ตอนที่3 กำจัด
“เอาตัวเด็กนี่ไป!” คำสั่งเด็ดขาดของ ครูซ หรือ คุณาภัทร จบลงลูกน้องคนสนิทของเขาก็ก้าวเข้ามาตรงไปยังสองแม่ลูกทันที
“อย่า อย่ายุ่งกับลูกของฉัน!” ข้าวหอมพยายามกอดลูกชายไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างพยายามปัดตีอีกฝ่ายให้ผละออกไป
แต่เรี่ยวแรงผู้หญิงซ้ำยังมีเด็กในอ้อมกอดจะเอาชนะใครได้
สุดท้ายลูกของเธอก็ตกอยู่ในมือของเรย์ที่ก้าวถอยออกไปหลังเจ้านาย พร้อมกับเด็กน้อยที่ร้องดิ้นอย่างไม่ชอบใจที่ถูกคนแปลกหน้าอุ้ม
ข้าวหอมลุกขึ้นพุ่งไปหาลูกชายอย่างไม่คิดรักตัวกลัวตาย แต่กลับถูกฝ่ามือใหญ่ของคุณาภัทรผลักอย่างแรงจนล้มลงไปด้านหลังคืน
“เอามันออกไป รอฉันไปจัดการ” คุณาภัทรสั่งเรย์ขึ้นโดยที่สายตาจับจ้องไปยังคนบนพื้น
“ครับ”
“อย่าทำอะไรลูกฉันเลยนะ ขอร้องๆ คุณจะฆ่าฉันก็ได้ แต่ปล่อยลูกฉันไปเถอะนะ” เธอรีบคลานเข่าไปเกาะขาแกร่งไว้ ยกมือไหว้อย่างอ้อนวอนหวังให้เขาเห็นแก่เด็กตาดำๆ
“เพราะเด็กนี่ มันเลยทำให้เธอไม่เห็นค่าของชีวิตใคร...”
“งั้นก็กำจัดมันทิ้งซะ คราวหลังจะได้ไม่เห็นแก่ตัวจนทำให้คนอื่นตายแบบนี้อีก!” น้ำเสียงเยือกเย็นไร้ความเห็นใจดังขึ้น
“ได้โปรด ฉันยอมทุกอย่างเลย จะฆ่าหรือทำร้ายฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าทำอะไรลูกฉันเลย ฮือ!” น้ำหูน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวจับใจ เป็นห่วงลูกยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง พยายามรั้งขาเขาไว้อย่างคนพ่ายแพ้ ยกมือไหว้อย่างไร้อาย อ้อนวอนขอชีวิตลูกชายแลกกับตัวเอง
อย่างน้อยก็ขอให้ลูกได้เติบโต แม้จะในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ลูกรอดปลอดภัยก็พอ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฮืออ...ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้” เธอยังคงเกาะขากางเกงเขาไว้แน่นส่ายหัวอธิบายให้เขารับรู้ถึงสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้น
วันนั้นที่เธอพาลูกน้อยไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า ตั้งใจจะไปซื้อของเข้าบ้านด้วย แต่ก็เลือกจะนั่งเล่นลานกว้างของห้างสรรพสินค้าอย่างไม่ได้รีบร้อนในวันหยุด
ลูกของเธอหลับอยู่ในรถเข็นเด็กข้างเก้าอี้ เธอลุกไปซื้อน้ำที่รถฟู้ดทรัคห่างไม่กี่ก้าวจากรถเข็นลูก
แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะโหวกเหวกดังขึ้นดูวุ่นวาย ผู้คนก็เริ่มมึนงงสับสน กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คนเมายา!”
สัญชาติญาณแรกของเธอคือวิ่งไปหาลูกอย่างไม่คิดอะไร แต่ใครจะไปรู้ว่าผู้ร้ายมันจะอยู่ใกล้ตัวเกินกว่าที่คิด คนที่สติคลุ้มคลั่งตอนนั้นวิ่งมาทางพวกเธอพอดี ไหนจะคนวิ่งวุ่นสวนเธอไป ด้วยความรักและห่วงลูกทำให้เธอพุ่งชนทุกอย่าง ผลักสิ่งกีดขวางจนไม่ได้ลืมหูลืมตามองสิ่งอื่นใดนอกจากลูก
และมันก็คือความผิดที่เธอพลาดไปผลักผู้หญิงคนหนึ่งเข้าพอดี
โชคร้ายที่แรงผลักไม่ได้ตั้งใจนั้นของเธอเหมือนผลักผู้หญิงคนนั้นเข้าไปใกล้คนคลุ้มคลั่งรายนั้น ด้วยความตกใจของคนเมายาไร้สติปัญญา จับล็อคแล้วใช้มีดปาดเข้าที่ลำคอระหงนั่นอย่างที่ไม่คิดอะไร
เธอตกใจ แต่ด้วยสติตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ได้มากกว่าการพาลูกออกให้พ้นพื้นที่อันตราย ได้แต่เข็นรถวิ่งไปอีกทาง อย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายผลักผู้หญิงคนนั้นสู่ความตาย
กระทั่งกลับถึงบ้านและสติเริ่มกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตลงไป
หลังเกิดเรื่องเธอหลับไม่ลง หวาดผวา กลัว และรู้สึกผิดกัดกินใจหลายวัน เหมือนตราบาปในชีวิตของเธอ
แต่ความรู้สึกผิดทั้งหมดกลับไม่ให้เธอต้องสำนึกนาน เมื่อชีวิตกลับพบกับเรื่องวุ่นวานและน่ากลัว ก่อนจะลงเอยด้วยคนรักของเธอคนนั้น มาทวงความยุติธรรมให้กับคนรักอย่างตอนนี้
“ฉันขอร้อง ฆ่าฉันก็ได้ ฆ่าฉันเลย แต่ปล่อยลูกฉันไปเถอะนะ” ยังคงคุกเข่ายกมือไหว้อ้อนวอนขอเขาอย่างหวาดกลัว
ได้แต่ภาวนาว่าเขาจะไม่ใจดำเอาความโกรธแค้นทั้งหมดไปลงกับเด็กน้อยตาดำๆ คนหนึ่ง
“เธอไม่ต้องกลัว เพราะฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ อยู่แล้ว!” คุณาภัทรหยอบตัวลงนั่งทับส้นเสมออีกฝ่าย ยื่นมือไปบีบลำคอระหงอย่างแรงแล้วบอกให้เธอรับรู้
เขาอยากฆ่าเธอให้ตายตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด อยากปลิดชีพของเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ตัวมา
แต่มันไม่พอ เขาสามารถฆ่าเธอได้ในพริบตา ปลิดลมหายใจของเธอได้ไม่ถึงห้านาที
แล้วหลังจากนั้นล่ะ เขาจะจมอยู่กับความเจ็บปวดและความแค้นเพียงลำพัง
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขายังไม่ได้รีบลงมือทำอะไร ใช้ความผิดที่เธอไม่ได้ก่อในบริษัทมาทำให้เธอกลายเป็นผู้ร้ายทุจริต ใช้การข่มขู่ทำให้เธอหวาดกลัวจมอยู่กับความหวาดผวามาทุกค่ำคืน
และจับตัวเธอมาในที่สุด เก็บเธอไว้ให้หายใจ ทรมานเธอให้ตายทั้งเป็นทีละนิด ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะร้องหาความตายจากเขา
“แต่ก่อนเธอจะตาย ฉันต้องให้เธอได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวด และการสูญเสียก่อนสิ”
“.....” ร่างบางส่ายหัวทั้งน้ำตา คำว่าการสูญเสียเดียวที่เธอกลัวคือลูกชาย
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่จัดการไอ้เด็กนั่นในคราวเดียวหรอก...”
“เพราะแม่มันจะไม่ได้กระอักเลือดตายให้ฉันสาแก่ใจยังไงล่ะ!”
