บทที่7 ตกลงตามนี้นะ
‘ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการชี้แจงสักนิดนะครับ ผม นาวาโทอิสรัน เป็นคนในรูปจากเพจ...ที่โพสต์เมื่อเช้าที่ผ่านมา หลายคนอาจจะสงสัยว่าผมจะออกมาปฏิเสธ มาอ้าง มาโกหกใช่มั้ย เปล่าครับ ผมไม่ได้มาปฏิเสธมาอ้างอะไร แต่ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าที่ต้องปกป้องชื่อเสียงของผู้หญิงครับ จากกระแสสังคมในเพจบอกได้ดีว่าใครๆ ก็ต้องมองฝ่ายหญิงไม่ดี ทำตัวไม่งาม ไม่น่ารัก ผมอยากให้ทุกคนเลิกมองแบบนั้นนะครับ เพราะว่าที่ในเพจโพสต์ไปนั้นแทบไม่มีความจริงอยู่เลย ผมไม่ได้พาเธอไปไหนหรือไปทำอะไรมา เราสองคนนั้นอยู่บนเรือนั้นและเรือก็ไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนยังอยู่ตรงนั้น ผมพาเธอมาถึงในช่วงเที่ยงคืน ส่วนเหตุผลผมขอละไว้ไม่บอกเพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมกับเธออยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย มีแค่เพียงกอดเพราะอากาศหนาวผมกลัวเธอจะหนาวหรือเป็นไข้ ผมกับภีรพิชชารู้จักกันมานานแล้วครับ ไม่ใช่เพิ่งรู้จัก ไม่มีการหลอกมาหรือแอบพากันมา ส่วนสถานะเราเป็นคู่หมั้นกันครับ และกำลังจะแต่งงานกันเดือนหน้า เพราะคุณยายของเธอท่านกำลังป่วยหนักก่อนตายอยากเห็นหลานสาวเป็นฝั่งเป็นฝา การที่ผมนอนกอดกับคู่หมั้นคู่หมายของตัวเองก็คงไม่ผิดนะครับ ผมให้เกียรติภีรพิชชาเสมอ ไม่ได้ทำเรื่องผิด ไม่ได้ล่วงเกินอะไรเธอ แอดมินเพจ...ไม่ควรใช้อคติกับข้าราชการแล้วแฉเรื่องมั่วๆ ไปเรื่อยนะครับ ผมกับหมอคีย์ไม่เอาเรื่องก็ดีแล้ว พวกผมไม่ใช่คนดีเลิศแต่ก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนแบบที่แอดมินทำนะครับ ท้ายนี้ก็ขอเชิญร่วมงานมงคลสมรสระหว่างผมกับภีรพิชชาด้วยนะครับแอดมิน ทุกท่านด้วยครับ ขอบคุณครับ’
สายตาคมหวานกวาดสายตาอ่านโพสต์ล่าสุดของอิสรันแล้วขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะหันไปถามคนเป็นยาย “ทำไมคุณยายต้องให้อารันโพสต์ไปแบบนี้อ่ะ โกหกหลอกลวงชัดๆ ทั้งคู่หมั้นเอย คุณยายป่วนหนักเอย ไปกัดแอดมินอีกต่างหาก”
“ยายก็ไม่ได้โกหกนะ ยายป่วยเป็นโรคหัวใจเราก็รู้” คนเป็นยายเอ่ยบอกก่อนที่จะฉวยโทรศัพท์จากมือของหลานสาวมาดู
“แต่ก็โกหกเรื่องคู่หมั้นอยู่ดีอ่ะ”
“ใครบอกว่าโกหก นี่เราจำไม่ได้ล่ะสิ ตอนเด็กๆ น่ะพ่อเราบอกว่าโตขึ้นจะให้แต่งงานกับผู้การเขา แบบนั้นก็คือหมายหมั้นกันไว้แล้ว” คนท้วงหุบปากฉับแล้วหันมองมารดาทันทีที่ผู้เป็นยายบอก
อรพิชชาเหมือนจะรู้ว่าลูกสาวหันมาทำไมจึงได้แค่พยักหน้าให้ ตอนที่ภีรพิชชายังเด็ก เรียกได้ว่าเพิ่งหัดตั้งไข่จนถึงอนุบาลสาม ภควัตมักจะบอกว่าถูกใจอิสรันนัก ถ้าโตขึ้นแล้วอิสรันไม่มีใครจะยกลูกสาวให้เป็นภรรยา หมายมั่นว่าจะเอาอิสรันมาเป็นเขยขวัญให้ได้แต่เธอก็ไม่รู้ว่าภควัตพูดเล่นหรือพูดจริง
“ชัดเจนนะ ส่วนเรื่องจะไปยังไงต่อ เราไปคุยกับผู้การเขาเองแล้วกัน” คุณสุมณฑาเอ่ยบอกทำให้คนเป็นหลานลุกขึ้นเดินหน้ามุ้ยไปหาอิสรันที่ว่ายน้ำอยู่ที่สระหลังบ้าน เวลาที่มีเรื่องให้คิดมาก ๆ อิสรันมักจะชอบว่ายน้ำเป็นการผ่อนคลาย
ภีรพิชชาหันซ้ายหันขวามองหาร่างของคนที่อยู่ในน้ำแต่มองอย่างไรก็ไม่เห็น ขายาวก้าวมาหยุดที่ขอบสระก่อนที่จะนั่งยอง ๆ ลง ดวงตายังสอดส่องหาร่างของคนที่อยากคุยด้วยก่อนที่จะต้องตกใจนิดๆ เมื่อร่างของชายหนุ่มผุดขึ้นมาตรงหน้า สองสายตาปะทะกันอย่างจัง
“มานั่งทำไมตรงนี้ฮึ” อิสรันเอ่ยถามขึ้นแต่สายตายังจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่คม
ภีรพิชชารู้สึกร้อนวูบจนต้องเบือนหน้าหนีแล้วตอบกลับ “มีเรื่องจะคุยกับอารันน่ะ”
“คุยอะไรฮึ หรือว่าจะถามเรื่องแต่งงาน” ทันทีที่อิสรันพูดจบคนอายุน้อยกว่าต้องหันกลับมาพยักหน้า
แล้วพูดขึ้น “อารันไปคุยกับคุณยายหน่อยสิ หนูภีร์ไม่อยากแต่งงาน”
“ทำไมถึงไม่อยากแต่ง เพราะเจ้าบ่าวเป็นอาใช่มั้ยถึงได้ไม่อยากแต่ง เพราะอาแก่กว่า” อิสรันถามทำให้เด็กสาวต้องรีบตอบทันควัน “ไม่ใช่ค่ะ แต่หนูภีร์ยังเรียนอยู่”
เขาฟังแล้วมองใบหน้าเนียนแล้วพูดขึ้น “แต่งงานแล้วก็ไม่มีใครห้ามเรียนต่อนะ”
ภีรพิชชาทำหน้าอึดอัดก่อนที่จะท้วงขึ้น “แต่”
“ถ้าหนูภีร์ไม่อยากแต่งงานกับอา อาก็จะไปบอกคุณยายสุเอง ไม่ต้องคิดมากต่อให้เราไม่แต่งงานกันใครก็มาทำอะไรหนูภีร์กับคุณแม่ได้ แล้วก็จะไม่ให้ชื่อเสียงของคุณพ่อหนูภีร์แปดเปื้อนด้วย” อิสรันพูดพร้อมยิ้มบาง ๆ เป็นการปลอบใจ ภีรพิชชายังคงมีสีหน้าลำบากใจก่อนที่คิ้วทั้งสองข้างจะขมวดเป็นปม
ก่อนที่เด็กสาวจะเอ่ยปากถามขึ้น “ไม่มีงานแต่ง ชื่อเสียงคุณพ่อยังอยู่ดี แต่อารันจะทำแบบที่บอกเมื่อวานใช่มั้ย จะถอยห่างไปจากหนูภีร์ จากคุณแม่ แล้วก็พี่ภีม”
คำถามของภีรพิชชากลับได้คำตอบเป็นความเงียบ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะนั่นคือทางที่เขาเลือก
“ไม่ตอบ งั้นตอบได้มั้ยว่าถ้ามีงานแต่ง อารันจะทำยังไง จะไม่หายไปใช่มั้ย” ภีรพิชชาถามขึ้นก่อนที่อิสรันจะนิ่งคิดแล้วตอบออกไป
“ก็เตรียมตัวไว้เลย จะไม่มีอามีหลานอีกแล้ว อาก็จะไม่ห้ามใจแล้ว รักก็รักหว่า รักแล้วอาจะทำให้เรารักอาด้วย อนาคตอาจจะต้องตายหรือไม่ก็เป็นหม้ายสามีตาย” คำตอบของอิสรันทำให้ภีรพิชชาแสดงสีหน้าคิดหนักก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ก่อนที่เธอจะพูดแล้ว “งั้นแต่ง ยังไงหนูภีร์ก็ไม่ยอมให้อารันหายไป”
“แน่ใจ?” นายทหารหนุ่มเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจก่อนที่จะได้รับคำตอบที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นคง “แน่ใจที่สุด”
“งั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย ชีวิตหนูภีร์จะเปลี่ยนไปตลอดกาล” อิสรันเอ่ยบอกก่อนที่เด็กสาวจะหันหลังให้แล้วก้าวเดินออกไป
แต่ก่อนที่จะไปเธอทิ้งคำพูดไว้ให้อิสรันได้เผยยิ้มออกมา “กลับที่ไหนล่ะ อีกอย่างชีวิตอารันนั่นแหละะเปลี่ยนไป ตกลงตามนี้นะ”
“แล้วมาดูกันคุณว่าที่ภรรยา” เขาพูดกับตัวเองก่อนที่จะเริ่มว่ายน้ำต่อ มันเร็วไป ง่ายไป และไม่ทันตั้งตัว แต่เขาก็เลือกทางนี้
กระแสสังคมหันเหเข้าข้างอิสรันและเรียกร้องให้เพจออกมาขอโทษเรื่องราวจบลงด้วยการเข้ามาแสดงความยินดีกับว่าที่บ่าวสาวในขณะที่เรื่องราวของภีมภพและเจนจีรากลับไม่ง่ายเช่นนั้น
จังหวัดนครสวรรค์
ปัง ปัง ปัง
“ไหน ไอ้สารเลวตัวไหนมันมาทำลูกสาวข้าท้อง” เสียงปืนลูกซองดังขึ้นทำให้ภีมภพนึกหวั่นขึ้นมาไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ถอยไปไหนแต่เสียงดุๆ ของเจ้าของปืนต่างหากที่ทำให้ใจเขาเต้นตึกตักอย่างหวาดกลัว
ตอนนี้เขาอยู่ที่หน้าบ้านพ่อแม่ของเจนจีรา หลังจากที่เขาพาเจนจีราไปเจอมารดาและผู้เป็นยายและสารภาพเรื่องที่เจนจีรากำลังท้อง พร้อมทั้งเล่าที่มาที่ไปให้ได้รู้ หลายเดือนก่อนเขาไปเที่ยวกับเพื่อนทั้งเจนจีรา ตติภัทร พลอยวิภา และวารุณี และการไปเที่ยวครั้งนั้นทำให้เขาพลาดพลั้งมีอะไรกับเจนจีรา เจนจีราตีตัวออกห่างแต่เขาหน้าด้านตามตื้อ ทั้งยังหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับเธออย่างหน้าด้าน และอาทิตย์ก่อนเรื่องราวจะถูกเปิดเผยเขาก็ได้รู้ว่าเจนจีราท้อง วันนั้นยังไม่รู้จะทำอย่างไร แต่มาถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าควรพาผู้ใหญ่มาสู่ขอเจนจีราจากพ่อแม่ของเธอ
“ผมเองครับ” ภีมภพพูดพลางจ้องมองหน้าอย่างไม่หลบสายตา เขาอาจจะกลัวแต่ก็ไม่คิดหลบหลีก
“เอ็งรึ งั้นก็ตายซะเถอะ” เจษ ผู้เป็นพ่อของเจนจีราเอ่ยบอกพร้อมหันปืนลูกซองมาทางภีมภพด้วยสีหน้าโกรธ
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะพ่อ” จีรภา แม่เลี้ยงและน้าสาวของเจนจีราเอ่ยบอกทำให้เจษถอนอกถอนใจลดปืนลง
“มีอะไรเข้าไปคุยกันข้างใน” จีรภาพูดก่อนที่จะเดินนำเข้าไป อรพิชชาและอิสรันที่ยืนอยู่ห่างๆ ภีมภพเดินเข้าบ้านไปในขณะที่เจษมองภีมพอย่างไม่พอใจ “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เสาร์ไฟฟ้า แม่จีนเผลอก่อนเถอะ เอ็งตาย”
เจษพูดแล้วก็เดินเข้าบ้านส่วนภีมภพยกมือขึ้นปาดเหงื่อแล้วเดินตามเข้าไปอย่างนอบน้อม
“ดิฉันต้องกราบขอโทษคุณเจษกับคุณจีรภานะคะดิฉันผิดเองที่สอนลูกได้ไม่ดี” อรพิชชาเอ่ยบอกพลางหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลคลอ “อะไรหลายอย่างมันปะดังปะดาเข้ามาพร้อมกัน เพิ่งจัดการเรื่องลูกสาวก็ต้องมาผิดหวังกับลูกชาย”
“ฮึก ดิฉันเสียใจ ลูกชายดิฉันมันไม่รักดี ฮือๆ คงเพราะฉันเลี้ยงเขามาคนเดียวตั้งแต่เด็กๆ คงดูแลเขาไม่ดีพอ ฮือๆ” อรพิชชาพูดอย่างตัดพ้อ
“เหอะ อย่ามาดราม่า” เจษอดที่จะแขวะไม่ได้เมื่อเห็นแม่ของไอ้สารเลวที่มาทำลูกสาวเขาท้องร้องห่มร้องไห้
คำพูดของเจษทำให้อรพิชชายิ่งร้องไห้หนักราวบ่อน้ำตาแตก “ฮืออออ ดิฉันไม่ได้ดราม่านะคะ แต่แค่ขอความเห็นใจ เจ้าภีมนะเป็นเด็กมีปัญหา พ่อเขาเสียไปตั้งแต่เขาอายุ10ขวบ ฉันเองก็ต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงลูกจนไม่มีเวลาได้ดูแล”
อิสรันนั่งนิ่งปล่อยให้ว่าที่แม่ยายดราม่าจนเต็มที่ คงไม่ต้องแปลกใจกันเลยทีเดียวว่าแม่สาวน้อยร้อยมายานั้นได้มารยามาจากใคร ไม่พ้นอรพิชชานี่แหละ ดีนะมาแค่อรพิชชา ถ้าภีรพิชชาไม่มีสอบเก็บคะแนนเชื่อได้เลยว่าคงได้เห็นสองแม่ลูกบีบน้ำตาจนว่าที่พ่อตาแม่ยายของภีมภพต้องใจอ่อนเป็นแน่
อรพิชชาผู้มากด้วยมายาร้องไห้น้ำตาแตกดั่งเขือนพังจนสองสามีภรรยาเริ่มรู้สึกเห็นใจ หากเธอไม่ทำแบบนี้ภีมภพได้ตายก่อนได้เห็นหน้าลูกแน่ ๆ เรื่องอะไรจะยอมให้เป็นแบบนั้นกันล่ะ
“พอๆ แล้วคุณนาย จะเอายังไงต่อก็พูดมาเถอะ” เจษพูด ยังไม่อยากยอมรับภีมภพและไม่หายโกรธหรอกแต่ก็อดที่จะสงสารหญิงวัยกลางคนตรงหน้าไม่ได้
“วันนี้ดิฉันมาเจรจาสู่ขอหนูจีไปเป็นสะใภ้แล้วก็พาเจ้าภีมมาขอขมาลาโทษคุณเจษกับคุณจีรภาน่ะค่ะ” อรพิชชาเอ่ยบอกเมื่อเห็นสถานการณ์ดูไปในทิศทางดีขึ้นก่อนที่จะตกลงพูดคุยกับสองสามีภรรยาเรื่องงานแต่งที่จะให้จัดขึ้นในหนึ่งเดือนข้างหน้าพร้อม ๆ กับงานของภีรพิชชาและอิสรันแต่เจษกลับปฏิเสธ เขาอยากให้แค่จดทะเบียนสมรสกันก่อน เอาไว้ให้เขายอมรับภีมภพมากกว่านี้ก่อนค่อยจัดงาน
“แล้วเรื่องเด็กสองคนนี้จะทำยังไง” เจษถามขึ้นทำให้อรพิชชาหันมองอิสรันอย่างปรึกษา
ในขณะที่อิสรันและอรพิชชาเงียบอยู่ภีมภพจึงเอ่ยขึ้น “ผมจะดร็อปเรียนพร้อมจีครับ แล้วค่อยกลับไปเรียนพร้อมกัน”
“ดี งั้นเอาแบบนี้นะคุณนาย จดทะเบียนแล้วก็ให้ยัยจีกับลูกชายคุณนายมาอยู่กับผมที่นี่ ให้ลูกชายคุณนายมาช่วยผมทำงานในไร่” เจษพูดพลางยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยภีมภพถึงกับกลืนน้ำลายคิดในใจว่า หลังจากนี้เขาคงโดนพ่อตากลั่นแกล้งแน่ ๆ
เมื่อพูดคุยกันแล้วจึงได้ข้อสรุปที่ตรงกันว่าให้ภีมภพและเจนจีราจดทะเบียนสมรสกันก่อนและทั้งคู่ก็จะพักการเรียนไปก่อนและจะกลับไปเรียนพร้อมกัน เมื่อเรียนจบถึงจะจัดพิธีแต่งงานในช่วงบ่ายวันนั้นภีมภพและเจนจีราจึงไปจดทะเบียนสมรสกันตามฤกษ์สะดวก
“ดูแลตัวเองดี ๆ นะหนูจี ไว้ว่างๆ แม่จะมาเยี่ยมนะ” อรพิชชาเอ่ยบอกลูกสะใภ้เมื่อถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้าน “เราด้วยเจ้าภีมไว้วันเสาร์พาหนูจีไปหาแม่ด้วย”
“ครับผม”ภีมภพเอ่ยบอกทั้งที่ในใจอยากจะอุ้มเจนจีรากลับบ้านไปพร้อมมารดาด้วยเพราะกลัวใจพ่อตาเสียเหลือเกิน
“อย่าเพิ่งท้อนะไอ้หลานชาย พ่อตานายน่ะน่าจะเอาเรื่องใช้ได้เชียว” อิสรันบอก ไม่รู้ว่าเขาปลอบใจภีมภพหรือข่มขวัญภีมภพกันแน่
“อาไม่เคยกลัวใคร อาไม่เข้าใจหรอก”ภีมภพพูดก่อนที่อิสรันจะหัวเราะออกมา
“ฮะฮะฮา ผิดแล้วเจ้าภีม อาก็เคยกลัว กลัวจนขาสั่นเลย แต่คนที่อากลัว บอกอาว่า จงเอาชนะความกลัวให้ได้อย่าปล่อยให้มันมีอำนาจเหนือเรา ถ้าก้าวผ่านไปได้ชีวิตเราจะพบแต่ความสุข”อิสรันพูดก่อนที่จะหันไปเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งบนรถทิ้งความสงสัยให้แก่ภีมภพแทน
อรพิชชาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะยิ้มให้บุตรชาย “คนที่บอกอารันแบบนั้นก็คือพ่อของเรานั่นแหละเจ้าภีม เห็นเก่งกล้าแบบนั้นน่ะ จริง ๆ น่ะกลัวภควัตจะตายไป”
ว่าแล้วก็เดินไปขึ้นรถทันทีภีมภพมองรถของอาหนุ่มขับออกไปแล้วได้แต่ยิ้ม มีอารันอยู่เขาไม่ห่วงแม่กับน้องหรอกห่วงตัวเองเสียมากกว่า
“พรุ่งนี้พาเราไปทำประกันด้วยนะจี เผื่อเราเป็นไรไปเธอกับลูกจะได้มีเงินประกัน” ภีมภพพูดทีเล่นทีจริง
“ก็ดีนะ ทำประกันไว้เยอะ เป็นอะไรไปเรากับลูกจะได้สบาย” เจนจีราพูดราวกับไม่ใส่ใจก่อนที่จะเดินเข้าบ้าน
“อย่าฝัน ไม่เป็นไรไปง่ายๆ หรอกยัยจีจี้” ภีมภพเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินตามเข้าไป
“เลิกเรียกเราเหมือนชื่อหมาที่บ้านเธอได้แล้วไอ้หัวเถิก” เจนจีราพูดก่อนที่ภีมภพจะหัวเราะออกมา หลายปีก่อนอิสรันซื้อสุนัขแสนรู้เพศผู้ถูกฝึกมาอย่างดีมาให้เขากับภีรพิชชาช่วยกันเลี้ยงแต่แม่น้องน้อยดันตั้งชื่อให้ว่าจีจี้ พอมาเจอเจนจีราเขาเลยเรียกเธอแบบนั้น คงจะเพิ่งรู้จากภีรพิชชาว่าสุนัขที่อยู่บ้านนั้นชื่อจีจี้
อีกด้านหนึ่ง
“รัน เธอว่าภีมจะไหวมั้ย พ่อตาเขาดูโหดใช้ได้เลย” อรพิชชาถามว่าที่ลูกเขยอย่างสงสัยกังวลคิดไม่ตกเรื่องลูกชายคนเดียว
“ไหวไม่ไหวนายภีมก็หนีไม่ได้ เชือกน่ะ ใครผูกคนนั้นต้องแก้ครับพี่อร เราไปจัดการให้เขาทุกอย่างไม่ได้ ทำได้แค่อยู่เฉยๆ ให้กำลังใจเขา” อิสรันพูดสายตาจ้องถนนอย่างระมัดระวัง
อรพิชชาฟังแล้วคิดตามก่อนที่จะถอนหายใจออกมา “เฮ้อ พี่จะทำยังไงนะ คุณเจษเขาถึงจะไม่โหดกับเจ้าภีม”
“ง่ายๆ ครับพี่อร ผมเคยเห็นครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนี้อย่างโหดเลยกับลูกเขย พอลูกชายบ้านนี้ไปเป็นเขยบ้านอื่นก็เลยเจอพ่อตาแม่ยายไม่ปลื้ม แต่พอดีกับลูกเขยปุ๊บ พ่อตาแม่ยายลูกชายก็ดีกับลูกชายปั๊บ” อิสรันเอ่ยบอกว่าที่แม่ยายแล้วก็ได้รอยยิ้มน่ากลัวๆ กลับมา “อ๋อ จะบอกว่าถ้าพี่ทำดีกับลูกเขย คุณเจตเขาจะดีกับเจ้าภีมว่างั้น ฝันไปเถอะ พี่จะข่มขวัญเธอแบบนี้แหละรัน ไม่ต้องมาเจ้าเล่ห์”
