บทที่ 1 หัวขโมย (1)
สามวันเต็มที่วาดดาวออกตามหาข่าวน้องชาย ทั้งตามหาข่าวจากไร่ที่น้องชายเคยไปรับจ้างทำงาน และรวมไปถึงบ้านเพื่อนสนิทที่ปองวุฒิชอบไปคลุกคลี แต่เธอก็ไม่ได้ข่าวของปองวุฒิเลย
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจเมื่อกลับมาถึงบ้าน พระอาทิตย์กำลังอำลาขอบฟ้าไป และเวลาที่พ่อเลี้ยงชโลทรให้ไว้ก็กำลังจะหมดลง
พอกลับเข้ามาในบ้านวาดดาวก็หย่อนก้นนั่งพักเหนื่อย แม่กำลังนั่งทำกับข้าว ส่วนพ่อนั่งกินเหล้าที่ริมหน้าต่าง มันเป็นภาพที่เธอเห็นเป็นประจำ
“ได้ข่าวน้องมั้ยลูก?” ผู้เป็นแม่ถามขึ้น
วาดดาวส่ายหน้าอย่างหมดความหวัง พร้อมเสียงทอดถอนหายใจ
“ไม่ได้เรื่องอะไรเลยจ้ะแม่ ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหน” วาดดาวพูดถึงน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
เธอเป็นลูกสาวคนกลาง มีพี่ชายและน้องชาย แต่เชี่ยวชาญผู้เป็นพี่ชายทนความลำบากไม่ได้ ก็เลยเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านไปหางานทำในกรุงเทพฯ
เชี่ยวชาญออกจากบ้านไปตั้งแต่สองปีก่อน ก่อนที่เธอจะเรียนหนังสือจบมัธยมปลายด้วยซ้ำ จนป่านนี้แล้ว เธอก็ยังไม่ได้เจอหน้าพี่ชาย แต่ก็ยังดีที่พี่ชายส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวบ้าง
ส่วนปองวุฒิน้องชายคนเล็ก ก็ดูจะพึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้
นี่ก็เป็นอีกรายที่หนีหายไปจากบ้านโดยไม่บอกไม่กล่าวกับทางบ้านว่าไปไหน ไปทำงานอะไร จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น พ่อเลี้ยงชโลทรตามมาหาปองวุฒิถึงบ้านนั่นล่ะ เธอถึงรู้ว่าปองวุฒิไปก่อเรื่องเอาไว้
“มันอยากกลับ เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ จะไปตามหามันให้เสียเวลาทำมาหากินทำไม”
“แต่น้องทำเรื่องไว้นะจ๊ะพ่อ” วาดดาวขัดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“เงินเราก็ไม่มีใช้หนี้ วุฒิก็หายหน้าไปแบบนี้ ถ้าพ่อเลี้ยงกลับมาที่นี่อีก เราจะทำยังไงล่ะจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล แล้วสมาชิกในบ้านพากันเงียบไปอึดใจ
“ถ้าเจอวุฒิ หนูจะส่งตัวน้องให้พ่อเลี้ยงเหรอวาดดาว?” คนเป็นแม่ที่ยกแกงคั่วลงจากเตาถ่านหันมาถามลูกสาว
วาดดาวส่ายหน้า “หนูไม่ทำแบบนั้นหรอก หนูจะถามวุฒิก่อน ว่าเรื่องเป็นมายังไง”
นางสวรรค์ทำหน้าหนักใจ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะนางรู้อยู่เต็มอก และเชื่อด้วยว่าปองวุฒิลักขโมยเงินของพ่อเลี้ยงมาจริง
ไม่อย่างนั้นพ่อเลี้ยงชโลทรไม่มาตามล่าตัวลูกชายของนางถึงที่บ้านหรอก ก็ปองวุฒิเล่นไปกระตุกหวดเสือเข้าแล้ว เฮ้อ...
“โอ๊ย”
อยู่ ๆ นางสวรรค์ก็ล้มลงนอนขดตัวกับพื้น เอามือกุมหน้าอกสีหน้าทรมาน เม็ดเหงื่อซึมออกมา หน้าตาซีดเผือด วาดดาวรีบเข้าไปประคองมารดาทันที
“แม่!!!” หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเมื่อเห็นอาการโรคหัวใจของแม่กำเริบขึ้นมากะทันหัน
“หมอ... พาแม่หาโรงพยาบาล”
พอตั้งสติได้เธอก็หันไปหยิบโทรศัพท์ จังหวะนั้นเองพ่อเลี้ยงชโลทรพร้อมด้วยลูกน้องผู้ติดตามก็มาถึงบ้านพอดี
วาดดาวไม่สนใจผู้มาเยือนด้วยซ้ำ นอกจากสนใจผู้เป็นแม่แต่อย่างเดียว
“นั่นน้าผู้หญิงเป็นอะไร?”
“คุณจะมายุ่งอะไรด้วย” หญิงสาวบอกเสียงขุ่น น้ำตาคลอเบ้าแล้วหันมาสนใจผู้เป็นแม่ “แม่แข็งใจไว้ก่อนนะ หนูโทรตามรถเดี๋ยวนี้แล้ว”
ชโลทรมองคนป่วยที่นอนขดตัวกลม เอามือกุมหัวใจ เห็นท่าไม่ดีเขาเลยตรงดิ่งเข้าไปหา แล้วจัดการอุ้มนางสวรรค์ทันที
“นั่นคุณจะทำอะไร?”
“พาแม่เธอไปโรงพยาบาลสิ เอากุญแจไปเปิดรถ”
สั่งเสียงเฉียบเขาก็หันข้างให้หญิงสาวหยิบกุญแจรถจากที่เอว
วาดดาวไม่คัดค้านใด ๆ นอกจากทำตามคำสั่งพ่อเลี้ยง ส่วนสมชายที่ยังเมาอยู่ได้ติดรถพ่อเลี้ยงชโลทรไปโรงพยาบาลด้วย ซึ่งตลอดทางไปโรงพยาบาลหญิงสาวนั่งกุมมือแม่ไปตลอด
พอส่งแม่ถึงมือหมอแล้ว วาดดาวก็ยังเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตานองหน้าเพราะแม่หมดสติตอนที่อยู่บนเตียงคนไข้พอดี
“แม่เธออยู่ในมือหมอแล้ว ตั้งสติแล้วเช็ดน้ำตาซะ” พ่อเลี้ยงหนุ่มส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา
นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินได้พักใหญ่ คุณหมอเจ้าของไข้ก็เรียกเธอเข้าไปคุยพร้อมทั้งแจ้งอาการและรวมไปถึงวิธีการรักษาพยาบาล ซึ่งแม่ของเธอที่ป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดต้องเขารับการผ่าตัดหัวใจโดยเร็วที่สุด!
พอคุยกับคุณหมอเสร็จ วาดดาวถึงกับแข้งขาอ่อน เธอจะไปเอาเงินค่ารักษาพยาบาลสูงถึงหกหลักจากที่ไหน...
