บทที่ 2.....บ้านใหม่
บทที่ 2
บ้านใหม่
มุกชมพูรู้สึกตื่นเต้นปนกังวลเมื่อก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลเฉินแล้ว ตึกหลังใหญ่เด่นเป็นสง่าออกแบบหรูหราในสไตล์คลาสสิกผสานกับความเรียบของสไตล์โมเดิร์นในยุคปัจจุบัน ดูโอ่อ่าอลังการสมกับฐานะมหาเศรษฐีตระกูลเฉินทีเดียว ทนายเล่าว่าคฤหาสน์หลังนี้จัดวางรูปแบบตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการ เพื่อเสริมสร้างบารมีความมั่งคั่งและความร่มเย็นให้กับผู้อยู่อาศัย มุกชมพูรู้สึกตื่นเต้นเมื่อก้าวเข้ามาเกือบจะถึงคฤหาสน์ ถามตัวเองว่าบ้านหลังใหญ่ที่ใครๆ เรียกมันว่าคฤหาสน์หลังนี้ จะเป็นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของเธองั้นหรือ
“นายท่านและนายหญิงกำลังรออยู่ค่ะ” หญิงวัยกลางคนอายุราวห้าสิบออกมาต้อนรับ มุกชมพูเรียกสติหยุดความกังวลใดๆ ในใจชั่วขณะ ก่อนจะก้าวตามหลังทนายไปอย่างเงียบๆ
สายตาทุกคู่ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่จ้องมองมาที่สมาชิกใหม่ของบ้าน ชายชราวัยหกสิบห้าปีนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี่ตัวหรูกลางห้อง มีหญิงชราท่าทางใจดีอายุไล่เลี่ยกันนั่งอยู่ใกล้ๆ ไม่มีใครยิ้มหรือแสดงความรู้สึกใดๆ กับการมาของสาวน้อยเลยสักนิด มุกชมพูยกมือทำความเคารพทุกคนด้วยความนอบน้อม แต่ดูเหมือนว่าทุกคนที่อยู่ที่นั่นจะไม่สนใจต่อ การทักทายแรกพบแม้แต่น้อย
“นี่เหรอ ลูกสาวของกุ้ยเจิน” ชายชราที่นั่งอยู่กลางห้องเอ่ยถามเสียงดัง จ้องหน้ามุกชมพูโดยไม่แสดงท่าทีหรือพูดอะไรต่อ
“หน้าตาคล้ายน้องเล็กอยู่มากนะครับพ่อ แต่จะว่าไปก็มีส่วนคล้ายพ่อของเธอด้วย” ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานสวมแว่นตาหันมาพูดกับประมุขของบ้าน รูปร่างหน้าตาของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวที่เพิ่งจากไป
“นังลูกไม่รักดี” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของชายชราดังขึ้น คำด่าทอที่แสดงถึงความโกรธอย่างไม่ให้อภัย เสมือนมีดที่กรีดลงในหัวใจของมุกชมพูเช่นกัน เรื่องราวในอดีต ความรักที่ถูกกีดกั้นและการบูชาความรักด้วยการค้านความต้องการของทุกคนในครอบครัว มุกชมพูเข้าใจดีว่าตนคือตัวแทนและที่รองรับความทุกข์ที่อยู่ในหัวใจของชายชรา
“แกมันอวดดี จองหองเหมือนแม่ไม่มีผิด กุ้ยเจินคงหมดหนทางไม่รู้จะทำอย่างไรถึงได้ส่งแกมาให้ฉัน พ่อแกมันก็ไม่ได้เรื่อง สุดท้ายฉันเลยต้องมาเดือดร้อน” เฉินหลินประมุขของบ้านจ้องหน้าหลานสาวคนใหม่ด้วยความโกรธ การนิ่งเหมือนไฟที่โหมให้หัวใจแห่งความแค้นของชายชราลุกโชนขึ้น
“แม่คิดว่าการส่งหนูมาอยู่ที่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณตาคิดว่าการที่หนูมาที่นี่เป็นการสร้างความเดือดร้อน หนูก็จะกลับไปเมืองไทยค่ะ” มุกชมพูกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจเอาไว้ ไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ถ้าตระกูลเฉินไม่ต้องการเด็กกำพร้าคนนี้แล้วล่ะก็ เธอยินดีที่จะสู้ด้วยตนเองแม้ว่าจะมองไม่เห็นทางก็ตามที
“อย่ามาทำปากเก่งกับฉัน ในเมื่อรับปากว่าจะให้แกมาอยู่ที่นี่ ฉันก็จะรักษาคำพูดที่ให้ไว้ ฉันทำบุญกับหมากับแมวมาเยอะจะทำบุญกับแกอีกสักคนคงไม่เป็นไร”
“คุณคะ” หญิงชราที่นั่งข้างรีบห้ามไม่ให้เฉินหลินพูดอะไรมากไปกว่านี้
“แม่บ้านหลี่” เฉินหลินตะโกนเรียกแม่บ้านใหญ่ให้เข้ามาหา
“คะ นายท่าน” หญิงวัยกลางคนรีบเข้ามา
“เอานังเด็กนี่ไป ให้มันอยู่ที่ตึกเล็กในสวนจะดูแลทำอะไรก็ตามใจ จัดการกันเอาเอง แต่ไม่จำเป็นไม่ต้องให้ขึ้นมาที่นี่ ฉันไม่อยากเห็นหน้ามัน”
“ค่ะนายท่าน”
“คุณหนูมากับป้านะคะ” หญิงวัยกลางคนรับคำแล้วรีบพาตัวมุกชมพูออกมาจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุด
ตึกเล็กในสวนอยู่ด้านหลังสุดของคฤหาสน์ แม่บ้านหลี่พามุกชมพูมาส่งตามคำสั่งของเจ้านาย แม้จะรู้สึกสงสารและเห็นใจเพียงไรแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ถึงที่นี่จะเงียบไปหน่อย แต่คุณหนูไม่ต้องกลัวนะคะ ที่พักของป้าอยู่ไม่ไกลเดินไปมาหากันได้” แม่บ้านหลี่เอ่ย
“ขอบคุณค่ะ” มุกชมพูกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว โผเข้ากอดแม่บ้านหลี่แล้วสะอึกสะอื้น ความอดกลั้นที่มีมาทั้งหมดพังทลายลงเพราะความเสียใจต่อโชคชะตา
“หนูขอโทษนะคะ หนูตั้งใจไว้ว่าจะไม่ร้องให้ต่อหน้าใคร แต่หนูทำไม่ได้” เมื่อร่ำไห้จนผ่อนคลายแล้วมุกชมพูก็กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง แม่บ้านหลี่พาเธอเข้ามาด้านในเพื่อดูที่พัก หญิงชราที่นั่งอยู่ข้างเฉินหลินในห้องโถงเดินเข้ามาหาหญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ไหน ขยับเข้ามาใกล้ๆ ยายหน่อย” คุณนายเฉินเชยคางของสาวน้อยขึ้น แค่เห็นแววตาที่จ้องมองมา นางก็ร่ำไห้ออกมาเบาๆ ด้วยความคิดถึงลูกสาวจับใจ พร้อมกับดึงหลานสาวที่เพิ่งได้พบหน้ากันเข้ามากอดด้วยความโหย
“กุ้ยเจิน กุ้ยเจินลูกแม่ โธ่ หลานยาย” แม้จะอยากทำอะไรให้มากกว่านี้ แต่นางก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้เพราะคำสั่งเด็ดขาดของสามีคือประกาศิตของบ้าน
“แม่บ้านหลี่ฝากด้วยนะ ถ้ามีอะไรก็บอกฉัน ฉันจะทำเท่าที่ทำได้” คุณนายเฉินเช็ดน้ำตาให้แห้งแล้วหันมาพูดคุยกับหลานสาวต่อว่า
“หนูมีชื่อจีนไหมจ้ะ”
“มีค่ะ แม่เรียกหนูว่าเหม่ยจู”
“เหม่ยจู เพราะมาก กุ้ยเจินตั้งชื่อหนูเพราะมากจ้ะ หนูอยู่ที่นี่นะจะมีคนดูแลไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องเรียนเรียนถ้าคุณตายังเฉยยายจะจัดการให้เอง” เรื่องอื่นอาจจะยอมสามีได้เพราะเข้าใจในความทุกข์ของหัวอกคนเป็นพ่อ ที่สูญเสียลูกสาวคนเล็กที่บูชาความรักเหนือสิ่งอื่นใด แต่สำหรับการศึกษาและเส้นทางชีวิตต่อจากนี้ของมุกชมพู นางจะดูแลให้ดีที่สุดเสมือนดูแลกุ้ยเจินในอดีต
หลังจากที่จัดการกับข้าวเรียบร้อย มุกชมพูก็เดินดูรอบที่พักพบว่าด้านหลังบ้าน มีสระน้ำขนาดกลางขอบสระปลูกต้นหลิวไว้โดยรอบ มองลงไปใต้น้ำมีก้อนหินจำลองและปลาแหวกว่ายมากมาย ลักษณะเหมือนสวนแบบโบราณที่เคยเห็นตามนิตยสาร นอกจากนั้นมีใครบางคนนั่งอยู่ที่ริมขอบสระ
“แม่หนู ตาหิวเหลือเกิน” ชายคนดังกล่าวเอ่ยเสียงเบา มุกชมพูเดินเข้าไปใกล้ๆ พบว่าเขาเป็นชายสูงอายุแต่งตัวมอมแมมผมเผ้ารุงรัง
“หิวเหลือเกิน” ชายแก่คนเดิมเอ่ยอีกครา มุกชมพูไม่รู้หรอกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร รู้แต่ว่าเวลานี้เขาหิวและเธอต้องช่วย
“หนูมีแค่ขนมปังกับนมค่ะ กินหน่อยนะคะมันอาจจะช่วยให้หายหิวขึ้นบ้าง” มุกชมพูยื่นของในมือมอบให้
“แม่หนูช่างมีเมตตาเหลือเกิน”
“คุณตามาทำอะไรที่นี่คะ หรือว่าอยู่ที่นี่เหมือนกัน” มุกชมพูถามด้วยความสงสัย ถ้าชายชราอยู่ที่นี่ก็แสดงว่าเธอมีเพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว ว่าแต่เขาเป็นใคร ญาติของแม่คนไหน
“ตาอยู่แถวนี้แหละ แต่ไม่มีใครเห็นหรือสนใจนัก ขอบใจสำหรับอาหารนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังหิวอยู่หรือเปล่าคะ” แต่ก่อนที่มุกชมพูจะพูดคุยกับชายชราคนดังกล่าวต่อ เสียงร้องเรียกชื่อเธอก็ดังมาแต่ไกล
“แม่บ้านหลี่มาแล้ว คงเอาอาหารมาให้หนู” ชายชราเอ่ย
“ถ้างั้นดีเลย คุณตารอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวหนูไปเอาอาหารมาให้” มุกชมพูทำท่าจะลุกไปแต่ชายชราร้องห้ามไว้
“ไม่เป็นไร ตาอิ่มแล้ว หนูรีบไปหาแม่บ้านหลี่เถอะ”
“งั้นหนูไปรอแม่บ้านหลี่ก่อนนะคะ ถ้าไงหนูจะเอาอาหารมาให้อีก คุณตาอย่าเพิ่งไปไหนรอตรงนี้นะคะ” มุกชมพูกลัวว่าชายชราจะไม่อิ่ม จึงรีบเดินกลับไปที่บ้านเพื่อดูว่าแม่บ้านหลี่เอาอะไรมาให้
เมื่อมุกชมพูคล้อยหลังไป ชายชราท่าทางมอมแมมก็กลับเป็นร่างเดิมของตน หลีกุ้ยยิ้มอย่างพึงพอใจจากการกระทำที่มีน้ำใจของมุกชมพูเมื่อครู่นี้
องค์ชายใหญ่แห่งวังมังกรนั่งฟังสิ่งที่หลีกุ้ยเล่าให้ฟังด้วยท่าทางสงบ เม่นทะเลเล่าเรื่องตั้งแต่ที่เหยียบเข้ามาในตระกูลเฉินอย่างละเอียดยิบ พร้อมทั้งชื่นชมในความมีน้ำใจของสาวน้อยที่แบ่งปันอาหารให้
“แม่หนูนั่นเป็นเด็กดีมีน้ำใจมาก องค์ชาย เสียดายที่ต้องมีโชคชะตาเช่นนี้”
“ทำไม” เอ๋าจินหลงย้อนถามด้วยความสงสัย
“คนมีญาติก็ควรต้องได้รับการดูแลที่ดี แต่แม่หนูกลับตรงกันข้าม ต้องมาอยู่กับคนไร้น้ำใจ ตาเฒ่าเฉินนั่นก็อีก เจอหน้าหลานแต่กลับด่าลูกตัวเอง บ้านช่องออกจะใหญ่โตมีห้องหับมากมาย แต่ไล่หลานสาวให้มาอยู่ตึกเล็กท้ายสวน ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ข้าน้อยสงสารจริงๆ”
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแม่ของมุกชมพูไปทำให้เฉินหลินเสียใจก่อน” องค์ชายมังกรเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“องค์ชาย ถึงจะโกรธแม่ก็ไม่ควรมาพาลกับลูก ลูกก็ส่วนลูก หลานก็ส่วนหลานสิ ข้าน้อยเห็นแล้วสงสารแม่หนูเหลือเกินที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางพวกคนใจดำ บ้านใหม่หลังนี้ไร้ความรักจริงๆ ”
“ลูกสาวแต่งออกไปก็กลายเป็นคนนอก หลานที่เกิดมาย่อมไม่ได้รับความสนใจมากไปกว่าหลานที่เกิดจากลูกชาย และที่สำคัญแม่ของมุกชมพูหนีไปแต่งงานกับผู้ชายที่รัก ไม่ได้แต่งงานกับคนที่ทางบ้านเลือกให้ มันก็ยิ่งมีปัญหาใหญ่ เท่าที่ข้ารู้เฉินหลินรักลูกสาวคนเล็กมาก เมื่อรักมากและถูกทรยศก็ย่อมต้องแค้นมากเป็นธรรมดา”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ก็ไม่ควรทำกับหลานตัวเองแบบนี้ เมื่อกี้ข้าน้อยเกือบอดใจไว้ไม่อยู่ อยากจะจัดการตาเฒ่านั้นให้ท้องผูกไปสักวันสองวันจริงเชียว” หลีกุ้ยพูดด้วยความโมโห
“เจ้ามีหน้าที่แค่ดูแลมุกชมพู อย่าทำอะไรที่เหนือกว่านี้ มันไม่ดี”
“ข้าน้อยทราบองค์ชาย แต่มันเจ็บใจแทน”
“เจ้ามีหน้าที่แค่ดูแล อย่าทำอะไรมากกว่านั้น”
“องค์ชายน่าจะไปเยี่ยมแม่หนูนั่นบ้าง นางคงจะดีใจหากองค์ชายไป” หลีกุ้ย ดูออกว่ามุกชมพูคงมีความพิเศษกับองค์ชายใหญ่แห่งทะเลใต้ ไม่เช่นนั้นภารกิจการดูแลที่สำคัญเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่
“แน่นอนว่า ข้าจะไปพบนาง”
“จริงนะขอรับ ไปพบตอนนี้เลยไหม นางคงดีใจมากหากได้เจอองค์ชาย”
“ข้าจะไม่พบนางตอนที่มีสติสัมปชัญญะดีแบบนี้หรอก” เอ๋าจินหลงมีวิธีที่ดีกว่าการพบกันซึ่งหน้าเฉกเช่นคนทั่วไป
“แล้วองค์ชายจะไปพบนางด้วยวิธีไหน” หลีกุ้ยถามด้วยความอยากรู้
“มันเรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องรู้” องค์ชายมังกรไม่พูดอะไรต่อและหายตัวไป ในทันที ปล่อยให้หลีกุ้ยครุ่นคิดไปคนเดียว
