4.ผึ้งน้อย
“เราจะต้องทำอะไรสักอย่างนะครับนายท่าน จะปล่อยให้เผ่าหมาป่าของเราหายสาบสูญไปไม่ได้นะครับ”
เบนพูดออกมาก่อนที่เขาจะวางอาหารเอาไว้เบื้องหน้าของนายท่านกาวิน ทายาทคนสุดท้ายของผู้นำเผ่าหมาป่า ตอนนี้ในเผ่าหมาป่าของเรามีเหลืออยู่ห้าคนถ้วน..ผู้อาวุโสมากมายล้วนล้มหายตายจาก ทั้งจากสงครามและจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น เผ่าหมาป่าของเรากำลังจะสูญสิ้นเผ่าพันธ์ุจริงๆ หากว่าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง..คงได้สิ้นชื่อกันหมด ท่านกาวินคือความหวังสุดท้ายของเรา
“ขะ..ข้าจะทำอะไรได้อย่างนั้นหรือ เรามีกำลังไม่ได้ถึงครึ่งของแกะด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจเอาชนะได้ทั้งนั้น..”
สงครามทำให้เกิดความสูญเสียชนิดที่ไม่อาจนับได้ เดิมทีกาวินคือบุตรชายคนสุดท้ายของผู้นำเผ่า เขาไม่ได้เข้าร่วมการรบเพราะเกิดมาอ่อนแอมากเกินไป พี่น้องและท่านพ่อที่เข้าร่วมสงครามต่างสิ้นชื่อกันหมด เขาอยู่กับท่านแม่มาโดยตลอด เป็นลูกชายคนเล็กที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความอ่อนโยนของท่านแม่ นั่นทำให้เขาออกจะขี้ขลาดไปสักนิด..
และนั่นคือปัญหามากๆ ในสายตาของเบน เขาเป็นทั้งผู้ดูแลเเละข้ารับใช้ เป็นทุกอย่างให้นายท่านผู้อ่อนแอและไม่มีความพยายามเลย..
นี่มันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะทำให้นายท่านลุกขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเจ้าแกะขนอุยพวกนั้น!!
“เจ้าก็รู้นี่ว่ามีคำสั่งห้ามน่ะเบน..เรารักกันไม่ได้และข้าไม่รู้ว่าจะพาเพื่อนของข้ามาที่นี่ได้อย่างไรเหมือนกัน”
อาเวียกล่าวออกมาในขณะที่เธอกำลังสวมเสื้อผ้า เราพบเจอกันเมื่อสองปีที่แล้วในช่วงเวลาที่อาเวียเดินทางไปที่ย่านการค้าของเมืองหลวง เธอพบกับเบนที่กำลังบาดเจ็บจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ เราทั้งคู่มีความคิดที่ตรงกันและได้เริ่มสานสัมพันธ์ในความลับด้วยกันมาตั้งแต่ตอนนั้น..เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แม้แต่เพื่อนสนิทของเธออย่างอีฟและแมดี
ไม่ใช่เพราะว่าอาเวียไม่ไว้ใจเพื่อนแต่เพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อนไปด้วยต่างหาก เธอจึงเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้ในความลับไม่คิดเปิดเผยออกมาให้ใครรู้
“เช่นนั้นมิใช่ว่าเราควรช่วยกันงั้นหรือ ทำให้เราทั้งคู่สามารถรักกันได้อย่างที่ควรจะเป็น สตรีในหมู่บ้านบอนด์วินควรจะสามารถเลือกคู่ครองได้เองสิ การที่พวกแกะมาผูกขาดสตรีที่นั่นเอาไว้ ข้ามองว่ามันคือการกระทำที่แสนเลวร้าย เจ้าไม่คิดแบบนั้นงั้นหรืออาเวีย..เจ้าต้องช่วยข้าสิ ข้าแค่ต้องการให้นายท่านของข้ามีความกล้าหาญขึ้นมา เมื่อเขาสามารถโค่นล้มพวกแกะได้ สตรีในหมู่บ้านก็จะเป็นอิสระเช่นเดียวกัน”
อาเวียมิใช่สตรีไร้เดียงสา เธอรู้ว่าถ้อยคำที่กล่าวออกมาของเบนมันคือคำลวง ที่เขากระทำไปทั้งหมด เพียงเพื่อต้องการให้เผ่าหมาป่ากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เธอรู้ดีว่านี่คือการถูกหลอก..แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยินยอมหลับตาลงหนึ่งข้างเพื่อให้เขาได้ใช้ประโยชน์จากเธอด้วยความเต็มใจ
“เบน ข้ารู้ว่านั่นคือคำลวงแต่เพื่อท่านแล้ว..ข้ายินยอม แต่ท่านจะต้องรับปากว่าจะไม่บังคับสหายของข้าหากว่านางไม่ถูกใจนายท่านกาวิน”
เขาดึงรั้งร่างกายของอาเวียไปตระกองกอดเอาไว้
“มันไม่ใช่คำลวงอาเวีย ข้าต้องการทำเช่นนั้นจริงๆ เพื่อให้ตัวเองได้รักกับเจ้า..และข้าสาบานว่าจะไม่บังคับอีฟ หากว่านางไม่ต้องการหรือว่าไม่ถูกใจนายท่านของข้าน่ะ”
....................
อีฟไม่รู้ว่าวันนี้อาเวียหายไปไหน ส่วนแมดีนางน่าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่บ้านของแกะรูปงามสักตน แมดีชวนเธอไปแล้วแต่ว่าเธอไม่อยากไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเพื่อหาคู่อะไรแบบนั้น เพราะฉะนั้นอีฟจึงเดินทางมาที่ห้องสมุดของหมู่บ้านเพื่อหาหนังสืออ่าน เธออยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของที่นี่ และอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับท่านมาริโออีกสักหน่อย เธออยากจะเตรียมรับมือเขาในครั้งต่อไป..
สายตาของอีฟเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มสีทองที่หน้าปกเขียนเอาไว้ว่า “เด็กที่เกิดมาในหมู่บ้านบอนด์วินล้วนแล้วแต่เป็นที่รักของเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ทั้งนั้น”
นี่ชื่อหนังสือหรือว่าหัวข้อเรียงความกันนะ เมื่อเธอเปิดหนังสือเล่มนั้นออก พลันมีแสงสีทองปรากฏขึ้นมาในทันที
“ในที่สุดเจ้าก็เดินทางมาถึงที่นี่สินะ..ลูกๆ อันเป็นที่รักของข้า”
ดวงตาของอีฟเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเธอมองเห็นหนังสือที่สามารถพูดได้?
“ข้ารู้ว่าการเข้ามาอยู่ที่นี่มันมีเรื่องประหลาดเต็มไปหมด แต่การพบเจอหนังสือพูดได้เช่นนี้มัน..น่าตื่นตาตื่นใจไปหน่อยรึเปล่าคะ”
เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ที่แสนอบอุ่น หลังจากนั้นมีลมเย็นๆ สายหนึ่งพัดผ่านร่างกายของเธอไป จากหนังสือเล่มสีทองปรากฏเป็น..ผึ้งตัวน้อยหนึ่งตัว
ให้ตายสิเธอคิดว่าจะเป็นสตรีผู้หนึ่งซะอีก
“เหล่าลูกๆ ของข้านั้นได้รับความลำบากกันมากเลยสินะ ข้ารอคอยวันนี้มานานแล้วเด็กน้อย วันที่ข้าจะถูกปล่อยออกมาจากหนังสือเล่มนี้”
อีฟถอยหลังไปเล็กน้อย
“คือว่าฉันพึ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่..”
“เรื่องนั้นข้ารู้ เพราะว่าข้าไปนำพาดวงวิญญาณที่แสนเศร้าของเจ้ามาที่นี่เอง สตรีทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่มีดวงวิญญาณที่แตกสลายด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกนางจำไม่ได้ แต่เจ้ากลับจำชาติที่แล้วของตัวเองได้..”
เมื่อได้ลองพูดคุยกับผึ้งน้อยตนนั้นมันทำให้เธอเริ่มคลายความรู้สึกหวาดกลัวไปได้เล็กน้อย
“เช่นนั้นที่ข้ามาที่นี่ มันคือความเมตตาจากท่านอย่างนั้นสินะคะ”
ผึ้งน้อยยกมือขึ้นมากอดอก
“ข้าเฝ้ามองสตรีมากมายที่เจ็บปวดเพราะความรักที่ไม่สมหวัง ข้านำพาดวงวิญญาณของพวกนางมาที่นี่เพื่อปลอบประโลมทุกความเศร้าหมอง แต่ทว่าเจ้าแกะพวกนั้นกลับถือครองลูกๆ ของข้าเอาไว้เพียงผู้เดียวแล้วจัดการนำข้ามากักขังเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลยใช่ไหมอีฟที่รัก เจ้าจะต้องช่วยพวกนางนะ..ช่วยทำให้อำนาจของแกะหมดลงและทำให้สตรีทุกนางในบอนด์วินสามารถเลือกคู่ได้ตามใจ”
วะ..ว่าไงนะ อย่างเธอจะสามารถเอาชนะแกะได้อย่างไรกัน?!
“ฉันทำ..ไม่ได้หรอกค่ะ”
“เจ้าทำได้เพราะเจ้าคือผู้เดียวที่ไม่หลงใหลในความงามของพวกแกะยังไงล่ะ”
อีฟขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อย่าบอกนะคะว่าที่ท่านเข้าไปอยู่ในหนังสือเล่มนั้นเพราะท่านถูกความหล่อเหลาของแกะล่อลวง?”
ผึ้งน้อยกระแอมออกมาเบาๆ
“ก็ไม่ใช่ทุกคนจะต้านทานความหล่อเหลาพวกนั้นไหว..ข้าผิดไปแล้วและข้ากำลังพยายามแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองอยู่นี่ไง เจ้าน่ะจะต้องเอาชนะเขาให้ได้..สงสัยใช่ไหมว่าใคร..ก็ผู้นำของเผ่าพันธุ์แกะยังไงเล่า เจ้าจะต้องทำให้เขาหลงใหลเจ้าหลังจากนั้นเมื่อเขามอบความรักที่บริสุทธิ์ให้เจ้าแล้ว เจ้าจงนำมันมาเพื่อนำพาข้าออกไปจากหนังสือบ้าๆ นี่ แล้วข้าจะทำให้กฎบ้าบอที่พวกเขาระบุเอาไว้กับสตรีในบอนด์วินจางหายไป เรื่องง่ายๆแค่นั้นเจ้าทำได้ใช่ไหมอีฟ”
เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ
“ข้าไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน..อีกทั้งความรักไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ สักหน่อย”
“แค่นอนกับเขา..จะไปยากอะไรกันอีฟที่รัก แค่เจ้าไปนอนกับเขา แค่นั้นก็รักกันได้แล้วไม่ใช่เรอะ”
นี่ยัยผึ้งตนนี้..เข้าใจเรื่องความรักแท้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย
