
เชลยรัก (โรมานซ์18 )
บทย่อ
มือร้อนผ่าวลากผ่านความเป็นอิสตรีอย่างยิ่งไปอย่างจงใจ หญิงสาวแทบไม่รู้ว่าตนได้กลั้นลมหายใจเอาไว้กระทั่งค่อนผ่อนคลายออก แต่แล้วก็ครางหวิวออกมากับการจู่โจมเนินคู่ด้วยริมฝีปาก ลมหายใจรนร้อนรินรดอกอวบผลิพุ่ง ปลายปทุมถันสีระเรื่อสั่นระริกไหว รอสัมผัสถูกครอบงำดูดดึงจนพอใจใบหน้าคร้ามคมจึงขยับย้ายตำแหน่งต่ำลง ๆ ในที่สุดเนินอูมที่ถูกเพิกเฉยก็ได้รับความสนใจ และออกจะมากไปด้วยซ้ำจนกายขาวผ่องอวบอิ่มแทบจะบิดเกลียวทันที่กลีบบุปผาถูกแยกแยกแย้มแล้วปลายลิ้นก็ฉกหมับที่ติ่งตูมสีระเรื่อ สะโพกหนั่นแน่นแอ่นผวาหาราวจะวอนขออะไรที่มากกว่าการขยับลิ้นช่ำชอง มือเรียวกำลังกำผ้าปูที่นอนเป็นจังหวะตามจังหวะรุกเร้า ยกขึ้นอย่างเผลอๆ ก่อนกดทับ และสอดเรียวนิ้วกับกลุ่มหยักศกดกหนา “หยะ...หยุด...หยุดเถอะ พอแล้ว!” ชายหนุ่มได้ยินเสียงวิงวอนสั่นสะท้าน แต่ไม่คิดทำตาม เขายังสำรวจ ลิ้มรสความหวานหวามใจกระทั่งร่างอิ่มอรชรเกร็งค้างก่อนอ่อนยวบ
ตอนที่ 1
มีนนภัสออกจะเสี่ยงอยู่บ้างที่ขัดคำสั่งพี่ชายในครั้งนี้ แต่เธอคิดถึงบ้านนี่นา
คิดถึงบ้าน คิดถึงชาวบ้านที่เป็นลูกบ้านของพี่ชายทุกๆ คน
ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านที่พี่ชายของเธอได้รับอยู่เวลานี้ เกือบจะเรียกได้เป็นมรดกตกทอดจากความไว้วางใจของชาวบ้านสระหยก
ก่อนจะตกถึงพี่ชายของเธอ ตำแหน่งนี้ก็เป็นของบิดา และก่อนหน้านั้นก็เป็นของปู่ เลยออกไปอีกปู่ทวดของเธอคือนายจ่าบ้าน
ถึงปัจจุบันนับแล้วได้สี่ช่วงอายุคน ทว่าครอบครัววัชรหิรัญก็ยังได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านสระหยก หมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ไกลตัวจังหวัดเกือบร้อยยี่สิบกิโลเมตร ติดกับหมู่บ้านชายแดนของอีกจังหวัดหนึ่ง
ความที่อยู่ห่างไกลศูนย์กลางการปกครองนี้เอง ทำให้อำนาจการดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านเกือบจะเป็นสิทธิ์ขาดของผู้ใหญ่บ้านที่ชาวบ้านเลือกให้เป็นผู้นำของพวกเขา
ถึงแม้ปีพุทธศักราชนี้ สัญญาณโทรศัพท์มือถือครอบคลุมเกือบจะทุกพื้นที่ แต่การดำรงชีวิตของชาวบ้านสระหยกและหมู่บ้านใกล้เคียงยังคงความเป็นเอกลักษณ์แต่ดั้งเดิม แทบจะไม่มีสิ่งใดผิดแผกไปจากเมื่อหลายสิบปีก่อน
ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงพอใจกับอาชีพดั้งเดิมด้วยการทำเกษตรกรรมทั้งปลูกพืช และเลี้ยงสัตว์
มันเกือบจะเป็นเสน่ห์ของผู้คนแถบนี้ ที่แม้แต่คนรุ่นใหม่ได้รับการศึกษามากขึ้นกว่าแต่ก่อนยังพึงพอใจที่จะใช้ชีวิตในถิ่นฐานบ้านเกิดมากกว่าจะเข้าไปหางานทำตามเมืองใหญ่ๆ หรือในเมืองหลวงอย่างเทพฯ
จึงไม่แปลกสักนิดหากจะมีผู้ใหญ่บ้าน กำนัลในหลายหมู่บ้าน และบางตำบล เป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย รวมถึงชายหนุ่มที่ชาวบ้านพากันเรียก ‘ผู้ใหญ่กร’ ผู้ซึ่งมีนามเต็ม กรกฎ วัชรหิรัญ หรือ ‘ปู’ ชื่อที่เรียกกันเฉพาะคนในครอบครัว ซึ่งเวลานี้เหลือเพียงคนเดียวที่ยังเรียกอยู่ น้องสาวคนเดียวในโลกของเขานั่นเอง
ชื่อ ‘ปู’ ของกรกฎหรือ ‘ผู้ใหญ่กร’ มีที่มาจากความหมายชื่อจริง กรกฎหมายถึงปู เช่นเดียวกับน้องสาว เพราะ ‘มีน’ หมายถึงปลา
ขณะมีนนภัสไม่เคยมีปัญหาเรื่องชื่อเล่น หรือนิคเนม พี่ชายของเธอกลับมีปัญหาอย่างมาก เนื่องจากเจ้าตัวรู้สึกว่าชื่อ ‘ปู’ ที่พ่อแม่เรียกแต่อ้อนแต่ออก ฟังเหยาะแหยะ น่าจะเป็นชื่อผู้หญิงมากกว่าชื่อผู้ชาย แม้จะมีนักร้องดังชื่อเล่นเดียวกับเขามากกว่าหนึ่งคน แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกดั้งเดิมนี้ลงได้
ด้วยเหตุนี้ขณะจากบ้านไปศึกษาต่อ กระทั่งเรียนจบได้รับปริญญาด้านสัตวบาลกลับมา เป็นช่วงบิดาเสียชีวิตลงพอดี ขณะมารดาจากไปก่อนหน้านั้นหลายปี ‘ปู’จึงกลายเป็น ‘กร’ ใครเรียกชื่อเล่นดั้งเดิมเขาจะไม่หัน กระทั่งในที่สุดผู้คนที่รู้จักก็เริ่มคุ้นชินกับชื่อ‘กร’ และค่อยๆ ลืมเลือนชื่อ ‘ปู’ มีเพียงคนเดียวที่ยังมั่นคงต่อชื่อเล่นเดิมของเขา และเจ้าของชื่อก็ยอมให้คนๆ นี้เพียงคนเดียวเท่านั้นมีสิทธิ์เรียกได้
ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องสาวคนเดียวของเขานั้นเอง
มีนนภัสไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่พี่ชายมีให้ เธอรู้และซึ้งแก่ใจในความรักความห่วงใยอาทรของพี่ชาย
เป็นเรื่องออกจะน่าเศร้าที่มีนนภัสต้องกำพร้ามารดาตั้งแต่ยังเด็กมากๆ
กรกฎในวัยสิบเจ็ดน้ำตานองหน้าขณะมองภาพน้องสาวตัวน้อยวัยสองขวบที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก้มกราบศพมารดาด้วยมือป้อมๆ ตามคำบอกของคนเป็นพ่อ
การสูญเสียในครั้งนั้น ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ครั้งแรกของสองพี่น้อง และต่อมาอีกแปดปีให้หลัง การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ครั้งที่สองก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ในวัยยี่สิบห้า กรกฎต้องรับหน้าที่ผู้ปกครองน้องสาวอายุสิบขวบ นั่นทำให้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อน้องสาวเป็นไปในลักษณะกึ่งพี่กึ่งพ่อ แต่มีนนภัสกลับไม่ค่อยเข้าใจพี่ชายวัยมากกว่าถึงสิบห้าปีสักเท่าไหร่นัก
กรกฎมีการศึกษาที่เรียกว่าดีกว่าชาวบ้านทุกคน เพราะร่ำเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีความรู้ความสามารถ แต่กลับเต็มใจมาจมปลักอยู่บ้านนอกที่น่าจะเรียกว่าบ้านป่าขาดอน ผู้คนยังคงลักษณะความเป็นอยู่ ตลอดจนค่านิยมและขนบธรรมเนียมประเพณีไม่ต่างจากเมื่อหลายสิบปีก่อน
อยากกลับมาใช้ชีวิตในบ้านเกิดด้วยความเต็มอกเต็มใจ ยังไม่ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่มีนนภัสไม่เข้าใจพี่ชาย
เรื่องที่กรกฎยังทำตัวเป็นศัตรูกับคนพญาลือ ราวกับจะรักษาธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาแต่สมัยปู่ย่าตาทวดของทั้งสองฝ่ายนั้นต่างหากที่เธอไม่เข้าใจ
