บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ของโปรด

หยาดฝนพาร่างของปานฝันอาบน้ำเนิ่นนานร่วมชั่วโมง แบบไม่มีทีท่าว่าจะออกมา จนสิชลที่ไปรอข้างล่างต้องเดินขึ้นมาตามสองสามรอบ

ก๊อกๆ

"ฝัน เป็นลมเปล่า ทำไมไม่ออกมาสักที" ชายหนุ่มตัดสินใจเคาะประตูเป็นครั้งแรก เมื่อเสียงน้ำจากฝักบัวราดลงพื้น เงียบลง

"เปล่า! ไม่ได้เป็นลม" เสียงดังฟังชัด ตะโกนตอบมา พาให้เขาถอนลมหายใจอย่างโล่งอกได้

"เสร็จแล้วตามไปนะ พ่อกับแม่กลับมาแล้ว"

"โอเค!"

หยาดฝนส่ายหน้าเล็กน้อย ให้กับความห่วงใยจนเกินเหตุของคนที่รออยู่ด้านนอก เขาจะไปรู้อะไร ว่าผู้หญิงที่ทั้งสวย ทั้งเก่ง ร้องเพลงก็ไพเราะอย่างเธอ อาบน้ำไม่เคยต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว

เธอรับไม่ได้ที่จะต้องอาศัยอยู่ในร่างที่ผิวพรรณกร้านขนาดนี้ ก็เลยพยายามจะขัดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าจะมีแค่ใยบวบกับครีมอาบน้ำราคาถูกแค่ 1 ขวดก็ตาม!

"รู้จักสครับบ้างไหมแม่คุณ ยังดีนะที่มีครีมนวด" คนพอกครีมนวดไว้บนผม ว่าพร้อมสำรวจใบหน้าของปานฝันในกระจกบานเล็กของห้องอาบน้ำ โครงหน้ามนที่มีความตอบจนเห็นโหนกแก้มนิดๆ มีความพอดูได้ หากแต่งหน้ากลบโหนกสักหน่อยแล้วปล่อยปอยผมระย้าลงมา

ริมฝีปากซีดมีเลือดขึ้นมาหน่อย เมื่อเธอเม้มและพอกลิปบาร์มลงไป จมูกนิดๆ ปากกระจุ๋มกระจิ๋มทำให้ผู้หญิงคนนี้พอจะดูได้

"โชคดีนะที่เป็นมะเร็งแต่ผมไม่ได้ร่วงหมดหัว ไม่งั้นละแย่เลย ต้องหาแฮร์พีชมาใส่อีก...แต่ผมก็บางอยู่นะ ต้องพึ่งแฮร์พีชซะละ โชคดีที่เราแต่งตัวเก่งนะเนี่ย อิอิ"

หยาดฝนเป็นคนที่ไม่เคยหยุดพยายามทุกๆ เรื่องมาตั้งแต่ไหน เธอจะหาหนทาง ไม่ได้ทางนี้ก็เอาอีกทางสำหรับทุกๆ เรื่องในชีวิตมาเสมอ

การได้มาอยู่ในร่างคนอื่นแบบนี้ ก็ท้าทายชีวิตเธอดีเหมือนกันนะ...

เธอพยายามอยู่กับสิ่งที่มีให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ตัวเองนึกถึงเรื่องที่น่าเสียใจที่สุดก็คือ เธออาจจะไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตตามเดิมอีกก็ได้

"อ้าว ฝัน! อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอลูก" น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของหญิงวัยกลางคน มาพร้อมกับอ้อมกอดรัดแน่นจนปานฝันตัวแข็งทื่อ ตกใจไม่น้อยกับการถูกวิ่งเข้ามาสวมกอดของผู้หญิงแปลกหน้า

แต่ความอบอุ่น ใจดีและแสนจะโหยหาทำให้เธอต้องกอดตอบ อย่างไม่อาจเมินเฉยได้

"ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกพ่อ กอดๆ นะลูกนะ...ในที่สุดฝันก็กลับมาหาพ่อ" ตามด้วยผู้ชายร่างใหญ่ ที่ดูน่ากลัวแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและน่าสงสาร ใบหน้าอวบอูมดำคล้ำของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

แปลก...หยาดฝนไม่ได้รู้สึกรังเกียจ เธอตอบรับอ้อมกอดนั้นด้วยน้ำตาที่รื้นไม่ต่างกัน

ลึกๆ ในหัวใจของเธอ รู้สึกคิดถึงและโหยหาความอบอุ่นชนิดนี้ไม่ต่างกัน ภาพบิดาที่ถอยเท้าห่างจากเธออัตโนมัติซ้อนทับเข้ามา

ตามด้วยอ้อมกอดของท่านที่มักจะอ้าแขนต้อนรับเธออย่างอบอุ่นแบบนี้เสมอด้วยเช่นกัน บิดาผู้ที่คอยเป็นความอบอุ่นปลอดภัยให้กับเธอมาเสมอคนนั้น เธอจะมีโอกาสกอดท่าน ได้เหมือนที่กำลังทำกับพ่อของปานฝันแบบนี้ ได้อีกหรือเปล่านะ...

"พ่อใจแทบขาด ตอนรู้ว่าลูกไม่อยู่แล้ว...ขอบคุณที่กลับมาหาพ่อนะลูก ฮือ" แปลกกว่านั้น หยาดฝนรับรู้ถึงความเจ็บปวดของผู้ชายคนนี้ จนกอดกระชับเขาได้แบบไม่มีข้อกังขาในใจ ร่างกายและจิตวิญญาณส่วนลึกของร่างนี้เอง ก็รักเขาไม่แพ้กัน อย่างนั้นสินะ

เธอมาอาศัยร่างของปานฝันอยู่ก็จริง แต่หลายๆ อย่าง ก็ทำให้เธอรับรู้ได้ว่า...ปานฝันไม่ได้ตายไปซะทีเดียว เธอไม่ได้เป็นเจ้าของร่างนี้โดยสมบูรณ์ ร่างกายนี้ยังมีความเป็นปานฝันหลงเหลืออยู่มากทีเดียว หยาดฝนสรุปกับตัวเองได้เพียงสั้นๆ

"หิวไหมลูก แม่เตรียมของโปรดฝันไว้เยอะแยะเลยนะลูก ตั้งแต่ป่วยหนูก็ไม่ได้ทานอะไรเต็มที่เลย กลับมาคราวนี้ทานให้หมดเลยนะลูก ไม่ต้องกลัวโรคกำเริบแล้ว...ฮือ" หัวอกคนเป็นแม่ พูดไปเช็ดน้ำตาให้บุตรสาวไป

ปานฝันยิ้มให้กับท่านเหมือนเช่นที่เป็นมา แม้แววตาจะไม่ได้เหมือนเดิมหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พวกท่านก็ยอมรับได้

เพราะสิชลพอจะเล่าอะไรให้ฟังมาก่อนหน้านี้พอสมควรแล้ว เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไปของเธอ

"ขอบคุณนะคะ" แค่ประโยคแรกที่เธอพูดออกมา พวกท่านก็รู้แล้วว่า เธอไม่ใช่บุตรสาวที่มักจะชอบพูดว่า 'ขอบคุณจ้ะแม่จ๋า ฝันรักแม่ที่สุดเลย' น้ำเสียงของปานฝันบุตรสาวของพวกเขาจะอ่อนหวาน อ่อนโยน ไม่ใช่ทำเหมือนคนไม่รู้จักกันและห่างเหินแบบนี้

"ไปเถอะลูกไป ไปนั่งกัน ของโปรดฝัน แม่เขาทำไว้เยอะเลยลูก" ตาสุข จูงบุตรสาวไปนั่งที่เก้าอี้ บนโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่มีสิชลคอยอำนวยความสะดวก แสงไฟสีส้มที่เปิดประดับในห้องครัวเล็กที่มีโต๊ะอาหารพร้อมในนั้น

ทำให้บรรยากาศอบอุ่น เหมือนในฉากละครที่เธอชอบดูตอนเด็กๆ และใฝ่ฝันว่าอยากจะมีบ้านแบบนี้ มันเป็นความฝันที่เธอเกือบลืมไปแล้ว ก็เลยรู้สึกตื้นตันใจประหลาด

อย่างน้อยท่ามกลางความใจร้ายของโชคชะตา ก็ยังพอมีสิ่งดีดีปะปนอยู่บ้าง

"นี่เลย ปลาส้มย่างที่หนูชอบ แจ่วบองปลาร้าโรยเม็ดกระถิน หน่อไม้ต้มหวานๆ ทานไหวไหมลูก" ยายเปียง พูดไปหัวเราะไป รู้สึกตื้นตันใจที่กับข้าวพวกนี้ ได้ถึงปากคนอยากรับประทานมานานสักที

"เอ่อ...นี่คือของโปรด ฝัน เหรอคะ?" กลิ่นปลาร้าบอง จากน้ำพริกตรงหน้า ทำให้หยาดฝนรู้สึกเหมือนจะอาเจียน คนที่มีของโปรดเป็นแซลมอน ซาชิมิ ซูชิ โอมากาเสะอย่างเธอ ทนกลิ่นอาหารแรงๆ พวกนี้แทบไม่ไหว

"ชะ...ใช่จ้ะลูกฝัน ทำไมเหรอ หนูไม่อยากทานเหรอลูก" สีหน้าหม่น แววตาหมองของยายเปียง ทำให้หยาดฝนต้องกลืนความรู้สึกอยากจะอาเจียนของตัวเองลงไป

กลั้นลมหายใจและยิ้มออกมา

"อ้อ อยากทานสิคะ ฝันอยากทานมากกก...แต่ไม่แน่ใจว่า คุณหมอเขาให้ทานได้แค่ไหนอะค่ะ" เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากสิชล ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่

"คุณหมอบอกว่า อยากทานอะไรก็ทานได้ตามสบายเลย เอาที่คนป่วยอยากทานได้เต็มที่" หยาดฝนกัดฟันกรอดใหญ่ เกลียดคนชอบแกล้งนัก เธอดูออกนะว่าเขารู้ว่าเธอไม่อยากจะรับประทานอาหารตรงหน้าแค่ไหน

สิชลไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดก็จริง แต่ใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตเธอเลย เขากำลังเก็บข้อมูลอยู่...ว่าเธอไม่ใช่ปานฝันของเขา จริงหรือไม่ เธอแค่สติฟั่นเฟือนไป หรือเธอจะไม่ได้อยู่ในร่างนี้แล้วจริงๆ

"อาจจะเป็นเพราะว่า...ฝันไม่ได้ทานอะไรแบบนี้นาน ก็เลยยังไม่ชินเท่าไหร่ บวกกับจำอะไรไม่ค่อยได้ด้วย ก็เลย...ขอลองทานอย่างละนิดแล้วกันนะคะ คุณพ่อคุณแม่"

คำตอบของบุตรสาว ทำให้สองสามีภรรยารีบกระตือรือร้นจะตักอาหารให้เธอรับประทานกันใหญ่ ดีใจที่บุตรสาวยอมรับประทานอาหารที่เธอดูจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

พวกท่านไม่รู้หรอกว่าบุตรสาวได้รับผลกระทบจากการตายแล้วฟื้นแค่ไหน แต่ขอแค่...ได้เห็นเธออยู่ตรงหน้า จะต้องแลกด้วยอะไร พวกท่านก็ยอมทั้งนั้น

"งั้นฝันขอไปล้างมือแปบนะคะ" คนหัวไวอย่างเธอ รีบลุกไปล้างมือพร้อมลากสิชลไปด้วย

"นี่คุณ ช่วยทำไข่เจียวให้หน่อย ฉันจะทนๆ ทานแค่อย่างละคำเท่านั้น เร็วๆ นะช่วยฉันด้วย" สิชลหัวเราะเล็กน้อยให้กับความพยายามรักษาน้ำใจ ตาสุขและยายเปียงของเธอ

จะให้เขาเชื่อได้ยังไงว่าเธอไม่ใช่ปานฝันของเขา เธอการเป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นเสมอแบบนี้ก็มีแต่ปานฝันเท่านั้น และถ้าเธอคือหยาดฝน นักร้องชื่อดังอะไรนั่นจริง เขามั่นใจว่า...เธอคงอาละวาดและไม่ยอมรับประทานอาหารบ้านๆ พวกนี้แน่

ขอให้กลับมาปกติไวไวนะฝัน ชลเชื่อ...ว่าฝันจะต้องกลับมา

"อื้อหือ...นี่มันเรียกอะไรนะคะ?" ปานฝันมองปลาที่ถูกหั่นชิ้น ย่างใส่ใบตองจนหอมฉุยแต่มีกลิ่นเหมือนปลาดองนิดๆ เนื้อยุ่ยๆ และหนังของมันมีความนัว มัน หวานจากเนื้อปลาแบบที่เธอไม่เคยรับประทานที่ไหน กลิ่นของมันพอทนได้ จนหญิงสาวต้องตักรับประทานอีกคำ

"ปลาส้มลูก ปลาส้มย่างใบตอง ของโปรดฝันไง จำได้แล้วใช่ไหมลูก!" นายสุขว่าอย่างดีใจ ที่บุตรสาวดูเหมือนจะชอบอาหารชนิดนี้เข้าแล้ว

"อื้อ ก็อร่อยดีนะคะ...ไหนขอลองทานกับแจ่วบองนี่หน่อย" แจ่วบองโรยเมล็ดกระถินที่เธอลองชิมไปก่อนหน้า มีกลิ่นเหม็นแรงแต่รสชาตินัวเค็มแบบหยุดทานไม่ได้ ยิ่งใช้หน่อไม้ต้มจิ้มตามลงไป มันยิ่งเข้ากันดีประหลาด

คนไม่เคยรับประทานข้าวเหนียวมาก่อนอย่างเธอ จกแบบไม่กลัวเปื้อนมือและออกแรงกดหนักๆ คุ้ยเอาแจ่วบองที่ว่าเข้ามาเต็มคำ

ความเผ็ดร้อน แสบไปทั้งโพรงปาก แต่ทำให้สะใจประหลาด...

"อา...ขอน้ำหน่อยค่ะ" ยายเปียงรีบยื่นน้ำเย็นๆ ให้บุตรสาวดื่มแก้วใหญ่ เชิงดีอกดีใจที่ปานฝันเริ่มกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว

ปกติเธอก็ทานเผ็ดไม่เก่ง แต่ก็อยากทาน โดยอาศัยว่าเผ็ดแค่ไหนก็สู้ ขอแค่ได้ดื่มน้ำตามเยอะๆ เอาก็ได้

สิชลแอบมองปานฝันรับประทานอาหารจานโปรดของตัวเอง ด้วยรอยยิ้มเป็นสุข ยิ่งเห็นเธอหยิบผักสดเข้าปากได้แบบไม่สะทกสะท้าน ทั้งๆ ที่ปกติแม่นักร้องสาวคนนั้น ไม่ทานผักด้วยซ้ำ

มันทำให้เขาโล่งใจ ว่าปานฝันน่าจะแค่สติเลอะเลือนไป เป็นอาการของคนหลังฟื้นจากการตายเท่านั้น

ไม่ได้มีคนอื่นในร่างเธออย่างที่เธอพยายามจะบอกเขาแน่นอน...เขามั่นใจ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel