ตอนที่9 จุดอ่อน
คุณาภัทรทิ้งท้ายประโยคแสนน่ากลัวไว้ก่อนจะโยนเธอเข้าห้องแล้วขังไว้เหมือนเดิม
ระหว่างที่เขาเดินออกมาก็ได้ยินเสียงร้องไห้เจ็บปวดและอ้อนวอนให้เขาเปิดประตูไม่หยุด
แต่เธอไม่หยุดแล้วจะได้อะไร แค่เขาขึ้นบันไดปิดประตูอีกชั้นทุกอย่างก็ตัดขาดระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นใต้ดิน ไม่ได้ยินแม้แต่เศษเสียงแว่วของเธอให้รำคาญหู
แล้วกลับมาได้ยินความรำคาญด้านบนต่อ
“เด็กไม่หยุดร้องเลยค่ะ” พอเดินมาถึงโถงบ้านแม่บ้านที่อุ้มเด็กโยกกล่อมก็บอกเขาอย่างร้อนใจ
แต่เด็กนั่นพอหันมาเห็นเขาก็ชูแขนมาหาพร้อมใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาแดงก่ำไปหมด
“.....” คุณาภัทรยืนมองเด็กตรงหน้าร้องไห้อย่างรู้สึกรำคาญ
เขาไม่ถึงกับเกลียดเด็ก แต่ก็ไม่ได้เอ็นดูหรือสงสารขนาดนั้นด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะลูกของคนที่เกลียด
“แง้!!!” เด็กชายคิราไม่มีท่าทีจะหยุดร้องไห้เลยแม้แต่น้อย ร่างกลมเอนตัวไปด้านหน้าชูแขนให้คุณาภัทรอุ้มตัวเองทั้งน้ำตา
พยายามดีดดิ้นลงจากแขนแม่บ้านที่อุ้มไว้อย่างดื้อรั้นเอาแต่ใจ
“ปล่อยลง” คุณาภัทรสั่งเสียงเรียบ อยากดูว่าเด็กนี่จะดื้อได้แค่ไหน
เมื่อเป็นอิสระ เจ้าก้อนที่เมาน้ำตาก้าวมาทางคุณาภัทรเดินทั้งน้ำตาได้สามก้าวก็ล้ม พยายามหยัดตัวลุกขึ้นจนสำเร็จก็ก้าวเดินต่อ
เด็กที่ทั้งร้องทั้งง่วงเดินได้อีกสองก้าวก็ล้มลงไปอีก เป็นภาพที่ทำให้แม่บ้านที่เลี้ยงมาไม่นานเห็นแล้วยังสงสาร แม้แต่ชายฉกรรจ์อย่างเรย์กับภามที่มองความวุ่นวายจากเสียงเด็กน้อยก็สงสารจนอยากเข้ามาช่วยอุ้มช่วยกล่อม
ต่างจากคุณาภัทรที่จนตอนนี้เขายังยืนมองเด็กนิ่งๆ ดูสภาพใบหน้าเปียกปอนน้ำหูน้ำตา มอมแมมยิ่งกว่าลูกหมาที่ของขวัญเลี้ยงไว้ในกรงข้างนอกเป็นไหนๆ
แต่เจ้าเด็กนั่นเอาแต่เดินตรงมาทางเขา แขนป้อมน้อยๆ ชูหาอย่างน่ารำคาญ
มีคนอุ้มดีๆ ทำไมไม่ชอบ จะมาหาเขาที่เกลียดแม่มันเพื่ออะไร หน้าอย่างเขาดูใจดีขนาดนั้นเลยหรือไงถึงร้องหาให้อุ้มแทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้า
“แง!” ในที่สุดความพยายามก็สำเร็จ เด็กชายคิราเดินมาถึงร่างสูงของคุณาภัทร เกาะขาแกร่งไว้ด้วยกำปั้นน้อยๆ ที่กำขากางเกงเขา
ใบหน้าแดงก่ำเงยขึ้นมองอีกฝ่ายทั้งน้ำตา แขนอีกข้างชูขึ้นให้อีกฝ่ายอุ้ม
“.....” คุณาภัทรหลุบสายตามองอย่างไม่เต็มตาด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้อยากอุ้ม รู้สึกหงุดหงิดติดจะรำคาญเด็กนี่ที่วอแวกับเขาราวกับเป็นพ่อมัน
แต่เนื้อแท้อาจไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำกับคนที่ไม่รู้ประสีประสาขนาดนั้น ขนาดหมาที่คนรักเลี้ยงยังเอ็นดูและสงสารได้ แล้วนี่นับประสาอะไรกับเด็กตาดำๆ ไร้เดียงสา
ถึงจะเกลียดแม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กไม่ได้ผิด ไม่รู้ความอะไรด้วยเลยสักนิดจริงๆ
ในเมื่ออยากให้อุ้มก็จะอุ้ม
ถ้าอุ้มแล้วไม่หยุดร้องคงต้องหายานอนหลับมากรอกปากอย่างที่ขู่แม่มันไปจริงๆ
“ฮึก! ฮือ ฮึก!”
ทั้งแม่บ้านและคนสนิทต่างหันหน้ามองกันด้วยความแปลกใจและตะลึงงัน
ชายร่างสูงใบหน้าเรียบนิ่งติดไปทางดุดันด้วยซ้ำ แม้แต่ผู้ใหญ่ยังแทบไม่กล้าเข้าใกล้ แต่เด็กคนนี้เป็นบ้าอะไรถึงร้องให้คุณาภัทรอุ้มตลอด
ซ้ำพออีกฝ่ายยอมอุ้มขึ้นไป แขนเล็กก็กอดคอแกร่งไว้ซบหน้าลงไหล่กว้าง สะอึกสะอื้นอยู่บนนั้น ดูสงบลงง่ายๆ โดยไม่ต้องปลอบหรือขยับกล่อมเหมือนที่แม่บ้านทำก่อนหน้าด้วยซ้ำ
“หม่ำๆ” พอสงบได้สักพัก พละกำลังที่ส่งเสียงร้องไห้นานสองนานก็หมด ร้องหาอาหารจากความหิว
แม่บ้านได้ยินแบบนั้นก็รีบกุลีกุจอไปหยิบขวดนมที่เตรียมไว้มายื่นส่งให้เจ้านายอย่างทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
คุณาภัทรรับมาก่อนจะยัดจุกใส่ปากเด็กในมือ ให้อีกฝ่ายถือเองแล้วปล่อยมือจากขวดนม
“เอาไป” ส่งให้แม่บ้านคืนเมื่อเด็กสงบ
แต่เด็กสิ้นฤทธิ์ก่อนหน้ากลับงอแงอีกครั้งไม่ยอมไปหาแม่บ้านที่เลี้ยงตัวเองมาหลายวัน
“เรย์” คุณาภัทรเรียกมือขวามาแทน
เด็กนี่อาจจะอยู่แต่กับมือผู้หญิง คงอยากได้มือผู้ชายอุ้มบ้างก็เป็นได้
“ครับ” เรย์รับคำก่อนจะก้าวไปหาผู้เป็นนาย ยื่นมือหมายไปรับตัวเด็กน้อยมาอุ้มแทน
แต่ก็ไม่ได้ต่างจากที่เด็กน้อยปฏิเสธแม่บ้านก่อนหน้า
“เหมือนแกจะติดมือนายนะครับ” ภามที่มองสถานการณ์พูดขึ้นด้วยความแปลกใจไม่แพ้คนอื่น
ติดมือใครไม่ติด ติดมือคุณาภัทรเนี่ยนะ?
“มึงมาเอาไป” หันไปพูดกับภามอีกคน เผื่อมือภามจะสบายกว่าเมื่อเขาที่ไม่ได้อ่อนโยนใส่เลยสักนิด
ไร้ประโยชน์ เมื่อถูกส่งให้ใครก็งอแงดีดดิ้นเตรียมแหกปาก
“ฉันเกลียดแม่นายรู้ไหม” ถึงกับกุมขมับอย่างอารมณ์เสียกับเด็กในมือ
ใจหนึ่งอยากโยนทิ้งลงพื้นให้รู้แล้วรู้รอด ไม่อยากอุ้ม ไม่คิดจะอุ้ม แล้วจะให้อุ้มอะไรนักหนา
แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ยังเด็กเกินไป ขืนโยนลงไปจริงๆ คงเลี้ยงไม่โตไปหลายเดือน จึงต้องหันไปพูดให้รู้ตัวว่าควรห่างจากเขาที่เกลียดแม่ของเด็กนี่
แล้วไง ผู้ใหญ่เกลียดใครเด็กน้อยวัยนี้จะเข้าใจอะไรด้วย เขาแค่หาคนที่ต้องการก็เท่านั้น
และคนๆ นั้นดันเป็นคนที่ไม่ควรที่สุด
คุณาภัทร
“นายไปนั่งให้เด็กกินนมนอนดีๆ ดีกว่าครับ จะได้รีบหลับรีบคืนพี่เลี้ยง” ภามเสนอวิธีช่วยเหลือเจ้านาย
เป็นทางออกที่ไม่น่าเสนอเลยสักนิด แต่คงดีที่สุดในตอนนี้
คุณาภัทรก้าวยาวๆ ตรงไปยังโซฟา ทิ้งตัวนั่งจับเด็กให้เอนในแขนข้างเดียวของเขา
ยังดีที่จับขวดนมดื่มเองเป็น ถือดูดอย่างเอาเป็นเอาตาย
จนนมหมดไปกว่าครึ่ง ดวงตากลมแป๋วชื้นถึงได้ค่อยๆ ปิดลงเรื่อยๆ แต่ปากก็ยังคงดูดต่อไปไม่หยุด
นมหมด คนก็หมดฤทธิ์
“มาเอาไป” แทบจะโยนเด็กนี่ส่งให้แม่บ้านทันทีที่ทุกอย่างสงบลง
แม่บ้านรีบก้าวเข้ามารับเด็กน้อยอุ้มไว้ แล้วพาไปห้องพักทันที
“แปลกมากที่เด็กติดนาย ขนาดพี่กับผมยังรู้เลยว่าอำมหิต” ภามกระซิบพูดกับรุ่นพี่อย่างเรย์
“.....” เรย์ไม่ได้ตอบ แต่ภายในใจก็ไม่เข้าใจความคิดของเด็กคนนั้นเหมือนกัน
“หรือเด็กมันชอบความน่ากลัว”
“ออกไปคุยกันข้างนอก” คุณาภัทรได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจึงเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังหลับตา
เขาพักหัวกับพนักพิงโซฟา รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับความรู้สึกและความวุ่นวายตอนนี้
ทั้งความรู้สึกสูญเสียที่ยังจัดการไม่ได้ ทั้งตัวการที่ทำให้คนรักเขาตายที่เขาอยากฆ่าเธอวันละหลายรอบ
แล้วตอนนี้ยังต้องมาวุ่นวายกับเด็กนี่อีก แต่จะไม่เอามาด้วยก็ไม่ได้ เพราะเด็กนี่ไม่มีพ่อ ประวัติของข้าวหอมที่คุณาภัทรสืบทันทีที่เห็นเธอในกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ
พ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเด็กและไม่เคยติดต่อหากันอีกเลย แม่พึ่งประสบอุบัติเหตุตายเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทิ้งเงินประกันและบ้านไว้ให้เธอไม่ลำบากกับการเลี้ยงเด็กนี่คนเดียว
ตัวของเธอเรียนจบทำงานบริษัทเอกชนขนาดกลางได้เกือบสองปี ลาหยุดตอนคลอดก่อนจะกลับไปทำงานอีกครั้งตอนลูกเจ็ดเดือน นอกจากฝากพี่เลี้ยงในหมู่บ้านระหว่างออกไปทำงานชีวิตก็เลี้ยงลูกลำพัง ไม่มีข้อมูลพ่อของเด็กทั้งในใบเกิด และไม่มีใครรับรู้หรือเคยพบเห็น
เรียกว่าตอนนี้ข้าวหอมมีกันแค่สองคนแม่ลูก นั่นเลยทำให้เขาต้องเอาตัวมาทั้งแม่และลูก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นจุดอ่อนของเธอและมันก็เป็นแบบนั้น
แต่ตอนนี้เขารู้สึกวุ่นวายมากกว่าที่มีเด็กแบบนี้อยู่ด้วย
หรือจะเอาไปทิ้งไว้ให้อยู่บ้านเด็กกำพร้าให้สิ้นเรื่อง
อยากทำใจจะขาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกอยู่ดีว่านี่แหละจุดอ่อนผู้หญิงคนนั้น
