บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

ภายในสนามบินจ.ตรัง

ร่างสูงที่ก้าวอาดๆ มารอรับใครบางคนดูจะเป็นจุดสนใจของทุกคนที่เดินผ่านไปมา ด้วยรูปร่างที่สูงปราดเปรียว ใบหน้าหล่อเข้มมีความเป็นฝรั่งปนอยู่เล็กน้อย ดวงตาคู่คมกริบที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดสีดำขับให้เขายิ่งดึงดูดสายตาใครต่อใครเหมือนแม่เหล็กมีชีวิต หนึ่งในนั้นก็เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กัน ความสนิทสนมทำให้เห็นแค่แผ่นหลังก็จำได้ ท่าทางยืนเท้าสะเอวแบบมาดนักเลงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...

“สวัสดีครับนายหัว มารอรับใครหรือครับ”

นายหัวหนุ่มชื่อดังแห่งวังวิเศษหันขวับมามอง แล้วต้องเพ่งพินิจผู้ชายท่าทางราวมหาโจรด้วยหนวดเครารกรุงรังปิดบังใบหน้า รกมากกว่าหนวดเคราบนหน้าของเขาเสียอีก มือหนาดึงแว่นกันแดดออกแล้วกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าชนิดไร้ความเกรงใจ มองแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นไตรภาคคงไม่รีรอกระแทกหน้ามันด้วยหมัดลุ่นๆ ของเขา แต่คนนี้เขาได้แต่ยิ้ม

“ไอ้ภาค ไตรภาค นี่แกหรือวะ ฉันจำแทบไม่ได้ นึกว่ากำลังจะโดนปล้นซะอีกว่ะ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ผมเพิ่งกลับจากรับราชการ จะให้หล่อเหลาเป็นนักธุรกิจคงไม่ได้หรอกนะพี่ เป็นไงพี่เสือ สบายดีมั้ย”

พยัคฆ์ชูมือขึ้นจับมือไตรภาคแล้วเอนตัวเข้าหาอย่างดีใจ

“สบายดีสิวะ แกล่ะสบายดีไหม อวัยวะครบ 32 หรือเปล่าวะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

“แหมพี่อวยพรผมซะแล้ว ดูๆ ผมยังอยู่ครบ โดยเฉพาะ...ไอ้หนู ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” ไตรภาคและพยัคฆ์พากันหัวเราะร่วน เป็นความดีใจหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปี ตั้งแต่ไตรภาคไปเป็นทหารรับจ้าง ทั้งคู่กอดคอกันเดินไปเรื่อยๆ

“แกจะไปพักกับฉันที่บ้านหรือเปล่าวะ จะได้ให้คนเตรียมห้องให้”

“ไม่เอาดีกว่าพี่ ผมเกรงใจนายแม่ ให้ผมไปพักที่รีสอร์ตพี่ที่หาดเจ้าไหมก็แล้วกัน ยังพอจะมีห้องว่างอยู่ไหม”

“มีสิ สำหรับแกน่ะว่างเสมอ”

สองหนุ่มเดินกอดคอกันไปพูดคุยสรวลเสเฮฮากันไปตลอดทางตามประสาคนคิดถึงกัน หลังจากนั้นพยัคฆ์ก็ไปส่งไตรภาคที่สิเกาเปิดห้องพักพิเศษให้น้องชายร่วมสาบาน จบลงด้วยการทานข้าวแล้วปล่อยให้ไตรภาคได้พักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน เพราะคิดว่าไตรภาคคงอยากอยู่คนเดียวตามลำพังมากกว่า

นีรธาราไม่สบายใจอย่างยิ่งเมื่อบิดาสั่งให้เธอย้ายจากโรงพยาบาลในวังวิเศษมาอยู่ที่โรงพยาบาลห้วยยอด ที่ห้วยยอดแห่งนี้มีหมอเพียงพอแล้ว และเมื่อบิดาใช้อิทธิพลที่มีอยู่ย้ายเธอมาอยู่ที่นี่ หมออีกคนจำต้องย้ายไปประจำที่วังวิเศษแทน

ดูเหมือนว่าคนในอำเภอห้วยยอดจะแข็งแรงมากกว่าคนในอำเภอวังวิเศษกระมัง เพราะตั้งแต่เธอย้ายมาที่นี่คนไข้อาการหนักยังไม่มีมารักษาเลยสักคน ผิดกับวังวิเศษ ที่นั่นมีทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวบ้านและทั้งนักเลงหัวไม้อย่างลูกน้องของนายหัวพยัคฆ์ คิดแล้วก็กังขาเรื่องฝีมือของคนสองกลุ่ม เท่าที่ทราบคนของบิดาไม่เคยถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยสักคน หรือเรื่องที่ดังเข้าหูว่าคนของบิดาจะใช้วิธีลอบกัดมากกว่าจะสู้กันซึ่งๆ หน้า ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจึงกลายเป็นเจ้าถิ่นอย่างคนของนายหัวพยัคฆ์มากกว่า

ฝ่ายพยัคฆ์เมื่อรู้ว่านีรธาราย้ายไปเป็นหมออยู่ห้วยยอด เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายชอบกล ไม่รู้ว่าอารมณ์เบื่อหน่ายมันมาจากไหนตั้งมากมาย หรือเพราะช่วงนี้คนของนายหัวสิงขรจะไม่ค่อยมาหาเรื่องเลยไม่มีเรื่องให้พลอยคิดมาก เมื่อไม่มีเรื่องให้คิดพยัคฆ์ก็สนใจแต่งานก่อสร้างรีสอร์ตที่สิเกา

ฉัตราพอรู้ว่าพยัคฆ์สร้างรีสอร์ตขัดขวางความตั้งใจของเขาเต็มที่ก็ไม่พอใจอย่างหนัก วางแผนจะเล่นงานพยัคฆ์โดยการส่งคนไปวางตะปูเรือใบดักทำร้ายพยัคฆ์

“อย่าให้พลาด”

คำสั่งกำชับของเจ้านาย ทำให้คนที่ซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ระหว่างรอยต่อของวังวิเศษและสิเกาต้องขยับตัวอย่างเมื่อยขบ มันซุ่มรอเวลาให้รถของพยัคฆ์แล่นผ่านมาตามเวลาที่ได้รับแจ้งจากใครบางคน นักสืบจำเป็นคนนี้ได้รับค่าจ้างก้อนหนึ่ง มันมากพอจะเปิดปากบอกได้ว่าพยัคฆ์จะเดินทางไปไหนและตอนไหน

เสียงรถที่กำลังแล่นผ่านมาค่อนข้างเร็วเรียกให้มันขยับตัวทันที อาวุธในมือถูกจับกระชับมากขึ้นก่อนจะหันไปสบตาเพื่อนร่วมงานอีกคน ดวงตาที่สื่อถึงกันโดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ มือใหญ่ของคนทั้งคู่กระชับอาวุธปืนคู่ใจรอทำงานตามคำสั่ง ไม่นานต่อมารถกระบะคันใหญ่ยกสูงก็แล่นมาถึงตรงหน้าก่อนจะเลยไปได้ไม่ไกลนัก พวกมันที่ซุ่มรอเวลานี้มานานก็ลุกขึ้นพรวด ชะโงกหน้าไปดูทะเบียนท้ายรถอย่างไม่ยอมให้พลาด

ทว่าคนสองคนที่ลงมาจากรถฝั่งตรงข้ามคนขับหาใช่นายหัวพยัคฆ์ผู้ที่ถูกหมายหัว แสดงว่าคนขับรถก็ต้องเป็นนายหัวพยัคฆ์ ลมหายใจมันร้อนวาบเมื่อประตูฝั่งคนขับถูกเปิด เพียงเท่านั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น

“เปรี้ยงๆ” คมกระสุนของโจรซุ่มยิงเจาะผ่านร่างของลูกน้องพยัคฆ์ ร่างสูงหลบฉากยิงปืนพกประจำตัวใส่โจรซุ่มยิง ฝีมือการยิงปืนอันแม่นยำเพราะฝึกฝนมาตลอดไม่พลาดเป้าหมายดั่งเช่นในตอนนี้

“เปรี้ยง!!” ห่ากระสุนที่สาดซัดไปมาเรียกให้ร่างสูงต้องก้มหัวหลบแล้วกระชากคอเสื้อของลูกน้องผู้บาดเจ็บเข้าสู่กำบังนั่นก็คือรถของตน พยัคฆ์ไม่สนใจว่ารถจะพรุนด้วยคมกระสุนหรือไม่ ชีวิตลูกน้องสำคัญกว่ามากนัก เขาเหนี่ยวไกใส่โจรซุ่มยิงอย่างหมาลอบกัดที่แม้มันจะบาดเจ็บแต่มันก็ยังสู้ไม่ถอย แต่แล้วนักแม่นปืนอย่างเขาก็ได้รับชัยชนะเมื่อหมาลอบกัดลูกกระจ๊อกของใครบางคนที่กำลังหมายหัวเขาถูกยิงแสกหน้าไปคนหนึ่ง ส่วนอีกคนก็เลือดโชกตัว

ร่างหนารุดเข้าไปเหยียบบนหน้าอกจงใจกระทืบส้นเท้าบนแผลที่มีเลือดไหลนอง มันร้องครวญครางแต่ไม่ร้องขอชีวิตแม้พยัคฆ์จะเอะใจแต่หากพอคิดว่าผู้บงการคงเงินหนาถึงขนาดปิดปากลูกกระจ๊อกชั้นต่ำได้

“ถ้ามึงไม่ร้องขอชีวิต ก็แสดงว่ามึงอยากตาย กูจะจัดให้”

“เดี๋ยวครับนายหัว นายแม่เคยสั่งผมเอาไว้ว่าอย่าฆ่าใครโดยไม่จำเป็น มันจะเป็นบาปติดตัวไปจนตาย นายหัวส่งมันเข้าตะรางไม่ดีกว่าหรือครับ”

“แต่นี่กูจำเป็น” พยัคฆ์กำลังโกรธคนใต้บาทาที่มันไม่กลัวเขา ในเมื่อมันไม่คิดกลัวตาย เขาก็อยากสั่งเป็นสั่งตายกับมันนัก ไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังจะได้รู้จักเขาดีขึ้นว่าอย่ากระตุกหนวดเสือ

“อย่าให้มือของนายหัวเปื้อนเลือดเลยครับ” เรืองเป็นคนที่เชื่อเรื่องบุญและบาปถึงแม้จะอยู่ในวงการนักเลงมานาน แต่สันไม่เคยลงมือฆ่า มีแต่จะป้องกันตัว พอนายแม่สั่งสอนไอ้เรืองแบบนี้ ไอ้เรืองก็เลยเก็บเอามาเผลอสอนนายหัวของมันด้วยความรักและเป็นห่วงมากมายนัก

“มือกูมีแต่กลิ่นคาวเลือด” พยัคฆ์เถียง เขาไม่คิดปฏิเสธความจริง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยฆ่าใครก็จริง แต่มือของเขาเปื้อนเลือดจากการต่อสู้มานักต่อนัก สายตาอำมหิตวาวโรจน์จับจ้องที่ใบหน้าของร่างใต้ฝ่าเท้า กระทั่งเห็นสายตาไหววูบของมันเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว ดวงตาอำมหิตของพยัคฆ์หรี่ลงราวกับดวงตาเสือกระหายเลือด

“แต่นายหัวไม่เคยฆ่าใคร อย่าลงมือฆ่าให้มันตายเร็วเลยครับ ความตายจะทำให้มันสบายเกินไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า ตะรางไม่ได้มีไว้ขังหมานะครับ”

“ไอ้เรือง! มึงไปบวชเลยไป ห่าเอ๊ย! ทำกูหมดอารมณ์เหนี่ยวไกเลยนะมึง” พยัคฆ์บ่นเห็นไอ้เรืองมันถูกยิงที่ต้นแขนแต่ปากยังดีพูดซะเขาหมดอารมณ์เหนี่ยวไกเลย จำต้องลดปืนลงพลิกตัวไอ้โจรซุ่มยิงให้คว่ำหน้าแล้วเหยียบบนแผ่นหลังของมัน รถตำรวจมาถึงในไม่ช้าคงมีชาวบ้านแถวนี้โทร.แจ้งให้มาตรวจสอบ

“นายหัวพยัคฆ์เองเหรอครับ” นายตำรวจที่รุดมาดูที่เกิดเหตุเห็นสภาพรถของนายหัวหนุ่มรูปงามแล้วต้องอึ้ง คนของนายหัวก็ยังได้รับบาดเจ็บ “เกิดอะไรขึ้นครับ”

“ผมถูกใครที่ไหนไม่รู้เล่นงาน มันวางตะปูเรือใบดักไว้ แล้วมันก็เล่นงานผม ผมก็ต้องป้องกันตัว” พยัคฆ์อธิบาย

“จับมันใส่กุญแจมือเร็วเข้า” นายตำรวจที่มียศสูงกว่าหันไปสั่งตำรวจที่มียศน้อยกว่า “งานนี้ผมต้องขอเชิญนายหัวไปให้การที่โรงพักด้วยนะครับ”

พยัคฆ์พยักหน้า ตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่และเขาก็มีหน้าที่ให้ความร่วมมือ ตำรวจอีกนายเรียกรถเจ้าหน้าที่มาเก็บศพคนตาย และสั่งให้เคลียร์พื้นที่ก่อนทุกคนจะพากันไปโรงพัก

รถเก๋งคันเล็กแต่สมรรถนะเยี่ยมสีขาวเหมาะกับเจ้าของรถกำลังเข้าเกียร์ถอยหลังออกจากที่จอดรถ ทว่าทั้งที่เธอก็ดูดีแล้วไม่มีรถคันไหนหรือสิ่งมีชีวิตใดอยู่ท้ายรถของเธอ ก็ยังไม่พ้นจะถูกอะไรบางอย่างชนท้ายเข้าอย่างจัง นีรธาราหัวเสีย เมื่อเห็นรถบุโรทั่งคนหนึ่งอัดกับท้ายรถของเธอ ใครกันนะขับรถไม่มองไฟท้ายรถที่ส่งสัญญาณขอทางถอยหลังของเธอเลย พวกมือใหม่หัดขับหรือซื้อใบขับขี่มาหรือเปล่านี่ บ้าจริง! ลูกรักของเธอเป็นยังไงบ้างนะ

ร่างอรชรแทบจะพุ่งลงจากรถเพื่อไปดูบั้นท้ายของสโนว์ไวท์ลูกรัก และแล้วร่างของเธอก็ถูกใครบางคนกระชากจนตัวปลิว ชนิดที่เร็วจนไม่ทันมองเพราะเธอห่วงแต่รถไม่ทันคิดว่าจะมีภัยมาถึงตัว

“ว้าย! ปล่อยนะ อะไรกันเนี่ย” คุณหมอสาวโวยลั่น สะบัดมือไปมาหวังจะให้หลุดแต่ก็ไม่หลุด แล้วเงยหน้าขึ้นเอียงคอมองเจ้าของมือใหญ่หยาบกร้านเป็นต้องอ้าปากหวอ “นายหัวพยัคฆ์!!!”

“มานี่เลยคุณหมอตัวแสบ” พยัคฆ์ผลักหญิงสาวขึ้นรถอีกคัน ซึ่งเธอก็ไม่เห็นอีกเช่นกัน โดยชายหนุ่มไม่ลืมหันไปสั่งให้คนของตนจัดการกับรถคุณหมอ ด้วยการขับตามมา

“คุณจะพาฉันไปไหน”

“ไปที่ชอบๆ มั้ง หุบปากของเธอให้สนิท ถ้าอยากกลับไปหาคุณพ่อสุดที่รักอีกครั้งนะคุณหมอ ถ้าไม่เชื่อ อย่าหาว่าผมไม่เตือน”

“นี่คุณจะบ้าไปแล้วหรือไงนายหัว คุณพาตัวฉันมาแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ แล้วนี่จะพาฉันไปไหน ถ้าคุณไม่ตอบ ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาลักพาตัว”

พยัคฆ์โคลงหัว คำขู่ฟ่อของลูกแมวตัวน้อยไม่ได้ทำให้เขานึกกลัวขึ้นมา เพียงแต่รำคาญเสียงแหลมบาดแก้วหูมากกว่า

“ไม่เงียบใช่ไหม งั้นต้องเจอนี่” ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมตัวมาพร้อมสำหรับงานนี้ นายหัวคิดจะลักพาตัวคุณหมออย่างเธอจริงๆ หรือนี่ถึงได้เตรียมเชือกเอาไว้ในรถ ยังคิดไม่ทันจบแขนของเธอก็ถูกบิด ความเป็นหมอทำให้เธอต้องนิ่งเพื่อให้ตัวเองเจ็บตัวน้อยที่สุด เธอตั้งสติที่แตกกระเจิงใหม่ก่อนจะถามเสียงเบาลง

“ฉันทำอะไรให้คุณไม่พอใจอีกล่ะ หรือคุณพ่อ...”

“ทั้งพ่อทั้งลูกนั่นแหละ พ่อเธอส่งคนมาฆ่าฉันเมื่อวันก่อน ถึงตำรวจจะยังไม่มีหลักฐานเอาผิดกับพ่อเธอ แต่ฉันแน่ใจว่าใช่”

“ไม่มีทาง 2-3 วันมานี้ คุณพ่ออยู่บ้านตลอดไม่ได้ออกไปไหน แล้วท่านจะทำอย่างนั้นได้ไง คุณกำลังเข้าใจผิดนะนายหัว” นีรธาราไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยเลย ไม่รู้หรอกว่าบิดาทำหรือไม่ทำ แต่เธอเชื่อว่าบิดาไม่มีทางสั่งฆ่าใครได้ ถึงท่านจะดุไปบ้างแต่ท่านไม่ใจอำมหิตฆ่าคนเป็นผักปลาหรอกน่ะ

“เธอจะรู้อะไรเล่าคุณหมอ แสร้งทำเป็นไม่รู้ ทั้งที่ต้นเรื่องก็เกิดขึ้นจากเธอ เมื่อวันก่อนพ่อเธอไปเอาเรื่องฉันถึงบ้าน แค่เรื่องที่ฉันจูบเธอเนี่ยนะ โฮะ!! จูบไม่เป็นสับปะรดคิดจะมาร้องแรกแหกกระเชออะไรกัน น่าขันสิ้นดี”

“วะ...ว่าไงนะ คุณพ่อไปเอาเรื่องคุณเหรอ”

หน้าของคุณหมอระเรื่อสีก่อนจะฉาบจนแดงก่ำไปถึงลำคอ ร้อนผ่าวจนถึงติ่งหู บิดาทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ น่ะเหรอ ทว่าหัวอกคนเป็นพ่อก็ต้องรักลูกและพร้อมจะเรียกร้องเอาคืนสิ่งที่ลูกเสียไป นีรธาราพยายามคิดเข้าข้างบิดาแม้จะอับอายจนเกินจะกล่าว เสียงหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยทำให้เธอต้องดิ้นไปมา เชือกที่มัดข้อมือไพล่หลังยิ่งดิ้นก็ยิ่งแน่นขึ้น

“ก็ใช่น่ะสิ พ่อของเธอโกรธจนถึงขนาดส่งคนมาฆ่าฉัน”

“ไม่จริง เรื่องนี้ฉันไม่เชื่อ”

“ก็ช่างเธอประไร แค่เธอมีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ก็พอ”

มีส่วน? นี่เขาจะพาเธอไปฆ่าปิดปากที่ไหนสักแห่งหรือเปล่า นีรธาราใจเต้นกระหน่ำความกลัวเริ่มกอบกุมหัวใจจนเหงื่อแตก เธอพยายามมองสองข้างทางอย่างจดจำเผื่อมีทางหนีเธอจะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน แต่ความมืดและความเร็วของรถทำให้ภาพที่ประจักษ์สู่สายตาเบลอไปหมด เธอต้องมองป้ายบอกทางด้านหน้าและจดจำให้แม่นยำ

พยัคฆ์รู้ว่าคุณหมอกำลังทำฉลาดใส่เขา นึกขันเรื่องที่เขากรุขึ้นมาเพื่อหลอกเธอ คราแรกพยัคฆ์ก็คิดว่าเป็นคนของสิงขร แต่หน้าไม่คุ้นเลยแถมมันยังไม่ปริปากเอ่ยถึงผู้บงการเสียด้วยแสดงว่าเงินปิดปากคงหนามาก ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องตัดนายหัวสิงขรออกจากผู้ต้องสงสัยในบัญชีรายชื่อส่วนตัวของเขา แต่ทางกฎหมายก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจไป ถึงตอนนี้พยัคฆ์กำลังคิดถึงใครอีกคนที่เขากำลังขัดแข้งขัดขามันอยู่

ฉัตราคือผู้ต้องสงสัยในบัญชีรายชื่อส่วนตัวของเขา ซึ่งเขาได้แจ้งตำรวจไปแล้วด้านความขัดแย้งเรื่องที่ดิน แต่ยังไม่แน่ใจว่าตำรวจจะจัดการผู้มีอิทธิพลเงินถุงเงินถังอย่างฉัตราได้แค่ไหน

ตาคมลอบมองคนที่นั่งหน้าตาตื่นอยู่ข้างๆ คนของเขาต้องการหมอส่วนเขาก็ไม่รู้จะเอาหมอที่ไหนไปรักษา เพราะใจร่ำๆ แต่อยากจะดึงเอาหมอนีนมารักษา โดยอ้างเหตุผลนานัปการ

รถคันใหญ่จอดลงที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่ง นีรธาราถูกลากลงจากรถ บ้านหลังเล็กชั้นเดียวตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านที่ปลูกขึ้นเรียงเป็นแถว คนงานของพยัคฆ์กำลังนั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน มองมาที่เธอเป็นตาเดียว หญิงสาวถูกผลักเข้าไปในบ้านหลังเล็กก่อนเชือกที่ผูกข้อมือจะถูกแกะตามมา

“มีคนเจ็บด้วยเหรอ”

“กระหน่ำยิงซะขนาดนั้นก็ต้องมีเจ็บสิ เป็นหมอก็ต้องรักษาซะ”

“แต่ฉันไม่มีหอบยา มันอยู่ในรถ ก็คุณไม่บอกว่า...” นีรธาราพูดยังไม่ทันจบ ทิตก็ยื่นหอบยาให้ “คุณต้องการแค่นี้ใช่ไหมนายหัว ต้องการแค่ให้ฉันรักษาคนของคุณ แต่ฉันอยากรู้ทำไมไม่ส่งไปโรงพยาบาล”

“ลูกกระสุนแค่เฉี่ยว ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล” คนตอบก็ตอบง่ายเสียจนหมอสาวอยากกัดลิ้นตัวเอง ไม่ควรถามเลยจริงๆ ถามไปก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ดีไม่ดีอาจพ่วงถ้วยคำประชดประชันให้ด้วยก็ได้

“แต่จำเป็นต้องเอาตัวฉันมารักษาถึงที่ จะไม่ลงทุนเกินไปหน่อยหรือคะ เสี่ยงกับคุกกับตะรางเลยนะคุณ” ปากบ่นไปมือก็ควานหยิบอุปกรณ์ขึ้นมา

อาการลูกน้องของพยัคฆ์ไม่หนักเท่าไรนัก นีรธาราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องดึงเธอมาข้องเกี่ยว ขนาดย้ายไปแล้วก็ยังไม่แคล้ว หรือเขาเป็นประเภทแค้นฝังหุ่นทำพ่อไม่ได้ก็ทำลูกแทน

เฮ้อ...นี่เธอต้องรับกรรมที่ตนไม่ได้ก่อด้วยหรือ

พยัคฆ์กอดอกมองคุณหมอคนสวยที่ยังมีจรรยาบรรณดี คุณหมอรักษาคนไข้อย่างขะมักเขม้นจริงจัง มุมปากของนายหัวหนุ่มกดลึกพึงพอใจ ลอบมองแก้มเนียนใสของคุณหมอแล้วคิดถึงจูบกลางตลาดสด ปากเธอหวาน แก้มเธอก็ทั้งนุ่มทั้งหอม ร่างเธอก็อวบอิ่มคงจะหลอกตาไม่น้อยทีเดียวหากได้เปลื้องผ้าจนล่อนจ้อน คิดแล้วอารมณ์หนุ่มที่กำลังเตลิดก็สั่งให้ตาคมกริบกวาดมองเรือนร่างบอบบางของคุณหมอ โดยเฉพาะสะโพกผายงอนเช้ง ตาคมวาววับหรี่แคบลงเล็กน้อย สะโพกเธองอนสวยน่าขย้ำเสียจริงๆ

“ไม่เป็นอะไรมาก แค่แผลอักเสบ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทานยาแก้อักเสบและลดไข้กันเอาไว้ กับทำความสะอาดบาดแผลกันติดเชื้อเป็นประจำไม่กี่วันก็หาย” เสียงหวานร้องบอก “แค่นี้ใช่ไหมที่คุณต้องการ ถ้าเสร็จเรื่องแล้วฉันจะกลับ”

นีรธาราไม่เห็นความจำเป็นที่จะยืดเวลาอยู่ต่อ ผู้ชายคนนี้มากไปด้วยพิษสง เต็มไปด้วยอันตราย เธอไม่ควรจะอยู่ใกล้เขานานๆ

“เสร็จเรื่องรักษา แต่กับฉันยังไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตั้งใจพูดกำกวมให้หญิงสาวแก้มระเรื่อ “รถเธอท้ายยับขนาดนั้น ให้ฉันไปส่งดีกว่านะ”

“ไม่เป็นไร ท้ายยับแต่ยังขับได้ เพราะคุณคนเดียวนายหัว” เธอเสียดายเจ้าสโนว์ไวท์จะต้องมีรอยตำหนิ ขับมานานไม่เคยชนเลยสักครั้ง แต่เพราะเขา เพราะเขาคนเดียวคิดบ้าๆ ทำเรื่องบ้าๆ หนำซ้ำยังมากล่าวหาพ่อเธออีก

“ฉันจะรับผิดชอบเอง” นีรธาราไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา ผู้ชายที่ทำท่ารังเกียจเธอเพราะเป็นลูกพ่อ ผู้ชายที่เกลียดพ่อของเธอเข้าไส้ ผู้ชายที่ไม่เคยพูดดีกับเธอ ขับรถชนท้ายรถเธอแล้วกล่าวหาพ่อของเธอ แถมยังตะคอกใส่เธอ มัดแขนเธอ ลักพาตัวเธอมารักษาคนของเขา เหตุไฉนมาตอนนี้ถึงพูดดีกับเธอได้ จะรับผิดชอบรถของเธอนี่นะ ไม่ล่ะ ไม่อยากจะเชื่อ

“ไม่เป็นไรค่ะ รถฉันมีประกันภัยชั้น 1 ฉันเคลมได้อยู่แล้ว”

“ผมสำนึกผิด ให้ผมรับผิดชอบเถอะนะหมอนีน”

ไม่อยากจะเชื่อหู เขาพูดดีกับเธอ ทำเสียงหวานใส่เธอ หรือจะสำนึกผิดจริงๆ นีรธาราพยายามมองคนตรงหน้าในแง่ดีบ้าง ความจริงพยัคฆ์ก็ไม่ใช่คนร้ายกาจเท่าไหร่ แค่เขาไม่ถูกกับพ่อของเธอเท่านั้น บางทีเขาอาจจะแยกแยะอะไรออก ก็เลยรู้สึกผิดในสิ่งที่เคยทำกับเธอ

ดวงตาคมกริบทอดมองคนตัวเล็ก รอยยิ้มปรากฏขึ้นเมื่อเธอพยักหน้าให้ในที่สุด พยัคฆ์นัยน์ตาพราวแสง หัวใจคึกคะนองไปกับเรื่องที่คิดอยู่ในหัว นีรธาราไม่มีวันรู้ความคิดของเขา เธอจะไม่มีวันได้รู้จนกว่าเขาอยากจะให้เธอรู้ แมวน้อยกำลังเดินคลอเคลียแสนเชื่องอยู่ตรงหน้า แล้วไยเขาจะไม่รีบอุ้มมันขึ้นมาฟัดขนนุ่มๆ ให้หายอยาก

คุณหมอสาวเดินตามนายหัวหนุ่มไปขึ้นรถกระบะคันใหญ่ซึ่งไม่ใช่คันเดียวกับที่โดนยิงจนพรุน นายหัวเปิดประตูให้คุณหมอสาวอย่างสุภาพบุรุษแล้วค่อยกระโดดขึ้นไปประจำที่ตัวเองก่อนออกรถ

“ทำไมถึงย้ายไปห้วยยอด เพราะผมเหรอ”

นีรธาราหลบตาคมวูบ เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องน่าอายนั่น มันไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำ ตรงกันข้ามเรื่องกลางตลาดสดติดอยู่ในหัวใจจนดึงไม่ออก เธอพยักหน้ายอมรับ แก้มสาวแต้มสีระเรื่อบางๆ ก่อนซับความเข้มขึ้นทีละนิดๆ

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ”

หากหญิงสาวจะตั้งใจฟังแล้วเก็บไปเปรียบเทียบกับประโยคตอนขามา เธอจะต้องรู้สึกแปลกๆ ทว่าตอนนี้หมอนีนรู้สึกดีเกินกว่าจะเปรียบเทียบอะไรกับอะไรให้เกิดความสงสัยในตัวเขา พยัคฆ์ยิ้มในหน้าปรายตามองคนข้างๆ ตลอดเวลา เห็นหญิงสาวอ้ำอึ้งก็ถือโอกาสคว้ามือบางไปกุมไว้

“นายหัว!! ปล่อยค่ะ” แค่จับมือความอบอุ่นก็วาบเข้าสู่ช่องท้อง มือน้อยในอุ้งมือหนาสั่นระริกจนรู้สึกได้ ความเป็นหมอไม่เคยทำให้เธอกลัวจนมือสั่น แต่ไยแค่ถูกเขาจับมือนิดหน่อยเธอก็สั่นเป็นเจ้าเข้า

“รังเกียจผมหรือ เกลียดผมเหมือนที่พ่อคุณเกลียดผมหรือเปล่าฮึหมอนีน”

“ไม่ค่ะ” ปากเธอจะรีบปฏิเสธเร็วขนาดนี้ทำไมกัน น่าอายจัง เธอไม่มีเสียงจะเปล่งออกมานอกจากจะปล่อยให้เขากุมมือเธอตลอดเวลา เกียร์อัตโนมัติไม่เป็นอุปสรรคในการจับมือ พยัคฆ์คลึงนิ้วไปมาอยู่บนหลังมือนุ่ม

“ไม่เกลียดผมจริงๆ น่ะหรือ พ่อคุณไม่ได้ยัดเยียดความเกลียดชังเข้าในหัวสวยๆ ของคุณหรอกหรือหมอนีน หืม...”

“ฉัน...คิดเองเป็นค่ะ ฉันโตแล้วนะคะนายหัว”

จริงสินะ เธออายุอ่อนกว่าเขาหลายปีก็จริง แต่เธอโตพอจะแยกแยะถูกผิด โตพอจะรับผิดชอบชีวิตคนไข้มานักต่อนัก เธอโตแล้วจริงๆ พยัคฆ์ลอบมองทรวงอกชูชันที่ดันเสื้อออกมาจนเห็นได้ชัด เขาจำได้ เอวของเธอเล็กกิ่วต่างจากอกอวบๆ ของเธอที่ตูมเต่งนุ่มหยุ่น ขนาดได้สัมผัสแต่เพียงภายนอกยังอิ่มตึงได้ใจขนาดนี้ แล้วถ้าเห็นของจริง ได้สัมผัสจริงๆ จะขนาดไหน

“หมอนีนน่ารักจัง คุณอายุเท่าไหร่แล้วนะ”

“ปีนี้ 24 ค่ะ”

24 ปี กำลังพอดีเลย ทรวดทรงของเธอคงกำลังผลิบานรอรับสัมผัสจากใครสักคน แล้วใครคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา

เธอ 24 ปี ในขณะที่เขาปีนี้ 34 ห่างกัน 10 ปี นานจนเขารู้สึกว่าตัวเองแก่ และหากคิดย้อนไปในตอนอายุ 10 ขวบ นีรธาราก็เพิ่งเกิด

เกิดมาเป็นลูกของ...คนเลว!!

“คิดว่าคนอายุ 34 แก่เกินไปสำหรับคุณไหม”

หญิงสาวรู้สึกถึงอาการแน่นอกจากภาวะหัวใจที่เต้นระทึก เธอรู้ตัวว่าสวยเพราะมีใครหลายคนพยายามบอก และแน่ใจก็ตอนที่มีผู้ชายมาแจกขนมจีบเยอะ แต่ไม่มีใครทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขนาดนี้ เธอยิ้มให้ผู้ชายคนอื่นได้อย่างไม่รู้สึกเคอะเขิน เธอหัวเราะกับพวกเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่เธอกลับยิ้มให้พยัคฆ์ไม่ได้สนิทใจ ความอึดอัดจะกระจายไปทั่วร่าง ที่เห็นเด่นชัดสุดก็คือพวกแก้มของเธอร้อนผ่าวและตึงขึ้นกว่าเดิม แค่ยิ้มยังยากแล้วจะให้หัวเราะคงยากกว่านัก ความรู้สึกแตกต่างแบบนี้หมายความว่ายังไง

“ฉันว่านายหัวอาจจะดื่มเหล้ามา วันนี้ก็เลยพูดจาแปลกๆ ไปนะคะ” เธอหาเรื่องแก้เก้อได้แล้ว พยายามหาสาเหตุที่ทำให้คนเถื่อนคิดจะเปลี่ยนมาเป็นคนหวานทั้งคำพูดและการกระทำ บางทีพยัคฆ์อาจจะดื่มดีกรีที่อยู่ในกระแสเลือดอาจจะมากพอเปลี่ยนคนเก่าให้เป็นคนใหม่

“ผมแย่มากที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นคุณหมอ จะทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมสำนึกได้แล้วจริงๆ ที่เคยทำไม่ดีกับคุณไว้ ผมขอโทษ”

นีรธาราช้อนตาขึ้นมองเขา เธอไม่รู้ตัวหรืออย่างไร อาการช้อนตาหวานขึ้นสบตาของเขามันช่างยั่วยวนดีแท้ ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ เธอกำลังใจอ่อนให้เขา กำลังยอมรับเขาทีละนิด และถ้าดูไม่ผิดล่ะก็...เธอต้องมีใจให้เขาบ้างล่ะน่า

พยัคฆ์ไม่ได้หลงตัวเองเพราะมีแต่ผู้หญิงมาหลงจนหัวกระไดไม่แห้ง หากเขาจะเชื่อมั่นในเสน่ห์ของตนก็คงจะไม่ผิด ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาเลยสักคน ต่อให้เป็นซาตานหรืออสูรหรือพญามัจจุราช ผู้หญิงก็พร้อมจะเปลื้องผ้านอนแผ่หรารอเขาอยู่บนเตียง โดยไม่สนใจว่าหลังจากเขาลุกจากเตียงแล้วเธอจะยังมีลมหายใจอีกหรือเปล่า

“คนที่คุณต้องขอโทษ ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน”

“คุณจะให้ผมไปขอโทษคุณพ่อคุณรึหมอนีน ท่านจะยกโทษที่ผมล่วงเกินท่านมานานได้หรือ ท่านเกลียดผมมากคุณก็รู้นี่นา และคุณก็อาจจะรู้ว่าเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นจนคนของผมต้องเสียเลือดเสียเนื้อก็เพราะคนของพ่อคุณหาเรื่องก่อนทุกคราว ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าทำไมคุณพ่อคุณถึงจงเกลียดจงชังผมนัก ผมพยายามเลี่ยงแล้วแต่ก็เลี่ยงไม่ได้สักที”

“ฉันทราบค่ะ ทุกครั้งที่เกิดเหตุ คนของคุณพ่อเล่นงานพวกคุณก่อนเสมอ แต่ถ้าฉันจะบอกว่าคุณพ่อไม่เคยสั่งให้ใครเล่นงานคนของคุณเลย คุณจะเชื่อฉันไหมล่ะคะ” หญิงสาวสบตาเขาอย่างเว้าวอน เช่นเดียวกับนัยน์ตาของพยัคฆ์ที่อ่อนเชื่อมลงมา แม้จะยังเป็นประกายระยิบระยับอยู่บ้างก็เถอะ

“จริงหรือหมอนีน”

“ฉันเชื่อว่าคุณพ่อไม่ได้สั่งค่ะ ที่จริงมันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดระหว่างคนสองกลุ่มโดยที่คุณและคุณพ่อไม่รู้เรื่อง คนเคยมีเรื่องกันมาก่อน เคยปะทะกันมาแล้ว หากจะเจอหน้ากันมันก็ตะขิดตะขวงใจไม่หายหรอกจริงมั้ยคะ ถ้าเราอธิบายให้พวกเขาเข้าใจ ฉันว่าเรื่องนี้อาจจะสงบลงได้”

“นั่นสินะ ทำไมผมถึงคิดไม่ออกก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาเกลียดผม เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ เกลียดเหมือนขอทานข้างถนน หน้าผมก็ยังไม่อยากมอง” กระแสเสียงแห่งความขมขื่นที่ปกปิดไม่มิดทำให้คนใจอ่อนอย่างนีรธาราเผลอขยับตัวเข้าไปใกล้ แล้ววางมือบนมือใหญ่ที่กุมมืออีกข้างของเธอไม่ปล่อย

“ก็แค่ความเข้าใจผิดค่ะ อย่าคิดมากเลยนะคะ คุณมีค่าในสายตาของคนอื่นเสมอ” เธอปลอบเท่าที่จะทำได้ แม้จะยังไม่แน่ใจกับความคิดที่เวียนวนอยู่ในหัว ความคิดที่มีแต่เรื่องของผู้ชายคนนี้

“คุณด้วยหรือเปล่าหมอนีน ผมมีค่าในสายตาคุณบ้างหรือเปล่า แล้วหมอพิรัชต์ล่ะ เขามีค่ากับคุณมากแค่ไหน”

“เอ๋...” หญิงสาวทำหน้างง

“ก็ผมเห็นเขาชอบมองคุณบ่อยๆ สีหน้าเขาที่เคยเห็นเวลามองคุณก็ดูจะมีความสุขนัก เขาชอบคุณ”

“บ้าไปแล้ว นายหัวคิดอย่างนี้ได้ไงคะ คุณหมอพิรัชต์ไม่ได้คิดอะไรกับฉันหรอกค่ะ คุณเข้าใจผิด” ไม่รู้อะไรทำให้นีรธาราต้องรีบแก้ตัวพัลวันแบบนี้ แล้วแก้มสาวก็แดงก่ำยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นนัยน์ตาคมของคนข้างกายวาววับจับแสง

“ผมเข้าใจผิดจริงหรือหมอนีน แค่เข้าใจผิดเท่านั้นใช่มั้ย คุณไม่ได้คิดอะไรกับหมอพิรัชต์ใช่หรือเปล่า อย่าหลอกให้ผมหลงดีใจเก้อนะคุณหมอ”

“ทำไมต้องดีใจเก้อด้วยล่ะคะ” หญิงสาวเผลอหลุดปากถามเรื่องที่คิดว่าน่าอายออกไป เป็นผู้หญิงไม่ควรจะถามผู้ชายแบบนี้ มันเป็นการชี้ทางให้กระรอกโดยไม่รู้ตัว

แต่ไม่...เธอรู้ตัวดี

รถคันใหญ่จอดริมถนนสองข้างทางบริเวณนี้ไม่มีบ้านคนสักหลัง เงียบและยังวังเวงแต่นีรธาราไม่กลัวทุกสิ่งที่อยู่นอกรถมากไปกว่าคนที่อยู่ในรถด้วยกันกับเธอ แค่รถจอดสนิทมือของเธอก็เย็นเฉียบและเพียงมือหนาปล่อยมือเล็ก เธอก็รีบดึงมือกลับ พยัคฆ์ใส่เกียร์ว่างดึงเบรกมือเรียบร้อยแล้วค่อยหันไปสบตาแมวน้อยขี้กลัวที่ซุกตัวอยู่ซอกประตูรถ พยัคฆ์ยื่นมือมาเกลี่ยปลายนิ้วกับแก้มสาว นีรธาราผงะหนีแต่ไม่พ้น แก้มร้อนซู่ซ่าจนริมฝีปากสั่นระริก จะว่าหนาวก็ไม่ใช่ ที่ปากสั่นคงเพราะหวาดกลัวระคนตื่นเต้นมากกว่า

นีรธาราบอกไม่ได้ว่าทำไมไม่ปัดป้อง มือของเธออ่อนแรงจนได้แต่ทิ้งอยู่ข้างกายเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นระส่ำ ลมหายใจเริ่มหอบกระชั้นอย่างไม่รู้สาเหตุ เป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่เธอไม่รู้จัก และเมื่อร่างสูงเอียงตัวเข้ามาหา เมื่อนั้นเธอก็หาสาเหตุเจอ

“บอกผมให้ชื่นใจหน่อยได้มั้ยคุณหมอ คุณไม่รังเกียจผมใช่มั้ย”

“ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยรังเกียจนายหัว แต่ว่า...”

“แต่อะไรรึคุณหมอ ไม่รังเกียจแล้วมีแต่ หมายความว่ายังไงกันฮึ”

“นายหัว...จะ...จอดรถทำไมคะ ยังไม่ถึงบ้านฉันเลยนะคะ หรือถ้าคุณจะไม่ไปส่ง รบกวนส่งฉันลงที่วินรถเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันกลับเองนะคะ” ท่าทางคล้ายจะลนลานตื่นตูมของแมวน้อยเรียกมุมปากหนากระตึกขึ้น

“คุณกลัวผมหรือคนสวย ผมน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ”

ไม่ ถ้าในเวลาปกติเธอไม่เคยคิดกลัว แต่ในเวลาแบบนี้มันแตกต่าง เวลาที่เขาเอาปลายนิ้วไล้ไปที่ลำคอเรียกให้ขนบนร่างลุกพรึ่บ ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มกับสัมผัสนั้น มันเหมือนกับว่าเขากำลังปลุกเร้าร่างกายเธอ โดยที่ไร้การต่อต้าน มือไม้ทำไมอ่อนระโหยโรยแรงแบบนี้ก็ไม่รู้ อยากจะยกผลักไสก็ยกไม่ขึ้น อยากจะไล่เขาออกห่างปากก็ไม่ยอมพูด แค่จะถามก็ยังแทบจะเปล่งออกมาเป็นประโยคไม่ไหว

“ว่าไงคุณหมอ กลัวผมหรือเปล่า”

เสียงพร่านุ่มทุ้มที่ออกแนวคุกคามชนิดที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน บังคับเป็นนัยๆ ให้เธอส่ายหน้า ทรวงอกอิ่มภายใต้เสื้อสีหวานคอป้านกว้างขยับขึ้นลงจากแรงหายใจที่เธอห้ามไม่ได้ อยากจะกลั้นใจเผื่อโนมเนื้อพื้นที่ส่วนตัวจะไม่กระเพื่อมล่อตาก็ทำไม่ไหว แค่หายใจในตอนนี้ยังลำบาก แล้วหากจะหยุดหายใจก็คงไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเสียล่ะ

“ไม่ค่ะ นายหัวพยัคฆ์อย่าทำแบบนี้”

“ทำแบบนี้ ที่ผมลูบไล้ลำคอของคุณน่ะเหรอ ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรือ ยังไม่มีใครเคยทำแบบนี้กับคุณสินะ ดีแล้วล่ะ เพราะหากใครทำ จำไว้ว่าผมจะไม่มีวันปล่อยให้มันลอยนวล”

นีรธาราถอนหายใจแผ่ว ปากอิ่มเผยอเมื่อปลายนิ้วใหญ่ลากไล้ไปตามคอเสื้อกว้างๆ บางครั้งก็วนเป็นวงกลม บางทีก็สะกิด บางหนก็กดหนัก มือของพยัคฆ์เคลื่อนไปด้านหลัง ดวงตาคมจับจ้องกลีบปากที่สวยดุจกุหลาบ มันหวานอย่างที่เขาจำได้ แต่วันนี้ถ้าเธอจะร่วมมือด้วยเขาคงลิ้มรสหวานที่ไม่มีใครเทียบเท่า

ชายหนุ่มกดปลายนิ้วหนักบริเวณต้นคอด้านหลังแล้วคลึงแผ่วๆ หญิงสาวหลับตาความสบายบังเกิด เขาเป็นหมอนวดได้สบายๆ แค่นี้ยังทำให้เธอผ่อนคลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นฉุกเฉินจากฝีมือของเขาที่แทบไม่ได้ทำอะไร นอกจากพูดและพูด เสียงของเขาไพเราะน่าฟังดุจมีมนตร์สะกดให้เธอเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอย ถ้าผู้หญิงเป็นแม่มด ผู้ชายอย่างเขาก็คงเป็นพ่อมดสินะ

พยัคฆ์เหนี่ยวลำคอระหงเข้าหาตัวก่อนใช้สองมือรองรับแรงกดแนบจากริมฝีปากได้รูปที่กดเหนือกลีบปากอิ่ม นีรธาราเบิกตากว้างความสะลึมสะลือหายไป ปากอิ่มอ้ารับการรุกรานจากปลายลิ้น ครั้งก่อนปากเขาแค่ประกบแล้วบดขยี้แรงๆ จำแทบช้ำ ครั้งนี้เขาตั้งใจรุกรานจากอวัยวะที่เธอเพิ่งประจักษ์ถึงพิษภัยของมัน ลิ้นหนาใหญ่และสากรู้ได้จากลิ้นนุ่มที่ถูกดูดรัด กระพุ้งแก้มถูกตวัดซอกซอนลัดเลาะไปตามไรฟัน ดื่มด่ำน้ำหวานที่เขาแน่ใจว่ามีในตัวเธอคนเดียวเท่านั้น

มือใหญ่ทิ้งลงบนบ่าเล็กข้างหนึ่ง เกี่ยวปลายนิ้วรั้งคอเสื้อสีหวานลงไปตามลาดไหล่ พยัคฆ์อยากขอบคุณเหลือเกินที่เธอสวมเสื้อตัวนี้ในวันนี้ ไหล่ขาวเนียนเปลือยเปล่ายั่วมือให้ลูบคลึงตรงแอ่งชีพจร พยัคฆ์หายใจแผ่วก่อนจะรั้งสติถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย แล้วเปลี่ยนมาจูบลาดไหล่นวลเนียนแทน

“หอมจังเลยหมอนีน คุณใช้น้ำหอมอะไร ทำไมหอมมากขนาดนี้”

นีรธาราได้แต่ส่ายหน้าไปมา ศีรษะทุยกำลังรุกรานเนินเนื้ออิ่ม เธอผวายกมือขึ้นกอบกุมศีรษะเขาเอาไว้ พยายามออกแรงผลักแต่ไม่ไหวเพราะคนรุกรานตั้งหน้าตั้งตาชิมความหวานทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างเท่าที่ทำได้ คุณหมอหอบสะท้านสลับกับถอนหายใจหอบโยน ความชุ่มชื้นที่ไต่ไปทั่วเนินอกคืออะไร

“อืม...นายหัวคะ อย่า...”

ตากลมฉายแววตื่นตระหนกเหตุเพราะประจักษ์ถึงความชุ่มชื้นว่าคืออะไร เมื่อยอดทรวงหายเข้าไปในโพรงปากร้อน นีรธาราไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเสื้อเลื่อนต่ำขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ความเย็นจากแอร์รถยนต์กระตุ้นซ่านไปทุกรูขุมขน ยังผลให้ยอดทรวงแข็งคัดและยิ่งถูกดูดรัดแผ่วเบาสลับรุนแรงก็ยิ่งชูชันดุนดันกับปลายลิ้นสาก

นีรธาราเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้ นอกจากไร้เรี่ยวแรงต่อต้านแล้วยังเผลอยกมือขึ้นกดหัวทุยๆ ให้แนบแน่นมากขึ้น พยัคฆ์ก็เมามันกับรสกายคุณหมอสาวที่ทั้งหวานและหอมจนไม่อยากผละห่าง จากซ้ายย้ายไปขวา จากขวาย้ายไปซ้าย สลับกันกี่ครั้งก็ยังไม่อิ่มเอม แต่แล้วเขาก็ทนไม่ไหว แค่นี้จะไปสาอะไร ดึงรั้งร่างเล็กลอยขึ้นมาบนตักไม่อีนังขังขอบกับพื้นที่ภายในตัวรถซึ่งคับแคบ ติดทั้งพวงมาลัย ติดทั้งเกียร์ ต้องเลื่อนเบาะคนขับให้ขยับไปด้านหลังจนสุด

“อย่าค่ะนายหัว” ร่างของคุณหมอสั่นเทิ้ม สภาพในตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก เสื้อคอกว้างแถมยังเป็นผ้ายืดถูกดึงรั้งลงมาอยู่ในฐานอก แถมเสื้อชั้นในชนิดไร้สายก็ยังเลื่อนลงมาอยู่ใต้ทรวงอก พอจะยกมือปิดบังของสงวน พยัคฆ์ก็ส่ายหน้าดึงมือเล็กออก

“ไม่รู้หรือไง ของสวยๆ แบบนี้เขาเอาไว้ดู ผมอยากเห็นคุณมากกว่านี้ แต่ในรถมันไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ และผมก็อยากให้เกียรติคุณ ขอแค่นี้ แค่นั่งเฉยๆ บนตักผมเท่านั้น ทำได้มั้ยหมอนีน”

“คะ...แค่นี้เหรอคะ”

“ใช่ที่รัก แค่นั่งเฉยๆ เท่านั้น”

มือพยัคฆ์เลื่อนลูบปลีขาเรียวขาวสวย กระโปรงบานย้วยยาวแค่เข่าถูกถลกขึ้นสูงจนเห็นต้นขาขาวลออ ปากหนาแนบบนปากนุ่มอีกครั้งคล้ายหักห้ามใจไม่ได้ อีกทีก็อยากดึงความสนใจจากเธอให้พ้นจากมือที่กำลังยุ่มย่ามอยู่บนต้นขา ลูบไล้ภายนอกก่อนวกเข้าภายในเลื่อนขึ้นอย่างเชื่องช้า

สัมผัสบอกเขาแค่ว่าเธอสวยยิ่งกว่าใครในโลกเสียอีก เนียนเรียบไม่มีสะดุด ไม่มีไฝฝ้าราคีให้ระคายใจ ปลีขาเปิดอ้าเพราะนั่งค่อมตักแข็ง หญิงสาวสะดุ้งแล้วสะดุ้งเล่า แต่ก็เท่านั้นเพราะเธอหนีบขาหนีไม่ได้ หนักเข้าก็เบือนหน้าหนีจูบเมื่อหายใจหายคอไม่สะดวก ติดขัดจนแสบจมูกอัดแน่นไปทั่วหัวใจ

เมื่อเธอเบี่ยงซ้ายพยัคฆ์ก็แนบหน้าเข้ากับซอกคอข้างขวา จูบหนักๆ ทั้งยังขบเม้มแกล้งงับติ่งหู ซ้ำยังเลียปลายลิ้นไปทั่วใบหูเล็กหอมกรุ่น กระซิบเสียงพร่าแต่ทำให้เธอต้องอ้าปากค้าง ทำตาโตอย่างตระหนก

“ผมอยากรู้จักคุณให้มากขึ้น คุณสวยขนาดนี้ ความสาวของคุณจะสวยขนาดไหนนะยาหยี”

กางเกงชั้นในตัวบางไม่เป็นอุปสรรคใดๆ เมื่อมือใหญ่สอดเข้าไปลูบคลำส่วนสงวนที่ทำให้เธอแทบดิ้นพล่าน

“อื้อ...อย่าค่ะ อย่า...”

“อย่าให้ผมหยุดเลย ผมทำไม่ได้”

“แต่เรา...เรา...”

“อย่าคิดอะไรนอกจาก...สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ที่รัก พุ่งความสนใจของคุณทั้งหมดอยู่แค่ตรงนี้ก็พอ เชื่อผม ผมไม่มีวันทำร้ายคุณ”

ปลายนิ้วกรีดไปตามรอยแยกของสัดส่วนความเป็นสาว นีรธาราสะดุ้งเฮือกก่อนจะซุกหน้าเข้ากับซอกคออุ่น กลิ่นเหงื่อกรุ่นกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของผู้ชายกระตุ้นให้จมูกกดเน้นไปที่ซอกหู จะว่าไปแล้วกลิ่นกายของเขาก็หอมประหลาด ทำงานตากแดดตากลมทำไมตัวไม่เหม็น

พยัคฆ์พริ้มตาเมื่อปากอิ่มแต้มไปบนซอกคอปลุกเร้าจุดสยิวโดยไม่รู้ตัว แมวน้อยกำลังซุกซนกับของเล่นชิ้นใหม่ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งนี้จะนำภัยมาสู่ตน ปลายจมูกของเธอคลอเคลียไปมา ลมหายใจอุ่นเป่ารดให้ซ่านกระสัน พยัคฆ์เอาคืนแมวน้อยด้วยการกรีดนิ้วแหวกกลีบกุหลาบให้เปิดกว้างมากขึ้น ก่อนจะซอกซอนเข้าไปทักทายเกสรอิ่ม

“อา...นายหัว อย่าค่ะ อย่าทำอย่างนั้น มัน...อ๊ายยยย”

นีรธาราสั่นกระตุกไปทั่วร่าง เกสรนารีถูกสะกิดคลึงเคล้นเบาๆ สร้างความอุ่นร้อนแปลกๆ ในช่องท้อง วูบวาบเหมือนมีไฟสุม ลำขาเกร็งค้างกดมือลงกับบ่าหยัดกายขึ้นสูง พยัคฆ์กระตุกยิ้ม ความอุ่นร้อนซึมอาบปลายนิ้วของเขาจนลื่นไปหมด อารมณ์ที่ถึงขีดสุดของคุณหมอช่างมหัศจรรย์เสียจริง

“กรี๊ดดดด” นีรธาราหวีดร้องกับซอกคอหนา พยัคฆ์ยังไม่หยุดเคลื่อนปลายนิ้วเข้าๆ ออกๆ หยอกล้อกับกลีบกายที่แสนบอบบาง หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ความปรารถนาก็หลั่งรินออกมาตลอดเวลา จนกระทั่งร่างสาวระทดระทวยอยู่บนอก หลับตาพริ้มปากสั่นระริกอยู่บนร่างของเขา

“นอกจากจะสวยมาก แล้วยังร้อนมากด้วยนะยาหยี เธอรู้ตัวรึเปล่าว่าอารมณ์รักของเธอมหัศจรรย์แค่ไหน นี่ไงที่รัก” ชายหนุ่มชูปลายนิ้วที่มากไปด้วยพิษสงแต่เปียกชื้นให้เธอดู หญิงสาวส่ายหน้าไปมา เธอเป็นหมอ ไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่านี่คือสิ่งที่เกิดจากอารมณ์ของตนเอง

ความละอายใจทำให้คุณหมอพยุงตัวขึ้นแล้วขยับตัวตวัดขาเรียวข้ามเกียร์ไปนั่งที่ของตน น้ำตาซึมออกมาทางหางตาด้วยคิดว่าสิ่งที่เธอทำมันผิดมหันต์ เสียใจที่บังคับกายใจไม่ให้เตลิดไปกับเขาไม่ไหว แต่ถ้าพยายามอีกนิด บางทีเธออาจจะรอด

ทว่า...สายไปเสียแล้ว เธอปลดปล่อยอารมณ์ใฝ่ต่ำออกไปจนหมดสิ้นแล้ว

“ไม่เอา อย่าร้องไห้ แมวน้อยของพี่ อย่าร้องไห้นะ”

“พี่?” นีรธาราไม่สามารถปัดมือที่ยื่นมาเกลี่ยน้ำตาออกห่างได้ หนำซ้ำอารมณ์ที่เหนือการควบคุมก็ยังคงอยู่ เธอปรายตามองคนที่จู่ๆ ก็เรียกแทนตัวว่าพี่อย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเขาและไม่เข้าใจตัวเอง

“ใช่ ต่อไปนี้เรียกพี่เสือแทนนายหัวนะ แบบนี้มันฟังดูสนิทสนมกว่า นะหมอนีน”

น้ำเสียงออดอ้อนที่ดังมาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่น และเสื้อเชิ้ตของเขาก็กลายเป็นผ้าซับน้ำตาให้เธอโดยปริยาย นีรธารากลั้นสะอื้น ตอนนี้เธออยากกลับบ้านแล้ว ถ้าขืนอยู่กับเขาต่อไปเธอคงเสียการควบคุมตัวเอง เสียกำลังใจอย่างต่อเนื่อง

“พานีนไปส่งบ้านนะคะพี่เสือ”

“ได้สิ พี่จะไปส่งถึงบ้านเลย”

“แค่ปากทางเข้าบ้านก็พอค่ะ นีนไม่อยากให้พ่อเห็นพี่เสือ นีนเป็นห่วงพี่เสือนะคะ”

พยัคฆ์พยักหน้า เขาเองก็ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับนายหัวสิงขรตอนนี้ เพราะอะไรเขาเองที่รู้อยู่แก่ใจดี หลังจากแน่ใจว่าหญิงสาวอยู่ในชุดเรียบร้อยเหมือนตอนก่อนจะจอดรถ รถคันใหญ่ก็เคลื่อนตรงไปสู่จุดหมายท่ามกลางความคิดวุ่นวายภายในหัวของหนุ่มสาวที่อยู่ในรถ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel