บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

“นินทาคนนี่มันสนุกปากจริงๆ นะ คุณหมอว่ามั้ย”

พยัคฆ์รวบร่างอรชรแน่นขึ้นอีกนิดอย่างจงใจ ไม่สนใจอาการตกใจของคุณหมอสาวที่ลนลานจะหนีให้พ้นจากอ้อมแขนอุ่นๆ ของเขา

“ปล่อยค่ะนายหัว อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะคะ”

มุมปากของพยัคฆ์กระตุกขึ้นเล็กน้อย

“ทีคุณยังนินทาผมได้เลยเมื่อกี้น่ะ หืม...” พยัคฆ์แกล้งกดใบหน้าให้ต่ำลง นีรธาราขืนตัวออกแต่ติดอ้อมแขนที่รัดเอวคอดของเธอแน่น กลายเป็นว่าเธอต้องหงายหลังให้ใบหน้าอยู่ห่างเขามากที่สุด

“สุภาพบุรุษเขาไม่ทำกับสุภาพสตรีแบบนี้ ปล่อย!” เสียงหวานรอดไรฟันออกมาก่อนตากลมจะมองซ้ายมองขวาเลิกลั่ก ผู้คนเริ่มหันมามองเธอเป็นตาเดียว หน้าสวยใสเปลี่ยนเป็นสีระเรื่ออย่างอับอาย มือบางก็ผลักอกกว้างของคนที่แกร่งดุจหินผา หากแต่ไม่มีทางสะทกสะท้านเสียล่ะ

พยัคฆ์ปรายตามองตามสายตาของหญิงสาว แล้วขยับตัวเบียดเข้าหาอีกนิด จับจ้องดวงหน้าหวานสวยที่ดูอ่อนเยาว์มากกว่าอายุ นีรธาราอายุน้อยกว่าเขาสิบปี เธอสวยหวานจับใจแม้ยังไม่ได้สัมผัสความหวานให้ลึกซึ้ง แต่เขามั่นใจว่าเธอเต็มไปด้วยรสหวานหากได้ลิ้มลองสักครั้งคงติดตราตรึงใจไม่มีเลือน

ถ้า...เธอไม่ใช่ลูกของนายหัวสิงขร!

เมื่อคิดได้ดังนั้นจมูกปลายแหลมก็โฉบลงมาเฉียดพวงแก้มให้ร้อนซู่จนหญิงสาวต้องหลับตาปี๋

“หึ หึ สวย แต่แตะไม่ลงหรอก ลูกคนเลวๆ แบบนั้น”

แล้วร่างของคุณหมอก็เซถลาถอยหลังเพราะแรงผลัก จนกระแทกเข้ากับขอบปูนของร้านขายผัก เธอหน้าเสีย ทั้งเสียหน้าและอับอายเหลือจะกล่าว โชคดีที่ตะกร้าผักจะไม่หล่นลงมาด้วย ไม่งั้นคงต้องหาปี๊บแถวนี้คลุมหัว

“นี่น่ะหรือการกระทำของคนที่ว่าคนอื่นเลว แล้วบอกตัวเองดีน่ะ คุณมันก็เลวไม่ต่างจาก...”

“ต่างจากอะไรหมอนีน ถ้าพูดไม่สวยอย่าหาว่าผมไม่เตือน” มือหนายื่นออกไปทำท่าเชยคางมนขึ้น นีรธาราปัดมือหยาบหนาออกห่าง

“ก็คนที่อยู่ในความคิดของคุณไง คุณคิดว่าใครเลวก็คนนั้นล่ะ โอ๊ย!!!” ร่างบอบบางของหมอนีนปลิวปะทะแผงอกล่ำๆ อีกครั้ง “นี่! ถ้ารู้ตัวว่าบ้าก็ไปให้หมอฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้าสิไป๊ อย่ามาทำบ้าแถวนี้ เพราะตรงนี้มีแต่คนดีๆ เขาอยู่กัน”

นีรธาราไม่คิดกลัวนายหัวพยัคฆ์ แม้ว่าคำบริภาษของเธอจะทำให้หลายๆ คนต้องยกมือทาบอก กลัวเจ้าของดวงตาคมกริบที่มองจ้องคุณหมออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ สงสารคุณหมอสาวที่คงจะโดนขย้ำชะตาขาดเสียที่นี่ ก็นายหัวพยัคฆ์เคยกลัวใครที่ไหน วันนี้คงอารมณ์เสียมาจากไหนถึงตามมาหาเรื่องคุณหมอสาวในตลาดสด

“ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะหมอนีน เสียดายที่ฉันไม่ได้เอาแฟ้บใส่กระเป๋ามาด้วย แต่ถ้ารู้ว่าจะเจอเธอที่นี่ ฉันจะยัดใส่กระเป๋ามาล้างปากโสโครกให้สะอาด แต่ในเมื่อ...ฉันไม่มีแฟ้บ ฉัน...ก็...จะ...”

คุณหมอสาวเบี่ยงหน้าหลบไม่ทัน เมื่อเรียวปากร้อนวาบทาบลงบนกลีบปากนุ่ม ก่อนจะบดขยี้ไรหนวดครึ้มแรงๆ จนปากอิ่มแดงช้ำแสบร้อนไปหมด นีรธาราไม่เจ็บปากเท่ากับเจ็บใจ เธอตั้งสติได้ก็สะบัดฝ่ามือใส่หน้าเข้มๆ จนหันไปตามแรงตบ

“เพียะ!!!”

แล้วพอพยัคฆ์คว้าต้นแขนเล็กไว้ได้ นีรธาราก็หมุนตัวมากระทืบส้นเท้าในรองเท้าส้นสูงบนปลายเท้าของเขาเต็มแรง

“โอ๊ย!!!”

เขาปล่อยแขนเธอเพราะความเจ็บแล่นปราดจากปลายนิ้วเท้าขึ้นสู่น่อง นีรธาราวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็เจอกับใครบางคน

“คุณพ่อ!!!”

นายหัวสิงขรเผอิญไปรับบุตรสาวที่โรงพยาบาลแล้วได้รับคำตอบว่าคุณหมอนีนไปตลาด จึงตามมาที่ตลาดด้วย ทว่ากลับต้องมาเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อได้เห็นบุตรสาววิ่งกระเซอะกระเซิงหนีใครมา พอมองข้ามร่างเล็กบางไปก็เห็นร่างสูงใหญ่ของศัตรูเบอร์หนึ่งยืนลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

“เป็นไรไปลูก มันทำอะไรนีน บอกพ่อสิ พ่อจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้”

นีรธาราอยากฟ้องพ่อก็อยาก แต่ใจหนึ่งก็เกรงว่าจะมีเรื่องราวใหญ่โต ถ้าเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ตำรวจต้องมามีส่วนร่วมด้วยอยู่แล้ว และเธอก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เธอไม่ได้กลัวว่าบิดาจะถูกจับ แต่ไม่ต้องการให้มีการฆ่าฟันชกต่อยกันหลังจากนี้

“เปล่าค่ะคุณพ่อ นีนก็แค่...ไม่อยากเห็นหน้าเขา นีนก็เกลียดเขาเหมือนที่คุณพ่อเกลียดนั่นแหละค่ะ” เสียงหวานของเธอดังกระทบหูคนที่ยืนห่าง ‘เกลียด’ เธอเกลียดเขาเหมือนพ่อของเธอ เขาก็เกลียดเธอเหมือนเกลียดพ่อของเธอ!!

“แล้วทำไมหัวยุ่งอย่างนี้ล่ะลูก มันทำอะไรนีนบอกพ่อ พ่อไม่ยอมหรอกนะ ไอ้คนเส็งเคร็งนั่นมันสมควรตาย”

“เมื่อกี้นีนสะบัดหน้าแรงไปหน่อยค่ะ ผมก็เลยกระจายหลุด ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ ไปเถอะค่ะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะคะ นีนอยากกลับบ้านค่ะ” จะให้บอกได้ยังไงว่าเธออายจนแทบจะเอาหน้ามุดดินหนี คนในตลาดเห็นกันทั้งนั้นเรื่องเมื่อกี้ เจ็บใจนัก เธอถูกหมาบ้ากัดเข้าจนได้ ทำไมดวงซวยอย่างนี้นะ

นายหัวสิงขรมองพยัคฆ์อย่างคาดโทษ เขาคิดว่าไอ้หมอนั่นมันต้องทำอะไรลูกสาวเขาแน่ๆ ไม่งั้นลูกเขาคงไม่มีสภาพแบบนี้หรอก ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พยัคฆ์ ถ้ายังไม่มีใครตายกันไปข้างก็อย่าหวังว่าจะอยู่ร่วมโลกกันได้

“นีนแน่ใจหรือลูกว่าไม่อยากเอาเรื่องมัน แต่พ่อยอมไม่ได้หรอกนะลูก” เมื่ออยู่ด้วยกันในรถ สิงขรก็ถามบุตรสาว

“นีนไม่อยากให้คุณพ่อมีเรื่องกับเขาอีกแล้วค่ะ อะไรที่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง นีน...ไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ”

แม้ลูกจะบอกแบบนั้นนายหัวสิงขรก็ยังไม่วางใจ หลังจากส่งนีรธาราเข้าบ้าน เขาก็สั่งให้คนของตนไปสอบถามแม่ค้าในตลาดเค้นหาความจริงให้ได้

หลังมื้ออาหารเย็นผ่านพ้นไป นีรธาราก็ขอตัวขึ้นห้องโดยบอกแค่ว่าอยากอ่านตำราที่ทิ้งมานานแล้ว แต่พอเข้ามาในห้องแทนที่จะอ่านตำราอย่างที่บอก เธอกลับนั่งดูดวงจันทร์ที่ส่องแสงนวลลอออยู่บนฟ้า นั่งมองจันทร์อยู่นานก็เผลอยกมือลูบริมฝีปาก ไออุ่นยังจับแน่นอยู่บนกลีบปากอิ่ม ปากนุ่มที่ดูเหมือนนิ่มขึ้นเพราะแรงบดขยี้และเสียดสีจากไรหนวดเครา แต่แล้วเธอก็ใช้หลังมือเช็ดคราบความวูบไหวทั้งที่ตอนอาบน้ำก็ล้างจนชาไปทั่ว ล้างยังไง เช็ดยังไง ไออุ่นก็ยังติดแน่นแกะไม่ออก

“ก๊อกๆ ขอแม่เข้าไปหน่อยนะนีน”

นีรธาราลุกไปเปิดประตูห้องให้มารดา เปรมจิตยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาว

“แม่มากวนหรือเปล่าลูก”

“เปล่าค่ะ นีนมัวแต่นั่งดูดวงจันทร์ ยังไม่ได้เปิดตำราอ่านเลยค่ะ”

เปรมจิตเห็นริมฝีปากของนีรธาราแดงจัดออกจะเห่อบวมกว่าปกติด้วยซ้ำ ก็ต้องถามด้วยความเป็นห่วง

“ปากนีนเห่อบวมนี่ลูก เป็นอะไรหรือเปล่า อะไรกัดปากนีนหรือเปล่าลูก”

คนถามก็ถามด้วยความเป็นห่วงตามประสา แต่คนตอบก็ระงับความร้อนวาบที่ซ่านขึ้นจากลำคอถึงพวงแก้มไม่ได้ นีรธาราพยายามข่มความอายแล้วยิ้มกว้าง

“มดกัดค่ะ นี่นีนก็รู้สึกคันๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ นีนมียาแก้แพ้ เดี๋ยวก็หาย” นีรธาราตอบ “แม่คะ ทำไมพ่อถึงเกลียดนายหัวพยัคฆ์นักล่ะคะ นีนเคยถามแม่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่แม่บอกว่าเขาสองคนไม่กินเส้นกันมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่นายหัวพยัคฆ์เกิดเลยด้วยซ้ำ นีนยังไม่เข้าใจเลยค่ะ แล้ว...นีนก็ได้ยินมาหนาหูเหลือเกิน เรื่องที่...คุณพ่อเป็น...”

“ไม่พูดนะลูก คุณพ่อไม่ชอบได้ยินเรื่องนี้ เฮ้อ...แม่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาไว้เมื่อถึงเวลาแล้วแม่จะบอกนีน”

“ทำไมต้องรอเวลาด้วยล่ะคะ นีนสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด” หญิงสาวยกมือขึ้นทำท่าให้สัญญากับผู้เป็นแม่ เรื่องที่เธอได้ยินมาตลอดจนคิดไปว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง ไม่เคยรุกเร้าให้ต้องหาคำตอบที่แท้จริงจากมารดา จนกระทั่งวันนี้

จูบแผดเผาริมฝีปากลึกเข้าไปถึงหัวใจและต่อหน้าต่อตาคนทั้งตลาด อาจจะเป็นตราบาปให้เธอต้องมัวหมอง และถ้าเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ตราบาปจะยิ่งฝังลึกจนลบไม่ออก เหมือนโซ่ตรวนคล้องข้อเท้ากักขังเธอให้อยู่กับความผิดไปตราบนานเท่านาน

“ไม่ใช่แม่ไม่อยากบอกนะลูก แต่แม่ขอเวลาดูคุณพ่ออีกสักระยะ แม่กลัวว่าถ้านีนรู้แล้วนีนจะรับไม่ได้”

“ทำไมนีนต้องรับไม่ได้ด้วยคะ หรือมันเกี่ยวข้องกับนีนด้วยคะ”

เปรมจิตจับจ้องดวงหน้าของบุตรสาวนิ่ง แต่แล้วเธอก็ต้องเป็นฝ่ายเบือนหนี แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยซะงั้น

“พรุ่งนี้แม่จะใส่บาตร ถ้านีนจะทำด้วยก็ตื่นแต่เช้านะลูก แม่ไปล่ะ”

นีรธาราไม่ได้คำตอบอีกครั้ง เธออยู่กับความสงสัยมาตลอดจนอายุ 23 และเธอจะต้องอยู่กับมันไปอีกนานแค่ไหน ถ้า...ไม่ใช่บิดาของเธอ เธอจะไม่คิดสงสัยจนแทบผวาไปกับคำบอกเล่าที่ได้ยินมาหนาหูหรอก

‘ต่อให้ผู้ชายคนนั้นเป็นปีศาจ เธอก็ไม่สนใจ ถ้าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพ่อของเธอ’

หลังจากที่ได้รับรายงานจากคนของตน นายหัวสิงขรก็ยกพวกบุกไปหานายหัวพยัคฆ์ถึงบ้าน ทว่าพวกเขาได้แต่ยืนอยู่นอกบ้านเพราะประตูรั้วรอบอาณาเขตบ้านศักดิ์วรวงศ์ถูกปิดกั้นไม่ให้มีผู้บุกรุกโดยรอบ แต่เมื่อคนโกรธกระแทกแตรรถดังลั่น เจ้าถิ่นก็รวมกลุ่มกันเดินมาหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญโดยมีประตูรั้วอัลลอยด์ขวางกั้น คนทั้งสองฝ่ายกระชับอาวุธที่มีติดตัวทั้งปืน จอบ เสียม ตะบอง และมีด

“เฮ้ย!! กล้าบุกมาถึงนี่เลยหรือวะ” ไอ้เรืองผู้มีใจสวามิภักดิ์ต่อผู้ที่เป็นนายนำหน้ากลุ่มตะโกนถามเสียงห้วน พร้อมทั้งยกปืนพกขึ้นขู่

“ไอ้หมาขี้เรื้อน มึงไปเรียกจ่าฝูงของมึงออกมาพบกูเดี๋ยวนี้ กูมีเรื่องต้องคิดบัญชีกับมัน” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งห้วยยอดวัย 62 แต่ยังแข็งแรงและดุสมชื่อเจ้าป่ากระทุ้งด้ามปืนกับเหล็กอัลลอยด์จนเกิดเสียงดัง “แคร้ง!!!”

“แล้วทำไมต้องเชื่อ ที่นี่ถิ่นใครวะ ผมว่านายหัวพาลูกกระจ๊อกกลับไปเถอะ อย่าพามาเสียเลือดที่นี่เลย ตายฟรีเปล่าๆ น่ะ” ไอ้ทิตยืนอยู่ข้างๆ ไอ้เรือง ยกปืนเล็งใส่พุงพลุ้ยๆ ของนายหัวสิงขร

“หน็อย...กูไม่ต้องการเสวนากับพวกมึง ไปเรียกนายของพวกมึงออกมา ไม่อย่างนั้นกูจะถล่มที่นี่ให้ราบคาบ”

“กลัวตายล่ะ ที่นี่วังวิเศษนะเว้ย ไม่ใช่ห้วยยอด ใครเสียเปรียบก็รู้กันอยู่แล้ว คิดผิดคิดใหม่นะนายหัว ผมไม่อยากทำคนแก่”

“ไอ้บัดซบเอ๊ย!!! เปรี้ยงงงง” นายหัวสิงขรยิงปืนขึ้นฟ้า เสียงกัมปนาถดังสนั่นทำให้นกกาพากันแตกตื่น บินหนีกันกระเจิง “จะหดหัวอยู่ในกระดอง แล้วให้หมารับใช้ออกหน้าเหรอวะไอ้เสือ มึงออกมาสู้กับกูกันตัวต่อตัวสิโว้ย ออกมา!!!”

เสียงตะโกนลั่นพร้อมกับการขยับตัวเข้ามาเขย่าประตูรั้ว เรียกให้คนของพยัคฆ์ถึงกับขบกราม ก่อนใครคนหนึ่งจะทนไม่ไหวเพราะทำแบบนี้ก็เหมือนยั่วยุให้เลือดนักสู้เดือดพล่าน

“กูไม่ทนให้พวกมันมากำแหงถึงถิ่นแล้วโว้ย แบบนี้ต้องดวลกันหน่อยสิวะ”

“หยุด!!! หยุดเดี๋ยวนี้” เนตรดาวออกมาทันก่อนที่คนของพยัคฆ์จะขว้างมีดเปิดศึกคนละฝั่งกับคนของสิงขร เมื่อร่างอวบของนายแม่ฝ่ากลุ่มคนงานกลุ่มใหญ่ที่มีอาวุธครบมือ ดุจนางเสือที่มากไปด้วยพิษสงเข้ามาห้ามทัพ นายหัวสิงขรถึงกับยืนนิ่งไม่ไหวติง

ภาพอดีตหลั่งไหลเข้ามาในสมอง

เมื่อ 34 ปีที่แล้ว

เจ้าของร่างอิ่มซอยเท้ายิกเข้ามายืนหอบหายใจในครัวของบ้านหลังงาม มือบางยกขึ้นทาบอกก่อนจะยกกุมพวงแก้มที่ฉาบด้วยสีชมพูใส เนตรดาวยืนหอบจนตัวโยนจากการวิ่งหนีคนบางคนเข้ามาหลบอยู่ที่นี่ โดยไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ไปเห็นภาพที่ทำให้ใจเต้นแรง น่าอายจริง แต่คนทำเล่าจะได้รู้สึกอายเหมือนเธอไหม

“เนตร เป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นคุณเหมือนจะวิ่งหนีใครมาอย่างงั้นแหละ”

นายหัวสิงขรเกรงว่าจะมีใครทำร้ายเนตรดาว เขาจึงวิ่งตามเธอเข้ามาในครัว

“ปละ...เปล่าค่ะ เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” เธอปฏิเสธเป็นคำพูดและการส่ายหน้าระรัว ทิ้งมือที่กุมข้างแก้มลงข้างลำตัว เปิดแก้มสาวแดงระเรื่อสู่สายตาของนายหัวสิงขร ฝ่ายนายหัวหนุ่มเห็นแก้มเมียแดงก่ำก็ยิ่งสงสัย กับท่าทางของเธอที่เหมือนจะสอดส่ายสายตามองหาใครบางคน ก็ยิ่งเพิ่มความสงสัย

“ไม่เป็นไร แล้วทำไมแก้มคุณต้องแดงขนาดนั้น แดงอย่างกับ...”

ไม่ทันพูดจบ เมียรักก็ยกมือทาบพวงแก้มทั้งสองข้างคล้ายเพิ่งนึกได้

“โอ๊ะ!!! คือว่าฉัน...เอ่อ...ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมื่อกี้ออกไปตากแดดแล้วรู้สึกคลื่นไส้วิงเวียนยังไงไม่รู้ ก็เลยรีบวิ่งเข้ามาในบ้าน แก้มแดงก็เพราะตากแดดจัดน่ะค่ะ”

“อย่างงั้นหรือ” สามีเขม่นตามองภรรยาอย่างสังเกต ภรรยาพยักหน้าหงึกหงักตอบรับพัลวัน

“ค่ะ ใช่ค่ะ” แต่แล้วเนตรดาวก็ต้องเบือนหน้าหนีสามีเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของสามีเธอ ทำไมวันนี้ถึงเหม็นนักนะ หรือเขาเปลี่ยนกลิ่น “คุณสิงห์เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเหรอคะ ทำไมใช้กลิ่นนี้ล่ะคะ เหม็นจัง”

สิงขรยกแขนขึ้นแล้วดมแขนเสื้อตัวเองก่อนจะส่ายหน้า

“ผมไม่ได้เปลี่ยนนะ ยังใช้กลิ่นเดิม ยี่ห้อเดิม ไม่เคยเปลี่ยน”

“เหอะ...อี๋เหม็น”

แล้วภรรยาคนสวยก็วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นห้อง เปิดปิดประตูห้องเสียงดังปึงปัง ผู้เป็นสามีมองตามอย่างสงสัย และด้วยความที่เป็นคนรักเมีย ห่วงเมีย และหวงเมียจนขึ้นชื่อเรื่องความขี้หึง เมื่อเขาไม่ได้ตามขึ้นไปซักถามแต่คิดจะไปถามคนงานผู้หญิงที่เป็นเหมือนคนรู้ใจเมียรักให้รู้ความ สิงขรก็เจอกับเจ็ทเตอร์ซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาสีหน้าระรื่นผิดปกติ

“สวัสดีครับนายหัว จะไปไหนหรือครับ” เจ็ทเตอร์ทักขึ้นก่อน

“ผมจะไปหาคนงานสักหน่อยน่ะคุณ แล้วคุณล่ะมานานแล้วรึ”

หลังจากที่เจ็ทเตอร์มาเที่ยวเมืองไทยได้เกือบเดือน เขาก็กลายเป็นแขกประจำของเนตรดาว สองคนนี้เป็นพี่น้องแต่ไม่ได้เกิดจากท้องเดียวกัน เท่าที่สิงขรรู้เจ็ทเตอร์เป็นพี่ชายของเนตรดาวที่เกิดจากพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ แต่ทว่ามีข่าวแว่วเข้าหูซึ่งสิงขรเองก็จำไม่ได้แล้วว่าได้ยินมาจากไหน เพียงแต่แว่วผ่านมาแล้วเขาก็ลืมๆ ไป กระทั่งเห็นหน้าผู้ชายคนนี้เมื่อไหร่ถึงต้องนึกออก

‘เจ็ทเตอร์เป็นลูกติดของแม่ใหญ่ หรือเมียคนแรกของพ่อชาวอิตาเลียนของเนตรดาว’

“มาได้สักพักแล้วครับ พอดีเจอเนตรที่ท้ายสวน ก็เลยคุยกันสักพักน่ะครับ”

“เจอเนตร?”

“ใช่ครับ ผมคุยกับเนตรที่ท้ายสวนก่อนจะมาที่นี่”

คำตอบของเจ็ทเตอร์ย้ำความคิดว้าวุ่นของสิงขรให้จมดิ่งอยู่ในแอ่งความผิดหวัง คนขี้หึงจับโน่นชนนี่จนได้เรื่อง สีหน้าที่ติดจะเคร่งขรึมอยู่แล้วก็นิ่งขึงลงไปอีก

“เมียผมขึ้นห้องไปพักผ่อนแล้ว เชิญคุณกลับไปก่อนแล้วกัน”

เจ็ทเตอร์กระตุกยิ้ม เหลือบตามองขึ้นไปบนชั้นสอง หน้าต่างห้องนอนใหญ่ที่เปิดอยู่ ผ้าม่านหนาหนักไหวไปมา รอยยิ้มของเจ็ทเตอร์ก็มีมากขึ้นจนแทบจะเป็นฉีกยิ้ม

“ฝากลาเนตรแทนผมด้วยก็แล้วกันนะครับ ผมไปก่อน แล้ววันหลังจะมาใหม่”

สิงขรกรามกระตุกเป็นริ้วๆ ปล่อยให้เจ็ทเตอร์ขึ้นรถขับจากไปแป๊บเดียว ขายาวๆ ก็จ้ำไปหาคนงานชายที่ชื่อไอ้อ๊อด

“เฮ้ยไอ้อ๊อด มึงตอบคำถามกูสักข้อสองข้อสิวะ”

ไอ้อ๊อดท่าทางกวนบาทาตามแบบฉบับเฉพาะตัวของมันเดินเข้ามาหา ริมฝีปากหนาดำของมันเคลือบรอยยิ้มอันแสนน่าเกลียดเอาไว้

“อะไรครับนายหัว ไอ้อ๊อดถามได้ตอบได้”

“ไอ้เวรนั่นมันมาหาเมียกูถี่แค่ไหน” สิงขรบุ้ยใบ้ไปยังรถที่เพิ่งแล่นจากไป ไอ้อ๊อดหลิ่วตาทำท่ากวนอารมณ์ก่อนจะตอบ

“ทุกวันครับนายหัว”

“ทุกวัน!! มันมาทำห่าเหวอะไรกันวะ มึงเฝ้าดูเนตรดาวทุกระยะที่ไอ้ฝรั่งนั่นมันมาหา แล้วเอามารายงานให้กูรู้ เข้าใจมั้ย” คำสั่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คิดว่าจะเกิด เป็นเหตุให้นายหัวสิงขรถึงกับกำมือแน่น ไม่คิดว่าจะต้องสั่งการอะไรแบบนี้ซึ่งมีผลกับเมียตัวเอง ไม่คิดว่าต้องไม่ไว้ใจเมีย แต่พอเจ็ทเตอร์เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตอันเป็นปกติสุขของคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึงปี ลูกก็ยังไม่มี เมียก็ยังสาวสวย ชีวิตที่แสนสุขคล้ายจะเปลี่ยนไปเพราะเจ็ทเตอร์

ไอ้อ๊อดหรี่ตาแคบลงกระตุกมุมปากยิ้มเล็กยิ้มน้อยใต้หมวกปีกกว้าง จับจ้องร่างสูงของเจ้านายที่เดินย่ำเท้าจากไป ไม่มีใครรู้ว่าไอ้อ๊อดกำลังคิดอะไรอยู่นอกจากตัวมันเอง

หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น สิงขรก็ต้องพาเนตรดาวไปโรงพยาบาล ในขณะที่เจ็ทเตอร์ยังคงเทียวไล้เทียวขื่อโดยอ้างว่ามาเยี่ยมน้องเพราะคิดถึง อาการป่วยผิดปกติของภรรยาทำให้สิงขรลืมเรื่องเจ็ทเตอร์ไปได้สักระยะ เพราะต้องดูแลเนตรดาวเป็นอย่างดีแทบจะไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่น ภรรยาของเขาอ่อนเพลียจากการคลื่นไส้อาเจียนในทุกวัน ทานอะไรไม่ได้ จนร่างกายซูบผอม เข้าใกล้มากก็ไม่ได้บอกว่าเหม็นขับไล่ไสส่งจนนอนร่วมเตียงกันไม่ได้ หนักเข้าก็แทบจะมัดติดกับตัวแล้วพาไปให้หมอดูอาการ

ทว่า...คำวินิจฉัยของหมอกลับทำให้นายหัวสิงขรแทบล้มทั้งยืน เนตรดาวกำลังตั้งท้อง และแทนที่เขาจะดีใจที่ได้เป็นพ่อคนสมหวังเสียที ภายในหัวกลับปรากฏภาพเจ็ทเตอร์ที่ยืนหัวร่อต่อกระซิกกับภรรยาของเขา เมื่อกลับถึงบ้านความร้อนใจทำให้ทนไม่ไหว รีบรุดไปหาไอ้อ๊อดแล้วสอบถามเรื่องที่ให้ทำ

“วันก่อนที่คุณเจ็ทเตอร์มาหานายหญิง ผมเห็น...” ไอ้อ๊อดชะงักคำพูดไปเสียอย่างนั้น ยิ่งทำให้ใจของนายหัวร้อนรนแทบลุกเป็นไฟ

“เห็นอะไรวะไอ้อ๊อด มึงจะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมาสิ อมพะนำอยู่ได้”

“ผมกำลังชั่งใจว่าควรจะบอกนายหัวดีหรือเปล่าน่ะสิครับ”

“บอกกู! ทุกเรื่องที่มึงรู้” เสียงขู่กรรโชกของนายหัวทำให้ไอ้อ๊อดสะดุ้งก่อนรอยยิ้มบางๆ จะกระจายเต็มริมฝีปากหนาของมัน

“ผมเห็นนายหญิงกับคุณเจ็ทเตอร์หายเข้าไปในโรงเก็บเครื่องมืออยู่นานสองนาน ไอ้จะตามเข้าไปดูให้เห็นกับตาก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนมองจนกระทั่งพากันออกมา ก็กินเวลาเป็นชั่วโมงเหมือนกันนะครับ ไม่รู้เข้าไปทำอะไรกัน”

“หมายความว่ายังไงวะไอ้อ๊อด”

สิงขรพยายามคิดในแง่ดีทุกอย่าง ภาวนาอย่าให้ความคิดร้ายๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัวบังเกิดขึ้นเลย แต่ประโยคถัดมาของไอ้อ๊อดก็เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดวิ่น เมื่อคำภาวนาไร้ผล ความคิดแง่บวกก็หาไม่ช่วยอะไรเลย

“ผม...อ่า...เกรงว่านายหัวกำลังถูกสวมเขาอยู่นะครับ”

คืนนั้นสิงขรไม่กลับบ้าน เนตรดาวก็นอนไม่หลับ รอสามีจนดึกดื่นก็ผล็อยหลับอยู่ที่โซฟา กระทั่งฟ้าสางเสียงเครื่องยนต์ก็แล่นเข้ามาจอด เสียงล้อรถบดพื้นดินจนฝุ่นตลบ เนตรดาวสะดุ้งตื่นพยุงตัวขึ้นอย่างงัวเงีย กำลังจะเดินออกไปรับหน้าสามีและถามว่าเขาหายไปไหนทำไมโทร.ไปไม่รับสาย แล้วปิดเครื่องไปเสียอย่างนั้น

ทว่าเมื่อสิงขรเดินเข้ามาในบ้าน ในสายตาของเขากลับไม่มีเงาของเธอ เขาไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำแต่เดินเลยขึ้นไปบนห้องนอน กลิ่นเหล้าฟุ้งตลบอบอวลจนเธอต้องปิดจมูก

“คุณสิงห์คะ ทำไมเพิ่งกลับล่ะคะ” เธอถามแต่ไม่ได้คำตอบ สิงขรเงียบมากเดินผ่านหน้าเธอไป เนตรดาวได้แต่งวยงงจนตั้งสติได้ก็สาวเท้าตามสามีขึ้นไปบนห้อง และเพียงแค่เธอก้าวผ่านประตูไป เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ก็ลอยมากองอยู่แทบเท้า

“นี่มันอะไรกันคะคุณสิงห์ ทำไมทำอย่างนี้ โอ๊ย!” เธอหลบไม่ทัน ใบหน้าก็เลยรับไม้แขวนเสื้อที่ไม่ได้เอาออกจากเสื้อเต็มๆ เจ็บก็เจ็บแต่อยากรู้สาเหตุมากกว่าจะมาร้องโอดโอยให้เขาปลอบ อาการแบบนี้ของสามีคงไม่มีทางเสียล่ะที่จะปลอบใจเธอ

ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่สามีของเธอ!

“ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้ นังแพศยา”

“แพศยา? นี่คุณมาด่าว่าฉันทำไมคะ ฉันไปทำอะไรให้”

“คบชู้สู่ชายจนท้องป่อง แล้วคิดจะให้ฉันเป็นพ่อของลูกงั้นเหรอ อย่าคิดว่าฉันจะโง่จนไม่รู้ว่าถูกเมียสวมเขาเข้าให้ ออกไป เก็บข้าวของของเธอออกไปให้หมด แล้วฉันจะให้ทนายเอาใบหย่าไปให้เซ็น”

สิงขรตะคอกใส่บุคคลที่เคยเป็นดวงใจของตน ไม่สิ บัดนี้เขาก็ยังรักเธอไม่เปลี่ยน ทั้งที่อยากเกลียดก็ทำไม่ได้ ทำได้แต่ไม่อยากเห็นหน้าเธอ ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับเธอ ไม่อยากเป็นสามีที่โง่ดักดานอีกต่อไป ความเจ็บแค้นปะทุขึ้นในใจเมื่อเขาแน่ใจว่าเนตรดาวภรรยาผู้น่ารักกำลังสวมเขาให้ตน คำเล่าจากปากคนอื่นที่ไม่ได้มาสุงสิงใกล้ชิด สิงขรคิดว่าเชื่อได้ คนอื่นเขาจะมาโกหกกันเพื่ออะไร ในเมื่อโกหกไปก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ

“คุณสิงห์!!! คุณเอาอะไรมาพูด ฉันนี่นะคบชู้สู่ชาย” เนตรดาวเถียงคอเป็นเอ็น ผวาเข้าไปเกาะแขนเขาหวังจะให้เขาจ้องเข้าไปในตาเธอเหมือนทุกครั้ง และเขาจะเชื่อเธอ เขาจะใจอ่อนอย่างทุกครั้ง แต่ทว่าร่างโปร่งกลับถูกปัดออกห่างอย่างแรงจนเซแซ่ดๆ เพราะเสียการทรงตัว ท้องของเธอกระแทกเข้าไปตู้เจ็บจี๊ดจนพูดไม่ออก

โอ๊ย!!! ทำไมสามีของเธอถึงทำแบบนี้ได้

“ออกไป ฉันเกลียดขี้หน้าเธอเต็มทน ไม่อยากให้บ้านของฉันต้องติดเสนียดมาจากเธอด้วยนังแพศยา ไป๊!!!” ร่างสูงเหม็นกลิ่นเหล้าหึ่ง ตวัดสายตาแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะและพิษสุราที่อยู่ในกระแสเลือด เรื่องที่ได้รู้มาทำให้นึกอยากเตะข้าวของใส่ร่างเธอ ถ้าไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ เขาจะยอมเป็นผู้ชายใจอำมหิตทำร้ายผู้หญิง แต่เขาไม่ใช่คนชั่วช้าสามานขนาดนั้น

“เด็กในท้องเนตรเป็นลูกคุณนะคะคุณสิงห์”

“หลอกเด็กอมมือเถอะแม่คุณ ฉันรู้เรื่องเธอทำระยำตำบอนกับไอ้เจ็ทเตอร์ในโรงเก็บของหมดแล้ว ไม่ใช่แต่ที่นี่ที่รู้ว่าเธอเล่นชู้ แต่คนทั้งอำเภอเขารู้ทั้งนั้นว่าไอ้เจ็ทเตอร์มันก้อล่อก้อติกเธออยู่ ฉันไม่ได้หูหนวกตาบอดอีกต่อไปแล้ว หอบผ้าหอบผ่อนของเธอไปอยู่กับชู้รักของเธอได้เลยนังแพศยา ชาตินี้ทั้งชาติอย่าได้มาเจอกันอีกเลย”

เนตรดาวจากบ้านหลังนั้นมาด้วยความเจ็บปวด ที่ประตูรั้วมีรถของเจ็ทเตอร์ที่เพิ่งซื้อด้วยเงินสดมาไม่กี่วันกำลังจอดรอรับ สิงขรยิ่งโกรธที่เห็นชู้มารอรับเมียของตน ความเจ็บปวดทำให้ขอบตาของเขาแดงก่ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ยังไม่ทันจางหาย มือใหญ่คว้าปืนพกเดินลิ่วออกมา เมื่อเห็นเจ็ทเตอร์ลงมาจากรถแล้วส่งยิ้มให้

“เปรี้ยง!!! อย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก”

เหตุการณ์ในครั้งนั้นก่อเกิดเป็นบาดแผลลึกในใจของเนตรดาว สิงขรเป็นคนเดียวที่ไล่เธออย่างกับหมูกับหมา ไม่ต่างอะไรไปจากขอทานตัวสกปรกที่เดินทะเล่อทะล่าหลงเข้าไปในอาณาจักรของเขา เธอหย่ากับเขาและอยู่ตามลำพังเรื่อยมา ไม่มีใครรู้ว่าเด็กในท้องแท้จริงแล้วเป็นลูกของใคร เมื่อเด็กคนนั้นโตจนพร้อมที่จะรับรู้เรื่องพรรค์นี้ เธอจึงเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง โดยย้ำประโยคสุดท้ายเสมอว่าให้รักเจ็ทเตอร์เหมือนพ่อ แต่อย่าให้ความเกลียดชังมาบั่นทอนกำลังใจในการดำรงชีวิต

“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ถึงยกโขยงกันมาเห่าที่นี่” เห็นหน้าแล้วเคียดแค้น แม้จะห้ามปามลูกว่าอย่าได้จงเกลียดจงชังเขา แต่เธอเองกลับเก็บงำความชังเอาไว้ไม่มิดเมื่อได้เจอหน้ากันอีกครั้งแบบนี้ คำพูดจึงไม่จำเป็นต้องหวานหู มีแต่ความชิงชังอย่างเปิดเผย

“เนตรดาว!” พอได้เจอกันอีกครั้งหลังจากไม่เห็นหน้ามานานนับสิบปี สิงขรถึงกับบ้าใบ้ไปชั่วครู่ ความแค้นถูกแทนที่ด้วยความโหยหา วูบหนึ่งในซอกหลืบหัวใจที่เคยกักตุนความรักเพื่อผู้หญิงคนนี้กรุ่นไปด้วยความทรงจำ

“แกร๊ง” เสียงด้ามปืนเคาะลูกกรงรั้วกระตุกอารมณ์ชนิดหนึ่งให้ลดต่ำ นายหัวสิงขรยืดแผงบ่ากว้างเชิดหน้าขึ้นอย่างจองหอง สีหน้าและแววตาของเนตรดาวเยือกเย็นและแข็งกร้าวผิดแผกไปจากวันวาน

“ไปถามลูกชายตัวดีของเธอสิเนตรดาว ว่ามันทำอะไรเอาไว้กับลูกสาวฉัน”

“ทำอะไร!!!” เสียงห้าวห้วนคล้ายคนพูดจะหัวเสียมาก่อนหน้านี้ดังฝ่ากลุ่มคนก่อนเรือนร่างสูงตระหง่านบึกบึนจะแทรกเข้ามายืนข้างๆ มารดาผู้เป็นที่รักยิ่งของตน “พูดให้สวยหน่อยนะนายหัวสิงขร”

“อย่าทำไก๋ แกทำอะไรยัยนีนที่ตลาดสด ฉันรู้หมดแล้ว อย่าคิดว่าทำเลวแล้วจะไม่มีคนเห็น พยานมีอยู่ให้เกลื่อน ยังจะมีหน้ามาบ่ายเบี่ยงอีกหรือ ไอ้หมาลอบกัด”

“แล้วลูกสาวหมา...เอ๊ย...ที่จริงก็เรียกได้อยู่นะไอ้คำต่ำช้าแบบนั้น แต่แม่ผมสอนมาดี อย่าเรียกจิกหัวคนที่แก่คราวพ่อ แม้จะทำตัวไม่น่านับถือแค่ไหน ว่าไง ลูกสาวคุณบอกอะไรบ้างล่ะนายหัว” พยัคฆ์หลุบตามองใบหน้าเคร่งขรึมดุดันของนายหัวเฒ่า สีหน้าที่น่าหวาดเกรงสำหรับคนอื่น แต่หาใช่คนที่นี่

“เป็นลูกผู้ชายทำอะไรก็ต้องกล้ารับสิวะ อย่ามัวแต่หดหัวอยู่ใต้กระโปรงแม่ ยังไงเสียยัยนีนก็เป็นเพศเดียวกับแม่แกนะไอ้เสือ” ชื่อเล่นของพยัคฆ์ฟังแล้วให้ตะขิดตะขวงใจในทุกครั้งที่เรียก ทำไมมันต้องชื่อนี้ด้วยวะ

“ผมน่ะลูกผู้ชายพอ ถ้าทำก็จะรับ แต่ถ้าไม่ทำอย่ายัดเยียดความรับผิดชอบให้ผม ไม่เหมือนบางคน ไร้ความรับผิดชอบ ไม่เห็นใจใครอื่นนอกจากใจตัวเอง คนแบบนี้ไม่น่าจะเกิดเป็นเพศผู้ให้หนักแผ่นดินเลยด้วยซ้ำ”

“เสือ” เนตรดาวกระตุกมือลูก เมื่อเห็นว่าพยัคฆ์จะพูดมากไปแล้ว ทว่าลูกชายไม่คิดจะหยุดจนกว่าจะพูดให้จบเสียก่อน

“อ้อ...ลืมไป โลกเรานี่ผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายมาก พระเจ้าคงเอาผู้หญิงมาทำเป็นผู้ชายเพิ่มจำนวนหน่อยกระมัง”

“เสือ! ไม่เอาลูก” มือพยัคฆ์ถูกกระตุกแรงๆ จากคนเป็นแม่

“ไอ้เสือ หน็อย...ไอ้คนเฮงซวย มึงกล้าพูดจาแบบนี้กับกูเชียวหรือ ฮึ นิสัยเหมือนพ่อของมันไม่มีผิด เลว!” เมื่อทนให้เด็กรุ่นลูกดูถูกไม่ไหว นายหัวสิงขรก็ก้าวพราดเข้ามาชิดรั้วพร้อมคนของเขา ถ้าไม่มีประตูรั้วขวางกั้น นายหัวเฒ่าคงบุกเข้าไปเอาเรื่องเจ้าของบ้านโดยไม่กลัวข้อหาบุกรุก

“หยุดนะ!!! ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ จะให้คนทำตัวเป็นหมามากัดกัน ตาเสือ” เนตรดาวหันไปเรียกลูก “เราไปทำอะไรลูกสาวเขาไว้หรือเปล่าบอกแม่มาตามตรง เป็นผู้ชายทำอะไรก็ต้องกล้ารับ อย่าให้เขาดูถูกเรานะลูก”

พยัคฆ์สบตาคนเป็นแม่ก่อนจะขบริมฝีปากแน่นเบือนหน้ามองกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอก กล้าทำก็ต้องกล้ารับ ถ้าไม่กล้าก็ไม่ใช่วิสัยของคนชื่อพยัคฆ์ แม้เขาจะไม่เห็นว่าเป็นเรื่องเสียหาถึงขนาดคนเป็นพ่อต้องมาเอาเรื่องถึงที่ แต่นี่ลูกสาวคงเอาไปฟ้องเสียล่ะกระมัง หึ แค่จูบนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นห่วงตัวกลัวทองจะหลุดหรือไง ปากเธอ แค่จูบเดียวก็เกินทนแล้ว

“ก็แค่...”

“เสือ ลูกทำจริงๆ หรือ ทำไมล่ะลูก”

“นั่นไง ลูกเธอมันสารเลวเหมือนพ่อมันไม่มีผิด แน่จริงก็ออกมาสิวะ มารับผิดชอบเรื่องนี้ซะไอ้เสือ” คนเป็นพ่อของนีรธาราโกรธจนเนื้อเต้นกระตุกๆ

“เลิกว่าพ่อของเสือเสียที บอกมาสิ ลูกชายฉันไปทำอะไรลูกสาวคุณ ถ้าจะให้รับผิดชอบ ยังไง เมื่อไหร่ ก็บอกมาได้เลย ฉัน ลูกฉัน กล้าทำก็กล้ารับอยู่แล้ว เราพร้อมจะรับผิดชอบโดยไม่คิดจะโบ้ยความรับผิดชอบให้คนอื่นเหมือนคนไม่ใช่คนแบบนั้น”

เนตรดาวแน่ใจว่าพยัคฆ์ไม่ได้ทำอะไรเกินเหตุ แล้วก็แน่ใจด้วยว่าอาจจะเกิดการกระทบกระทั่งกันของคนหนุ่มคนสาว พยัคฆ์อาจจะลืมตัวไปบ้างเพราะเด็กสาวคนนั้นก็ใช่จะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ เธอไม่ใช่แม่ที่คอยแต่จะกางปีกปกป้องลูก แต่เธอก็ไม่ใช่แม่ที่คิดจะบังคับลูกเพียงเพราะได้ฟังคำพูดของใครบางคน และเธอก็เชื่อว่า ‘ก็แค่’ ของพยัคฆ์จะเป็น ‘แค่นั้น’ จริงๆ

สิงขรหน้าเปลี่ยนสีไปนิด ไอ้การจะให้รับผิดชอบ ‘จูบ’ ของพยัคฆ์ เขาไม่ต้องการ แค่รู้สึกเหมือนถูกถอนหงอกจากคนหนุ่มรุ่นลูกเท่านั้น เมื่อถูกหยามก็ต้องเอาเรื่อง แล้วจะเอาเรื่องอะไร ข้อหาปล้นจูบลูกสาวต่อหน้าธารกำนัล แต่ไม่มีเจ้าทุกข์กระนั้นหรือ

“ก็มัน...” จะอ้าปากเรียกร้องขอความรับผิดชอบด้วยเหตุผลจริง จะไม่เป็นการประจานนีรธารามากไปกว่านี้หรือ “ฮึ่ม...วันนี้ฉันเอาผิดแกไม่ได้ แต่วันหน้าแกไม่รอดมือฉันแน่ไอ้เสือ กลับโว้ย!” สิงขรจำต้องพาคนของตนกลับทั้งที่ใจกระโดดข้ามรั้วไปชกหน้าพยัคฆ์ตั้งไม่รู้กี่หนแล้ว

เกือบไป เกือบจะกลายเป็นพ่อที่เอาลูกมาประจาน

ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้เสือ!!!

พยัคฆ์เดินนำหน้ามารดาเข้าบ้านเพราะไม่อยากตกเป็นจำเลยให้มารดาไต่สวน ทว่าเนตรดาวกลับไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น เวลานี้ใจเธอก็รุมร้อนแทบไม่ต่างจากใจของสิงขรเลยกระมัง

“ทำไมเสือทำแบบนั้นกับหมอนีน ทำไมไม่ให้เกียรติผู้หญิง” เมื่อชักเท้าตามร่างสูงทันจนแซงหน้าได้ เนตรดาวก็กระชากเสียงถาม

“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ” พยัคฆ์ตอบเสียงอ่อย

“รู้มั้ยว่าแม่เกลียดคำๆ นี้มากแค่ไหน อย่าทำอีกนะเสือ โดยเฉพาะกับหมอนีน”

“แสดงว่ากับผู้หญิงอื่นแม่ไม่ว่าใช่มั้ยครับ” ลูกชายตัวดีทำเสียงอ้อนพะเน้าพะนอมารดาเพราะรู้ว่าถึงจะโกรธแต่แม่ก็ไม่เคยเกลียดลูก โกรธแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย

“เสือ แม่จริงจังนะลูก ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นของผู้ชาย ถึงจะอ่อนแอกว่าแต่ศักดิ์ศรีก็เท่ากัน อย่าไปยุ่งกับหมอนีนอีก แม่ขอแค่นี้ เสือให้ได้มั้ย”

“คุยอะไรกันสองแม่ลูก” เจ็ทเตอร์เดินมาสมทบ เมื่อเห็นว่าแม่ลูกกำลังมีเรื่องเครียดที่ต้องคุยกัน เดาได้จากสีหน้าของคนเป็นแม่ “พี่ได้ยินเสียงเอะอะ เสียงปืนของใครกัน”

“ก็จะเป็นใครซะอีกล่ะคะ คนห้วยยอดเขาบุกมาถึงวังวิเศษ แถมจะลุยเข้ามาเอาเรื่องถึงในเขตบ้าน” เนตรดาวพูดพลางถอนใจ ในขณะที่พยัคฆ์โคลงหัว

“นายหัวสิงขร? ทำไมกัน นี่เหิมเกริมขนาดจะบุกเข้ามาหาเรื่องเราเชียวเหรอ เสียดายจริงพี่ไม่ได้ออกมาดู ไม่งั้นล่ะเปิดประตูให้มันเข้ามาเลย แล้วก็โทร.แจ้งตำรวจให้มาจับข้อหาบุกรุก”

“พี่เจ็ทก็อีกคน งานนี้คนของเราไปหาเรื่องเขาก่อนค่ะ เขาก็เลยจะมาเอาเรื่อง”

“เรื่องจูบนั่นน่ะเหรอ”

เนตรดาวถึงกับตาโต นี่เธอกลายเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องหรือไงกัน ในขณะที่เจ็ทเตอร์ทำเหมือนรู้ดีไปหมดทุกอย่าง แล้วเมื่อกี้ยังมีหน้ามาถามว่าเสียงเอะอะอะไร ฮึ่ม...

“พี่เจ็ทรู้แล้วทำไมไม่เตือนหลาน หรือไม่ก็บอกเนตรบ้าง ดูสิเขามาเอาเรื่องเราถึงบ้าน ในขณะที่เนตรไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เนตรดาวครวญ พยัคฆ์ทำหน้าเศร้าด้วยไม่อยากให้แม่กังวลใจแบบนี้ เขาไม่เข้าใจทำไมแม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้น แม่น่าจะสะใจกับสิ่งที่เขาทำ ในเมื่อแม่เองก็เกลียดขี้หน้านายหัวสิงขร

“จะว่าตาเสือก็ไม่ถูก ถ้านังคุณหมอไม่ให้ท่า นายเสือก็คงไม่ทำ ฮึ ไอ้สิงขรมันก็แค่เสียหน้าเลยยอมไม่ได้ต้องมาเอาเรื่อง เนตรจะไปสนใจมันทำไม ลูกก็เลวไม่ต่างจากพ่อหรอก”

“หยุดเลยพี่เจ็ท เนตรไม่ชอบฟังผู้ชายว่าผู้หญิง ถึงยังไงหมอนีนก็เพศเดียวกับเนตร แล้วแม่ก็หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะเสือ” ท้ายประโยคหันไปกำชับบุตรชาย

“เสือเพิ่งกลับจากสวนไม่ใช่เหรอ ขึ้นไปนอนเถอะ” เจ็ทเตอร์โบกมือไล่หลานชายขึ้นไปนอน พยัคฆ์ได้โอกาสจึงเดินเลี่ยงไปเงียบๆ

“พี่เจ็ทก็คอยแต่จะยกหางตาเสือ เสือทำแบบนี้มันผิดนะคะ” เนตรดาวหันมาขู่ฟ่อ เจ็ทเตอร์ไหวไหล่นัยน์ตาพราวระยับ

“ถ้ากับคนอื่นอาจจะผิด แต่กับหมอนีนไม่ผิด พ่อเป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น หรือเนตรเลิกเกลียดไอ้สิงขรแล้ว”

“พี่เจ็ทพูดผิดแล้วล่ะค่ะ ยิ่งกับหมอนีนยิ่งผิด ผิดมากด้วย พี่เจ็ทเลิกยัดเยียดความคิดร้ายๆ ใส่หัวตาเสือได้แล้ว พี่ก็รู้ว่าหมอนีนเป็นใคร หมอนีนเป็นลูกของนายหัวสิงขรนะคะ”

“แล้วไง ก็เพราะเป็นลูกของสิงขรไง หึ...เนตรยังไม่เลิกคิดถึงมันอีกเหรอ มันทำเลวกับเนตรมากแค่ไหน เนตรลืมแล้วเหรอ แต่พี่ไม่มีวันลืม ไม่มีวันลืมวันที่เนตรเหลือแค่พี่คนเดียวหรอกนะ”

เจ็ทเตอร์พูดแทงใจดำของเนตรดาวทันได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปก่อนจะเดินหนี เนตรดาวสะอึกกับคำพูดแทงใจดำของพี่ชาย เธอไม่มีวันลืม ความเจ็บปวดในคราวนั้นใครเล่าจะลืมลง นัยน์ตาของเนตรดาวแห้งผากเมื่อเงยหน้าขึ้นมองบันไดทางขึ้นชั้นสองที่ซึ่งพยัคฆ์เดินหายไปเมื่อครู่

พยัคฆ์คือดวงใจของเธอ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel