บท
ตั้งค่า

บทที่4 ที่แท้ก็...

ฟู่จื่อเหยียนนั่งรอองค์หญิงตัวน้อยเงียบ ๆ โดนมิได้พูดจาใด ๆ โดยนิสัยใจคอแล้วคุณชายตระกูลฟู่นับว่าพูดน้อยและสุขุมกว่าเด็กชายในวัยเดียวกัน การที่คุณชายฟู่นั่งเงียบอยู่จึงมิใช่เรื่องชวนให้ประหลาดใจ ผู้ใดบ้างในตำหนักอันหนิงแห่งนี้มิทราบว่าแม้จะเป็นคุณชายที่สุขุมเช่นนี้หากแต่ยามอยู่ต่อหน้าองค์หญิงกลับอ่อนโยนและห่วงใยองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

“พี่เหยียน”

“อย่าวิ่งสิพะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะทรงหกล้ม” เสียงนั้นอ่อนโยนแต่ก็แฝงความดุเล็กน้อย คล้ายกับยามที่เสด็จพ่อดุนาง องค์หญิงตัวน้อยยิ้มให้พร้อมกับบอกอย่างมั่นใจ

“หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก ไม่อย่างแน่นอน”

“ทรงมั่นใจเกินไป”

“คิกคิก ท่านห่วงเกินไปแล้ว หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก” ไม่ตรัสเปล่า องค์หญิงตัวน้อยยังทรงวิ่งไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างนึกสนุก

“โธ่”

“พี่เหยียนก็มาวิ่งด้วยกันสิ มา” นิ้วเล็ก ๆ เอื้อมมาจับแขนแข็งแรงก่อนจะออกแรงให้เขาวิ่งด้วย คล้ายกับทุก ๆ วัน ราวกับเด็กไร้เดียงสาวที่ในหัวมีเพียงเรื่องการเที่ยวเล่น กินและนอน ฟู่จื่อเหยียนแม้จะห่วงพระวรกายองค์หญิงน้อยทว่าก็มิได้ขัดใจคนเพิ่งหายไข้ ยอมวิ่งเล่นเป็นเพื่อนองค์หญิงโดยไม่อิดออด

องค์หญิงเพิ่งหายไข้ มิควรขัดใจ...มิควร ๆ

ฟู่จื่อเหยียนอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้ดรุณีตัวน้อยแต่สูงศักดิ์เหนือใครจนใกล้ค่ำจึงทูลลากลับ เฉินอันหนิงที่ไร้เดียงสาเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งเงียบไร้ความสดใสทันทีที่ได้อยู่เพียงลำพัง

ชะตากรรมของพี่เหยียน นางจะขัดขวางอย่างไรดี ในเมื่อจนถึงยามนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ในอดีตนางก็อาศัยเฉินซูเหมยช่วยกราบทูลเสด็จพ่อให้พลิกคดีหมายจะล้างมลทินให้ตระกูลฟู่ในยามที่ฮุยอี้ปรากฎตัวในฐานะคุณชายที่เหลืออยู่ของตระกูลฟู่ ทว่าผู้ที่จับได้กลับเป็นเพียงแค่ตัวเล็ก ๆ มิอาจสาวไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงได้ แม้ล้างมลทินได้แต่ก็มิอาจจะจับผู้กระทำผิดจริง ๆ ได้ มิหนำซ้ำคนสารเลวฮุยอี้ยังไม่ต้องการให้สืบต่อ ทำให้คดีปิดลงเพียงแค่นั้น ทุกวันนี้นางจึงมิรู้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง และแผนการทำลายตระกูลฟู่เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร

หากเริ่มไปแล้ว นางจะขัดขวางที่ตรงไหนได้...

หรือจะต้องใช้ความสามารถประหลาดมาช่วย?

ในชาติที่แล้วมีเรื่องหนึ่งที่นางไม่เคยบอกแก่ผู้ใด นั่นก็คือนางมีความฝันประหลาด ในฝันเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัว บางครั้งเป็นเหตุจราจล บางครั้งเป็นการฆ่าฟัน บางครั้งก็เป็นการตายของคนใดคนหนึ่ง และฝันนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่นางฝันสามถึงห้าวัน นั่นคือสาเหตุที่นางช่วยเหลือน้องชายคนที่สามเอาไว้ได้ แต่น่าเสียดายที่กว่านางจะฉลาดนางก็หลงคิดว่าเป็นความฝันเพ้อเจ้ออยู่หลายปี

องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินนึกย้อนอีกครั้งด้วยความเคร่งเครียด...ยามนั้นนางฝันสิ่งใดกัน

แล้วยามนี้นางจะยังฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าเช่นชาติที่แล้วอีกหรือไม่?

คิดเช่นนั้นได้นางก็ไม่รอช้า รีบเข้าที่บรรทมในทันทีโดยไม่พูดไม่จา เล่นมาทั้งวัน คงจะหลับสนิทได้ไวเป็นแน่...ถ้าหลับไปแล้วฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เช่นกาลก่อนก็คงจะดีสินะ

เป็นดั่งที่เฉินอันหนิงคิด เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ทันทีที่หลับตา นางก็หลับสนิทอย่างรวดเร็ว

ยามดึกสงัด ทุกอย่างเงียบสงบ ทหารองครักษ์เดินตรวจตราอย่างเงียบเชียบยามมาใกล้ตำหนักอันหนิง ด้วยเกรงจะทำให้องค์หญิงผู้เป็นดั่งพระหทัยของฮ่องเต้ทรงสะดุ้งตื่น เฉินอันหนิงยังคงหลับสนิท ในห้วงฝันมิคล้ายกับความฝันที่ผ่านมา หญิงสาวในชุดแปลกตาผู้หนึ่งกำลังอ่านตำรารูปทรงประหลาด เสียงคำอ่านดังขึ้นภายในหัวจนองค์หญิงน้อยให้รู้สึกสับสนจนต้องขมวดคิ้ว

“ในที่สุดองค์ชายสามก็ทรงปราบกบฏได้สำเร็จ สองสามีภรรยาสารเลวถูกสำเร็จโทษ กองกำลังจากแคว้นเสิ่น และแคว้นไห่ที่มาช่วยเหลือถอนกำลังกลับหลงเหลือเพียงผู้บัญชาการกองกำลังที่ยังคงรั้งอยู่ตามคำเชื้อเชิญของพระชายาชิงหลั่ว ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ทว่าราชวังกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า องค์ชายสามประคองร่างไร้ลมหายใจขององค์หญิงใหญ่เอาไว้ด้วยหัวใจที่แทบจะแตกสลาย

เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงมีชะตากรรมที่แสนเศร้าเช่นนี้เล่า

เหตุใดเขาจึงช่วยนางเอาไว้ไม่ได้

เพียงชั่วพริบตาบุรุษในอาภรณ์ดำสนิทก็ก้าวเข้ามาอย่างองอาจ บุรุษรูปงามทว่าสีหน้ากลับบ่งบอกถึงความเจ็บปวดก้าวมาหยุดตรงหน้าองค์ชายสามผู้ที่จะกลายเป็นฮ่องเต้แห่งเฉินในไม่ช้าก่อนจะ...”

“นี่คะนิ้ง แกจะอ่านนิยายอีกนานมั้ย ได้เวลาประชุมแล้ว” ไม่ทันทีเสียงอ่านนั้นจะได้อ่านจนจบเสียงของใครอีกคนก็ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวในชุดแปลกตาต้องวางตำราเล่มนั้นไว้บนโต๊ะและลุกเดินตามคนที่มาเรียกไปอย่างหงุดหงิด

“โอ้ย กำลังถึงจุดสำคัญเลยนะ ประชุมอะไรตอนนี้เนี่ย”

เสียงบ่นไล่หลังยังคงดังอยู่ ผู้เดินจากไปยังคงพร่ำไม่ยอมหยุด เฉินอันหนิงเลิกสนใจผู้จากไปและมองไปที่ตำราปึกหนาแทน ตำราที่วางอยู่มีตัวอักษรทรงแปลกประหลาดทว่ากลับอ่านเข้าใจราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดีว่า “บัลลังก์เลือดลิขิตรัก”

ความรู้สึกปวดที่ขมับเกิดขึ้นทันทีที่อ่านจนจบ เฉินอันหนิงสะดุ้งตื่น หอบหายใจจนตัวโยน ก่อนจะสงบจิตสงบใจและพยายามระงับความเจ็บปวด ความทรงจำแปลกประหลาดหลั่งไหลเข้ามาหัวราวกับน้ำป่าที่ไหลหลาก เวลานี้นางตระหนักและเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันทีถึงเรื่องราวทั้งหมด...ที่แท้เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นเพียงนิยายที่นางในภพชาติอื่นอ่านนี่เอง

กล่าวก็คือนางในชาตินั้นเป็นหญิงสาวชาวไทยที่คลั่งไคล้การอ่านนิยายจีนชื่อว่าคะนิ้ง สาวห้าวหัวร้อนง่ายที่ต้องสิ้นชื่อเพราะความห้าวของตัวเองและมาเกิดใหม่เป็นองค์หญิงใหญ่เฉินอันหนิงโดยไม่มีความทรงจำในชาติก่อนติดตัวแม้แต่น้อย ทว่ากลับมีความสามารถในการฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่นางก็ได้ตายและย้อนกลับมาเกิดใหม่เป็นเฉินอันหนิงอีกครั้ง ทว่าในตอนนี้นางได้ความทรงจำในยุคสมัยใหม่กลับมาแล้ว รวมถึงนิสัยใจคอในชาตินั้นด้วย

นางตายแล้ว ตายอีก มาถึงสองครั้ง และมีชีวิตเป็นชาติที่สาม แต่ก็เป็นเพียงแค่ชีวิตในนิยายเช่นนั้นสินะ

ได้รู้เช่นนี้ก็นึกเศร้าเสียแล้ว ทั้งนาง ทั้งพี่เหยียน ทั้งเสด็จพ่อและตัวละครอื่น ๆ ต่างก็เป็นเพียงตัวประกอบที่ส่งเสริมให้เฉินอี้หลงและชายาที่เป็นพระนางของเรื่องได้แสดงศักยภาพเท่านั้น เหตุใดชะตากรรมของนางและพี่เหยียนถึงได้เลวร้ายกว่าพระนางหรือตัวร้ายเล่า

“องค์หญิง ทรงฝันร้ายหรือเพคะ หรือว่าพระวรกายร้อนอีก เหตุใดถึง...”

ต่อว่าโชคชะตาของตนได้ไม่เท่าไหร่นางกำนันที่สังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวก็เข้ามาสอบถามเสียก่อนฉุดให้ต้องพับเรื่องที่คิดเอาไว้และตอบกลับไปให้เป็นธรรมชาติที่สุด

“หนิงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร ออกไปเถิด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel