ตอนที่6 ต้องชดใช้
“ชะ...ช่วยด้วย” ร่างบางของข้าวหอมพยายามตะเกียกตะกายช่วยตัวเองจากการกำลังจะจมลงน้ำ
เธอยืนแช่น้ำจนร่างกายเย็นชืด ขาที่ต้องเกร็งเขย่งนานสุดท้ายก็เป็นตะคริว พร้อมกับไร้เรี่ยวแรงจะยืน ทรงตัวไม่อยู่ล้มลงไป
สุดท้ายก็ไม่สามารถว่ายน้ำช่วยตัวเองได้ กลืนน้ำลายอึก เข้าจมูกจนสำลักหน้าดำหน้าแดง เปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือตามสัญชาตญาณ ยิ่งสายตาเห็นมัจจุราชยืนอยู่ตรงหน้าไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ
คุณาภัทรหยุดอยู่ขอบสระ ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองภาพเบื้องหน้าพร้อมมุมปากกระตุกยิ้มอย่างรู้สึกสะใจ
จะว่าเขาเป็นคนใจบาปก็ไม่สน แต่คนที่เขาเกลียดต่อให้ตายอยู่ตรงหน้าจะให้มีความรู้สึกอะไรได้มากกว่านี้อีกล่ะ
“หึ!” เขาแค่นเสียงขึ้นกับสภาพของอีกฝ่ายที่เหมือนจะไม่ไหวอยู่รอมร่อ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงนิ่งไม่มีความกระตือรือร้นกับการจะช่วยเหลือแม้แต่น้อย
และสุดท้ายเหนือผิวน้ำก็เหลือเพียงคลื่นวงกระจายออกจากกัน สิ่งมีชีวิตก่อนหน้านี้สิ้นเรี่ยวแรงพอจะตะเกียกตะกายเอาตัวรอดต่อไปได้อีกแล้ว
เธอกำลังจมลงไปใต้ก้นสระเรื่อยๆ
เขาอยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายหากเธอตายจริงๆ ความรู้สึกโกรธแค้นของเขาจะจางหายไปหรือเปล่า
ความเหน็บหนาวปลุกให้คนไร้สติฟื้นขึ้นมาอย่างทรมาน ร่างกายหนักอึ้งจนแทบไม่อยากขยับกาย พยายามควานหาความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่กลับว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด
สุดท้ายเปลือกตาบางแต่กลับหนักอึ้งราวกับหินผาต้องฝืนยกขึ้นมา เห็นความมืดอยู่ในสายตา หลับลงอีกครั้งปรับสายตาให้คุ้นชิน
กลิ่นอับชื้นและความหนาวเย็นเสียดแทงผิวกายของเธอจนสั่นสะท้าน ความรู้สึกแบบนี้ เธอยังไม่ตายสินะ
“แค่กๆๆ” ข้าวหอมสำลักไอออกมา ทำให้พบว่าเสียงของเธอแหบแห้งจนแทบไม่มีเสียง เหมือนคนแก่อายุแปดเก้าสิบก็ไม่เกินจริง
เธอรู้สึกกระหายน้ำทั้งที่ความทรงจำก่อนหน้าจำได้ว่ากลืนลงไปไม่น้อย
“คนที่ต้องตายก่อนไม่ใช่เธอ แต่เป็นเด็กนั่น” เสียงเรียบนิ่งเยือกเย็นราวกับสายน้ำดังขึ้นท่ามกลางความมืด
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เธอยังไม่สามารถตายได้ เหตุผลที่เขายังต้องเก็บคนที่อยากฆ่าที่สุดไว้อีกครั้งทั้งที่แทบอดใจทนมองเฉยๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ
“.....” ข้าวหอมสะดุ้งไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในนี้ เพราะในห้องตอนนี้มันมืดสนิทไม่มีการเปิดไฟสักดวง
เธอพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ยากเกินกว่าจะฝืนไหว ล้มลงไปกับพื้นเหมือนเดิมพร้อมร่างกายสั่นระริกเหมือนเจ้าเข้า
อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับไร้เรี่ยวแรง อยากจะถามถึงลูกสักหน่อยแต่ก็แสบคอจนเปล่งเสียงไม่ได้
เธอไม่รู้ว่าต้องดีใจที่เขาช่วยชีวิตให้รอดมาได้เพื่อยอมรับความทรมานที่มากกว่าเดิมดีหรือไม่ หากตัวคนเดียวก็คงไม่กลัว แต่ที่ห่วงที่สุดก็คงไม่พ้นลูกชายที่พึ่งหัดเรียกแม่ยังไม่ชัดด้วยซ้ำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนจะเปิดเข้ามาให้ความสว่างจนข้าวหอมต้องหลับตาลงด้วยความแสบตา
“เสื้อผ้าได้แล้วค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เป็นครั้งแรกที่เธอรับรู้ว่าที่นี่มีผู้หญิงอาศัยอยู่ด้วย
พรึ่บ!
ไฟหนึ่งหลอดสว่างขึ้นกลางห้องหลังประตูปิดลงอีกครั้ง
ชัดเต็มตาว่าสีหน้าของเธอซีดเซียวเหมือนคนไร้เลือดใกล้ตาย
แต่ไม่ได้เรียกความเห็นใจหรือสงสารจากคุณาภัทรได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยวของหัวใจ
ปั่ก!
แล้วก็มีแรงกระแทกเข้ากับใบหน้า ถึงจะเป็นเนื้อผ้าแต่ก็สร้างความเจ็บให้ได้ไม่น้อยเพราะมันปะทะเข้าเต็มๆ หน้าของเธอ
“ไปเปลี่ยนซะ” คำสั่งเด็ดขาดดังขึ้นอย่างเลือดเย็น
“.....” คำสั่งของเขาแม้ไม่อยากทำตามแต่ก็ขัดไม่ได้ พยายามอย่างสุดความสามารถประคองตัวเองลุกขึ้น
ไม่ไหว เธอแทบขยับร่างกายไม่ได้เลย มันหนักไปหมดทุกส่วนโดยเฉพาะหัว
อยากลุกให้มันจบ อยากให้เขาระบายความโกรธแค้นลงที่เธอลูกจะได้ปลอดภัย
แต่จะให้เธอทำยังไง สภาพของเธอตอนนี้…
ตุบ!
ข้าวหอมที่ฝืนลุกขึ้นสุดกำลัง แต่สุดท้ายก็หมดสติลงด้วยความอ่อนเพลียและอาการป่วยที่กัดกินร่างกาย
ผิวกายของเธอซีดเซียวราวกับแวมไพร์ไร้เลือด แต่แก้มของเธอแดงปลั่งบ่งบอกได้เลยว่าอุณหภูมิร่างกายคงทั้งร้อนจากอาการป่วยและเย็นจากการแช่น้ำ ซ้ำยังต้องนอนอยู่บนพื้นเย็นๆ ตลอดทั้งคืนจนตอนนี้บ่ายคล้อยไปแล้ว
“.....” เป็นอีกครั้งที่คุณาภัทรยืนปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง
แม้เขาจะเด็ดขาดและดุดัน แต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเลือดเย็นกับผู้หญิงมากเท่านี้มาก่อน
ข้าวหอมเป็นคนแรก
“ฉันอยากให้เธอตาย!” แต่เขาอยากให้เธอทรมานมากกว่า
หากเธอตายแล้วฟื้นขึ้นมาตายใหม่ได้ เขาจะทำมันซ้ำๆ ตั้งแต่วินาทีแรก
แต่เพราะทำไม่ได้เลยได้แต่กัดฟันฝืนทนเฝ้ารอเวลาที่เหมาะกว่านี้ ให้เธอลิ้มรสชาติขมแปล้เหมือนเขาจนกลืนไม่ลง กระอักออกมาปางตายจากความเจ็บปวด
ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทนได้นานแค่ไหน ทุกวินาทีที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้มือภาพที่คนรักถูกผลักเข้าสู่ความตายก็ผุดขึ้น ความเจ็บปวดทรมานที่คนรักได้รับสะท้อนให้เสียดแทง อยากทำให้เธอทรมานกว่านั้นเป็นร้อยพันเท่า อยากให้เธอตายเดี๋ยวนี้แทบใจจะขาด
แต่มันไม่เพียงพอ ไม่สาสม เลยต้องฝืนกลั้นต่อไปเรื่อย
เขาสัญญา ว่าความตายของของขวัญเธอจะต้องชดใช้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
