บทที่ 7
เจ้าบ่าว!
“คืนนี้ถ้าเจ้าบ่าวไม่กินเจ้าสาว เพื่อน ๆ ของฉัน มันก็คงคิดว่า ฉันคือไอ้หน้าโง่” พูดจบ ชายหนุ่มก็พาร่างของเธอกลับที่เตียง แล้วผลักนุชพินตาลงไปนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว
"เธอมันก็แค่ผู้หญิงกระหายเงิน อยากที่จะหาผัวรวย ๆ หวังที่จะรวยทางลัด แต่ฉันจะบอกเอาไว้ก่อนนะ เธอจะได้แค่ตัวของฉันเท่านั้นแหละ ส่วนหัวใจของฉันไม่มีวันยกให้เธอ”
“ใครเขาอยากได้เงินของคุณกันล่ะ” โพล่งปากออกไปอย่างลืมตัว ทั้งที่เธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
"ว้าย" นุชพินตาร้องลั่น เพราะไม่คิดว่าเขาจะถาโถมร่างหนัก ๆ ลงมาทับเธอแบบนี้
“เธอนี่มันกล้าดีกว่าที่ฉันคิดนะ เงินที่คุณพ่อคุณแม่ของฉันให้กับคุณลุงสิงห์ไป ฉันก็ต้องเก็บเอาทั้งต้นทั้งดอกคืนมาจากร่างกายของเธอจนหมด”
เขาไม่พูดเปล่ากับโน้มใบหน้าลงมาใกล้ มือจับสองแขนของเธอขึ้นไปไว้เหนือศีรษะพร้อมกับลงน้ำหนัก สายตาที่เขาจ้องมองมา ไม่มีความเสน่หาในตัวเธอด้วยซ้ำไป ทำให้นุชพินตาถึงกับรู้สึกขลาดกลัว
“เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ
“ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ”
ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา
“แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
“ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน
“ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น”
“แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้”
“หึ” เธอชักตาเขียว มองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เนื้อตัวของนุชพินตาเริ่มสั่นเพราะอารมณ์ที่กรุ่นขึ้นอีกระดับ เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของเขา
“นี่คุณ มันจะเกินไปแล้วนะคะ ปากร้าย ใจร้าย ใจดำ คิดแต่สิ่งที่ไม่ดี หัวสมองของคุณคงจะมีแต่เรื่องแย่ ๆ” ไม่วายจ้องหน้าเขายังเดือดดาล นุชพินตารู้สึกรับไม่ได้กับคำพูดคำจาที่แสนกระด้างและหยาบคายแบบนี้
ปุลวัชรยิ้มออกมาทางมุมปาก ลมหายใจของเขาที่เสียดแทงออกมาจากปลายจมูกมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์จนเธอเบือนหน้าหนี
“รังเกียจหรือไง” ปุลวัชรยังคงหาเรื่องไม่เลิก ใบหน้าแสนหวานนี้ยั่วยวนทำให้เขาอยากหยอกเย้า แต่คำพูดและการกระทำกลับสวนทางกับสิ่งที่คิดในใจ
“นี่แม่คุณ... ตอนนี้มาทำหลบหน้าหลบตา แต่อีกสักพัก ฉันจะทำให้เธอร้องครางแบบไม่เหลือดี”
“คุณเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุดค่ะ” อดที่จะพูดออกมาอีกไม่ได้ เพราะเขาทำให้เธอเกลียดขี้หน้าเขาขึ้นมาเสียแล้ว
หลังจากที่นุชพินตาหลงชื่นชมว่าเขาเป็นคนที่หล่อน่ามอง และสะดุดสายตาตั้งแต่ครั้งแรก แต่พฤติกรรมกับคำพูดของเขานั้นแสนกักขฬะ
นุชพินตาคิดไปถึงไตรเทพ เขาไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกอย่างไตรเทพแทบไม่พูดคำหยาบคายเหมือนกับผู้ชายคนนี้
มือไม้ของเขาที่ไม่อยู่นิ่ง ชายหนุ่มกำลังถืออภิสิทธิ์ครอบงำไปทั่วร่างกายของเธอ ปุลวัชรทำตัวเป็นเจ้าของใช้มือลงน้ำหนักแรง ๆ ไปบนเรือนกายของนุชพินตา เธอพยายามบิดกายส่ายหนีไม่อยากให้เขาแตะต้อง
“ฉันว่าถ้าคุณเป็นคนแบบนี้ คุณอย่าทำมันจะดีกว่าค่ะ ถ้าคุณเกลียดฉันนัก ทำไมจะต้องมีอะไรกับฉันด้วย” หาเหตุผลให้เขาเลิกในสิ่งที่กำลังกระทำ
“หมายความว่ายังไง” เขาถาม ในขณะที่ใบหน้ากำลังคลุกลงไปตรงซอกคอของนุชพินตา การกระทำของเขาทำให้เธอขนลุกเกรียว การกระทำที่หยาบกระด้าง ไม่มีความอ่อนโยน
ปุลวัชรทำเหมือนคนตายอดตายอยากมาจากไหน ปลายจมูกที่ฝังแน่น และดูดเม้มริมฝีปากลงไปบนผิวกายของเธอที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาหนัก ๆ
“คุณก็ได้ยินเต็มสองหูแล้วนี่คะ ว่าที่ฉันพูดนั้นหมายถึงอะไร” นุชพินตาดิ้นแรงกว่าเดิม มือที่หลุดออกมาจากเงื้อมือของเขา ผลักไสดันหน้าอกแกร่งให้ออกห่าง แต่ร่างหนากลับไม่เขยื้อน
“ปากดีนะเธอเนี่ย” เขายกหน้าขึ้นมาจากสิ่งที่กำลังทำ ปุลวัชรส่งปลายนิ้วขึ้นไปจับยึดปลายคางของเธอให้อยู่นิ่ง หญิงสาวพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ก็ต้านแรงมือของเขาไม่ได้
“อยากจะรู้จัง ผู้หญิงปากดีอย่างเธอ รสจูบจะเป็นยังไงบ้างนะ” บีบแรงและลงน้ำหนัก
“อย่าค่ะ” แต่แล้วเสียงที่เอ่ยห้าม ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ ชายหนุ่มประกบริมฝีปากลงไปในทันที พร้อมกับจ้วงแทงปลายลิ้นเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากของเธอ
นุชพินตาถึงกับกลั้นลมหายใจ ออกอาการรังเกียจเดียดฉันท์ สองมือพยายามผลักไสแรงกว่าเดิม แต่ยิ่งต้านขัดขืน เขาก็ยิ่งจูบเธอแรง ๆ มือหนาของเขาไล่จับยึดข้อมือทั้งสองข้างของเธออีกครั้ง แล้วกดลำแขนของเธอลงไปกับที่นอนแบบฝั่งแน่น
“ไม่ได้นะคะ คุณกำลังจะข่มเหงฉัน ฉันไม่ยอม” เธอเอ่ยหลังจากที่ริมฝีปากเป็นอิสระ
