บทที่ 3
ยิ้มเข้าไว้
“เธอมีหน้าที่ต้องยิ้มนะ ขอให้ความร่วมมือด้วย” ปุลวัชรก้มลงมากระซิบ เขาทำตาดุ น้ำเสียงทุ้มเย็น ชายหนุ่มกระชับบีบมือที่เย็นเฉียบของหญิงสาวเอาไว้แน่น
นุชพินตาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าบ่าวของเธออีกครั้งหนึ่ง และได้สบตากับเขาจัง ๆ เธอยอมรับในความหล่อและดูเท่ห์สมาร์ทของปุลวัชร ใบหน้าแบบนี้สินะที่มีแต่คนมาชอบ นุชพินตาคงจะสับสนอลหม่านไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่กระนั้นหัวใจของเธอเต้นตึกตักตอนที่ได้สบตากับปุลวัชร
นุชพินตาถึงกับลอบถอนหายใจอีกหลายหน ในตอนที่หญิงสาวได้เห็นเขาในอินเตอร์เน็ตก็ว่าดูดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ตัวเขายิ่งเปล่งแสงมีออร่าออกมาจนแสบตา หรือว่าจะเป็นชุดสีขาวที่เขาใส่กันนะ
ส่วนปุลวัชรเอง เขาก็มองเธอด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด จนเขาเองก็ยังสงสัยไม่ได้ เพราะว่าหัวใจของเขามันเต้นแรงแปลกกว่าเดิม
ยิ่งในตอนที่พิธีกรสัมภาษณ์ ปรกติเขาคุ้นชินกับการอยู่บนเวทีและท่ามกลางคนเยอะ ๆ อยู่แล้ว แต่วันนี้ประหม่าแปลกไปจนเจ้าตัวสัมผัสได้
ปุลวัชรได้แต่ทำหน้าเคร่งขรึมเข้าไว้ เมื่อตัวเองเริ่มหวั่นไหวกับเจ้าสาวคนนี้ เขามีเหตุผลที่ให้กับตัวเองว่า เธอคนนี้จะต้องอยู่ใต้อาณัติของเขา เธอเป็น ‘ผู้หญิงเห็นแก่เงิน’
ความคิดภายในใจจากการที่ได้รับรู้ว่า นุชพินตาแต่งงานกับเขาเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะปุลวัชรรู้สึกพึงพอใจในตัวเจ้าสาวของตัวเองอยู่ลึก ๆ เขาจึงได้รีบปฏิเสธและบอกกับตัวเองว่า เขาเป็นคนชอบสิ่งของสวยงาม และเจ้าสาวของเขาก็เป็นเพียงสิ่งของชิ้นหนึ่งที่สวยจริง ๆ งานนี้ปุลวัชรไม่น่าจะพลาดที่จะเข้าหอกับเธอในคืนนี้
พิธีการทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ผ่านไปเป็นหลายชั่วโมง นุชพินตานั้นเหมือนหุ่นยนต์ เธอทำทุกอย่างตามการชักจูงของปุลวัชรเธอมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่คุณลุงและคุณย่า และพ่อแม่ของเขากำลังกล่าวคำอวยพรทั้งสองคนอยู่ในห้องหอ
“ย่าขอให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะ ปุ่น… น้องยะหยาเป็นคนที่น่ารัก และเป็นแก้วตาดวงใจของย่า ยังไงขอให้ปุ่นดูแลน้องให้ดีด้วยนะ และย่าคิดว่า น้องจะเป็นศรีภรรยาและเป็นแม่ศรีเรือนให้กับปุ่นได้”
ทั้งบ่าวสาวพากันยกมือ และกราบลงไปที่แทบเท้าของคุณย่า คุณย่าถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ เป็นอีกวันที่คุณย่ารู้สึกยินดีกับหลานสาวของท่านมาก
“ยะหยาจงเชื่อฟังพี่เขานะลูก” ย่าตบท้าย
“ค่ะ” เธอรับปากคุณย่า น้ำตารื้นขึ้นมาคลอหน่วย
หลังจากนั้นทุกคนก็ออกไปจากห้องหอของเธอกับเขา นุชพินตายังนั่งนิ่งเก้กังไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนดี
“ตามสบายนะ พอดีฉันนัดกับเพื่อน ๆ เอาไว้ เพื่อนฉันรอสังสรรค์ต่อกันอีกนิดหน่อย ฉันจะลงไปดื่มกับเพื่อน” ที่จริงเขาควรจะอยู่กับเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
“ค่ะ” รับเสียงเบา ใจสั่นที่ได้อยู่กับเขาสองต่อสอง แต่ตอนนี้เริ่มเบาใจที่เขาจะออกไปข้างนอก
“มีคนยกกระเป๋าของเธอขึ้นมาไว้บนห้องนี้แล้วล่ะ และคงจะจัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็หาดูเอานะ”
“ค่ะ”
ปุลวัชรลุกยืน เขาพร้อมจะออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณปุ่น” นุชพินตาเรียกเขาเอาไว้
“มีอะไรรึ” ชายหนุ่มหันมามองหน้าของเธอ ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย เขาแทบจะไม่ยิ้มให้เธอเลย และไม่เคยมองมาแบบอ่อนโยน
นุชพินตาได้แต่คิด เธอจะต้องทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้จริงหรือ การแต่งงานที่ไม่มีความรักเป็นจุดเริ่มต้น มันจะลงเอยแบบไหน
ปุลวัชรยังจ้องเขม็ง มองร่างที่เล็กกว่าลุกขึ้นยืน
“คือว่ายะหยาอยากจะให้พี่ช่วยรูดซิปด้านหลังให้หน่อยค่ะ” เธอพูดด้วยความเขินอาย แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ เพราะซิปมันดันไปอยู่ข้างหลังเสียนี่
“หันหลังมาสิ เดี๋ยวฉันจะรูดให้” พูดอย่างรีบเร่ง เธอรีบทำตามที่เขาบอกในทันที
ในตอนที่เขารูดซิปให้กับเธอนั้น ปุลวัชรเผลอส่งมือไปแตะที่แผ่นหลังของนุชพินตาแผ่วเบา ผิวที่เนียนขาวสะอาดน่ามองของเธอ เขาสังเกตได้เลยว่าบนผิวหนังเนียนเรียบนั้น ไม่มีแม้แต่แป้งผัดให้ผิวขาวผ่องขึ้น เป็นผิวกายของเธอล้วน ๆ
‘นี่มันผิวของคนจริง ๆ หรือนี่’ เขาอดใจไม่ไหวลูบไล้ฝ่ามืออย่างตั้งใจ
“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานออกมา พลางเบี่ยงตัวหลบ ใจเต้นแรงหนักขึ้น เพียงแค่สัมผัสเดียวจากเขาเป็นคนแปลกหน้าก็ทำให้สั่นไหว แต่ทว่าคนแปลกหน้าคนนี้ คือเจ้าบ่าวของเธอ
“เอ่อ... พี่ปุ่นจะไปดื่มกับเพื่อน ๆ ไม่ใช่หรือคะ” ละล่ำละลักพูดกับเขา สองมือตะปบเกาะอกด้านหน้าไม่ให้ชุดที่สวมใส่หลุดร่วงลงไป
ปุลวัชรพยักหน้าและรีบเดินออกจากห้อง เขาทำเหมือนตัดใจอย่างเสียไม่ได้ ก้าวฉับ ๆ ผ่านบานประตูไปอย่างรวดเร็ว
นุชพินตาที่ออกอาการสั่น หายใจออกมาอย่างโล่ง อก เธอตกใจมากที่เขาแตะแผ่นหลังของเธอเมื่อกี้ แล้วก็ลูบไล้เบา ๆ ด้วย หญิงสาวถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงไปในลำคอ การแต่งงานและได้นอนห้องเดียวกับเขา มันคงไม่ใช่นอนอย่างเดียว แต่มันหมายถึงต้องทำอย่างอื่นด้วย แค่คิดเธอก็หน้าออกสีแดง
เธอเป็นแฟนกับไตรเทพ ไม่เคยแม้กระทั่งจะหอมแก้มกันเลย มีแค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ที่เธอยินยอมให้ไตรเทพจับมือ หญิงสาวอดที่จะคิดถึงเขาไม่ได้
นุชพินตาเดินไปหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง กำลังตัดสินใจว่าจะส่งข้อความไปบอกไตรเทพดีหรือไม่
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าอยู่ดี เธอกลัวว่าเขาจะเสียใจ
‘ขอโทษนะคะพี่ไตร ขอให้ยะหยาทำใจอีกนิดนึงค่ะ ถ้ายะหยาทำใจได้แล้ว ยะหยาจะบอกพี่ค่ะ’ เธอคิดได้แค่นี้ ตอนนี้ในหัวคิดอะไรไม่ออกเลย
แล้วยิ่งคุณย่ากับคุณลุงบอกว่า จะกลับไปที่สระบุรีหลังจากจบงาน ทิ้งให้เธออยู่กับเขานับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นุชพินตาก็ไม่รู้แล้วว่าเธอจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้
ตอนที่อยู่ในงานแต่งงาน แม้สถานที่จัดงานนั้นจะสวยงามอลังการ บริเวณโดยทั่วถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สีขาวทั้งงาน ดูดีและราคาแพงแค่ไหน
แต่มันก็ไม่เข้าตาของนุชพินตาเลย
เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงหน้าที่ที่เธอต้องทำ
