บท
ตั้งค่า

บทที่3 พี่เหยียน

ฮ่องเต้ไท่เสียนใช้เวลากับองค์หญิงใหญ่อีกเล็กน้อยและออกจากตำหนักไปเมื่อถึงเวลาประชุมเช้า พระองค์ยังต้องไปจัดการกับฎีกาอีกหลายฉบับ ไหนจะขุนนางพูดมากนั่นอีก เกิดเป็นโอรสสวรรค์นี่ช่างยากเย็นยิ่ง จะใช้เวลากับบุตรสาวทั้งวันก็มิได้

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เสียงฉะฉานทว่ายังมิเข็มแข็งหนักแน่นอย่างบุรุษโตเต็มวัยดังขึ้นหลังจากที่โอรสสวรรค์ออกมานอกตำหนักขององค์หญิงได้ไม่ไกล สายตาคู่คมกริบทอดมองเจ้าหนูน้อยที่สูงกว่าเจ้าก้อนแป้งของตนไม่มากที่คุกเข่าทำความเคารพก่อนจะส่งสัญญาณให้ลุกขึ้น

“มาหาเจ้าก้อนแป้งสินะ”

“พะย่ะค่ะ” เด็กชายวัยแปดหนาวตอบรับอย่างไม่หลบตา โอรสสวรรค์จ้องมองท่าทีนั้นพลางพยักหน้าอย่างพอพระทัย แม้จะเป็นเพียงเด็กแต่กลับมิได้มีท่าทีเกรงกลัวต่อสิ่งใด ซ้ำท่าทียังองอาจและฉายแววเก่งกล้ามิใช่น้อย บิดาเป็นเช่นไรบุตรก็เป็นเช่นนั้น…ไม่เสียแรงที่เขาให้มาเป็นเพื่อนเล่นอยู่ข้างกายเจ้าก้อนแป้ง

“เจ้าก้อนแป้งเพิ่งหายไข้ ระวังอย่าให้นางต้องลมนาน ๆ ด้วยเล่า”

“กระหม่อมจะระวังพะย่ะค่ะ” ฟู่จื่อเหยียน บุตรชายของฟู่เสวียนหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรผู้ได้รับหน้าที่คอยเป็นเพื่อนเล่นและดูแลองค์หญิงใหญ่ตอบรับเพียงสั้น ๆ ก่อนจะถวายพระพรลาเมื่อบุรุษสูงศักดิ์ในแผ่นดินก้าวจากไป บุรุษใบหน้านิ่งสงบในชุดเครื่องแบบหัวหน้าองครักษ์ก้าวตามไปติด ๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะยื่นมือไปตบไล่ฟู่จื่อเหยียนผู้เป็นบุตรชาย

“อย่าขัดใจองค์หญิงอีกเล่า หากองค์หญิงโกรธจนไม่เล่นกับเจ้าขึ้นมา บิดาก็ช่วยเจ้ามิได้นะ”

“ท่านพ่อวางใจเถิดขอรับ ลูกจะไม่ขัดใจองค์หญิงอย่างแน่นอน”

“เข้าไปเถิด องค์หญิงเองก็คงรอพี่เหยียนอยู่”

“ขอรับ” ทั้งที่บิดาเป็นผู้เอ่ยปากให้เข้าไป ทว่าฟู่จื่อเหยียนก็ยังคงเป็นฝ่ายโค้งหัวส่งผู้เป็นพ่อก่อนจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาขันทีประจำตำหนักเพื่อให้รายงานการมาถึง ดั่งที่เคยทำเป็นประจำ

เพราะบิดาคือองครักษ์คนสนิทตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งรัชทายาท ฮ่องเต้ไท่เสียนจึงให้ความเชื่อใจให้เขามาเล่นกับองค์หญิงพระองค์แรกที่ทรงรักมากกว่าผู้ใดตั้งแต่เล็ก ฟู่จื่อเหยียนจึงคุ้นชินกับตำหนักองค์หญิงเป็นอย่างดี ทันทีที่จวิ้นกงกงขันทีประจำตำหนักได้เห็นคุณชายตระกูลฟู่ก็รีบเข้าไปรายงานด้านในตำหนักในทันทีโดยไม่ต้องสอบถามกันให้มากความ

องค์หญิงของพวกเขาสูญเสียพระมารดาไปไว ผู้ที่นางไว้ใจจึงมีเพียงไม่กี่คน และ ‘พี่เหยียน’ หรือก็คือฟู่จื่อเหยียนก็คือผู้หนึ่งที่นางไว้ใจมากถึงมากที่สุด

องค์หญิงค่อนข้างติดคุณชายจวนหัวหน้าองครักษ์ผู้นี้เป็นอย่างมาก หากองค์หญิงได้ทราบว่า ‘พี่เหยียน’ มาแล้ว จะต้องดีพระทัยจนทุเลาไข้เป็นแน่

ด้านผู้ที่จวิ้นกงกงคิดว่าจะดีพระทัยกลับนั่งร้อยเรียงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นด้วยความเคร่งเครียด มิใช่เพราะจดจำมิได้ แต่เป็นเพราะเหตุที่จะเกิดขึ้นนั้นนางมิรู้ว่าจะต้องเริ่มจากเรื่องใดก่อนดี...มันมีหลากหลายเรื่องเสียเหลือเกิน

“กราบทูลองค์หญิง คุณชายฟู่มาเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”

“คุณชายฟู่...พี่เหยียน?” ราวกับคำรายงานของขันทีประจำตำหนักเป็นดั่งคำตอบฟ้าประทาน เฉินอันหนิงคิดได้ในทันทีว่าเรื่องใดเป็นสิ่งที่นางควรจะคิดอ่านและแก้ไขเป็นเรื่องแรก...เรื่องของผู้มาเข้าเฝ้านี่อย่างไรเล่า

“อยู่ที่ใด พี่เหยียนอยู่ที่ใด ข้าจะไปหาพี่เหยียน”

“เอ่อ ด้านนอกพะ...องค์หญิง ยังมิได้เปลี่ยนฉลองพระองค์เลยนะพะย่ะค่ะ องค์หญิง”

จวิ้นกงกงร้องตามอย่างร้อนใจทว่าองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินมิได้นำพากับเสียงของขันทีผู้ดูแลตำหนัก นางออกแรงวิ่งเต็มแรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กชายในอาภรณ์หรูหราทว่าคล่องตัว เพียงได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาด้วยความรู้สึกคะนึงหา ฟู่จื่อเหยียนที่เป็นสามีในชาติที่แล้วคือคนสารเลวมาสวมรอย หากแต่ฟู่จื่อเหยียนที่อยู่ตรงหน้านางนี้คือฟู่จื่อเหยียนตัวจริง

คนผู้นี้คือพี่เหยียนของนาง...

องค์หญิงน้อยพุ่งเข้าไปกอดฟู่จื่อเหยียนในทันทีด้วยความดีพระทัย ราวกับตอนนี้นางเป็นเด็กเล็กไปแล้วจริง ๆ ที่ยินดีกับการพบเจอกับเพื่อนเล่น

พี่เหยียนคือผู้ที่นางอยากปกป้องไว้ไม่แพ้เสด็จพ่อและพี่น้อง ในชาตินี้นางก็ปรารถนาให้เขาปลอดภัย

“พี่เหยียน หนิงเอ๋อร์คิดถึงท่านเหลือเกิน”

“องค์หญิง...กระหม่อมมิได้มาเข้าเฝ้าเพียงสามวันเท่านั้น ใยคล้ายกระหม่อมมิได้มาเฝ้าเป็นแรมปีเช่นนี้เล่า”

“เพราะ...” อยากจะบอกไปเหลือเกินว่าเพราะมิได้พบกันนานจริง ๆ ทว่าคิดได้เสียก่อนว่าคำพูดไม่น่าเชื่อถือเช่นนั้นคนตรงหน้าก็คงคิดว่านางเพ้อเพราะพิษไข้ไปเท่านั้น องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะตอบออกไปด้วยคำตอบที่สมเหตุสมผลมากที่สุด “เพราะป่วยไข้ครั้งนี้ หนิงเอ๋อร์คล้ายได้ไปยืนตรงหน้ายายเมิ่ง หนิงเอ๋อร์จึงดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง พี่เหยียนไม่ยินดีหรือที่หนิงเอ๋อร์ ไม่เป็นอันใดแล้ว”

“ยินดีสิพะย่ะค่ะ กระหม่อมย่อมยินดีที่องค์หญิงหายประชวรและทรงปลอดภัยดี”

“หนิงเอ๋อร์ก็ยินดีที่พี่เหยียนปลอดภัย” คำพูดนั้นมิใช่นางประจบ แต่นางยินดีจริง ๆ ที่ได้เจอพี่เหยียนของนางอีกครั้ง และยินดีที่เขายังปลอดภัยดี และปรารถนาให้ปลอดภัยตลอดไป

ฟู่จื่อเหยียนมิได้เข้าใจในทิศทางเดียวกัน เขาเข้าใจเพียงว่านางเลียนแบบคำพูดของเขาเท่านั้น นายน้อยสกุลฟู่ที่โตกว่าองค์หญิงเจ้าของตำหนักเพียงไม่เท่าไหร่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้พร้อมกับกล่าวในสิ่งที่เขาควรจะกล่าว “เช่นนั้น...องค์หญิงต้องรีบไปสวมใส่ฉลองพระองค์หนา ๆ แล้วพะย่ะค่ะ จะได้มิป่วยไข้อีก เราจะได้พบเจอกันทุกวันได้อย่างไรเล่า”

“อื้อ หนิงเอ๋อร์จะไปใส่เดี๋ยวนี้” องค์หญิงตัวน้อยตอบรับก่อนจะกลับเข้าไปในตำหนัก ทว่าไม่ลืมที่จะจูงมือของคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่เข้าไปด้วย นางพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเสแสร้งไร้เดียงสาต่อหน้าเขา มิอยากแสดงท่าทีเศร้าใจให้ได้เห็น

พบเจอทุกวัน...หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ย่อมดีน่ะสิ

หากว่านางสามารถมองเห็นทุกการเติบโตไปเป็นบุรุษผู้องอาจของพี่เหยียนได้ก็คงเป็นสิ่งที่ดียิ่ง

แต่โชคชะตาในชาติก่อนช่างเลวร้าย ตระกูลฟู่ใกล้ชิดโอรสสวรรค์มากเกินไป และมีน้ำหนักในพระทัยฮ่องเต้เกินหน้าเกินตาผู้คน ในวังวนการแย่งชิงจึงมีผู้คนไม่น้อยชิงชังและปรารถนาให้ตระกูลฟู่ล่มสลายไป

ชะตากรรมของฟู่จื่อเหยียนจึงต้องบ้านแตกสาแหรกขาด บิดาถูกกล่าวหาเป็นกบฏ มารดาและน้องในครรภ์รวมถึงบ่าวรับใช้ก็ถูกกวาดล้างมิเหลือซาก ตัวเขาเองก็ต้องระหกระเหินออกจากแคว้นไปโดยมิมีผู้ใดรับรู้ว่าเป็นตายร้ายดี ตั้งแต่อายุไม่กี่หนาว...และชะตากรรมนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว

เวลานี้นางจะมีกำลังใดไปหยุดยั้งเรื่องเหล่านั้นเล่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel