บทที่ 2
ทำหน้าที่ของตัวเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
มีเคาะประตูที่ดังจากข้างนอกรัวขึ้น ทำเอานุชพินตาสะดุ้ง ผู้ช่วยของพี่ชัญญ่ารีบวิ่งออกไปเปิดประตู
ลุงเกตุสิงห์เดินเข้ามาในห้อง
“เสร็จหรือยังจ๊ะเจ้าสาวของลุง” พอท่านเห็นเธอเท่านั้นแหละ ท่านถึงกับอ้าปากกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ท่านตกตะลึงในความสวยของนุชพินตา
“หลานสาวของลุงสวยมาก จากเด็กกะโปโลมาเป็นเจ้าสาวแสนสวยแบบนี้” ท่าทางของลุงแสนภาคภูมิใจ
“ขอบคุณค่ะคุณลุง” ยิ้มให้ท่านอ่อนหวาน
“ลุงขอบใจหนูนะ ที่หนูได้ทำหน้าที่ลูกสาวของลุงในวันนี้ ลุงอยากจะบอกกับหนูเหลือเกินว่า หนูเป็นเจ้าสาวที่โชคดีที่สุดแล้ว ลุงเชื่อว่าหนูจะมีชีวิตที่มีความสุขในการแต่งงานกับพี่ปุ่น” คุณลุงยิ้มแย้ม ท่านกับคุณย่าได้แต่พร่ำพูดว่า วันนี้ท่านทั้งสองจะได้ส่งเธอให้เป็นฝั่งเป็นฝา
“ไปลูก ไป” ท่านเอ่ยชวน แล้วทำแขนให้เธอคล้อง
เจ้าสาวแสนสวยหัวใจเต้นเร็ว ‘นี่มันถึงเวลาแล้วเหรอ’ เธอคล้องมือไปกับแขนของคุณลุง แล้วพากันก้าวเดินออกไป
สองลุงหลานพากันเดินลงมาจากบันไดวนของคฤหาสน์หลังนี้ ทุกสายตาจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน เสียงอื้ออึงของผู้คนและแขกเหรื่อที่อยู่ในงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอสวยจริง ๆ
แม้กระทั่งปุลวัชรเมื่อเขาได้ยินเสียงฮือฮา ชายหนุ่มก็รีบหันไปมองตามเสียง และเขาก็ต้องตกตะลึงกับว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง ‘โอ้ เธอเป็นเจ้าสาวที่สวยจริง ๆ’ ปุลวัชรมองเธอด้วยดวงตาที่แปลกไป ทั้งที่แรก ๆ ในหัวใจของเขามีแต่คำคัดค้าน เขาค้านหัวชนฝาว่าไม่ยอม แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ค้านคำของคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ จึงต้องยอมทำตามทั้งสองท่าน
“ไปสิ ไปรับเจ้าสาวของแก” คุณพ่อเอ่ยขึ้น
“หนูยะหยาสวยจริง ๆ นะคะ สวยจริง ๆ” คุณคำรัก แม่ของเขาถึงกับเอ่ยปากชมออกมาไม่ขาด
ทั้งสามพ่อแม่ลูกเดินมาเข้าไปหาคุณเกตุสิงห์
คุณย่าสุรัตนาก็ลุกขึ้นมาเช่นเดียวกัน
แสงแฟลช เสียงกดชัตเตอร์ดังรัว ๆ ต่างรุมกันถ่ายภาพที่ประทับใจ
ปุลวัชรนักธุรกิจหนุ่มเจ้าที่ผันตัวเองมาทำบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจเกมออนไลน์แนวใหม่ ที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับตัวเขา รวมทั้งอินฟลูเอนเซอร์ที่มาเซ็นสัญญากับเขา
อีกอย่างปุลวัชรคือหนุ่มคาสโนวาที่ยอมทิ้งเขี้ยวเล็บเข้าประตูวิวาห์กับผู้หญิงนอกวงการที่ไม่มีข่าวคราวกับเขามาก่อนยิ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นที่จับจ้องของนักข่าว
แต่ความสวยของเจ้าสาว ก็ทำให้นักข่าวเข้าใจและรู้เหตุผลว่าทำไมปุลวัชรถึงได้เลือกผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้าสาวของเขาเอง ทุกคนต่างชื่นชนในความสวยงามของนุชพินตาอย่างไม่ลดละ
ใบหน้าที่หล่อเหลาคมสันไร้รอยยิ้ม จ้องมองดวงหน้าของนุชพินตาอย่างไม่วางตาเช่นเดียวกัน ในแววตาคู่นั้นไม่ได้แสดงความยินดียินร้ายออกมาให้เธอได้เห็น
เมื่อได้สบตากับเขา นุชพินตาก็มีใบหน้าเจื่อนลงไป ไม่มีความหมายในดวงตาของเขามากไปกว่าคำว่าเฉยเมย นุชพินตารู้ว่าเธอเป็นแค่มวยรองอีกตามเคย ที่เธอได้มาเป็นเจ้าสาวปุ๊บปั๊บของชายหนุ่ม เพราะพี่แวววรรณไม่ยอมที่จะแต่งงานกับเขาคนนี้
นุชพินตาอ่านใจของผู้ชายคนนี้ไม่ออกเลย เธอไม่รู้ว่า เขาเต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอด้วยหรือเปล่า คงไม่กระมัง ปุลวัชรก็คงจะถูกจับคลุงถุงชนเหมือนกันกับเธอ ธุรกิจต่อธุรกิจ ในใจของหญิงสาวคิดแบบนั้น
แสงวาบเลื่อนลั่น เรื่องที่ว่านุชพินตาไม่อยากเป็นข่าว คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว เธอเห็นแวบ ๆ ว่ามีกล้องของผู้สื่อข่าวสายบันเทิงมาในงานนี้ด้วย ถึงแม้เธอไม่อยากตกเป็นข่าว พรุ่งนี้คงจะมีข่าวหลายสำนักออกข่าวเรื่องการแต่งงานของปุลวัชรและเธอเป็นแน่แท้
‘เด็กหญิงสาวบ้านนอกตกถังข้าวสาร ได้แต่งงานกับเทพบุตรสุดหล่ออย่างคุณปุลวัชร’ เป็นคำที่ย่าเอ่ยแซวตอนที่นั่งรถมาด้วยกันจากสระบุรี
แม้ว่าย่าจะแซวเล่น ๆ ทว่าในหัวใจของนุชพินตาก็ไม่ได้ยินดีกับคำพูดดังกล่าว กลับรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปสู่ความมืดมนของชีวิตอย่างนั้นแหละ
พิธีกรได้ประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่พิธีการต่าง ๆ จะเริ่มขึ้น พร้อมกับเรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นไปบนเวที
“รีบไปเถอะ จะได้ไม่เสียฤกษ์” คุณคำรักดันหลังลูกชาย พร้อมกับพยักหน้านิด ๆ
ปุลวัชรจับมือกับนุชพินตาแล้วพากันเดินไปทางเวที เขากระชากนิด ๆ ที่เธอยังคงเดินช้า สองมือของนุชพินตายังคงจับชายกระโปรงที่ลากยาว
‘เป็นผู้ชายที่หยาบกระด้าง ไม่เห็นน่ารักเลยสักนิด’ คิดไปเงยหน้ามองเขาในทันใด ใบหน้าของปุลวัชรก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนไร้ความรู้สึก แต่เมื่อมีคนเรียกชื่อของเขา ชายหนุ่มถึงได้ยิ้มให้
“ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน” ทั้งย่าและคุณแม่เอ่ยออกมาพร้อมกัน
พิธีกรเชิญชวนทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว พร้อมกับญาติของทั้งคู่่ขึ้นไปบนเวที
แข้งขาของนุชพินตาสั่นเทาไปหมด เธอแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย หญิงสาวได้แต่เดินตามแรงฉุดของปุลวัชรเท่านั้น เขาจะพาเธอไปไหนเธอก็ยินดีไป ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรทั้งนั้น
ดวงตาของเธอพร่ามัวจนมองไม่เห็นอะไร เห็นแต่สีขาวโพลนเต็มไปหมดทั่วบริเวณงาน พิธีการต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนในงานพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสองหนุ่มสาวเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งนุชพินตาได้รับรู้แค่เพียงแสงแฟลช และเสียงกดชัตเตอร์เท่านั้น แสงวาบ ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ตามัวจนเกิดอาการมึนหัว ร่างเซ ปุลวัชรรีบประคองเธอเอาไว้ทั้งตัว
“เป็นอะไรไปน่ะ” ยังดีที่เขาถามอาการ
“เปล่าค่ะ” พูดเสียงสั่น มือเย็นเฉียบ ถ้าไม่มีเครื่องสำอางฉาบเต็มใบหน้า เขาคงจะเห็นดวงหน้าซีด ๆ ของเธอ สีหน้าและแววตาของนุชพินตาเต็มไปด้วยความกังวล คนเยอะแยะมาจากไหนกันเนี่ย หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าไปในปอด
