
บทย่อ
เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แล้วความแค้นที่ไม่อาจลบเลือนไปได้ทำให้เสือหนุ่มอยากขย้ำเสือแก่ วิธีเดียวที่เขาจะทำคือทำลายดวงใจของเสือแก่ซะแล้วคนที่น่าสงสารจะเป็นใครถ้าไม่ใช่...เธอ...คุณหมอคนสวยที่กลายเป็นเหยื่อในเกมนี้ความแค้นเกิดขึ้นเป็นไฟสุมใจให้สองเสือผู้ยิ่งใหญ่ต้องห้ำหั่นกัน โดยหารู้ไม่ว่าความจริงนั้นเป็นเช่นไร และกว่าจะได้รู้เขาก็เกือบเสียหัวใจตัวเองไปเพราะความแค้นโง่ๆ
บทนำ
บทนำ
ข่าวนักเรียนตีกันมักจะปรากฏในจอโทรทัศน์เสมอหลังการเปิดภาคเรียนใหม่ ใช่ว่าจะมีแต่นักเรียนอาชีวะที่คิดจะเป็นนักเลงหัวไม้ตีรันฟันแทง ยังมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่อริของนักศึกษาต่างสถาบันร่วมด้วย การขัดแข้งขัดขาเกิดขึ้นทั้งจากความตั้งใจและโดยไม่ได้ตั้งใจได้ทุกเมื่อ เหมือนในตอนนี้...
ร่างสูงเพรียวของพยัคฆ์ในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้อนอกกางเกง ยืนเด่นเคียงข้างนักศึกษาหญิงต่างสถาบันที่เขาเพิ่งจะเจอเธอไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอชื่ออั้ม และเขาก็อยากอ้ำเธอตั้งแต่แม่สาวคนงามทิ้งเบอร์โทรไว้ให้ ผู้หญิงให้ท่ากันขนาดนี้มีหรือเขาจะปฏิเสธ เสือก็ย่อมไม่ทิ้งลาย แถมเป็นเสือลายพาดกลอนด้วยแล้วชั้นเชิงการจีบหญิงไม่น้อยไปกว่าใคร ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาของเขาดันเป็นที่ดึงดูดสาวๆ ดียิ่งกว่าแม่เหล็ก แบบนี้ถ้าหล่อนจะติดหนึบเขาแจก็ไม่ใช่ความผิดของเขา จริงมั้ย
“เสียดายวันนี้รถพี่พัง ไม่งั้นพี่จะพาอั้มไปนั่งรถเล่น” ชายหนุ่มหยอกเย้าแม่สาวสวยก็ทิ้งสายตาเชิญชวนให้
“นั่นสิคะ วันนี้เราเลยต้องขึ้นรถเมล์เลย ร้อนจะตาย” สาวเจ้าบ่นและโบกสมุดเล่มบางในมือไล่ความร้อน สีหน้าของเธอดูมีความสุขนักเมื่อได้อยู่ใกล้เขา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เดินควงหนุ่มรูปงามอย่างเขา ได้เชิดหน้าผยองให้สาวๆ คนอื่นต้องทิ้งสายตาแห่งความริษยา
“วันหลัง ไม่พลาดแน่คนสวย พี่จะพาเธอเที่ยวให้สนุกจนลืมไม่ลงเลย”
รถเมล์คันหนึ่งจอดลงตรงหน้า พยัคฆ์และอัจฉราพรมองคนที่เดินเรียงแถวลงมาจากรถ หญิงสาวอ้าปากหวอเพราะรู้จักนักศึกษาชายกลุ่มนั้นเป็นอย่างดี ส่วนพยัคฆ์เขาไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าพวกมันทุกคน และท่าทางของมันกวนบาทาของเขาตั้งแต่ก้าวลงมาจากรถ
พวกมันเป็นใคร?
“พี่โต!! พี่เสือหนีเร็ว”
หญิงสาวผลักร่างสูงข้างกายออกห่าง พยัคฆ์ขยับตัวแค่เพียงนิด นักศึกษากลุ่มนั้นก็มาถึงตัวและล้อมวงรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว นักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีไม่เคยขาดแคลนเรื่องผู้หญิงจำต้องตั้งหลัก พวกมันกำลังคุกคามเขาด้วยเรื่องอะไรนั้น พยัคฆ์ยังไม่รู้ แต่การล้อมวงรอบตัวเขาเป็นการแสดงบทบาทของหมาหมู่ ห้าต่อหนึ่ง ไม่มีทางที่เขาจะสู้พวกมันได้ แต่งานนี้ถ้าไม่ผิด เขาสู้ตาย
แน่นอน...คนไม่รู้ย่อมไม่ใช่คนผิด
“เฮ้ย!! คิดจะเคลมเด็กกูเหรอวะ ไม่อยากตายดีเสียแล้วมึง” คนที่นำหน้าลงมาก่อนท่าทางคุกคามปรามาสใส่พยัคฆ์ แววตาจ้องจะเอาเรื่องเขาโดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้จักหรือจำได้ว่าไปขัดแข้งขัดขามันไว้ตอนไหน แต่คำว่า ‘เด็กกู’ ทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากมันเพื่อมองผู้หญิงข้างตัวใหม่
“ไหนว่าไม่มีแฟนไงล่ะอั้ม แล้วไอ้พวกหมาหมู่นี่มันเป็นใคร”
ฝ่ายหญิงออกอาการลุกลี้ลุกลนสุดท้ายก็ปล่อยมือจากแขนของพยัคฆ์แล้วปรี่เข้าไปเกาะแขนผู้ชายที่รุดหน้าเข้ามาใกล้
“พี่โต อั้มไม่รู้จักมันเลยนะ มันมาจีบอั้มเอง”
ประโยคโบ้ยความผิดของผู้หญิงใจง่ายทำให้พยัคฆ์ถึงกับขบริมฝีปากแล้วยืดอกขึ้น ผู้หญิงคือเพศแม่ที่อ่อนแอและน่าทนุถนอม แต่ผู้หญิงบางคนก็พิษร้ายยิ่งกว่างูเห่า พยัคฆ์ประจักษ์แจ้งแก่ใจในตอนนี้ แท้จริงแล้ว ‘ตอแหล’ สะกดอย่างนี้นี่เอง
ผู้ชายที่เธอเรียกมันว่า ‘พี่โต’ ปลดมือบางออกจากแขน สาวอั้มถอยหลังหนีไปอยู่มุมหนึ่งปิดฉากการช่วยเหลือใดๆ แก่เขา นี่แหละพิษสงของนางอสรพิษอย่างเธอ พยัคฆ์ถอยหลังเมื่อไอ้โตคุกคามเข้ามาใกล้ และก่อนที่มือของไอ้โตจะคว้าคอเสื้อของเขา ชายหนุ่มก็ปัดมือหยาบออกแล้วเตะสวนหน้าแข้งที่มันสะบัดเข้าใส่ พยัคฆ์ตัวสูงใหญ่กว่าเพียงแต่ไอ้โตมันท้วมกว่า แต่ความแข็งแรงของพยัคฆ์ที่มีมากกว่าทำให้ไอ้โตหน้าเปลี่ยนสีไปนิด หน้าแข้งปะทะหน้าแข้งใครบอกว่าไม่เจ็บ
“ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วพวกมึงยืนมองอะไรกันวะ จัดการมันสิโว้ย”
คำสั่งของลูกพี่อย่างไอ้โตทำให้ลูกน้องข้างถนนกรูกันเข้ามารุมพยัคฆ์ ชายหนุ่มไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่ชอบทะเลาะวิวาทกับใคร แต่เรื่องหมัดมวยเขาก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้างเพราะชอบเตะต่อยกระสอบทรายที่บ้านอยู่เป็นประจำ มันเป็นการออกกำลังกายที่ฝึกฝนชั้นเชิงการป้องกันตัวได้ดี และตอนนี้พยัคฆ์ก็เอาฝีไม้ลายมือที่ทำให้กระสอบทรายถูกเปลี่ยนมาหลายใบแล้ว ขาแข้งแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อฟาดใส่ลำตัวคู่ต่อสู้ มือกำหมัดซัดผัวะใส่หน้าใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ ล็อกคอตีเข่าจนมันผู้นั้นหงายเก๋ง
ห้ารุมหนึ่ง ต่อให้หนึ่งคนจะมีฝีมือดีขนาดไหนก็มีพลาดกันได้ ยิ่งนักเลงหัวไม้ที่สวมชุดนักศึกษากลุ่มนี้พกพาอาวุธอย่างมีดด้วยแล้ว คนที่เสียเปรียบเห็นจะเป็นพยัคฆ์ ชายหนุ่มรูปงามถูกล็อกหลังจากใครบางคนที่หาจังหวะได้ แล้วใครอีกคนก็ตุ้ยท้องเขาหลายทีชนิดที่เขาไม่ทันตั้งตัว พยัคฆ์เลือดสาด แต่ยังฮึดสู้ด้วยการสปริงตัวกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมันที่กำลังชกเขา มันหน้าหงายอีกคนก็แทรกเข้ามา แล้วคมมีดก็จ้วงแทงร่างของพยัคฆ์ ดีที่เขาเอี้ยวตัวทัน คมมีดก็เลยเฉือดสีข้างของเขาแทน แต่แค่นี้ความเจ็บก็พุ่งปราด ร่างสูงทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
“เฮ้ย!!! หมาหมู่แบบนี้ไม่น่าเกิดเป็นคนเลยนะพวกมึง”
ไตรภาคเพิ่งจะออกจากมหาวิทยาลัยเห็นพยัคฆ์ถูกรุมก็จำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาทนเห็นคนถูกรุมไม่ได้ แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่ก็ไม่รอช้ารีบเข้ามาช่วยด้วยสายเลือดของนักสู้ใจเด็ดที่มีอยู่ในตัวของผู้ชายตัวจริง
“มึงเสือกอะไรด้วยวะ”
“กูจะไม่เสือก ถ้าพวกมึงไม่เล่นหมาหมู่แบบนี้”
“หนอย...อยากเสือกนักใช่ไหม ได้...จัดการมันเลย”
พวกไอ้โตละจากพยัคฆ์ไปหาไตรภาค ชายหนุ่มตั้งหลักรอรับอยู่แล้วอย่างไม่กลัว ไตรภาคเองไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่ศิลปะการป้องกันตัวก็พอเรียนรู้มาไม่น้อย ถ้าจะงัดเอาทฤษฎีมาใช้ในเชิงปฏิบัติบ้างก็คงได้ผลพอสมควร ร่างสูงพอๆ กับพยัคฆ์ป้องกันตัวจากการถูกคุกคาม ทั้งหมัดมวยก็มีชั้นเชิงพอตัว ไม่ถึงขั้นน็อคเอาท์อีกฝ่ายแต่ก็พอทำให้พวกมันเซถลา ถ้าไม่ติดที่เขาไม่มีอาวุธนอกจากมือเปล่าแล้วล่ะก็ ไตรภาคต้องล้มพวกมันได้แน่
“ปี๊ดดดด” เสียงตำรวจจราจรที่ต้องละจากหน้าที่เพื่อมาหยุดเหตุนักเรียนตีกันเป่านกหวีด อีกฝั่งตำรวจจำนวนหนึ่งก็กระโดดลงจากรถแล้วเข้ามาล็อกตัวกลุ่มตะลุมบอนทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พยัคฆ์และไตรภาค ทุกคนถูกจับ
“ให้เป็นนักเรียนดีๆ ไม่ชอบ ชอบจะเป็นนักเลง ไปๆ นำตัวไปโรงพักเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวครับ เพื่อนผมบาดเจ็บ” ไตรภาคทักท้วงเมื่อตำรวจลากตัวพยัคฆ์ที่บาดเจ็บและมีเลือดไหลออกจากสีข้าง จนเสื้อขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง พยัคฆ์มองไตรภาคอย่างขอบใจ เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้าไอ้หนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่จากเข็มนักศึกษาที่ปักบนอกเสื้อทำให้รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้เรียนที่เดียวกันกับเขา
“ไหนดูซิ แผลแค่นี้ไม่ตายเร็วหรอกมั้ง ไปโรงพักก่อนแล้วค่อยไปโรงพยาบาล ไป!”
