก็ได้ค่ะ ความจริงเป็นยังไงนีนไม่รู้หรอกนะคะ และคิดว่านายหัวพยัคฆ์ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นีนทราบว่าใครที่รู้ เพียงแต่คนๆ นั้นไม่ยอมรับความจริงเท่านั้น นีนขอตัวก่อนค่ะ”

คล้อยหลังนีรธารา ร่างสูงหนาของคนเป็นพ่อที่ยืนขึ้นก่อนหน้านั้นเป็นได้ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม ลูกสาวของเขาไม่รู้หรอกว่า ประโยคที่เธอพูดออกมาจะยิ่งเพิ่มความแค้นสุมหัวใจของผู้เป็นพ่อ สิงขรบอกกับตัวเอง พยัคฆ์เป็นลูกของเจ็ทเตอร์ชู้รักของเนตรดาว รูปร่างหน้าตาถอดแบบออกมาไม่ผิดเพี้ยนก็ยืนยันได้ว่าพยัคฆ์เป็นลูกใคร

เนตรดาวเล่นชู้สู่ชายกับเจ็ทเตอร์จนท้อง!!!

พยัคฆ์ฉุนเฉียวเมื่อโทร.หานีรธาราแล้วเธอไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา เกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้คุณหมอสาวไม่ยอมรับสาย จะว่าเธอกำลังมีเคสฉุกเฉินยุ่งๆ เลยไม่มีเวลาว่างรับสายก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาไม่ใช่เพิ่งโทร.ไป แต่โทร.ทุกชั่วโมงมานาน 5 ชั่วโมงแล้ว อย่างน้อยถ้าเธอเห็นข้อความที่ทิ้งไว้ก็น่าจะโทร.กลับบ้าง แต่นี่เธอเงียบหายไปไม่มีการตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น

เรื่องผิดปกติแบบนี้มันต้องมีสาเหตุ และมันคืออะไร?

ชายหนุ่มทิ้งข้อความไว้อีกรอบ เป็นข้อความสั้นๆ ที่คิดว่าถ้าเธออ่านเธอจะต้องโทรกลับแน่

‘คิดถึงใจจะขาดแล้ว อย่าใจร้ายกับพี่นักเลย’

“ติ๊ง!” เสียงข้อความดังขึ้นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ นีรธาราไม่ได้นับและเธอก็จงใจจะปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นโดยไม่สนใจ ไม่พยายามที่จะสนใจแม้ว่าใจอยากอ่านข้อความเต็มแก่ เธอรู้ว่าใครบางคนกำลังกดโทรศัพท์มือถือเพื่อติดต่อหาเธอมือเป็นระวิง เธอเห็นเบอร์โทร.ที่โชว์และจำได้แม้จะไม่ได้บันทึกเก็บไว้ แต่เธอไม่รับ

พอแล้วสำหรับเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา

พอแล้วสำหรับเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา

นับจากนี้เธอควรจะอยู่ห่างเขาไว้ให้มากที่สุด เพื่อหัวใจของเธอจะได้ไม่อ่อนแอจนเกินไป และเพื่อเธอจะไม่ต้องทำบาปทั้งจากตั้งใจและไม่ตั้งใจ

ลาก่อนค่ะ พี่เสือ...

เรื่องของเรามันเป็นเส้นขนาน ไม่มีวันบรรจบกันได้เลย ไม่มีวัน!

ด้านพยัคฆ์ เขารอการติดต่อจากเธอใจจดจ่อ การไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันทำให้เขาคิดถึงเธอใจจะขาดชนิดที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน รู้ว่าไม่ควรแต่ตัดใจไม่ได้ ปฏิเสธคำอ้อนวอนเรียกร้องของหัวใจไม่ไหว หากสำเร็จจะมีแต่ข้อดีกับดี เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

หนึ่ง ได้ครอบครองนีรธารา

สอง ได้ความสะใจ

ทว่า...ตอนนี้เขาต้องทำให้เธอกลับมาอยู่ในอ้อมแขนให้ได้ก่อน และหลังจากนั้นมันจะเป็นเวลาของเขา คราวนี้คุณหมอสาวจะหนีไปไหนไม่ได้อีก

“นายหัวครับนายหัว เกิดเรื่องแล้วครับ” ไอ้ทิตวิ่งกระหืดกระหอบหน้าตาตื่นเข้ามาหายเจ้านาย พยัคฆ์จำต้องยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้นพรวด

“พวกนั้นหาเรื่องพวกเราอีกแล้วหรือวะ” พูดจบก็หันไปคว้าปืนพกยัดใส่ซองข้างเอวเตรียมพร้อมออกไปช่วยลูกน้อง

“ไม่ใช่ครับ คนของนายหัวสิงขรไม่ได้ปะทะกับพวกเราครับ แต่...” ทิตหยุดหายใจหอบแฮ่กๆ พูดจาติดๆ ขัดๆ เพราะเหนื่อยที่วิ่งมาไกลเพื่อแจ้งเรื่องด่วนกับนายจ้าง

“แต่อะไรวะ มึงรีบพูดมาเร็วๆ เลยไอ้ทิต ใครเป็นอะไร”

“ผู้ชายที่เคยถ่ายรูปกับนายหัว เพื่อนนายหัวน่ะครับ ผมจำชื่อไม่ได้แต่จำหน้าได้ รูปที่อยู่ในห้องนอนนายหัวน่ะครับ”

“อ๋อ...ไอ้ภาค ทำไมวะ ก็มันพักอยู่ที่รีสอร์ตนี่หว่า” พอคิดว่าเพื่อนรุ่นน้องที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาสมัยเรียนหนังสือจะมาหา พยัคฆ์ก็ตื่นเต้นรอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่บนใบหน้า

“ใช่ครับ คุณคนนั้น”

“ทำไมวะ มึงไอ้ทิตอย่าเล่นลิ้นกับกู เดี๋ยวแม่งจะโดนถีบ” ว่าแล้วเท้าใหญ่ๆ ก็ยกขึ้นสูง ไอ้ทิตหลบวูบเกาหัวยิกๆ

“อย่านะครับนายหัว ผมไม่ได้พูดเล่น เพื่อนนายหัวคนนั้นถูกจับครับ เมื่อกี้นี้ผมขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านสน.มองเข้าไปเห็นตำรวจกำลังคุมตัวขึ้นโรงพัก เห็นข้างๆ คับคล้ายคับคลาเลยตามเข้าไปดูให้แน่ใจ ใช่จริงๆ ครับ เพื่อนนายหัวถูกตำรวจจับจริงๆ”

“เป็นไปได้ยังไงวะ มึงตาถั่ว ไอ้ภาคไม่มีวันโดนจับ มันเป็นคนดีจะตายไปจะถูกจับได้ยังไงวะ มึงอย่าพูดมั่วนะโว้ยไอ้ทิต” พยัคฆ์ไม่เชื่อ และไม่มีวันเชื่อเพราะคนดีๆ อย่างไตรภาคพี่น้องร่วมสาบานของเขาไม่มีทางพาตัวเองเข้าคุกเป็นหนที่สองแน่ เรื่องผิดกฎหมายไม่มีทางเข้าใกล้คนอย่างไตรภาคแน่

“อยากแน่ใจ นายหัวต้องรีบไปดูครับ ผมเห็นตำรวจหลายนายคุมตัวอยู่ น่าจะข้อหาหนัก ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะถูกส่งตัวไปขังที่อื่นซะก่อนนะครับ” คำเตือนของไอ้ทิต ทำให้พยัคฆ์ไม่มีเวลาคิดสงสัย ร่างสูงเดินพรวดพราดกระโดดขึ้นรถโฟร์วิลล์คันสูงแล้วขับออกไปฝุ่นตลบ

จะต้องไปดูให้เห็นกับตา ไตรภาคน่ะเหรอจะถูกจับ จะว่าไปมีเรื่องอะไรกับใครเหมือนตอนเป็นวัยรุ่นคงไม่ใช่ เขาแน่ใจไตรภาคโตเป็นผู้ใหญ่มีความคิดดีและมุ่งแต่จะทำดี ไม่เหมือนคนมุทะลุดุดันใจร้อนอย่างเขา ที่มีข้อเสียตรงมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน

ไม่นานหลังจากนั้นนายหัวพยัคฆ์ก็เกาะลูกกรงเหล็กเส้นที่คุมขังไตรภาคน้องชายร่วมสาบานของเขา ชายหนุ่มรุ่นน้องลุกขึ้นมาท่าทางโผลเผลมีบาดแผลบนใบหน้าจนมองแทบไม่เห็นความหล่อเหลาที่เคยมี

“ทำไม” คำถามสั้นๆ จากพี่ชายร่วมสาบานได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า

“ผมผิดเองพี่เสือ ผมเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ แล้วก็มีคนมาหาเรื่องก่อนจะยัดยาใส่กระเป๋ากางเกงผม”

“แล้วหน้าแกล่ะ ใครทำ”

“ก็พวกมัน ผมผ่านไปเห็นพวกมันรวมกลุ่มกันทำอะไรไม่รู้ กำลังจะหนีเพราะคิดว่ามันไม่ได้ทำเรื่องดีแน่ แต่พวกมันดันหันมาเจอเสียก่อน”

“แกจำหน้ามันได้ใช่ไหม มีใครที่รู้จักในกลุ่มนั้นหรือเปล่า”

“ไม่พี่ ผมไม่รู้จักใคร พี่เสือ พี่ต้องช่วยผม”

พยัคฆ์พยักหน้า

“ไม่ต้องขอ ฉันก็ต้องช่วยแกอยู่แล้ว ฉันเชื่อว่าแกไม่ผิด รอก่อนนะ ฉันจะไปคุยกับตำรวจ”

นายหัวพยัคฆ์ใช้ทรัพย์สิน เงิน และอิทธิพลที่มีอยู่จัดการประกันตัวไตรภาคออกมาโดยไม่คิดกลัวน้องชายร่วมสาบานจะหลบหนี เขาเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ไตรภาคบอกโดยไร้ความคลางแคลงใจ ไม่คิดสงสัยในตัวชายหนุ่ม แต่คิดสงสัยใครกันที่ทำให้ไตรภาคถูกจับ

“ผมคิดว่ามันต้องเป็นผู้มีอิทธิพลพอตัวนะพี่ ไม่งั้นมันคงไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้ มันเย้ยฟ้าท้าดินขนาดนี้ ผมต้องรู้ให้ได้ใครคือหัวหน้าขบวนการ”

“มันจะหาเรื่องเข้าตัวหรือเปล่า ถ้านายไปยุ่งกับพวกมันอีก”

“ผมมันคนชอบเสือกอยู่แล้วนี่ พี่ก็รู้ จะให้ผมปล่อยพวกมันลอยนวล ผมทำไม่ได้หรอกนะพี่เสือ”

“เออฉันรู้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันใครอยู่เบื้องหลัง จะช่วยสืบหาอีกแรงก็แล้วกัน”

“ไม่เป็นไรพี่เสือ เรื่องนี้มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว แค่พี่ประกันตัวผมออกมา พี่ก็ต้องระวังตัวให้มาก พวกมันไม่ปล่อยพี่ไว้แน่”

“ถ้ากลัวตายก็ไม่ใช่ฉันสิวะไอ้ภาค แกพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายก็ได้นะ ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายกับแกหรอก”

“ผมไม่อยากให้พี่เดือดร้อนมากกว่านี้ แต่ขอนอนพักสักคืนแล้วกัน แม่ง...ระบมไปทั้งตัวทั้งหน้า ผมจะเสียโฉมไหมนี่พี่เสือ” ไตรภาคยกมือแตะรอยแผลฟกช้ำบนใบหน้าจากการถูกพวกมันซ้อมก่อนที่มันจะยัดยาให้เขา พยัคฆ์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ฟังแบบนี้เห็นทีไม่ต้องเป็นห่วงเพราะไตรภาคเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

“เออตามใจ”

นายหัวหนุ่มมองน้องชายร่วมสาบานที่นั่งครางโอดโอยอยู่ตรงหน้า แล้วอยากรู้ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการค้ายาเสพติดขึ้นมาชะงัก มันต้องมีอิทธิพลมากพอจะล้อเล่นกับกฎหมาย และบางทีเขาอาจจะรู้จักมันก็เป็นได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel