9.พูดไม่คิด
กงล้อแห่งโชคชะตากำลังเริ่มหมุนวนอย่างน่าปวดหัวแต่ทว่านั่นก็ทำให้เธอรู้สึกว่ามันน่าสนุกเช่นเดียวกัน เพราะอะไรก็ตามที่สมหวังง่ายๆ มันไร้รสชาติ มันจะต้องมีสุข เศร้า ขม หวาน ปนๆ กันไปสิถึงจะดี
ผึ้งน้อยบินอยู่ด้านบนเพื่อมองดูอีฟและ..หัวหน้าเผ่าหมาป่าที่แสนน่ารักกำลังจับมือวิ่งไปเรื่อยๆ ทั้งสองหยุดที่ด้านหน้าของโรงแรมอีกฝั่งซึ่งด้านหลังเชื่อมต่อกับร้านเหล้า
“ขะ..ข้าไม่ได้จะพาเจ้ามาทำอะไรแปลกๆ นะครับ ก็แค่พี่ชายของข้าอยู่ด้านในร้านสุราเมื่อครู่และเขา..อาจจะมีอันตรายข้าจึงมาที่นี่เพื่อที่จะเตือนเขาให้เขารีบหนีไป”
ข้อดีของการอยู่ในเมืองนี้มานานคือเรื่องเส้นทางการหลบหนีนั้นเขาดูน่าจะช่ำชองมากกว่าพวกแกะ และเบนเองก็น่าจะพาอาเวียหนีไปได้เช่นกัน
“อ่า..ข้าเองก็มีเพื่อนที่มาด้วยกัน นางคือสตรีในหมู่บ้านบอนด์วินค่ะ หากไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไป ข้าอยากจะขอให้ท่านพาข้าไปด้วย..ข้าเองก็จะต้องเตือนเพื่อนของข้าเช่นเดียวกัน”
กาวินหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อมองหน้าสตรีผู้นี้ เขาไม่เคยรู้สึกประหม่าเท่านี้มาก่อนเลย อาจเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยพบเจอสตรีที่ชวนให้หัวใจเต้นแรงขนาดนี้..นางคือคนแรกเลยให้ตายสิ
“เพื่อนของเจ้ามีชื่อว่าอาเวียรึเปล่า หากไม่ใช่ไม่เป็นไรนะเพราะว่าคนรักของพี่ชายข้าเองก็เป็นสตรีในหมู่บ้านบอนด์วินเช่นเดียวกันนางมีชื่อว่าอาเวีย”
อีฟส่งเสียงร้อง "เหอะ" ออกมาในลำคอ เธอหัวเราะเบาๆ
“ค่ะ เพื่อนของข้ามีชื่อว่าอาเวีย ให้ตายสินี่มัน..โลกมันกลมจังเลยนะคะ”
แสดงว่าชายผู้นี้คือน้องชายของเบนที่เบนพยายามจะรั้งเธอเอาไว้เพื่อแนะนำให้เธอรู้จักกับน้องชายของเขาอย่างนั้นสินะ
เขาดูเป็นผู้ชายที่น่ารักและอ่อนโยนมากจนเธอละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย เธอไม่ได้ชอบผู้ชายที่ดูกร้าวใจหรือว่าพวกธงแดงธงดำ แต่เธอชอบผู้ชายน่ารักที่ชวนให้หัวใจละลายในช่วงเวลาที่อยู่ด้วย และ..เขาตรงทุกข้อในแบบที่เธอไม่รู้จะไปหาผู้ชายในอุดมคติแบบนี้จากที่ไหนอีกแล้ว
“อ๋า..มองแบบนั้นแสดงว่าตกหลุมรักแล้วอย่างนั้นสินะอีฟที่รัก กับมาริโอเจ้าไม่สั่นไหวกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียวแต่กับเจ้าหมาดำตัวนี้เจ้ากลับ..ชอบเขาตั้งแต่แรกเจอเลยงั้นเหรอเนี่ย..”
ผึ้งน้อยบินวนไปมา
“ปล่อยคิวคนเดินมาเลย..”
เมื่อกล่าวจบ มือเล็กๆ ของผึ้งน้อยก็วาดไปมาในอากาศ ทันใดนั้นเองสายลมเย็นก็พัดผ่านร่างกายของอีฟไป เธอหนาวจนต้องห่อไหล่
ขณะที่เธอกำลังยืนหนาวอยู่นั้นเมื่อกาวินมองเห็นความสั่นของร่างกายเธอเขาจึงถอดผ้าพันคอเพื่อคลุมไหล่ให้เธอ แต่กลับมีคนเมาที่เดินผ่าน
“ตุบ!!.."
"มายืนอะไรอยู่ตรงนี้กันวะ มันเกะกะคนเดินรู้ไหม จะเข้าก็เข้าไปสิโรงแรมนี่น่ะ ให้ตายเถอะพวกเด็กสมัยนี้..”
“.....”
ใบหน้าของเธอเห่อร้อนขณะที่เธอล้มลงในอ้อมแขนของเขา เรายังไม่ทราบชื่อกันเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรงออกมาในช่วงเวลานี้มันคือเสียงหัวใจของใครกันแน่
“หากจะข้ามไปที่ร้านเหล้า เราจะต้องเข้าไปเปิดห้องในโรงแรมก่อนครับ..อะ..เอ่อ มันเสียมารยาทเล็กน้อยที่ข้ามิได้แนะนำตัว เจ้าสามารถเรียกข้าว่ากาวินได้เลยนะครับ”
อีฟอมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับถอยออกมาจากอ้อมกอดของเขา ถึงแม้ว่ามันจะอบอุ่นและเธออยากจะอยู่ในนั้นต่ออีกหน่อยก็ตามที
“อีฟค่ะ ไม่ต้องพูดทางการขนาดนั้นก็ได้และ..เราเข้าไปด้านในกันเถอะค่ะ”
เธอส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับเดินนำหน้าเขาเข้าไปด้านใน ทุกอย่างมันควรจะจบลงตรงที่เราจ่ายเงินแล้วรับกุญแจห้องของโรมแรมมา แต่เพราะที่โรงแรมนี้มีกฎแปลกๆ อยู่
“นี่คือแก้วสุราของท่านทั้งสองค่ะ ดื่มให้หมด หลังจากนั้นก็ใช้ช่วงเวลาแสนหวานในโรงแรมของเราได้เลยนะคะ”
นั่นแหละ มีเหล้าสีแปลกๆ ที่ถูกรินใส่แก้วแล้วส่งมาให้เธอและกาวิน
อีฟส่งสายตาถามเขาว่าจะต้องดื่มเจ้าสิ่งนี้จริงๆ งั้นเรอะ และกาวินก็พยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจสายตานั้นของเธอเป็นอย่างดี
“เพราะว่านี่คือกฎไงอีฟ..รีบดื่มมันเถอะถึงแม้ว่ามันจะมีสีประหลาดแต่นี่เป็นเพียงไวน์ที่ทำจากแอปเปิลเท่านั้นเอง”
อีฟสูดดมสุราในแก้วก็พบว่ามันไม่มีกลิ่น เธอยกมันขึ้นมาดื่มเพื่อที่จะได้ไปตามหาอาเวียและพานางหนีออกมาด้วยกัน บางทีวันนี้เราอาจจะต้องกลับได้แล้วเพราะไม่รู้ทำไมพวกแกะถึงขนกันมาที่นี่มากมายขนาดนั้น
อีฟคืนแก้วเปล่าให้กับพนักงาน ทุกอย่างมันควรจะเรียบร้อยและปกติดี หากว่าเธอไม่เหลือบไปเห็นยัยผึ้งผีสิงที่เกาะอยู่บนไหล่ของพนักงานคนนั้น
“ขอให้คืนนี้เป็นค่ำคืนที่ทั้งสองท่านไม่มีวันลืมนะคะ”
หลังจากที่พนักงานคนนั้นกล่าวจบกาวินก็พาเธอเดินขึ้นบันไดไป หัวใจของอีฟเริ่มสั่นไหวมากขึ้นเรื่อยเพราะเธอรู้สึกถึงลางร้ายจากไอ้น้ำบ้าๆ ที่พึ่งดื่มไป
ทว่าสายลมเย็นๆ ในยามค่ำคืนนั้นกำลังทำหน้าที่ปั่นหัวเธออยู่ ใบหน้านั้นของกาวินเมื่อกระทบเข้ากับแสงของดวงจันทร์ที่สว่างไสวมันยิ่งทำให้เขาหล่อเหลาในแบบที่เธออยากจะนอนมองหน้าเขาทั้งคืนเลย
“ข้าจะพาเจ้าไปที่ห้องก่อน หลังจากนั้นเราจะลงไปที่ด้านล่างเพื่อไปหาพี่ชายของข้าและเพื่อนของเจ้าดีไหมครับ”
“ท่านหล่อจังเลยนะคะ คงจะดีหากว่าข้าได้นอนมองหน้าท่านทั้งคืน อุ๊บ!!”
อีฟยกมือขึ้นมาปิดปากในทันทีเมื่อเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไป และคำกล่าวของอีฟมันทำให้ใบหูทั้งสองข้างของกาวินร้อนฉ่าขึ้นมา
“อะ..เอ่อ อย่างนั้นเองสินะครับ”
เขาพยายามพูดออกมาเพื่อลดอาการประหม่าที่เกิดขึ้นมา มือของกาวินสั่นไหวจนมันไม่สามารถไขกุญแจเข้าไปในห้องได้เลยด้วยซ้ำ
นี่เธอเป็นบ้าอะไร!! พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน น่าอายชะมัดเลย!!
อีฟนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเริ่มคิดทบทวน หรือว่ายัยผึ้งผีสิงนั่นให้เธอกินยาแบบที่พูดออกไปตามสิ่งที่คิดงั้นเรอะ เช่นนั้นเธอไม่ควรคิดอะไรที่มันเกี่ยวกับเขา คิดอย่างอื่นเร็วสิอีฟ!!
อยากกินไก่ทอดจังเลย..
“นิ้วมือของท่านมันเรียวยาวดีจังเลยนะคะ..”
ไม่ใช่แบบนั้นสิโว้ย!! อยากกระทืบยัยผึ้งตัวนั้นชะมัด!
“ข้าอยากรู้ว่าหากมันสอดลึกเข้าไปอยู่ในร่างกายของข้ามันจะให้ความรู้สึกแบบไหนกัน.อุ๊บ!!”
เธอยกมือขึ้นมาปิดปากอีกครั้ง พร้อมกับทำหน้าอยากจะร้องไห้ เธอไม่ได้พูดในแบบที่ตัวเองคิดสักหน่อยมันเหมือนกับว่าเธอพูดในสิ่งที่จะทำให้บรรยากาศระหว่างเรามันแย่ลงไปอีก
“...ขะ..ข้าไม่มีความรู้ในเรื่องเช่นนั้นเลยครับ แต่หากว่าเจ้าอยากรู้เราลองไปเรียนรู้ด้วยกันไหมที่ด้านหลังประตูบานนี้”