ไตรภาคอดคิดเหน็บแนมตำรวจไม่ได้ ตำรวจดีก็มีแต่ตำรวจเลวก็มาก หรือเพราะต้องทำหน้าที่ก่อนเรื่องอื่นไว้ทีหลังก็ไม่รู้ ‘ชีวิตคนมีค่ามากกว่าผักปลาที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดนะเว้ย’ ไตรภาคแอบค่อนขอดตำรวจอยู่ในใจ พยัคฆ์ยืดตัวขึ้นสีหน้าของเขาบอกว่าเจ็บไม่น้อย แต่รอยยิ้มบางๆ นั่นทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องต้องถอนใจ มันคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่เลือดก็ออกจนเสื้อชุ่ม ในเมื่อคนเจ็บยังยิ้มออก เขาก็จำต้องหุบปากและเดินขึ้นรถตำรวจไป
เมื่อพยัคฆ์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วกลับมาที่โรงพักอีกครั้ง ไตรภาคที่นั่งเงียบอยู่มุมหนึ่งในห้องขังโดยอีกด้านหนึ่งเป็นกลุ่มของไอ้โต เมื่ออยู่ในห้องขังไม่มีใครทำกร่าง ทุกคนกอดเข่าเงียบมองร่างสูงที่ถูกผลักเข้ามาในห้องขัง ไตรภาคลุ้นว่าพวกมันจะทำอะไรพยัคฆ์แต่พวกมันก็ยังนิ่งเฉย เขาจึงขยับตัวเปิดทางให้พยัคฆ์ทรุดตัวลงข้างๆ
“ขอบใจนายมากนะไอ้น้อง” พยัคฆ์กล่าว
“ไม่เป็นไร ผมไม่ชอบเห็นใครถูกรังแก ยิ่งถูกรุมแบบนี้ยิ่งต้องช่วย” เสียงของไตรภาคดังแค่ได้ยินกันสองคน
“นายเลยต้องซวยไปด้วย”
“ช่างเถอะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิตลูกผู้ชาย ว่าแต่พี่ไปทำอะไรเข้าถึงถูกรุมแบบนี้”
“ผู้หญิงน่ะ ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีผัว เอ๊ย...มีแฟนแล้ว”
“อ้อ...ไม่ดูให้ดีก่อนว่างั้น”
“อืม...แถมพอโดน เจ้าหล่อนกลับหาว่าเราจีบก่อน ทั้งที่หล่อนเองเป็นคนทิ้งเบอร์โทรให้ เฮ้อ...ว่าแต่นายเถอะ ชื่ออะไร เรียนที่เดียวกันนี่หว่า”
“ผมชื่อไตรภาค พี่คือพี่เสือใช่ไหม ผมเคยได้ยินชื่อพี่จากปากเพื่อนผู้หญิง”
“หึหึ ชื่อฉันมันดังขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ก็พี่เป็นขวัญใจสาวๆ นี่นา”
“แล้วนี่นายให้ใครมาประกันตัวหรือยัง” พยัคฆ์ถาม พลางมองบาดแผลช้ำๆ บนใบหน้าหล่อเหลาของไตรภาค เขามีส่วนผิดที่ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนุ่มรุ่นน้องนี่ได้แผล แต่นั่นยังไม่เท่ากับการถูกทำโทษจากมหาวิทยาลัย หลังจากมีนักศึกษาบ้าระห่ำสองคนไปมีเรื่องกับนักศึกษาต่างสถาบัน บทลงโทษจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ตัวเขาเองช่างมันเถอะ จะเป็นยังไงก็ช่างประไร อีกไม่กี่เดือนก็เรียนจบออกไปแล้ว และหากมหาวิทยาลัยคาดโทษไม่ให้มีสิทธิ์สอบก็ช่าง แต่ตัวไตรภาคที่ยังต้องเรียนอีกหลายปีจะทำยังไง
“ไม่มีหรอกพี่ ผมไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ไปถึงอา เดี๋ยวท่านจะเสียใจ”
“บ้าเอ๊ย! แล้วนายจะออกไปได้ยังไงถ้าไม่มีใครประกันตัวน่ะ”
“ผมก็อยู่กับพี่ไง หึหึ จะนอนมุ้งสายบัวเป็นเพื่อนด้วยเลย ไม่ดีหรือไง”
“บ๊ะ! เอางั้นเลยเหรอ”
“เอางี้แหละพี่ ลูกผู้ชายก็แบบนี้ล่ะเนอะ ว่าแต่พี่เถอะให้ใครมาประกันตัวหรือยัง”
พยัคฆ์ถึงกับเป่าปาก ใครที่ไหนจะมาประกันตัวเขา มีแต่แม่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา แต่เขาก็คิดเหมือนไตรภาคไม่อยากให้ท่านเสียใจ แล้วจะบอกท่านเรื่องนี้ได้ยังไง
“ไม่ล่ะ ไม่ได้บอกใคร เฮ้อ...ชีวิตลูกผู้ชายเหมือนที่นายว่าไง ลองนอนมุ้งสายบัวมั่งก็เป็นประสบการณ์หนึ่งไม่ใช่เหรอ”
“พี่มีคนที่คอยเป็นห่วงหรือเปล่า” อยู่ๆ ไตรภาคก็ถามขึ้น
“มี ฉันมีแม่คนเดียว เรามีกันสองคนแม่ลูก และฉันก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปทำให้ท่านไม่สบายใจ นายล่ะ ถ้าให้เดาชีวิตนายอาจจะไม่ต่างจากฉัน ถึงได้อยากนอนมุ้งสายบัวถึงขนาดเข้ามาช่วยฉัน ให้ไอ้พวกนั้นรุมสะกรำ”
“ก็ไม่เชิง พ่อแม่ผมเสียไปหมดแล้ว ผมอยู่กับอา ชีวิตผมมันอาจจะเรียบง่ายเกินไปหน่อยล่ะมั้ง ผมเลยแส่หาเรื่องเห็นตอนที่พี่ถูกรุม บอกตรงๆ สงสาร มีแต่คนมุง ไม่มีคนช่วย”
“ฮ่ะๆ นั่นสิ ใครจะเสือกเข้ามาช่วยล่ะวะ มีแต่นายนี่ล่ะ แต่ยังไงก็ต้องขอบใจนายมาก ถ้าไม่ได้นาย ฉันคงตายคาตีนพวกมันไปแล้วก็ได้ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณนายเลยนายภาค” พยัคฆ์ตีซี้เรียกไตรภาคด้วยชื่อเล่นที่เขาไม่รู้จัก แต่คิดว่าใช่ คนชื่อไตรภาค ถ้าไม่มีชื่อเล่นว่าไตรก็ต้องเป็นภาค ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแผ่ว หัวเราะดังไม่ได้เจ็บแผล ไตรภาคยิ้ม ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของพยัคฆ์เปลี่ยนไป
เมื่อก่อนมักจะได้ยินแต่เสียงกรี๊ดกร๊าดของกลุ่มเพื่อนผู้หญิงในคณะเดียวกัน ยามเห็นพยัคฆ์เล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมของคณะ เขาคิดว่าพยัคฆ์คงเป็นหนุ่มเจ้าสำอางได้แต่หลีหญิงไปวันๆ มาวันนี้เหตุการณ์แม้จะเริ่มจากหลีหญิงผิดคนไปหน่อยก็เถอะ แต่ทำให้เขารู้ว่าพยัคฆ์ก็เป็นลูกผู้ชายตัวจริงเหมือนกัน บาดแผลที่เกิดจากการสู้ไม่ถอยมันบอกอย่างนั้น บวกกับการได้รู้จักพูดคุยกัน ถึงได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรหลายอย่างน่าสนใจมากกว่าแค่ผู้ชายรูปงามคนหนึ่งเท่านั้น
“อย่าคิดว่าเป็นบุญคุณเลยพี่เสือ ถ้าเป็นบุญคุณจริง ผมต้องพาพี่ออกไปจากที่นี่ได้แล้วสิ แต่นี่มันหมายถึงมิตรภาพของเราที่เกิดขึ้นผิดที่ผิดทางผิดเวลาไปหน่อยต่างหากล่ะ บอกตรงๆ นะ ทีแรกผมคิดว่าพี่ก็แค่ผู้ชายขี้หลีไปวันๆ ประเภทไม่ใช่ลูกผู้ชายตัวจริง ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็วิ่งแซงหน้าเพื่อนไปเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคิดผิด พี่ไม่หนีแถมสู้ขาดใจ ทั้งที่ตัวเองไม่มีทางสู้”
“เหมือนหมาจนตรอกหรือเปล่าวะ” พยัคฆ์กลั้วเสียงหัวเราะ
“ฮ่ะๆ พี่พูดเองนะ เพราะเห็นว่าพี่สู้ไง ผมถึงช่วย ถ้าพี่วิ่งหางจุกตูดล่ะก็ ผมคงได้แต่สมน้ำหน้า”
“ฮ่ะๆ มิตรภาพที่เกิดในมุ้งสายบัวนี่นะ” พยัคฆ์เหลือบตามองกลุ่มไอ้โต ไม่เห็นพวกมันสนใจมองมาก็มองออกไปนอนห้องขัง มองตำรวจที่เดินไปมาก่อนจะหันมามองไตรภาค “มิตรภาพครั้งนี้จะไม่มีวันจางหาย ฉันสัญญา”
ไตรภาคยิ้ม รู้ตัวดีว่ากำลังทำเรื่องบ้าระห่ำช่วยผู้ชายที่เพียงเคยเห็นหน้าได้ยินกิตติศัพท์ แต่ไม่เคยรู้จักสนิทสนม ทว่าคำสัญญาของพยัคฆ์กลับทำให้หัวใจหนุ่มแน่นอย่างเขาหนักอึ้ง เต็มไปด้วยความยินดี คำว่ามิตรภาพไม่ได้ซื้อหากันง่ายๆ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่มิตรภาพจะยั่งยืนนานแค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่อง ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่ามิตรแท้อยู่ที่ใด คนข้างกายนี่จะเป็นมิตรแท้จริงๆ หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
และยังไม่ทันที่ไตรภาคจะพูดอะไรออกไป ตำรวจนายหนึ่งก็ไขห้องขังเรียกพยัคฆ์ออกไป
“พยัคฆ์ออกมาได้ มีคนมาประกันตัวแล้ว”
ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปตามคำเรียก ก่อนจะหันกลับไปมองไตรภาคอีกครั้งแล้วเดินจากไป ไตรภาคคิดว่าไม่มีหรอกมิตรแท้ ยามคับขันก็เป็นมิตร ยามสบายก็ลืมกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงสิบห้านาที นายตำรวจคนเก่าก็ไขห้องขังอีกครั้ง
“ไตรภาคออกมาได้ มีคนประกันตัวแล้ว”
เขาลุกขึ้นอย่างงงๆ เดินออกไปก็เห็นพยัคฆ์ยืนรออยู่
“พี่เสือ?”
“มีคนใจดีอุตส่าห์มาประกันตัวฉันทั้งที ฉันเลยจัดหนักให้เขาประกันตัวนายออกมาด้วย ไม่ต้องขอบคุณฉันน้องชาย ไปขอบคุณเขาคนนั้นดีกว่า”
ไตรภาคตามพยัคฆ์ไปพบใครคนหนึ่ง ซึ่งเขารู้ในภายหลังว่าเป็นลุงของพยัคฆ์ชื่อไกรนาถ พยัคฆ์แนะนำแค่นั้นก่อนจะเดินมาส่งไตรภาคขึ้นรถแท็กซี่
“นายภาค” พยัคฆ์เรียกไว้
“ครับพี่เสือ” ไตรภาคสบตาคมเข้มของพยัคฆ์
“เรื่องที่ฉันพูดให้ห้องขัง ฉันพูดจริง ฉันจะไม่ลืมมิตรภาพของเราครั้งนี้”
“ถ้างั้น...” ไตรภาคยื่นมือออกมาตรงหน้า “เรามาสาบานกันว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไปดีไหมพี่เสือ”
พยัคฆ์เลิกคิ้ว แต่ก็ยิ้มกว้างแล้วจับมือข้างขวาของไตรภาค เขาเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง หากจะมีน้องชายเกิดขึ้นในตอนนี้จะสายไปหรือเปล่า ไม่หรอก ไม่มีคำว่าสายถ้าเขาจะรับไตรภาคเป็นน้องชายร่วมสาบาน
“ได้สิ เรามาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเถอะนะ ต่อจากนี้เราจะมีกันและกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ห่างกันมากเท่าไหร่ เราจะไม่มีวันทิ้งกัน”
“ครับ ผมจะไม่มีวันทิ้งพี่ พี่เสือ” ไตรภาคให้สัญญา
“ฉันก็จะไม่มีวันทิ้งนาย นายภาค” พยัคฆ์เขย่ามือไตรภาคก่อนจะตบบ่ากว้าง ดันไตรภาคให้ขึ้นรถแท็กซี่และยืนมองไฟท้ายของรถรับจ้างคันนั้นไปจนลับตา
หลังจากนั้นเป็นต้นมาทุกอย่างก็เป็นปกติ ไตรภาคซึ่งมีฐานะทางครอบครัวดีกว่า ช่วยให้พยัคฆ์มีสิทธิ์สอบครั้งสุดท้ายก่อนจบการศึกษา พยัคฆ์เรียนจบออกไปก็ส่งข่าวมาเป็นพักๆ ส่วนไตรภาคเรียนจบปริญญาตรีก็ต่อปริญญาโทเลย การติดต่อยังส่งถึงกันเสมอ ไม่เคยมีใครคนใดคนหนึ่งห่างหายไปดังคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน
