บทที่8 ขยับเข้ามาได้มั้ย ขยับมาใกล้กัน
“ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกันเธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ ขยับเข้ามาได้มั้ยขยับมาใกล้กันขยับความสัมพันธ์มารักกับฉันนะเธอ” เสียงร้องพร้อมเสียงกีตาร์ดังลั่นไปทั้งห้องเรียนก่อนที่เจ้าของเสียงร้องจะยื่นดอกกุหลาบให้ภีรพิชชา
ดวงตาคมประดุจเหยี่ยวแต่ก็หวานปานน้ำตาลมองดอกกุหลาบที่ยื่นมาตรงหน้าก่อนที่จะหันไปมองเด็กหนุ่มคนที่เล่นกีตาร์ทีคนที่ยื่นดอกไม้มาให้ที เด็กหนุ่มทั้งสองคนเป็นฝาแฝดที่ฮอตที่สุดในโรงเรียนคนที่มองมาเห็นคงคิดว่าสองหนุ่มกำลังร้องเพลงจีบภีรพิชชาอยู่แน่ ๆ
มือบางเรียวกวักมือไปทางหนุ่มน้อยผู้ดีดกีตาร์ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินเข้ามาแล้วปลดกีตาร์ยื่นให้ เด็กสาวที่นั่งอยู่จัดท่าให้เหมาะจะดีดกีตาร์ก่อนที่จะดีดเป็นท่วงทำนองไพเราะ
ก่อนที่เสียงหวานนุ่มจะดังออกมาจากริมฝีปากบางขับขานเนื้อเพลงจนหวานละมุน “ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกันเธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ ขยับเข้ามาได้มั้ย ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ”
แปะ แปะ แปะ
“สุดยอดว่ะภีร์ ถ้าเธอจะเก่งขนาดนี้ เธอมาร้อง ไอ้บีมเล่นกีตาร์ เราว่าหวานใจต้องรับรักเราแน่เลยว่ะ” เด็กหนุ่มผู้ถือดอกกุหลาบอยู่อย่าง “กิตติดนัย” หรือ แบงค์ เอ่ยบอกส่วนเจ้าของกีตาร์อย่าง”กวินดนัย” หรือ บีม ได้แต่ตบมืออึ้งๆ
ภีรพิชชายื่นกีตาร์กลับให้กวินดนัยก่อนที่จะพูด “ไม่ไหว พวกนายก็รู้ยัยหวานใจนั่นชอบขี้หน้าเราที่ไหน แต่ถือว่าผ่านนะเมื่อกี้ ติดอย่างเดียว คือหน้านายสองคนเหมือนกันเราว่าเดี๋ยวน้องหวานใจนั่นจะงงว่าที่มาจีบอ่ะพี่แบงค์หรือพี่บีม ถ้าผิดพลาดขึ้นมาจบเห่เลยนะ”
“จริงของภีร์มันนะไอ้แบงค์” กวินดนัยพูดในขณะที่ภีรพิชชาลุกขึ้นยืนแล้วจับเอากระเป๋าเป๋มาสะพายหลัง
“เอาเป็นว่าคิดกันเอาเองนะ โรงเรียนเลิกตั้งครึ่งวันไปเที่ยวดีกว่า” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินออกจากห้องเรียนไป วันนี้ครูมีประชุมทำให้โรงเรียนปิดครึ่งวันแถมวันพรุ่งนี้ก็ปิดอีกหนึ่งวันแถมวันถัดไปก็ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์เท่ากับได้หยุดสามวันครึ่งงานนี้เธอก็เที่ยวได้สบายเลย
สองหนุ่มแฝดคนละฝาหยิบกระเป๋าและกีตาร์แล้วเดินตามออกมาก่อนที่กวินดนัยจะถามขึ้น “โรงเรียนปิดครึ่งวันแบบนี้ไปเที่ยวไหน ไปด้วยดิ”
“เออๆ ไปด้วย” กิตติดนัยเอ่ยบอก ด้วยความที่กวินดนัยเป็นประธานนักเรียน ส่วนเขาและภีรพิชชาเป็นรองประธานนักเรียนทั้งสามคนจึงไปไหนมาไหนด้วยกันแทบตลอดจึงสนิทสนมกับภีรพิชชาพอๆ กับพลอยรัมภาและมุทิตาเลยทีเดียวจึงชอบไปเกาะติดภีรพิชชาไปทุกที่
“ไม่ได้ เราจะไปเที่ยวสัตหีบ” เด็กสาวเอ่ยบอกพลางก้าวฉับๆ มาถึงสนามหน้าโรงเรียน ก่อนที่สายตาของทั้งสามคนจะหันไปเห็นร่างสูงโดดเด่นของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเล่นฟุตบอลอยู่กับนักเรียนชายอีกหลายคน แถมยังมีเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างชื่นชอบ
“โอ๋แม่เจ้า ทำยังไงเราถึงจะเท่ได้แบบไอ้นิคมันว่ะ” กิตติดนัยพูดออกมาเมื่อเห็นความสง่างามของเด็กหนุ่มคนนั้น “นนทกร” หรือ “นิค” นักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาช่วงต้นเทอมนี้ เด็กหนุ่มโดดเด่นทั้งด้านกีฬาและด้านการเรียนแถมหน้าตายังหล่อเหลาเอาการจนที่ชื่นชอบของนักเรียนหญิงเกือบทั้งโรงเรียน
“เท่ตายล่ะ โด้ว ชอบโชว์” กวินดนัยพูดอย่างหมั่นไส้เพราะไม่นานมานี้แฟนที่คบกันมาตั้งแต่ม.4ของตนมาบอกเลิกไปคบกับเด็กหนุ่มผู้โดดเด่นคนนั้นจนทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไร
“ไปนะ” เสียงแสดงความไม่ได้สนใจนักเรียนหนุ่มรูปงามของภีรพิชชาเอ่ยบอกก่อนที่จะสาวเท้าเดินไปอีกทางอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“อย่างน้อยก็ภีร์คนหนึ่งล่ะหว่าที่ไม่สนใจไอ้นิคนั่น”
“มันก็แหงอยู่แล้วไอ้บีม น้ารันน่ะออกจะหล่อ หล่อกว่าไอ้นิคกี้นั้นเยอะ” สองหนุ่มแฝดคนละฝาพูดคุยกันอย่างสะใจแล้วเดินตามภีรพิชชาไป
“นี่จะตามมาทำไม” เด็กสาวถามสองหนุ่มน้อยที่ตามมาใบหน้ามุ้ยขึ้นทันที เธออุตส่าห์จะไปแกล้งว่าที่เจ้าบ่าวให้สาสมกับที่อารันหายหน้าหายตาไปเกือบสองอาทิตย์สองคนนี้จะตามไปจุ้นทำไม
“อ้าว ใครว่าตาม เราสองคนจะไปหาน้ารันตะหาก หลานแท้ๆ เขาจะไปหาน้าผิดไรยัยว่าที่น้าสะใภ้” กวินดนัยพูดก่อนที่จะทำหน้าล้อเลียน เด็กหนุ่มทั้งสองเป็นหลานน้าแท้ๆ ของอิสรันแต่กลับรู้สึกอิจฉาภีรพิชชาและภีมภพขึ้นมานิดๆ ที่น้ารันของพวกเขาให้ความใส่ใจมากมายแต่ก็แค่อิจฉาไม่มีความริษยาอะไร ตอนที่รู้จากมารดาว่าน้าหนุ่มจะแต่งงานกับภีรพิชชาพวกเขาก็เริ่มล้อเลียนเพื่อนสาวจนภีรพิชชาไล่เตะมาหลายครั้งเหลือเกิน
“พวกนายนี่ก็นะอยากโดนเตะเหรอ” เด็กสาวพูดก่อนที่จะไล่เตะก้นสองหนุ่มน้อยไปจนถึงหน้าโรงเรียน โดยไม่ได้เห็นเลยว่านนทกรมองมาทางรองประธานนักเรียนคนเก่งอย่างถูกใจ
เวลาต่อมา
สัตหีบ
“ขยับขวาอีกนิดสิรัน”
“ตรงนี้เหรอ”
“อีกนิดๆ” เสียงสั่งงานของอรพิชชาดังขึ้นที่เวทีในลานกว้างหน้าบ้านริมทะเลหลังหนึ่งมีเสียงอิสรันแทรกเข้ามาในบางครั้งไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นแม้แต่น้อย งานหมั้นและงานแต่งงานของอิสรันและภีรพิชชาจะเกิดขึ้นที่บ้านของอิสรัน อรพิชชาจึงมาเป็นแม่งานจัดการคุมการจัดสถานที่ส่วนอิสรันก็ต้องมาช่วยว่าที่แม่ยายแทบทุกวัน
“เจ๋ง เวทีก็เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ประมาณ20%ก็เสร็จสมบูรณ์ ยัยภีร์ต้องอึ้ง และประทับใจที่สุด” อรพิชชาเอ่ยบอกเมื่อมองความคืบหน้าของสถานที่จัดงาน
ติ๊ดๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้อิสรันต้องหยิบขึ้นมากดรับ “ว่าไงเจ้าบีม ไม่ต้องมาที่บ้าน พาไปรอที่ร้านพี่ต้นพี่ตาลก่อน เอ่อๆ”
“หนูภีร์กับเจ้าแฝดมาสัตหีบกันครับ ทำไงดี” อิสรันหันมาถามว่าที่แม่ยายทันทีที่กดวางสาย
อรพิชชาขบคิดเพราะไม่อยากให้ลูกสาวเห็นสถานที่จัดงานจนกว่าจะถึงวันงาน “เธอไปหาสามคนนั้นนะ ถ้ายัยภีร์กับหลานเธอจะพักที่บ้านก็พาไปบ้านพักเธอหรือไม่ก็บ้านหลังอื่นที่ไม่ใช่บ้านใหญ่นี่ พี่ยังไม่อยากให้ภีร์เห็น”
อิสรันพยักหน้าก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไปทันทีอรพิชชามองตามว่าที่ลูกเขยก่อนที่จะหันไปมองเวที “ฝันของคุณกำลังจะเป็นจริงแล้วนะภัค แต่อรขอแสดงบทแม่ยายจอมดุแทนคุณนะคะ”
ด้านอิสรันขับรถออกจากบ้านมาถึงร้านกาแฟเบเกอรี่ที่ใช้ชื่อว่าร้านพี่ต้นพี่ตาลในเวลาไม่ถึง20นาที เจ้าของร้านคือ ศกลตลา หรือตาล และ “เรือตรีติณภัทร” หรือ ผู้หมวดต้น สองพี่น้องฝาแฝดวัย27ปี และติณภัทรก็เป็นนายทหารประจำเรือของอิสรันด้วยและยังเป็นอีกหนึ่งในสมาชิกหน่วยพิเศษวาฬเพชฌฆาต
ร่างสูงเดินเข้ามาในร้านก่อนที่จะเห็นสามหนุ่มสาวนั่งแย่งกินขนมกันอยู่ ใบหน้าของภีรพิชชาเปื้อนเศษขนมและครีมไปทั้งแก้มแต่ยังคงความน่ารักสดใส
“เจ้าบีมเจ้าแบงค์ใครสอนให้แกล้งผู้หญิงฮึ” อิสรันแกล้งเอ่ยถามขึ้นทั้งที่เห็นใบหน้าของหลานๆ นั้นมอมแมมกว่าภีรพิชชาเสียอีก
“น้ารันสายตาไม่ดีอ่ะ มองยังไงถึงว่าเราสองคนแกล้งยัยนี่ ดูหน้าบีมกับแบงค์ดิ ดูได้ซะที่ไหน” กิตติดนัยพูดก่อนที่น้าหนุ่มจะหัวเราะออกมา
อิสรันหัวเระสักครู่ก่อนที่จะเอ่ยบอก “มันก็ดูไม่ได้กันทั้งหมดนั่นแหละ เช็ดออกเลยมอมแมมกันหมดแล้ว เช็ดให้สะอาดนะโดยเฉพาะเจ้าแฝด ถ้าไม่สะอาดเจอดี”
กวินดนัยและกิตติกวินหันหน้ามองกันก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งข้างๆ กันก่อนที่จะหยิบทิชชูมาเช็ดให้กันแทนที่จะเช็ดหน้าตัวเอง เพราะมั่นใจได้ว่าต้องสะอาดกว่าการเช็ดเอง
“ทำไมเราจิ้นเนี้ย หึหึหึ” ภีรพิชชาพูดก่อนที่จะหยิบทิชชูมาเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่อิสรันนั่งลงข้างๆ เด็กสาวแล้วหันมามอง
“สะอาดยัง หมดจดแล้วชิมิ” เด็กสาวถามออกมาเมื่อคิดว่าเช็ดจนหมดจดแล้ว อิสรันไม่ตอบแต่กลับหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดริมฝีปากบางที่เปื้อนคราบครีมอย่างเบามือ ดวงตาจ้องมองกันอีกฝ่ายตกใจในขณะที่อีกฝ่ายมองด้วยรอยยิ้ม
“ทีนี้ก็สะอาดแล้ว” อิสรันพูดก่อนที่จะหันไปมองกิตติดนัยและกวินดนัยที่ตอนนี้ผละออกจากการเช็ดหน้าชวนสยองแล้ว กวินดนัยเดินมานั่งข้างๆ น้าหนุ่มก่อนที่จะตักขนมขึ้นหนึ่งชิ้น
“อ้ำ ๆ น้ารัน อ้ำ” กวินดนัยพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนๆ หนุ่มเกือบใหญ่จึงยอมอ้าปากรับขนมชิ้นนั้น
“เก่งมากครับน้ารัน” กวินดนัยพูดก่อนที่จะแตะหลังช้อนประกบริมฝีปากของคนเป็นน้า แล้วสองพี่น้องก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ในขณะที่สาวน้อยคนเดียวในกลุ่มยกมือขึ้แตะริมฝีปาก สีหน้าเห่อร้อนขึ้น
“น้าได้จูบเพื่อนบีมกับแบงค์แล้วต่อไปดูแลเพื่อนพวกเราดี ๆ นะครับ” กิตติดนัยพูดยิ่งสร้างความเขินให้เพื่อนสาว ก่อนหน้าที่อิสรันจะเข้ามาภีรพิชชาใช้ช้อนคันนั้นตักขนมเข้าปากแถมยังจูบหลังช้อนคันนั้นอย่างติดนิสัย ใครว่าเธอแสบอิตาแฝดนี่แสบกว่านะขอบอก โอ๊ยภีร์เขิน มันรู้สึกเหมือนอารันจูบเธอผ่านช้อนเลย
อิสรันฟังแล้วหันมองช้อนอีกครั้งพลางนึกไปถึงนิสัยของเด็กสาวจนต้องเอ่ยถามขึ้น “นี่อย่าบอกนะว่าช้อนคันนี้...”
“ของภีร์ครับผมมมม”
คำตอบของหลานชายทำขึ้นเป็นน้าทำหน้าไม่ถูกไม่พักใหญ่ จะด่าว่าแสบหรือจะเขิน หรือจะอะไรเขาก็ทำไม่ถูกได้แต่นั่งเงียบไป เช่นเดียวกับภีรพิชชาที่นั่งเงียบใบหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
“ขยับเข้ามาได้มั้ย” กวินดนัยร้องเพลงพลางนั่งกระแซะน้าหนุ่มจนขยับเข้าไปใกล้ภีรพิชชา
ในขณะกิตติดนัยเองก็กระแซะเพื่อนสาวจนต้องขยับไปแนบชิดกับอิสรันด้วย เพราะโต๊ะที่พวกเขาเลือกเป็นโซฟาไม่ใช่เก้าอี้เหมือนโต๊ะอื่นถึงทำแบบนี้ได้
“ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกันเธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ ขยับเข้ามาได้มั้ยขยับมาใกล้กันขยับความสัมพันธ์มารักกับฉันนะเธอ”
สองหนุ่มน้อยประสานเสียงกันร้องเพลงในขณะที่อิสรันหันมามองเด็กสาวด้วยสายตาหวาน ภีรพิชชารู้สึกเขินจนต้องลุกขึ้นยืนแต่แล้วร่างของเธอก็เซลงไปนั่งบนตักของอิสรันตามแรงผลักของกิตติดนัย
สองสายตามองสบประสานกันดั่งต้องมนต์ การได้สบตาหวานคู่นี้ทำให้อิสรันไม่ใช่เพิ่งเริ่มจะตกหลุมรักแต่ตกหลุมรักเด็กสาวเข้าไปแล้วเต็มๆ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นระส่ำไม่กลัวเจ้าของจะขาดใจตาย ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว นับว่าโชคยังเข้าข้างเขานะที่กำลังจะให้เขาได้แต่งงานกับเธอไม่เช่นนั้นใจมันคงจะระเบิด
ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะเลื่อนจมูกลงสัมผัสกับแก้มเนียนเบาๆ แล้วขยับออก “มัดจำไว้ก่อนนะ อากลัวเรานะตื่นเปลี่ยนใจล้มเลิกงานแต่ง ถ้าเปลี่ยนใจจะจูบให้ขาดใจตายเลย”
“อึก อึก” คนเขินถึงกับเกิดอาการสะอึก เด็กสาวมักเป็นแบบนี้เสมอเมื่อตื่นเต้นหรือเขินมาก ๆ แต่ที่ผ่านมาไม่ค่อยจะเป็นมากนัก
“555 เขินจนสะอึกเลย โอ๊ยทำไมตรงนี้มันหวานจังเว้ย มดตรึมเลย” กวินดนัยแซ็วก่อนที่คนเขินจะลุกขึ้นยกมือเท้าสะเอว
“มดเยอะ งั้นแตะมดให้ตายมะ” ภีรพิชชาพูดก่อนที่จะไล่เตะเพื่อนก่อนที่จะต้องลื่นจนล้มลงไปนั่งก้มจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น
“เจ็บมั้ย มาขึ้นหลังอาดีกว่า” อิสรันที่เดินมาดูเอ่ยบอกก่อนที่จะหันหลังให้ เด็กสาวกระโดดขึ้นหลังก่อนที่บัญชาการทันที “วิ่งตามสองตัวนั่นไป หนูภีร์จะเตะก้นมัน”
อิสรันหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะทำตามคำบัญชาแต่ด้วยความที่เขาวิ่งเร็วไปเด็กสาวจึงต้องกอดคอไว้แน่น ความใกล้ชิดเนื้อแนบเนื้อมากกว่าทุกครั้งมันทำให้คนที่อยากแอบคิดไม่ซื่อกับว่าที่เจ้าบ่าวขึ้นมาใจเต้นตึกตักไปหมด นี่แค่อยากลองคิดไม่ซื่อหรือเธอคิดไม่ซื่อไปแล้วก็ไม่รู้
เย็นวันนั้น
ซู่! ซ่า!
เสียงของทะเลดังเป็นระยะในขณะที่กวินดนัยและกิตติกวินนอนราบกับพื้นทรายอย่างสบายใจ ภีรพิชชามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกด้วยใจที่นิ่งสงบ
“ชอบที่นี่มั้ย” อิสรันที่เดินมาพร้อมกับขวดน้ำดื่มเอ่ยถามก่อนที่จะนั่งเบียดลงข้างๆ จนภีรพิชชาต้องบ่นกระปอดกระแปดออกมา “ที่มีตั้งกว้างมาเบียดหนูภีร์ซะงั้น”
“ก็อยากนั่งข้างๆ ว่าที่ภรรยา เหม่งมีปัญหาไรป่ะ” หนุ่มเกือบใหญ่เอ่ยบอกก่อนที่จะยื่นขวดน้ำให้ก่อนที่ปล่อยมุกเด็ดออกมา “รับน้ำแล้วรับใจคนให้ไปด้วยนะ หัวใจคนให้ยังไม่มีเจ้าของ”
“ฮิ๊วววว” เสียงของสองแฝดดังขึ้นจนภีรพิชชาอยากจะปาขวดน้ำไปใส่นัก ถ้าไม่ติดว่าเสียดายน้ำนะปาไปแล้ว
“นึกอะไรถึงพูดแบบนี้ครับน้ารัน ใจละลายเลยฮิ้ววว” กวินดนัยถามออกมาล้อเลียนระคนสงสัย ไม่เคยเห็นน้าหนุ่มพูดอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง
อิสรันหัวเราะเบาๆ แก้เขินแล้วหันไปตอบพร้อมไล่อีกฝ่ายทันที “นึกอะไรก็เรื่องของน้า ไปๆ นายสองน่ะไปนอนไกลๆ เลยก่อนจะโดนบาทา”
“เซี้ยวนะน้าเรา” สองหนุ่มน้อยพูดก่อนที่จะย้ายไปนอนห่างๆ ภีรพิชชาหันหน้าไปมองพระอาทิตย์แทนการมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนเพราะเขินอาย
“อ้าว ไม่รับน้ำเหรอ รับน้ำกับหัวใจคนให้หน่อยสิครับคุณว่าที่เจ้าสาว ว่าที่เจ้าบ่าวยื่นนานแล้วนะเมื่อยแขน” อิสรันเอ่ยบอกพร้อมยิ้มหวานให้ ภีรพิชชาค่อยหยิบน้ำมาเปิดดื่มแก้เขินแล้วก็ต้องสำลักออกมากับคำพูดของเจ้าของขวดน้ำ
“รับหัวใจอาไปแล้ว ดูแลดี ๆ ห้ามเจ็บ ห้ามตาย อยู่กับอาไปนาน ๆ นะ เหม่งน้อย”
“แค่กๆ อะ อะ อารัน” เด็กสาวสำลักก่อนที่ะเรียกอย่างทำอะไรไม่ถูก
“อาไม่ได้บ้านะ ที่อยู่ ๆ พูดแบบนี้ แต่อาแค่พูดไปตามความรู้สึก และอยากให้เราเหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานกันมากกว่าอากับหลานด้วย”อิสรันพูดก่อนที่จะนอนราบลงกับพื้น
“ไปไม่เป็นเลยแบบเนี่ย” ภีรพิชชาพูดก่อนที่จะดื่มน้ำต่อแก้เจินแล้วมองดูพระอาทิตย์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร อีกแค่สองอาทิตย์ระหว่างเธอกับอิสรันจะเปลี่ยนไปแต่เธอก็เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เลือกนั้นดีแล้ว จะรักอารันหรือไม่ภีร์ไม่รู้ แต่ภีร์รู้แค่ว่าต่อจากนี้ไปเธอจะได้แกล้งอิสรันได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา เธอจะป่วนอิสรันให้ไม่กล้าทิ้งเธอเลยคอยดู คิดแล้วก็แปลกๆ แต่มันคงสนุกไม่น้อยเลย
