บทที่ 4
ทำไม?
คุณปภินวิทย์กับคุณคำรักเดินมาส่งแขกเหรื่อที่หน้างาน
“เห็นว่าจะกลับสระบุรีเลยหรือคะ” คุณคำรักถามคุณย่า
“ใช่... แปลกที่ก็นอนไม่หลับอยู่เป็นทุนแล้ว นี่คืนนี้ แม่จะต้องนอนคนเดียวอีก ปรกติยะหยาจะนอนกับแม่นะ” แววตาของท่านเป็นห่วงนุชพินตามาก
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูยะหยาไปนะคะ รักสัญญาว่าจะดูแลหนูยะหยาให้เป็นอย่างดีค่ะ”
“ได้ยินแบบนี้ แม่ก็ดีใจ หวังว่าแม่คงเลือกหลานเขยให้กับยะหยาไม่ผิด”
“ไม่ผิดหรอกครับคุณแม่” คุณเกตุสิงห์รั้งตัวของคุณแม่ให้เดินไปข้างหน้า เพราะอาการของคุณสุรัตนายังรีรอ
“สวัสดีครับคุณแม่ พี่สิงห์ครับไว้ผมจะโทรหานะครับ”
“อื้ม”
แขกในงานทยอยกลับ มีเพียงกลุ่มเพื่อนสนิทของปุลวัชรที่ยังคงอยู่ในงานเกือบสิบห้าคน
เสียงหยอกเย้าดังพอสมควร คงกำลังสนุกกับการดื่มกิน
“ลูกออกมาจากเรือนหอแบบนี้ มันจะดีหรือคะ ตอนนี้ปุ่นจะต้องอยู่ในห้องกับเจ้าสาวของเขานะคะ คำโบราณก็พูดเอาไว้แล้วว่า เจ้าบ่าวควรอยู่กับเจ้าสาวทั้งคืน” สีหน้าของผู้เป็นแม่ไม่ค่อยดีนัก คุณคำรักหันไปสบตากับคุณสามี
“คุณรัก คุณจะไปบังคับลูกได้หรือ ปล่อยเจ้าปุ่นไปเถอะ แค่เราบังคับให้มันยอมเข้าพิธีแต่งงานได้ โดยที่มันไม่โวยวาย ก็เป็นบุญหนักหนาแล้ว”
“รักทราบค่ะ”
“ถ้ารักอยากจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามคำทำนายของหมอดูคนนั้นละก็ ก็ต้องยอมให้เจ้าปุ่นทำแบบนี้แหละ”
“หมอดูของรักคนเดียวเสียที่ไหนล่ะคะ ของคุณพี่ด้วย ที่รักทำไปทุกอย่างนั้น ก็เพราะว่ารักหวังดีกับลูกนะคะ”
“ที่รักจ๋า ที่รักทำถูกแล้วล่ะ พี่ก็เห็นด้วย ถ้าเราไม่บังคับเจ้าปุ่นให้แต่งงาน ชาตินี้เราสองคนจะได้อุ้มหลานหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ค่ะ รักขอภาวนานะคะ ให้หนูยะหยามัดใจปุ่นได้”
“ลูกสะใภ้ของเราออกจะสวย ออกจะน่ารัก และได้ฟังจากปากของคุณแม่สุแล้ว พี่คิดว่า เราสองคนไม่น่าจะผิดหวัง”
“รักก็หวังเอาไว้อย่างนั้นค่ะ”
ทั้งสองสามีภรรยามองไปยังกลุ่มของลูกชายที่กำลังสรวลเสเฮฮากันอย่างสนุกสนาน
“มาพวกเรา มาดื่มให้กับคุณปุ่นหน่อย เจ้าบ่าวคนนี้ช่างโชคดีที่สุด เพราะว่าเจ้าสาวทั้งสวยทั้งน่ารัก กูอิจฉามึงจริง ๆ ว่ะปุ่น”
“ใครจะโชคดีเท่ากับไอ้ปุ่น ไม่มีอีกแล้วล่ะ แหม… ไม่รู้ว่าไปคว้าเจ้าสาวสุดสวยคนนี้มาจากไหน ไม่เคยได้ยินข่าวมาก่อนเลย”
“จริง”
“ใช่ ไอ้ปุ่น มึงไปเจอเธอที่ไหนวะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” หลายคนซัก แล้วพากันจ้องอย่างสงสัย
ปุลวัชรไม่รู้จะเล่ายังไง บางเรื่องไอ้พวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ เขาจึงหันไปหยิบแก้วเหล้าที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ
“พวกแกนี่พูดมากจริง ดื่มเหล้าไปเถอะน่า” ปุลวัชรทำสีหน้ายุ่งเหยิง รู้สึกไม่พอใจที่ทุกคนซักไซ้ไล่เลียง เขาจะพูดว่าไปซื้อเจ้าสาวมาก็กระไรอยู่ อีกอย่างจะบอกว่า ตอนนี้เขาเป็นเจ้าบ่าวที่ไม่ได้เต็มอกเต็มใจเลยสักนิดเดียวก็คงจะไม่ได้
ปุลวัชรยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเหมือนกับไม่มีความรู้สึกรับรสใด ๆ ยิ่งมาได้ยินพวกนี้พูดแบบนี้อีก ยิ่งสะกิดความหวงแหนในความโสดของตัวเองขึ้นมา
“นี่ ๆ ระวังนะเว้ยไอ้ปุ่น มึงอย่าเมามากนะ ไม่อย่างนั้นน่ะ มึงจะพลาดมีอะไรกับเจ้าสาวในคืนวันแรกของการเข้าหอ” แล้วหัวเราะเป็นการตบท้าย พาให้เพื่อนที่ได้ยินพากันหัวเราะดังครืน
“มึงแต่งงานสายฟ้าแลบแบบเนี้ย ไม่ใช่ว่า เจ้าสาวของมึงน่ะท้องหรอกนะ”
“ท้องก่อนแต่งหรือวะไอ้ปุ่น”
“โอ้ย… คิดกันได้นะพวกมึง”
“เฮ้ย! แต่มันน่าสงสัยนี่นา ท้องก่อนแต่ง มึงจึงรีบจัดงานขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ไง”
ทุกคนปากไม่มีหูรูด แถมยังพูดมากตามประสาคนที่สนิทสนมกัน ปุลวัชรชนแก้วของเขากับแก้วของเพื่อน ๆ แบบรัว ๆ
“หุบปากเน่า ๆ ของพวกมึงได้แล้ว ยังไงพวกมึงก็ได้กินดื่มฟรี อ้าวชน… ดื่มโว้ย” เสียงแก้วกระทบกันดังก๊องแก๊ง
“ขอให้มึงมีความสุขนะ เจ้าสาวสวย ๆ แบบนี้ คงจะหอมจะหวานไปทั้งตัวเลย” ทำหน้าชวนฝันและมีแววตาอิจฉา
“เสียดายเนอะ พวกเรายังไม่ได้รู้จักมักจี่กับเธอเลย แค่เห็นหน้า ได้สบสายตาหวาน ๆ คู่นั้นแล้ว ก็อยากจะคุยกับเธอ เสียงของเธอจะไพเราะเพราะพริ้งแค่ไหน จะเสียงหวานเหมือนกับเสียงนกการะเวกหรือเปล่า”
“หุบปาก” ปุลวัชรได้แต่ส่ายหน้า เขาชี้ไปที่เพื่อนคนที่พูดมากเพื่อหยุดปาก มึงบอกพวกกูล่วงหน้า กูจะจัดงาน ปาร์ตี้ฉลองความโสดของมึงให้อย่างยิ่งใหญ่ และจะเหมาสาว ๆ สวย ๆ ทรวงอกใหญ่ ๆ หุ่นสะบึ้มมาให้มึงอึ้บเรียงตัวเลย ฮา”
“มึงจะเปย์หรือ” อีกคนเอ่ยถาม
“ใช่นะสิ เสียดายจริง ๆ กูอดได้หิ้วสาว ๆ มาร่วมงานในคืนนี้เลย ไม่อย่างนั้นนะ กูจะพาน้องดีดี้ น้องแพทตี้ น้องวาว่า น้องอั้ม น้องอุ้ม น้องเนย อู้ย! เยอะแยะนับมือยังไม่หมดว่ะ” เอ่ยไล่ชื่อสาว ๆ ไปเรื่อย ๆ
“ใช่ ไอ้ปุ่น มึงทำให้พวกกูพลาดโอกาสดี ๆ เลยนะ”
“งานสละโสดงานแรกในกลุ่มของพวกเรา สรุปไอ้คนที่มันหวงความโสดนักหนา ได้แต่งงานเป็นคนแรกในกลุ่มของพวกเราเลยว่ะ”
“จริงด้วยสินะ ไอ้ปุ่น… ไหนมึงบอกว่าจะไม่แต่งงานไง”
“คนเรามันเปลี่ยนใจกันได้เว้ย” ปุลวัชรยังไม่ยอมพูดความจริง
“จริงหรือเปล่า กูว่านะ พ่อกับแม่ของมึงต้องจ้างมึงแต่งงานในราคาแพงแน่เลย” เพื่อน ๆ รู้ทัน
“แล้วทำไม” เขารู้ว่าไอ้เพื่อนพวกนี้ฉลาดเป็นกรด เพราะมันต้องอ่านเกมออก และรู้ใจปุลวัชร
“ไม่อย่างนั้น คนที่หวงชีวิตโสดอย่างมึง และไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน แถมมึงก็ยังระแวดระวังตัวสุด ๆ ไม่ยอมทำให้ใครท้องด้วย แบบนี้มึงจะแต่งงานไปทำไม ถ้าไม่มีผลประโยชน์ร่วมด้วย จริงไหมวะ”
“กูเห็นด้วย”
