7.ออกเดินทาง
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจดีแล้ว เช่นนั้นก็ไปเถิดเรเนีย..ข้าหวังอย่างยิ่งว่าการเดินทางครั้งนี้ของเจ้าจะทำให้รอยยิ้มที่แสนเศร้าหมองนี้ กลับมาเจิดจ้าได้เหมือนเดิม”
เรเนียก้มหน้าลงเพื่อเป็นการของพระทัยองค์จักรพรรดินี เธอเดินทางมาที่พระราชวังในวันนี้ก็เพื่อบอกกล่าวแก่องค์จักรพรรดินี ถึงความต้องการอันแรงกล้าที่เธอจะเดินทางไปยังราชอาณาจักรมารุคา
“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตานะเพคะ”
องค์จักรพรรดินีทรงยื่นมือไปลูบผมของเรเนียเบาๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่พระองค์ไม่มีองค์ชายที่ยังมิได้แต่งงาน ไม่อย่างนั้นพระองค์จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เรเนียเป็นลูกสะใภ้ของพระองค์เป็นแน่
“เช่นนั้นเจ้าไปเตรียมตัวเดินทางเถิด ข้าจะบอกกล่าวกับข้าหลวงเอาไว้ เรื่องที่เจ้าจะร่วมเดินทางด้วย..”
“หากไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไป หม่อมฉันอยากให้การเดินทางของหม่อมฉันเป็นความลับได้ไหมเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้มีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับหม่อมฉันออกมา หากผู้อื่นล่วงรู้ว่าหม่อมฉันต้องเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองเพื่อลืมเลือนความรักครั้งเก่า หม่อมฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน..เพราะอย่างนั้นอย่าใส่ชื่อของหม่อมฉันลงไปในคณะเดินทางเลยเพคะ หม่อมฉันอยากเดินทางไปที่นั่นในฐานะของหมอธรรมดาๆ ผู้หนึ่งที่ไร้ชื่อเสียง..บางทีหม่อมฉันอาจจะได้พบเจอความรักครั้งใหม่ก็เป็นได้..”
องค์จักรพรรดินีหัวเราะออกมาในทันที
“หากว่าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็ไม่คิดจะขัดใจเจ้าหรอก..แต่เรเนียเจ้าจงเล่นสนุกให้พองาม จะท่องเที่ยวหรือว่าจะเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมที่แตกต่างก็ทำให้พอดี จงอย่าลืมจุดยืนของเจ้าอย่างเด็ดขาดว่าเจ้าคือใคร”
เรื่องนั้นเธอไม่ลืมหรอก และไม่มีวันลืมด้วยว่าเธอคือเรเนียน่ะ
“เพคะ..หม่อมฉันจะจดจำให้ขึ้นใจ”
เรเรียไม่คิดยินยอมให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน เธอจะเข้าไปในที่ของเขาโดยที่เขาไม่มีวันรู้ตัว..ไม่ให้โอกาสเขาได้ระแคะระคายด้วย
รอก่อนเถอะที่รัก เราจะได้พบกันเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
.
.
“คิดดีแล้วใช่ไหมเรเนีย แน่นอนว่าฉันไม่ได้คิดจะขัดความตั้งใจนั้นเลย แต่ว่า..ฉันก็แค่อยากให้เธอคิดให้ดีก็เท่านั้น”
ยูริชกล่าวออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เรเนียรู้ดีว่าที่ยูริชกล่าวออกมานั้นเพราะว่าสตรีผู้นี้เป็นห่วงเธอมากจริงๆ
“ปล่อยเรเนียไปเถอะยูริช ข้ารู้ดีว่ายัยนี่คงนอนไม่หลับอย่างแน่นอนหากไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง”
แลนซิลกล่าวพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม จริงอยู่ที่ยูริชคือเพื่อนที่เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของเธอ แต่ทว่าแลนซิลคือเพื่อนในวัยเด็กของเธอ..เพราะอย่างนั้นหมอนี่จึงรู้นิสัยของเธอดียิ่งกว่าใคร
“นั่นแหละยูริช ฉันคงนอนไม่หลับไปตลอดชีวิตแน่ๆ หากไม่ได้ทำอะไรสักอย่างกับคนผู้นั้น ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถึงจะน่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ทำคลอดเจ้าหลานคนที่สาม แต่ว่าฉันจะหลับมาหาหลานทั้งสามคนอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง”
ยูริชจุดยิ้มจางๆ ที่มุมปาก เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถห้ามปรามเรเนียได้ คิดกลับกันหากเป็นเธอละก็..เธอก็คงตามล่าอดีตสามีแบบสุดหล้าฟ้าเขียวอย่างแน่นอน
“ดูแลตัวเองด้วยนะเรเนีย”
เรเนียจับมือของยูริชเอาไว้
“แล้วพบกันนะยูริช ฉันจะกลับมาหาเธออย่างแน่นอน..ตอนนี้เธอก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องของฉันหรอก ทำใจให้สบายพักผ่อนให้มากๆ เตรียมตัวและเตรียมใจให้ดีเจ้าใกล้จะคลอดแล้วนะ”
เรเนียไม่อยากให้คนท้องคิดมาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากมาลายูริชก่อน
“โชคดีนะเรเนีย ขอให้เดินทางปลอดภัยแล้วก็..”
ยูริชขยับมากระซิบที่ข้างหูของเรเนียเบาๆ
“ลากคอหมอนั่นไปลงนรกให้ได้เลยนะ ฉันจะคอยเอาใจช่วย”
เรเนียหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วยูริช..ฉันไม่ปล่อยให้หมอนั่นมีความสุขหลังจากที่เขาทำให้ฉันเป็นคนโง่มานานเก้าปีเต็มหรอก”
หลังจากที่เรเนียล่ำลายูริชและแลนซิลเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินทางมาที่กิลล์ข้อมูลเพื่อตรวจหญิงชราที่เป็นผู้มีพระคุณของเพนนีอีกครั้งหนึ่ง
“ให้นางดื่มยาที่ฉันต้มติดกันอย่าให้ขาด ฉันคิดว่าอีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์หากไม่มีอะไรผิดพลาดนางน่าจะฟื้นขึ้นมา..”
เพนนีรู้สึกซาบซึ้งใจในความเมตตาของท่านหมอหลวงเรเนียยิ่งนัก
“แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่ฉันต้องออกเดินทางอย่างกะทันหัน..”
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรเลยค่ะท่านเรเนีย การที่ท่านยื่นมือเข้ามาช่วย นั่นก็ทำให้ฉันซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุดแล้ว จริงอยู่ที่ในราชอาณาจักร..คนของฉันเข้าไปไม่ได้ แต่ว่าที่รอบๆ เขตแดนของเมือง มีคนของฉันแฝงอยู่ที่นั่นมากมายพอสมควร หากว่าท่านต้องการความช่วยเหลือก็มาที่ประตูเมืองนะคะ ฉันจะให้คนของฉันเฝ้าอยู่แถวนั้นเพื่อคุ้มครองและปกป้องให้ท่านเดินทางกลับมาที่จักรวรรดิได้อย่างปลอดภัย”
เรเนียไม่คิดเลยว่าเธอจะได้พบเจอกับมิตรภาพที่ดีงามเช่นนี้..
“ขอบคุณมากนะคะ”
เพนนีส่งยิ้มให้กับท่านเรเนีย
“ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน เดินทางปลอดภัยนะคะท่านเรเนีย”
คำอวยพรจากมิตรภาพที่แสนสวยงามของทุกคนกำลังซึมซาบลงในใจของเรเนียอย่างช้าๆ และนั่นทำให้เธอมีแรงกายแรงใจในการเดินทางไปสะสางปัญหาชีวิตในครั้งนี้แล้วล่ะ
.
.
และแล้ววันที่ต้องออกเดินทางก็มาถึง เรเนียสวมเสื้อคลุมสีขาวเอาไว้บนศีรษะ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อเดินข้าไปในขบวนของข้าหลวง
“..ท่านเรเนีย?”
เรเนียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นข้าหลวงกรีแชง เธอรีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาวางทาบบนริมฝีปากของตัวเองเพื่อบอกกล่าวกับเขาให้เงียบเอาไว้
ข้าหลวงวัยชราได้แต่ส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้กับท่านเรเนีย เขาคือผู้ดูแลองค์ชายรองและท่านเรเนียคือสหายในวัยเด็กขององค์ชายรองคาลวิน
“ท่านบารอนเซน พอดีว่าองค์จักรพรรดินีทรงมีรับสั่งให้หมอท่านนี้ร่วมขบวนคณะทูตไปด้วย ท่านช่วยดูแลนางให้ดีด้วยนะครับ องค์จักรพรรดินีทรงอยากให้หมอผู้นี้ไปดูแลท่านหญิงมาเรน่าที่ราชอาณาจักร..”
บารอนเซนผู้ดูแลการเดินทางมองหน้าท่านข้าหลวงสลับกับสตรีผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดคลุมสีขาว
“เช่นนั้นเชิญท่านหมอขึ้นรถม้าเถอะครับ ท่านจะได้สะดวกกับการเดินทางในครั้งนี้”
ให้ตายสิ หากว่าท่านข้าหลวงกรีแชงกล่าวและฝากฝังให้เขาดูแลหมอท่านนี้ แสดงว่าหมอผู้นี้คงจะสำคัญมากๆ เช่นนั้นเขาคงต้องดูแลและอำนวยความสะดวกให้นางดีมากกว่าทุกคนเสียแล้ว
