ตอนที่ 3 บทนำ 3
“คนเราถ้าจะรักกัน กันต้องรักที่หัวใจ ไม่ใช่ที่หุ่น”
...แต่เท่าที่เห็นในรูปถ่าย เสี่ยพจน์พ่อเขาหุ่นดีมาก สมกับนางงามหลายมงกุฎอย่างเจ๊จินตนายิ่งนัก ที่ได้ส่วนดีมากที่สุดเห็นจะเป็นหุ่นที่สูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรกับผิวขาวลออเป็นไข่ปอกตามผู้เป็นแม่ นอกจากนั้นไม่มีอะไรที่จะแสดงว่าพอเจตน์เป็นคนหล่อเลย
แต่กระนั้นเขายังคิดฝัน อยากได้นางงามประจำอำเภออย่างเทียนกัลยาภัคมาเป็นแฟน เทียวไปหาที่บ้านเพื่อจะส่งมาโรงเรียน พอไม่สำเร็จก็จะมารับกลับ ก็ยังโดนเมินให้เจ็บจี๊ด ๆ อยู่ในใจอยู่ร่ำไป
เจ๊จินตนามองความมุ่งมั่นของลูกชายคนเดียวแล้วได้แต่ถอนหายใจ นิสัยลูกชายเป็นไปตามนิสัยคนราศีพิจิกเด๊ะ ๆ
เป็นคนมุ่งมั่นสุดขีด รักแรงเกลียดแรง เอาแต่ใจ ชอบเอาชนะพลังล้นเหลือ
ขณะลูกชายถือคติในการตามตื้อสาวครั้งนี้ว่า
“ผมจะปล่อยพิษ(รัก)เข้าสู่ใจคุณ”
กิริฎาสาวน้อยผมหน้าม้าสั้นแค่ติ่งหูเกิดหลังเทียนกัลยาภัคสามปี เหมือนจะไม่ต่างกันกับพี่น้องปรกติ แต่ช่วงเวลาที่พี่สาวเกิดนั้นกิจการครอบครัวรุ่งโรจน์มาก นายบุญเพียรกับนางเกษรขายข้าวได้เกวียนละเป็นหมื่น พืชผลในไร่สวนก็ให้พืชผลดี
เทียนกัลยาภัคจึงได้รับการตั้งชื่ออย่างบรรจง เป็นเครื่องบูชาสูงถวายพระ เป็นดวงประทีปแห่งวงศ์ตระกูล
แต่ยามกิริฎาเกิดนั้นกิจการครอบครัวกลับตาลปัตร นาแล้ง พืชผลในสวนไร่โดนโรครุมเร้าเสียหาย ญาติ ๆ จึงไปดูดวงให้ หมอดูบอกให้แก้เคล็ดโดยการเลี้ยงเธอให้เป็นผู้ชาย แต่แม่ไม่ยอม
“จะเลี้ยงให้ผิดเพศได้ยังไง ฉันสงสารลูก ถ้าโตมาเขาอยากเป็นเพศอื่นเองฉันจะยอมให้”
การรอมชอมจึงตกลงกันแค่ตั้งชื่อเล่นให้เหมือนผู้ชาย นั่นเป็นสาเหตุที่กิริฎามีชื่อเล่นว่าควัน
สองพี่น้องนอกจากดวงเกิดจะต่างกัน รูปร่างหน้าตายังไม่เหมือนกันอีกด้วย เทียนกัลยาภัค สูง ขาว ผมยาวสลวย มีแมวมองเป็นร้านเสริมสวยประจำอำเภอส่งเข้าประกวดนางงาม พี่สาวได้มาหลายตำแหน่ง มีคนตามจีบไม่หยุดหย่อน
กิริฎานั้นต่างออกไป ไม่สวยโดดเด่นเช่นพี่สาว เธอตัวเล็ก ผิวเหลืองลออ ใบหน้าออกไปทางจิ้มลิ้ม และยิ่งน่ารักขึ้นไปอีกยามยิ้ม กิริฎาเป็นคนยิ้มได้ทุกสถานการณ์ เธอจึงมีหน้าที่เป็นต้นห้องของพี่สาวยามมีหนุ่ม ๆ มาจีบ หรือฝากของมาให้
เทียนกัลยาภัคไม่สนหนุ่มในอำเภอ เธอหวังจะไปอยู่กรุงเทพฯใช้ชีวิตที่หรูกว่านี้ สาวงามหลายมงกุฎคิดว่าชีวิตที่นี่น่าเบื่อ ดีสุดคงเป็นเมียนายอำเภอหรือไม่ก็เมียเจ้าของร้านทองอย่างครอบครัวพอเจตน์ เธอคิดว่าตนหาได้ดีกว่านั้น
แต่หากจะตัดไมตรีเลยก็ทำไม่ได้ เนื่องจากพ่อแม่ต้องคบค้าสมาคมกับตระกูลเขา เธอจึงต้องยอมทำดีด้วย ความขัดใจนี้เจ้าตัวก็บ่นให้น้องสาวฟังตลอด กิริฎาที่ยังเด็กได้แต่ยิ้มแล้วรับฟัง
เช้าวันเสาร์ของครอบครัวกิริฎาไม่เหมือนครอบครัวอื่น เพราะสมาชิกและคนในบ้านโดยเฉพาะสาว ๆ ต้องตื่นแต่ฟ้ายังมืด ทำข้าวต้มมัด ขนมตาล ไปขายในตลาดนัดวันเสาร์ที่หน้าที่ว่าการอำเภอ
นางเกษรมีฝีมือในการทำขนม ทำไปขายเท่าไรก็ขายหมดเกลี้ยง นางภูมิใจมากพยายามส่งต่อฝีมือนี้สู่ลูกสาวคนโต แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“แม่จ๋าเดี๋ยวควันช่วย”
เป็นลูกสาวคนรองเสียอีกที่ชอบงานแบบนี้ ยังดีที่เทียนกัลยาภัคมีใจรักแม่ แม้ตื่นสายก็ยังไปนั่งโปรยยิ้มเป็นนางกวักช่วยขายขนมหน้าร้าน
“ขนมนี่ขายยังไงจ๊ะน้องเทียน”
พอเจตน์คนเดิมพร้อมลูกน้องคนสนิทยังมาตามตื๊อ
“ห่อละเจ็ดบาท สามห่อยี่สิบค่ะพี่พอล”
กิริฎาตอบพลางยิ้มแป้น
“พี่เหมาหมด” คนรวยบอกอย่างสบาย ๆ
“พี่พอลจะกินหมดเหรอคะ”
กิริฎาส่งสายตาแป๋วแหว๋วพาซื่อ
“ถ้าเป็นขนมฝีมือน้องเทียนพี่กินหมดแน่ ๆ จ้ะ” เทียนกัลยาภัคต้องกลั้นใจที่จะไม่ทำเสียงแหวะออกมา ขณะม่อนและไม้ทำท่าอ้วกตรง ๆ แบบไม่เกรงใจเจ้านาย
“แต่ขนมนี้แม่กับควันช่วยกัน...”
พี่สาวแอบหยิกน้องให้หยุดพูด
“จะให้ใส่รวมทั้งหมดหรือจะแยกเป็นถุงละยี่สิบห่อดีจ้ะ”
ขายหมดเร็ว ๆ สักทีก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้รีบกลับบ้าน ไปดูรายการโทรทัศน์ต่อ
