ตอนที่ 3
มีนนภัสรู้สึกตัวว่าถูกเขาจ้องก็พยายามจะทำหน้าเฉยเข้าไว้ แม้ในความรู้สึกจริงๆ จะยังรู้สึกขายหน้าที่เผลอไปมองเขาเพลิน จนเขารู้สึกตัวและหันกลับมามองจ้องตอบเอาบ้าง
แต่ชั่วขณะที่ต่างฝ่ายต่างยังคงมองกันราวประเมินอีกฝ่ายอยู่นั้น มีนนภัสก็เกิดจะนึกถึงใครคนหนึ่งที่เธอเองเคยได้ยินเฉพาะกิติศัพท์ของเขาเท่านั้น
ใครคนหนึ่งที่ว่านี้คือนายบ้านพญาลือ
ก่อนที่เธอจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปอยู่กับญาติข้างฝ่ายมารดาที่เป็นชาวกรุงตามประสงค์ของพี่ชาย มีนนภัสได้ข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของคนในพญาลือเป็นครั้งสุดท้าย
นั่นก็คือการสูญเสียนายบ้านวัยห้าสิบห้ที่ป่วยเป็นไข้ป่าอย่างกะทันหัน
มีนนภัสไม่เคยเห็นหน้านายบ้านของพญาลือ แต่เท่าที่รับทราบจากพ่อที่จากเธอกับพี่ชายไปตั้งแต่มีนนภัสอายุได้แปดขวบไม่เต็มดี พอจะทำให้เธอนึกภาพชายสูงวัยนั้นได้ไม่ยาก
ภาพที่เธอวาดไว้ในใจเป็นภาพของชายสูงวัยร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม มีความโหดร้ายในนิสัยส่วนตัวจนลูกบ้านกลัวกันหงอ
ชายหนุ่มที่กำลังจ้องตอบเธออยู่นี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้มีนนภัสหวนนึกไปถึงนายบ้านพญาลือที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่เขายังทำให้เธอนึกไปถึงนายบ้านคนปัจจุบันของพญาลือที่นัยว่ายังหนุ่มแน่น
แต่ทำไมล่ะ ทำไมเธอจะต้องไปนึกถึงศัตรู เพียงสะดุดตาผู้ชายคนหนึ่ง?
ก่อนที่มีนนภัสจะค้นหาคำตอบ หรือแสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทางสีหน้า รถสองแถวที่เธอจะต้องโดยสารเพื่อไปให้ถึงบ้านชมพู เพื่อต่อรถเข้าบ้านสระหยกอีกทีก่อนมืด ก็วิ่งเข้ามาบีบแตรเรียกผู้โดยสารที่จะเดินทางไปด้วยเสียงดังสนั่น
มีนนภัสหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าไม่หนักมากมายอะไร เดินไปขึ้นรถที่มีคนนั่งอยู่เกือบเต็มทั้งซ้ายขวาของเบาะยาวทอดไปตามความยาวของรถ
เธอไม่มองผู้ชายตัวสูงนั้นอีก เกรนงว่าเขาจะคิดว่าเธอสนใจเขาเป็นพิเศษ แม้ความจริงเธอจะสนใจเขาจริงๆ ก็ตาม
เกิดมาเป็นลูกผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างน้องสาวผู้ใหญ่บ้านสระหยก จำเป็นต้องระวังกิริยาอาการมากกว่าหญิงอื่นสักหน่อย
มีนนภัสได้ที่นั่งท้ายสุดของเบาะ นับว่าดีมากแล้วที่ไม่ต้องยืนโหนอย่างชายวัยกลางคนสองสามคนด้านท้าย
รถสองแถวเล็กเคลื่อนออกจากที่จอดช้าๆ โดยยังบีบแตรเรียกผู้โดยสารที่อาจจะยังตกค้างไปด้วย
มีนนภัสรอให้รถโดยสารสองแถวสีฟ้าคันใหญ่ วิ่งห่างจากสถานีที่เริ่มเคลื่อนห่างออกไปเรื่อยๆ สักพัก จึงหันกลับไปมองด้วยความรู้สึกประหลาด
ช่างแปลกนักที่เธอรู้สึกใจหาย เมื่อเริ่มมองเห็นร่างสูงกำยำเหลือเพียงจุดดำเล็กๆ ตามระยะทางที่รถวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
เธอนึกอยากเห็นดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นดำนั้นสักแวบ แต่เธอก็รู้ว่าคงจะไม่มีโอกาส
รถยนต์คันเก่าแต่เครื่องยนต์ยังคงทำงานได้ดี เพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อจะได้ไปถึงปลายทางก่อนค่ำมืด
แต่ถึงรถจะวิ่งเร็วเท่าที่จะวิ่งได้ มีนนภัสก็ถึงจุดหมายที่มิใช่ปลายทางที่เธอจะต้องไปให้ถึงค่ำอยู่ดี
หญิงสาวก้าวลงจากรถ รีบเดินไปจ่ายค่าโดยสารกับคนขับ ก่อนกลับมายืนแคว้งอยู่ข้างรถที่ยังจอดอยู่
“จะไปไหนหรือคุณ”
ชายวัยห้าสิบเศษคนหนึ่งเข้ามาถามมีนนภัสอย่างสงสัยใคร่รู้ คงเป็นเพราะเห็นเธอเป็นคนแปลกถิ่นที่เดินทางผ่านมามืดค่ำ
“ไปสระหยกค่ะ พอจะมีรถเข้าไปบ้างมั้ยคะ”
“โฮ๊ย! คงไม่มีแล้วล่ะคุณ เย็นๆ อย่างนี้ไม่มีใครเขาเข้าออกสระหยกกันแล้ว ว่าแต่จะไปทำไมที่นั่น ไม่รู้หรือว่าสระหยกเวลานี้กำลัง... เอ๊ะ! นี่คุณปลาใช่มั้ยครับ? คุณปลาจริงๆ ด้วย! ผมนายมากไงครับ ที่เคยไปทำงานให้ผู้ใหญ่กดพ่อของคุณอยู่หลายปี พอจะจำได้มั้ยครับ?”
มีนนภัสมองชายสูงวัยอย่างพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่ ก็อุทานออกมาด้วยความยินดี
“ลุงมาก? ใช่จริงๆ แหละ ตายจริงฉันจำลุงไม่ได้เลยนะเนี่ย”
มีนนภัสดีใจที่ได้พบกับคนรู้จัก
