บท
ตั้งค่า

ตอนที่8 ลูกน้อย

คุณาภัทรออกจากสุสานไปยังบริษัทแทนการอยู่บ้านในวันหยุดเพราะอาจจะเผลอฆ่าผู้หญิงอีกคน นั่นเลยทำให้ภามที่รู้สึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้า ให้แม่บ้านดูแลจัดการเช็ดตัวป้อนยา และไม่ลืมทิ้งยาไว้ให้เธอได้ใช้รักษาตัวเอง

“ขอบคุณมากนะคะ” ข้าวหอมที่รู้สึกตัวขึ้นมาทันแม่บ้านจะออกไป ยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่าย

“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวค่ะ...”

“ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะ ว่าลูกของฉันเป็นยังไงบ้าง” แม้ภามจะบอกแล้วว่าลูกของเธอยังปกติดี

แต่ปกติดีหมายถึงยังไง กินนมตรงตามที่หิว ได้นอนในเวลาของเด็กควรนอนใช่หรือไม่

“ขอตัวก่อนนะคะ” เรื่องนี้เจ้านายสั่งห้ามอยู่แล้ว ไม่ให้พูดหรือยุ่งเด็ดขาด

แม้จะรู้สึกสงสารแต่หน้าที่ก็ยังมี ถอยออกมาโดยไม่ได้ตอบคำถามและไม่ลืมล็อคประตูจากด้านนอกตามคำสั่ง

เหลือไว้เพียงแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างข้าวหอมที่น้ำตาคลอไหลออกมาด้วยความกลัวที่เต็มอก

เธอคิดถึงลูก ห่วงลูก อยากเจอหน้า อย่างน้อยก็ขอให้ได้เห็นว่าแกยังปลอดภัยและอยู่ดีอย่างที่ภามบอก ไม่ใช่แค่คำโกหก

“เขาคงไม่โกหก เขาอยากทำให้เธอเจ็บปวด หากลูกเธอเป็นอะไรเขาต้องพูด” จะว่าปลอบใจตัวเองก็ว่าได้ แต่เขาแสดงออกชัดเจนว่าต้องการอะไรจากเธอ

เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะทำร้ายลูกของเธอแล้วจะปิดเงียบ

หัวค่ำที่คุณาภัทรกลับถึงบ้าน เขาก็เห็นกับเด็กตัวกลมที่เดินอยู่กลางบ้าน

“ขอโทษค่ะคุณครูซ พอดีแกร้องไห้ไม่หยุด ดิฉันก็เลยพาออกจากห้องแล้วให้เล่นตรงนี้” ตองนวลแม่บ้านที่รับหน้าที่พี่เลี้ยงจำเป็นพูดขึ้นอย่างรู้สึกกลัวว่าเจ้านายจะตำหนิ

“.....” คุณาภัทรไม่ได้ตอบ สายตาจ้องมองไปยังเด็กชายตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไม่ได้มีแววของความเอ็นดูหรือรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อย

ส่วนเด็กน้อยคิราที่นั่งอยู่ก็หยัดตัวลุกขึ้นเดินเตาะแตะตรงมาทางร่างสูงของคุณาภัทรด้วยรอยยิ้มแฉ่ง ไม่รู้ตัวสักนิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตน

เดินได้สี่ห้าก้าวก็ล้มก้นกระแทกพื้น แต่ไม่ร้องแล้วก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เดินตรงไปเกาะขาแกร่งของคนตรงหน้าด้วยส่วนสูงระดับเข่าเขาเท่านั้น

“หม่ำๆ” เจ้าตัวเล็กพูดพร้อมกับชูแขนขึ้นให้อีกฝ่ายอุ้ม

“.....” แต่น่าเสียดายที่เขาเกลียดแม่ของเด็กคนนี้ ต่อให้หน้าตาจะน่ารักน่าเอ็นดูแค่ไหน ก็ไม่สามารถพังเกราะความชังของเขาได้

สายตายังคงเรียบนิ่ง หลุบตาลงมองเด็กตรงหน้าอย่างไม่คิดจะยกขึ้นอุ้มแม้แต่น้อย

“หม่ำๆ” เด็กน้อยไม่ได้ดั่งใจเริ่มงอแง ดีดเขย่งเท้าหาอีกฝ่ายไม่หยุด

“ดิฉันจะพาไปนอนเดี๋ยวนี้ค่ะ” แม่บ้านรีบเข้ามายกตัวเด็กน้อยออกห่างอย่างทำอะไรไม่ถูก

บทจะเลี้ยงง่ายก็ง่าย บทจะงอแงก็ใช่ว่าจะเอาอยู่ เล่นเอาเธอปวดหัวไม่น้อยเหมือนกัน

“ยัง” คุณาภัทรคิดบางอย่างขึ้นได้ รั้งแม่บ้านขณะที่สายตามองเด็กตัวขาวตรงหน้า

สั่งบางอย่างขึ้นก่อนจะพาตัวเองลงไปชั้นใต้ดิน

แกร็ก!

“คุณ…ฉันขอเจอลูกหน่อยได้ไหมคะ” ทันทีที่เจอหน้าคำขอร้องอ้อนวอนก็ดังขึ้นทันที

“ไปสิ”

“…..” และครั้งนี้ทำให้ข้าวหอมดีใจไม่น้อยที่เขายอมง่ายๆ ลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เผลอระบายมันออกมาอย่างเก็บไม่อยู่

คุณาภัทรมองภาพนั้นนิ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินนำเธอออกจากห้องขังขึ้นไปชั้นหนึ่งของบ้าน

เดินนำไปเรื่อยๆ จนออกมาด้านข้างของบ้าน เป็นลานปูด้วยหินอ่อน มีต้นไม้ให้ความร่มรื่น และก็มีบ้านหลังเล็กที่ดูด้วยตาก็รู้ว่าเป็นบ้านของสัตว์เลี้ยง

แต่เดี๋ยวนะ!

“น้องคิน” ข้าวหอมพุ่งไปยังตัวบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะของลูกชายเธอ

แต่ประตูถูกล็อคไว้ จะมีก็แค่หน้าต่างที่เปิดมุ้งลวดไว้จนเธอขยับไปเกาะ

มองสำรวจลูกชายตัวเองที่นั่งเล่นกับลูกหมาตัวสีขาว ที่กำลังเห่าและวิ่งรอบตัวลูกชายของเธอจนเจ้าตัวเล็กหัวเราะชอบใจ

มุมหนึ่งของห้องเป็นเบาะรองนอนขนาดเล็กที่ดูก็รู้ว่าของสุนัขตัวนั้น

แล้วอีกฝั่งนั่นล่ะ ผ้าที่เหมือนผ้าขนหนูธรรมดาหนึ่งผืนปูไว้กับผ้าห่มผืนเล็ก แล้วมีขวดนมอยู่ข้างๆ

ของลูกเธอเหรอ

“ที่ที่ลูกเธออยู่ ดีกว่าของเธอไหม” คุณาภัทรพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มมุมปาก

“คุณ...ให้ลูกฉันอยู่ตรงนี้จริงๆ เหรอ” สภาพห้องมันดูดีและสะอาดสะอ้านก็จริง แต่สุนัขขับถ่ายยังไง ความสะอาดของสุนัขมันเพียงพอต่อเด็กอายุไม่ถึงสองหรือเปล่า

สภาพที่ข้าวหอมเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดมากเพราะมันไม่เหมาะที่จะให้เด็กอยู่แบบนี้ร่วมกับสัตว์เลี้ยงในกรง แล้วถ้าเกิดมันกัดลูกเธอขึ้นมาล่ะ

“เธอหวังให้ฉันเอาลูกเธอไว้ในบ้าน?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นถามราวกับเรื่องขบขัน

“งั้นขอให้ลูกอยู่กับฉันได้ไหม” สภาพด้านล่างที่เธออยู่มันดีกว่าไม่น้อย แม้จะเป็นเพียงชั้นใต้ดินที่พอไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศก็มีความอับและเย็นอยู่บ้างไร้แสงแดดส่องถึง แต่อย่างน้อยเธอก็ได้ดูแลลูกด้วยตัวเอง เธอสบายใจกว่า

“ถ้าเด็กนี่มันอยู่กับเธอ...”

“แล้วฉันจะทรมานมันยังไง” ร่างสูงก้าวเข้ามายืนด้านหลังของข้าวหอม ฝ่ามือใหญ่บีบท้ายทอยของเธอให้หันไปมองด้านในบ้านที่ลูกของเธออยู่ให้เต็มตา พูดให้เธอคิดตาม

และหวังว่าเธอจะมองตามจนเห็น

“น้องคิน...”

“คุณทำอะไรลูกฉัน!” ร่างบางมองลูกชายของตัวเองไม่วางตา มองด้วยความคิดถึง อยากกอด อยากหอม

มองจนในที่สุดก็เห็นรอยช้ำม่วงเหมือนถูกกระทบอย่างแรงและรอยแดงเต็มขาเหมือนถูกยุงกัด อดไม่ได้จะหันไปตะคอกถามอีกฝ่ายด้วยความเดือดดาลเหมือนแม่เสือที่กำลังคำรามเพื่อปกป้องลูก

แต่น่าสงสารที่มันไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยในสายตาของคุณาภัทร

“แมะ” เสียงดังของข้าวหอมเรียกความสนใจของเด็กชายคิราให้หันมาหามารดา เด็กน้อยเรียกแม่ของตัวเองอย่างไม่ชัดนัก ลุกขึ้นเพื่อมาหาชูแขนให้แม่อุ้มด้วยความคิดถึง

“น้องคิน” เห็นท่าทางของลูกยิ่งเจ็บปวดใจ

ลูกคิดถึงเธอแค่ไหน เธอคิดถึงมากกว่าหลายร้อยพันเท่า

พยายามสะบัดตัวออกจากพันธนาการของคุณาภัทร หันซ้ายแลขวาเพื่อหาเก้าอี้ขึ้นมาปีนหน้าต่างบานเล็กเข้าไปหาลูกชาย

แต่เขาไม่ปล่อยให้เธอเข้าไป หากได้แตะต้องตัวเด็ก ร่องรอยที่สร้างขึ้นคงหลุดออกได้อย่างง่ายดายให้เธอรับรู้ว่าเป็นแค่เรื่องมดเท็จ

แล้วจะหวาดกลัวทรมานได้ยังไง

“ฉันขออุ้มลูกหน่อยนะคะ แค่ห้านาทีก็ได้” หันไปยกมือไหว้ขอความเมตตาจากเขา

“.....” รอยยิ้มยกขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเลือดเย็น

“แมะ แมะ” เด็กน้อยอยากหาแม่แต่แม่ไม่อุ้มก็เริ่มงอแง อาจเพราะเริ่มง่วงแล้วด้วยเลยยิ่งงอแง

“ฉันไหว้นะคะ ขอแค่สามนาทีก็ได้” จากห้านาทีต่อรองเหลือสามนาที

แต่กี่วันแล้วที่เธอไม่ได้อุ้มลูกเลย ไม่แม้แต่จะได้เจอหน้าด้วยซ้ำ เธอคิดถึงใจแทบขาด สงสารจนทรมานแทบบ้าแล้ว

“วันนี้หมดเวลาของเธอแล้ว” มุมปากของเขายังคงยกยิ้มขึ้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ตัดความหวังของเธอด้วยการพากลับไปสู่ห้องขังคืน

“แง้!” เด็กน้อยร้องไห้จ้าทันทีที่ไม่เห็นแม่ในสายตา เพราะถูกคุณาภัทรกระชากออกห่างจากหน้าต่าง

“ฉันขอร้อง นาทีเดียวก็ได้” สิบวินาทีก็ยังดีตอนนี้

แต่ไม่เลย อะไรที่ดีสำหรับเธอคือสิ่งที่เขาไม่มีทางจะยอม

“ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะโมโหจนทุบลูกเธอหรอก เพราะถ้ามันร้องไม่หยุด ฉันก็แค่ยัดยานอนหลับเหมือนที่ผ่านมา”

“คุณจะบ้าหรือไง! รู้ไหมว่ามันอันตราย!!!” แม้แต่ผู้ใหญ่หากไม่จำเป็นไม่ควรกินยานอนหลับเลยด้วยซ้ำ แล้วนับอะไรกับเด็กเล็กแบบนี้

“แล้วไง นั่นมันลูกเธอ” เขากระตุกมุมปากตอบกลับอย่างไม่แยแสสักนิด

“ฉันขอล่ะ ถ้าแกร้องไห้ คุณเอาแกให้ฉันก็ได้ อย่างน้อยให้ฉันกล่อมให้แกหลับแล้วคุณจะเอาแกกลับมาคืนก็ได้” ขอแค่นี้เถอะ อย่าป้อนยาให้ลูกเธอเลย

“เธอคิดว่าฉันเอาเด็กนี่มาเลี้ยง?”

“.....” ข้าวหอมเม้มปากไร้คำตอบกลับ เพราะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการพูด

“ฉันเอาเด็กนี่มาทรมานเหมือนที่ทรมานเธอ...”

“เพราะงั้นอย่าหวังว่าฉันจะเลี้ยงเด็กนี่ให้ดี”

“แต่แกยังเด็ก”

“แต่มันก็ยังได้หายใจ”

“.....” ร่างบางแทบทรุดอย่างหมดแรง

คำตอบแต่ละอย่างของเขาทำให้เธอไปต่อแทบไม่ได้

เธอไม่มีสิทธิ์หรือความสามารถใดไปต่อรองกับเขาเลย ไม่มีเลยสักนิด

แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป ตัวเองก็เอาแทบไม่รอด แล้วลูกของเธอล่ะ

คุณาภัทรไม่ได้สน ออกจะสะใจด้วยซ้ำที่ทำให้ข้าวหอมเจ็บปวดทรมาน ยังคงออกแรงลากเธอกลับไปข้างล่างแม้ว่าเธอจะพยายามขืนตัวเองแค่ไหนก็ตาม

“รอให้ลูกเธอสาหัสเมื่อไหร่ ฉันจะให้เธอดูแลมัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel