บทที่9 ประกาศสงครามใช่มั้ย
“เลือกมาเลย ว่าจะเลือกใครบ้าง แต่บอกไว้เลยถ้าแกไม่เลือกฉัน ฉันเอาแกตายแน่ไอ้รัน” เสียงคาดคั้นจาก “นาวาโทคีรติ” หรือ ผู้การคิว ดังขึ้นทำให้อิสรันแทบกุมขมับเมื่อหันไปมองเพื่อนหนุ่มที่ไม่ได้มีแค่คนเดียว ยังมีเพื่อนที่ร่ำเรียนเตรียมทหารมาพร้อมกันอีกเกือบสามสิบคนยืนอยู่
“ไอ้คิว แกอย่าคาดคั้นไอ้รันดิว่ะ” เสียงห้ามปรามจาก “นาวาโทนายแพทย์คีตวัตร” หรือ หมอคีย์ ดังขึ้นจากด้านหลังของอิสรัน คีรติและคีตวัตรเป็นฝาแฝดกันและคบหากับอิสรันมาตั้งแต่เด็กรักใคร่สนิทสนมกันถึงขั้นตายแทบกันได้ คีตวัตรไม่ใช่เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาแต่ก็คบหากันมานาน
“ไม่ได้คุณหมอ ไม่ได้ ยังไงวันนี้ไอ้รันต้องเลือก เลือกมาเลยไอ้รัน แกจะเลือกคนไหนบ้าง ขอบอกว่าถ้าไม่เลือกฉันมีเคืองเว้ย” เสียงค้านของชายอีกคนเอ่ยบอกและโผล่หน้ามาคาดคั้นอิสรัน “นาวาตรีธราวุธ” หรือ ผู้การวุธ เป็นเพื่อนอีกคนที่จบมาพร้อมกับอิสรัน
“พอๆ ไหนบอกกระผมมาซิว่าทำไมถึงพากันเสนอหน้า เอ๊ย เสนอตัวมาทำซุ้มกระบี่ในงานแต่งกระผม” อิสรันเอ่ยถาม เมื่อวานที่ผ่านเพื่อนๆ พากันนัดมาที่สนามฟุตบอลแห่งหนึ่งในวันนี้และบอกความต้องการแก่เขาว่าเพื่อนๆ อยากจะทำซุ้มกระบี่ในพิธีลอดซุ้มกระบี่ให้ในวันแต่งงานของเขากับภีรพิชชา
“ข้อแรกพวกฉันเป็นเพื่อนแก ข้อต่อมาคือเจ้าสาวของแกคือแก้วตาดวงใจของครูภัค ไม่ใช่นายคนเดียวที่มีหน้าที่ทำเพื่อครูภัค พวกเราทุกคนก็อยากที่จะทำเพื่อครูภัคด้วย พิธีลอดซุ้มกระบี่เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์นะเว้ย พวกเราอยากจะเป็นซุ้มให้ลูกสาวครูภัคลอดไป จะได้มั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นในพิธี” เสียงอธิบายอันพอมีเหตุมีผลของ “นาวาโทอาศิระ” หรือ “ผู้การหินผา” ดังขึ้น อาศิระกับอิสรันค่อนข้างที่จะกัดกันแต่ถึงยังไงเขาก็อยากจะทำหน้าที่นี้ เพราะครูฝึกภควัตมีทั้งบุญและคุณ พระเดชและพระคุณของครูภัคสำหรับพวกเขามากจนพูดออกมาไม่ได้แค่รู้ว่าเจ้าสาวของอิสรันคือลูกสาวของครูฝึกพวกเขาจึงต้องมาง้อไอ้รันนี่ไงล่ะ
“แป๊บ แกก็มาเหรอ เหลือเชื่อ” อิสรันพูดราวกับตกใจทั้งที่ความจริงไม่ได้เหลือเชื่ออะไรขนาดนั้น
“เหอะ ฉันไม่ได้มาเพราะแกก็แล้วกัน ฉันมาเพราะเจ้าสาวแกต่างหาก” อาศิระพูดก่อนที่ทั้งสองจะยักไหล่ใส่กันอย่างไม่สนใจ
“เอาเถอะ ในเมื่อพวกนายประสงค์เช่นฉะนี้ ฉันว่าแกก็เลือกดี ๆ แล้วล่ะไอ้รัน เลือกดี ๆ นะแก ฉันไม่ยุ่ง” คีตวัตรเอ่ยบอก เขาขอไม่ยุ่งยังไงเขาก็ไม่ได้เรียนนายเรือมาพร้อมกันกับเพื่อนหนุ่มเสียหน่อยเขาเรียนหมอมาต่างหาก
“ว่าไง แกต้องเลือกแล้ว คิดดี ๆ นะไอ้รัน” เสียงในเชิงข่มขู่ของเพื่อนๆ ทำให้อิสรันปวดหัว ไอ้พวกที่ขู่มันต้องมีความลับของเขากันอยู่ไม่น้อยเลย
อิสรันมองก่อนจะขบคิดแล้วยิ้มออกมา “เอางี้ดีกว่า ไหนๆ พวกนายก็มาเพราะเจ้าสาว งั้นให้หนูภีร์มาเลือกดีกว่ามั้ย”
“เอาแบบนั้นเนาะ เดี๋ยวฉันโทรหาหนูภีร์ก่อนให้หนูภีร์เดินเข้ามาเลือก”อิสรันเอ่ยบอกก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาว่าที่เจ้าสาว
“นี่น้องหนูภีร์มาด้วยงั้นเหรอ ทำไมไม่พาเข้ามาด้วยว่ะ” อาศิระถามก่อนที่จะปล่อยคำพยางค์เดียวที่ทำเองอิสรันหน้าเห่อร้อนขึ้นมา “หวง”
“เฮ้ย นี่แกหวง หวงกับเพื่อนกับฝูงเหรอว่ะ” คีรติที่มองคนที่ตอนนี้เป่าลมออกมาจากปากด้วยเขินจนทำอะไรไม่ถูก ที่ถูกจับได้ว่าหวงว่าที่เจ้าสาว
“มันเขินด้วยแก”
“เอ่อ หวงแล้วยังไงวะ ก็นั่นเจ้าสาวฉันเปล่าวะ หวงได้นิ ตำรวจไม่จับมั้ง” อิสรันพูดพลางทำหน้าตาขึงขัง
“ก็ไม่จับหรอกนะไอ้คุณรัน แต่ตอนกระผมหวงเมียเด็กกว่าของกระผมนี่คุณเล่นซะผมไปไม่เป็น เอ ตอนนี้ถ้ากระผมนับดูนี่เจ้าสาวไอ้คุณแกเนี้ยอายุน้อยกว่าภรรยากระผมเยอะเลยนะครับ สุดท้ายก็ไอ้โคแก่เหมือนกันล่ะหว่า” อาศิระพูดพร้อมทั้งยักคิ้วให้ ทั้งรุ่นนี้เขาเคยเป็นไอ้โคแก่ที่เพื่อนๆ พากันเรียกขาน เพราะภรรยาของเขาอายุน้อยกว่าเขาตั้งรอบกว่า แต่ในอีกไม่กี่อาทิตย์ไอ้คนที่มันชอบหาว่าเขาเป็นไอ้โคแก่กระแดะอยากกินหญ้าอ่อนมันจะกระแดะแต่งงานกับหญ้าอ่อนกว่าเขาอีก
“หยุดเลยๆ อย่าเอากระผมไปเข้าพวกกับคุณสิครับไอ้คุณหินผา กระผมเนี้ยจำเป็นแต่คุณแกน่ะมันไปล้วงคองูเห่าอย่างผู้กองพราว” อิสรันพูด ผู้กองพราวที่ว่าคือป้าแท้ๆ และแม่บุญธรรมของ “เพียงพิสุทธิ์”ภรรยาของอาศิระ อาศิระน่ะต่างกับเขา เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ไปปล้ำหนูภีร์ล้วงคอแม่เสืออย่างอรพิชชาแบบที่อาศิระทำ
อาศิระทำหน้าไม่ใส่ใจก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่สน โคแก่เหมือนกัน มีปัญหาม่ะ”
“ไอ้ทุย”
“ทำไมไอ้โค”
“ไอ้เห็บหมา”
“อ้าว พูดงี้ก็สวยดิว่ะไอ้รันทด”
“บร๊ะ ไอ้เห็บหมา วันนี้จะเอาว่างั้น”
“เอาดิ ถ้ามีปัญญา”
“ไอ้เห็บหมาวันนี้แกเจอ เจอแน่ ๆ” “แน่จริงมาเลย มา”
“พักยกครับ พักยก” คีตวัตรพูดแยกคู่ปรับให้ถอยห่างกันก่อนที่สงครามน้ำลายจะเกิดขึ้น “แกจะโทรหาเมีย เอ๊ย ว่าที่เมียก็รีบๆ เพื่อนที่รออยู่เนี้ยมีลูกมีเมียต้องกลับไปหาน่ะเว้ย”
อิสรันชี้หน้าคู่กรณีก่อนที่จะโทรศัพท์หาว่าที่เจ้าสาวที่กินขนมรออยู่ที่ร้านใกล้ๆ สนามฟุตบอลนี้ รอไม่นานสาวน้อยผู้ร่าเริงก็เข้ามา
“มีอะไรเหรออารัน สวัสดีคร่าน้าๆ” เด็กสาวถามก่อนที่จะทักทายเพื่อนๆ ของอิสรัน บุคคลเหล่านี้ต่างคุ้นหน้าคร่าตากันดีกับเด็กสาว เพราะความที่เธอเป็นถึงลูกสาวครูฝึก เขาเหล่านี้จึงแวะเวียนมาเยี่ยมครอบครัวของเธออยู่บ่อย ๆ แค่ก็ไม่เท่าอิสรัน
อิสรันเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะอธิบายให้เด็กสาวฟัง “คืออย่างนี้นะ...”
“เข้าใจแล้ว แต่หนูภีร์ไม่เลือกหรอกนะ ในเมื่อน้าๆ อยากจะทำซุ้มกันทุกคน ถ้าหนูภีร์เลือกไม่กี่คนที่เหลือที่ไม่ถูกเลือกก็คงเสียใจ เพราะงั้นก็จัดให้ครบทุกคนไปเลย” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะพูดต่อเมื่อเห็นว่าน้าๆ ทั้งหลายจะอ้าปากค้าน “พอๆ ไม่ต้องค้าน ตกลงตามนี้ นี่งานแต่งหนูภีร์นะ หนูภีร์เลือกเองค่ะไม่ใช่พวกน้าเลือก”
“บร๊ะ เจอน้องหนูภีร์นี่น้าไปไม่เป็นเลย เอาตามนี้แล้วกันนะพวกแก อย่าขัดใจน้องหนูภีร์ เดี๋ยวไอ้โครันมันจะเคือง”อาศิระพูดแถมยังพูดในเชิงหาเรื่องอิสรันอีกนิด
“หาเรื่องนะแก จะเอาเหรอ”
“ก็เอาดิว่ะ ไม่เอาไม่กวนเว้ย”
“เออ แกเจอแน่ไอ้หิน”
สองหนุ่มพูดท้าทายกันก่อนที่จะอิสรันจะถอดเสื้อเผยให้เห็นมัดกล้ามหนาแน่นและแข็งแรงจากนั้นจึงแล้วพากันวิ่งไปกลางสนามหญ้า
ภีรพิชชามองอย่างตกใจก่อนที่จะถามคีรติ “อารันกับน้าหินจะต่อยกันเหรอคะน้าคิว”
“เปล่าหรอกน้องหนูภีร์ มันจะแข่งกันน่ะ เฮ้ย วันนี้ฉันอยู่ทีมไอ้หินเว้ย หมั่นไส้ไอ้รัน” คีรติตอบก่อนที่วิ่งตามไปหาอาศิระ
เด็กสาวยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงุนงง บรรดาเพื่อนๆ ของอิสรันไม่ยอมตอบแต่กลับวิ่งไปเหมือนเลือกข้าง ใครอยู่ข้างอิสรันก็ถอดเสื้อทิ้งไว้ส่วนที่อยู่ข้างอาศิระก็วิ่งไปโดยไม่ได้ถอดเสื้อ
ภีรพิชชาหันมองคุณหมอทหารหนุ่มหล่อที่ไม่ได้วิ่งไปคล้ายจะถามแต่ก็ไม่ถามก่อนที่จะต้องอ้าปากเหวอ เมื่อไอ้การแข่งกันที่คีรติว่านั่นคือการเตะฟุตบอลนี่เอง
“อีโธ่ ทำท่าอย่างกับจะยกพวกตีกันที่ไหนได้เตะบอล ทำเอาตกใจหมด” เด็กสาวพูดกับตัวเองก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไปหาที่นั่งรอกันเถอะ คงจะแข่งกันจนเหนื่อยโน้นแหละถึงจะพากันกลับ” คีตวัตรพูดก่อนที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆ ขอบสนามที่ทำเลดีมองเห็นได้ทั้งสนามโดยมีเด็กสาวเดินตามไป
“ทำไมน้าคีย์ไม่ไปเล่นด้วยอะ” เมื่อได้ที่นั่งที่เหมาะสมแล้วเด็กสาวก็ถามเพื่อนสนิทของว่าที่เจ้าบ่าวด้วยความอยากรู้
คีตวัตรระบายยิ้มออกมาก่อนที่จะเอ่ยบอก “น้าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวาน เข้าไปห้ามคนเมาแล้วโดนแทงน่ะ อุบัติเหตุ ยังเจ็บอยู่เลยไม่อยากเสี่ยง ไอ้พวกนั้นไม่มีใครรู้หรอก”
“แน่ใจอะเปล่าว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่อยากเจ็บตัวไปอ้อนพี่หมอออยเหรอ อันแนะ แนะ แน้ หนูภีร์ทายถูกอะจิ” เด็กสาววัยรุ่นถามออกมาทำเอาคนอยากเจ็บตัวไปอ้อนหมอถึงกับหัวเราะแห้งๆ ออกมา
“เหอะๆ รู้ทันน้าอีก ไปได้ยินมาจากทางไหนเนี้ยเราว่าน้ากำลังจีบหมอออย” คีตวัตรเอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจ ในตอนนี้เขากำลังตามจีบหมอสาวคนหนึ่งที่เขาถูกใจเอามาก ๆ แต่ก็มีคู่แข่งคนสำคัญอย่างคีรติที่ไปขายขนมจีบหมอคนนั้นอยู่เหมือนกัน ยิ่งช่วงที่เขาโดนเพจที่เต้าข่าวอิสรันกับภีรพิชชาเล่นงานก่อนหน้านี้ว่าไปเป็นชู้กับภรรยาชาวบ้าน “หมอออย”ก็ตีตัวออกห่างจนเขาใจหาย
“จะจากใครล่ะ ก็จากยัยอิมน้องสาวพี่ออยเพื่อนของหูภีร์นั่นแหละ บอกว่าวันนี้คุณหมอมาจีบพี่ออยอีกแล้ว คราวนี้มานอนแช่โรงบาลตั้งหลายวัน” ภีรพิชชาพูดก่อนที่จะหันไปมองในสนามแล้วเห็นอิสรันกำลังยิงลูกฟุตบอลเข้าประตูพอดี “ว้าวววว อารันเก่งจัง อารันสู้ๆ อารันสู้ตาย อารันไว้ลายสู้ตายสู้”
“โว้ยๆ เขามีสาวมาเชียร์เว้ยพวกเรา” “ฮิ้วววว” เสียงแซวดังขึ้นในสนามทำให้สนามเตะฟุตบอลกลายเป็นสนามไล่เตะคนไปโดยปริยายก่อนที่อาศิระจะวิ่งมาหาเด็กสาวซึ่งลุกขึ้นเชียร์เพราะเขาถูกอิสรันไล่เตะ ชายหนุ่มหลบหลังเด็กสาวจนคนหมายจะฟาดก้นเพื่อนสักป๊าบสองป๊าบได้แต่หาทาง พออิสรันจะเตะซ้ายอาศิระก็หลบมาทางขวาของภีรพิชชาก่อนที่อิสรันจะได้เตะหนุ่มเกือบใหญ่ผู้ชอบหาเรื่องเพื่อนก็ผลักร่างบางเซเข้าไปในอ้อมกอดของอิสรันทันที
“ฮิ้วววว” เสียงโห่แซ็วจากเพื่อนๆ ดังขึ้นเมื่อเพื่อนผู้สุขุมของพวกเขามองว่าที่เจ้าสาวจนแทบไม่วางตา
“พ่อหมอครับพ่อหมอ ไหนลองทำนายชีวิตเพื่อนรันหน่อยสิครับ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงดังก่อนที่จะมีอีกคนรับมุกเป็นพ่อหมอ
“อั๊วทำนายได้เลยว่า อีจะต้องหลงเมีย ตามใจเมีย อะไรๆ ก็เลี้ยวแต่ เอ๊ย เเล้วแต่เมีย เข้าตำราและสมาคมโคแก่กระแดะกินหญ้าอ่อนแถมเกลียมัวแบบไอ้หินผาชัวร์ แต่คนนี้บอกเลย ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ชี้ผู้ชายไอ้รันต้องหึงโหด555” เสียงทำนายและเสียงหัวเราะดังมาจนอิสรันหันมาเถียงทันที
“ไม่มีทางเว้ย ไอ้พ่อหมอมั่ว คนอย่างอิสรันไม่เข้าตำราและสมาคมเดียวกับไอ้เห็บหมานั่นหรอก” อิสรันพูดโดยไม่ได้มองหน้าว่าที่เมียเลยสักนิด ชิชะๆ หนูภีร์ไม่ชอบแบบนี้ ไม่ชอบอย่างแรง
“เอาแล้วๆ พูดไม่เกรงใจว่าที่เมียเลย เมื่อไอ้รันพูดเช่นนี้ว่าที่เจ้าสาวครับมีอะไรจะบอกว่าที่เจ้าบ่าวมั้ยครับ” คีตภัทรเอ่ยถามก่อนที่อิสรันจะหันมามองเด็กสาว
ภีรพิชชามองหน้าเอาเรื่องแล้วประกาศกร้าวอย่างหนักแน่น “น้าๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ โดยเฉพาะน้าหิน หนูภีร์จะจัดการให้อารันไปเข้าตำราและสมาคมเดียวกับน้าหินให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องมาเรียกว่าภีรพิชชา”
“เอาแล้วๆ ไอ้คุณรันฮะฮะฮา แกโดนดีแน่” อาศิระพูดพลางแลบลิ้นใส่ราวกับเด็ก อิสรันหันไปชี้หน้าก่อนที่จะวิ่งตามไป ความชุลมุนที่เหมือนจะสนุกสนานเกิดขึ้น เด็กสาวเข้าไปวุ่นในวงชุลมุนด้วยโดยเป้าหมายของเธอก็คืออิสรันนั่นแหละ
“พูดจริงเหรอ เมื่อกี้น่ะ” อิสรันเอ่ยถามขึ้นเมื่อเพื่อนฝูงพากันนั่งพัก เขาพาว่าที่เจ้าสาวแยกออกมานั่งห่างๆ
“แน่ดิ แค่คิดก็หนุกดีออก” ภีรพิชชาเอ่ยบอกก่อนที่จะหันมาจ้องหน้า “เตรียมตัวเตรียมไว้นะอารัน หนูภีร์จะป่วนหัวใจอารันให้ว้าวุ่นไปเลย ป่วนจนหนูภีร์ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ หนูภีร์ว่าไงอารันว่างั้นไปเลย”
“หึ แล้วมาดูกันเหม่งน้อย ว่าอาจะว้าวุ่นก่อนหรือเราจะใจละลายก่อนกัน” อิสรันพูดในเชิงท้าทาย ก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าใครจะว่าไงว่าตามใคร แต่วันนี้เขามั่นใจล่ะ ว่าเขาทำให้เหม่งน้อยละลายได้ ประกาศสงครามใช่ มั้ยได้ มาดูกันต่อไปหัวเหม่ง ว่าเรากับอาเนี้ยใครจะชนะ
