ตอนที่7 คำขอโทษจะเป็นผล...
กว่าสามวันอาการป่วยของข้าวหอมจะหาย เพราะเธอไม่ได้รับการรักษา ไม่ได้รับการดูแล ไม่แม้แต่จะได้ยากินอย่างที่ควร
ข้าวหนึ่งมื้อ ยาหนึ่งเม็ด เศษผ้าห่มบางๆ ที่เขายอมอนุญาตเพื่อยืดลมหายใจของเธอไว้ นั่นเลยทำให้เธอยังไม่ตาย ร่างกายต้องฟื้นตัวด้วยตัวเองเรื่อยๆ
“นายให้คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบตามออกมา” ภามเปิดประตูบอกหญิงสาวในห้องขังด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
จะว่าสงสารก็สงสาร เห็นใจก็ใช่ แต่ก็ไม่พอใจกับความเห็นแก่ตัวของเธอในตอนนั้นเหมือนกัน
คลิปจากกล้องวงจรปิดที่ผู้เป็นนายและพวกเขาได้ดู เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุเห็นชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้วิ่งตาลีตาเหลือกผลักทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนออกให้พ้นทางตัวเอง
เลยเป็นเหตุให้เกิดความตายด้วยมือของเธอส่วนหนึ่ง
“ลูกของฉันล่ะ” สิ่งแรกที่เธอห่วงที่สุด สองวันแรกแทบไม่ได้สติ สลึมสลือเพ้อหาลูกอยู่คนเดียวทั้งรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง
แต่พอวันนี้ตื่นมาดีขึ้น ถึงยังไม่หายขาดแต่ก็มีแรงลุกขึ้น สติรับรู้ทุกอย่างเป็นปกติ
“นายกำลังรออยู่” ไม่ตอบคำถามของเธอ เร่งรัดก่อนอีกฝ่ายจะทำให้ผู้เป็นนายหงุดหงิด
พูดจบก็ปิดประตูห้องรอเธออยู่ด้านหน้า
“.....” หัวใจหวาดกลัวแต่ก็หันไปเห็นเสื้อผ้าที่เขาโยนกระแทกหน้าครั้งก่อน หยิบมันแล้วลุกขึ้นตรงไปยังห้องน้ำ
ถือว่าห้องนี้มีครบเกือบทุกอย่าง ห้องน้ำ ตู้และหนังสือภายใน ก่อนหน้าเธอเดาว่าน่าจะมีชุดโซฟาอยู่มุมห้อง แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงโซฟาเดี่ยวตัวเดียว แต่ยังเหลือพรมที่ไม่ได้เอาออก ทำให้เธอได้ซุกหัวนอนอยู่ตรงนั้น เลยไม่ทำให้ตัวเองตายระหว่างป่วยกับผ้าบางๆ บนพื้นเย็นๆ
ใช้เวลาไม่นานเธอก็จัดการตัวเองเรียบร้อย เดินออกไปดึงประตูเปิดเห็นลูกน้องคนเดิมยืนรออยู่
เขาเดินนำไปโดยไม่ได้พูดอะไร พาขึ้นบันไดจากชั้นใต้ดินไปสู่ชั้นหนึ่งของบ้าน
ถูกนำไปยังประตูบานหนึ่งก่อนจะนำไปด้านนอก เดินลัดเลาะข้างนอกบ้านด้านข้าง ไม่มีโอกาสได้สำรวจหาคนสำคัญของตัวเอง
“ลูกของฉันอยู่ที่ไหนคะ” ห่วงมาก กลัวที่สุด ไม่รู้เลยว่าระหว่างที่เธอป่วยไม่ได้สติลูกของเธอจะเป็นยังไง ได้กินอะไรไหม อยู่ดีหรือเปล่า
“.....” อีกฝ่ายไม่ตอบ นำเธอไปจนถึงรถยนต์คันสีดำที่จอดอยู่หน้าบ้าน มองกดดันให้เธอขึ้นไป
“.....” ข้าวหอมลังเลไม่น้อย เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน จะพากลับมาไหม เพราะลูกของเธอยังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
“ขึ้นดีๆ ดีกว่าครับ” ภามพูดเตือนเธอขึ้นอีกครั้ง เพราะรถเจ้านายยังจอดอยู่ข้างหลัง หากชักช้ากว่านี้คนที่จะเดือดร้อนก็คือเธอ
“ค่ะ” เธอทำได้เพียงก้มหน้าตอบรับ พาตัวเองขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับอย่างจำใจ
จะไปหรือไม่ไป หากเขาไม่ให้เจอลูกก็ไม่มีโอกาสได้เห็น
จิตใจของเธอว้าวุ่นมาก แต่ก็พยายามทำใจเย็นและคิดในทางที่ดี
“ลูกของคุณยังปกติดี” พอรถเคลื่อนตัวออก ภามก็เลือกจะพูดในสิ่งที่นายไม่ได้สั่ง
ก็มองในมุมหัวอกของคนเป็นแม่
“ขอบคุณค่ะ” ได้ยินแค่นี้ก็เบาใจขึ้นมาบ้าง น้ำตาเกือบไหลหันไปขอบคุณที่อย่างน้อยเขาก็เมตตาให้เธอรับรู้
แล้วบนรถก็ตกอยู่ในความเงียบ แต่ก็ยังเคลื่อนตัวต่อไปเรื่อยๆ
กระทั่งเข้ามาในพื้นที่ที่มองไปแล้วก็ดูออกว่าคืออะไร
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงแทบกระดอนออกจากอก แม้เธอไม่ได้ตั้งใจ ไม่นับว่าเป็นคนร้าย แต่ก็หนีไม่พ้นคำว่าต้นเหตุและส่วนหนึ่ง
นี่คงเป็นครั้งแรกที่จะได้เผชิญหน้ากับหญิงสาวที่เธอทำผิดต่ออีกฝ่ายอย่างมหันต์
นับเป็นเรื่องดีที่เธอก็อยากทำเช่นกัน
รถจอดนิ่งดับเครื่องพร้อมกับอีกฝ่ายที่ลงไป เธอจึงตามลงไปโดยไม่ต้องรอให้เขาบอก
คุณาภัทรที่อยู่ในชุดดำมาตลอดตั้งแต่หญิงคนรักจากไปลงจากรถ ในมือถือดอกลิลลี่สีขาว ตรงไปยังตำแหน่งบ้านใหม่ของคนรักที่หลับใหลอยู่
“รออยู่ตรงนี้ก่อน” เรย์บอกข้าวหอมที่เดินตามไปในตอนแรกจนเธอหยุดลง
ระยะห่างถือว่าไม่ใกล้ไม่ไกล แต่หากมีการพูดอะไรออกมาก็คงไม่ได้ยิน
เธอยืนมองร่างสูงแกร่งของเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้มองด้านข้างแทบดูไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกยังไง แต่ความรู้สึกที่แผ่ซ่านออกมาให้รับรู้ คือความเจ็บปวดเสียใจ
และเธอเองก็สงสาร เห็นใจ และเข้าใจ
การเสียคนรักไปไม่ใช่เรื่องง่ายจะทำใจยอมรับได้
เธอเองจะบอกว่าโกรธการกระทำของเขาทั้งหมดก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกผิดจนใจตำหนิและกล่าวโทษเลยที่ไม่มีสติในตอนนั้น
“ตามมาครับ” หลังจากยืนรอประมาณห้านาที เรย์ก็นำข้าวหอมไปยังจุดที่เจ้านายยืนอยู่
หันไปก้มหัวให้กับหลุมฝังศพของอดีตว่าที่นายหญิงเพื่อทำความเคารพ ก่อนจะล่าถอยออกไป เหลือไว้เพียงคุณาภัทรและข้าวหอม
“คุกเข่า” เมื่อมาหยุดหลังเขา เสียงเย็นก็สั่งขึ้น
“.....” ข้าวหอมขยับไปด้านหน้าอีกสองก้าว คุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพของผู้หญิงคนนั้น
เธอมองไปยังรูปที่ติดไว้บนแผ่นแท่นหินอ่อน เห็นใบหน้าสวยงามของอีกฝ่ายเต็มตา เพราะวันนั้นแทบไม่มีสติ เลยไม่รับรู้และไม่ได้จดจำใบหน้าของใครเลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่คนที่เธอเผลอผลักเข้าสู่ความตาย
ยิ่งเห็นใบหน้าที่แย้มยิ้มดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล แววตาดึงดูด ไม่แปลกใจเลยที่จะได้เป็นที่รักของใครสักคนมากขนาดนี้ ยิ่งนึกเสียดายแทนเวลาที่อีกฝ่ายควรจะได้ใช้กับคนที่รัก ทั้งหน้าตา ฐานะ พวกเขาดูเพียบพร้อมและน่าอิจฉาไม่น้อย
แต่ทุกอย่างกลับพังลงอย่างไม่เป็นธรรมโดยมีเธอเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง
“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณจากไป ฉันไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้” ฝ่ามือบางยกขึ้นพนมกลางอก เอ่ยความรู้สึกผิดของตัวเองออกมาต่อหน้าสุสานหญิงสาวที่เธอพลาดพลั้ง ทำให้อีกฝ่ายถึงแก่ความตายอย่างไม่ตั้งใจ
รู้สึกผิด ไม่อยากให้เกิดขึ้น
แต่มันเกิดขึ้นแล้ว
เธอก้มลงหมายจะกราบขอขมาอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ว่าต้องทำอีกกี่ครั้งถึงจะสาสม หรือคนรักของหล่อนจะพอใจ แต่เธอก็อยากขอโทษจากใจจริง
ทำโดยที่คุณาภัทรอยากให้ทำ แต่ไม่คิดจะรับ
หมับ!
ปึก!
“อึก!” เสียงร้องดังขึ้นในลำคอเมื่อท้ายทอยถูกล็อคไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ ก่อนอีกฝ่ายจะกดเธอลงอย่างแรงจนหน้าผากกระแทกกับพื้นปูน
ไม่ถึงกับแตก แต่ก็แสบและเจ็บไม่น้อย
อาการปวดหัวแล่นปลาดขึ้นมา ปวดทั้งภายในและภายนอก ได้แต่กัดฟันทน กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา
“คำขอโทษของเธอจะเป็นผล ก็ต่อเมื่อเธออยู่ในนรก!” เสียงเยือกเย็นของคุณาภัทรพูดออกมาพร้อมกับออกแรงบีบท้ายทอยหญิงสาวแน่นกว่าเดิม
ยิ่งเห็นเธออยู่ต่อหน้าคนรักยิ่งอยากพรากลมหายใจสลับกัน ยิ่งอยากจับเธอฝังลงในหลุมแล้วฉุดรั้งคนรักให้ฟื้นตื่นขึ้นมา
ถ้าเขาได้...
แต่มันทำไม่ได้
“ไสหัวไป!” ผลักปล่อยมือจากท้ายทอยของเธออย่างแรงจนหญิงสาวล้มลงกับพื้น
เธอไม่ได้พูดอะไร ฝืนความปวดหัวก่อนจะลุกขึ้นเพื่อกลับไปหาคนของเขา
แต่อาจเพราะป่วยยังไม่หายดี ไม่เคยได้ออกเผชิญกับเวลากลางวันหรือแสงจ้าหลายวันในยามร่างกายอ่อนแอ หรืออาจจะเพราะหน้าผากกระแทกก่อนหน้านี้ก็หารู้ไม่ เดินไปแค่สองก้าว ร่างบางก็ทรุดทิ้งตัวล้มพับไปบนพื้นหญ้า
คุณาภัทรปรายตามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก้าวไปหยุดข้างเธอ ก่อนจะก้าวข้ามร่างบางหมดสติไปอย่างเลือดเย็น
เป็นภามที่ก้าวเข้ามา ช้อนร่างบางขึ้นอุ้มจนได้สัมผัสร่างกายที่ร้อนฉ่าเหมือนไฟกลับไปที่รถ แล้วตรงกลับบ้านทันที
