บทที่6 และแล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึง
เช้าวันใหม่เคลื่อนเข้ามาถึงสายลมพัดกระทบผิวกายทำให้อิสรันรู้สึกตัวขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ดวงตามองสาวน้อยที่นอนหนุนแขนพลางยิ้มอ่อนๆ เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง เขาควรที่จะต้องอยู่กับสิ่งที่เขาเลือก
แพขนตาบางขยับกะพริบก่อนที่เปลือกตาบางจะเผยขึ้น ดวงตาทั้งสองคู่มองสบกันดั่งต้องมนต์ ราวกับมีแรงดึงดูดมากมายฉุดรั้นให้ทั้งคู่ไม่อาจละสายตาจากกันได้ในขณะที่สองสายตาสบประสานกันทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนมองเห็นทั้งสองและยิ้มออกมาราวกับถูกใจเต็มประดาก่อนที่จะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้แล้วเดินหนีหายไป
“อารัน” ภีรพิชชาเอ่ยเรียกหลังจากมองสบตากันอยู่นานก่อนที่จะได้ยินเสียงตอบรับในลำคอ “หือ”
เด็กสาวทำหน้าเขินๆ แล้วเอ่ยบอก “คือ หนูภีร์อยากเข้าห้องน้ำอะ”
“โธ่ ก็ไม่บอก ลุกขึ้นนั่งก่อนเดี๋ยวอาจะพาขึ้นฝั่ง” อิสรันเอ่ยบอกพรางยิ้มขำกับท่าทีของคนตัวเล็กขึ้นมา ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นฝั่ง “ระวังๆ นะ”
เวลาต่อมา...
“กลับบ้านเลยมั้ย” อิสรันเอ่ยถามหลังจากที่เด็กสาวกลับจากห้องน้ำและเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ
ภีรพิชชารัดเข็มขัดนิรภัยจนเรียบร้อยแล้วจึงหันไปบอก “กินข้าวก่อน หิวข้าว”
เธอกำลังยื้อเวลา ภีรพิชชารู้ตัวเองดี ว่าตัวเองกำลังยื้อเวลาอยู่กับอาหนุ่มให้นานที่สุด เพราะรู้ดีว่าอิสรันกำลังจะตีตัวออกห่างเพื่อไม่ให้รู้สึกกับเธอมากกว่าอาหลาน
“กินข้าวเหรอ งั้นไปร้านโปรดของอาแล้วกันอยู่ใกล้นี่แหละ” อิสรันเอ่ยบอกก่อนที่จะบังคับกระบะคู่ใจให้เคลื่อนไปตามท้องถนนโดยไม่พูดอะไร
ร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีคือสถานที่คุ้นเคยของชายหนุ่มเกือบใหญ่แต่สำหรับภีรพิชชามันช่างดูแปลกที่ความร่มรื่นของที่นี่แทบทำให้สาวน้อยไม่อยากกลับ
“รับอะไรเพิ่มมั้ยคะผู้การ” อภิญญา เจ้าของร้านสาวผู้เป็นภรรยาเพื่อนสนิทของอิสรันเอ่ยถามขึ้นหลังจากเห็นอิสรันและเด็กสาวทานอาหารกันจนหมดจาน
“ไม่ครับ”
“มีของหวานมั้ยคะ”สองเสียงเอ่ยพร้อมเพรียงกันแต่สื่อความหมายคนละทาง
“ของหวานยังไม่มีเลยค่ะ นี่ยังเช้าอยู่” อภิญญาเอ่ยบอกก่อนที่อิสรันจะจ่ายค่าอาหาร ภีรพิชชานั้นเดินหน้างอออกจากร้านไปแล้ว
ไลน์
ภีม224 : อารันครับ
ภีม224 : อารันอยู่ไหน คุณแม่ให้พาหนูภีร์กลับบ้าน
ภีม224 : คุณยายทำหน้าเครียดมากเลย รีบมานะครับ
“เจ้าภีมส่งไลน์มาบอกว่าคุณแม่ให้เรารีบกลับบ้าน คุณยายก็มาหน้าตานี่เครียดมาก” อิสรันเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูรถ คนอยากยื้อเวลาถอดถอนหายใจก่อนที่จะตามขึ้นไป
ไม่นานอิสรันก็พาเด็กสาวมาถึงบ้าน ภีมภพยืนรอเปิดประตูให้อยู่ หนุ่มวัย20ปีบริบูรณ์ไม่ได้มาเพียงคนเดียว เพราะได้หอบหิ้วพาเจนจีรากลับมาด้วยตั้งแต่เมื่อคืน ด้วยความที่คิดว่าน้องกลับมาบ้าน แค่ไม่เห็นวี่แววน้องสาวคนเดียวจนกระทั่งเช้าคุณแม่และคุณยายก็เข้ามาที่บ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
อิสรันเดินเข้ามาในบ้านก่อนที่จะโดนคุณอรพิชชาปรี่เข้ามาตบซีกหน้าขวาจนใบหน้าหัน
“คุณแม่!” สองพี่น้องเรียกมารดาอย่างตกใจในขณะที่คนท้องอ่อนๆ อย่างเจนจีราได้แต่ยกมือขึ้นทาบปากอย่างตกใจ
“พี่ไม่คิดเลยนะ ว่าคนที่พี่ไว้ใจนักหนาจะพาลูกสาวพี่ไปค้างอ้างแรมสองต่อสองไม่ไว้หน้ากันแบบนี้” คุณอรพิชชาพูดด้วยอารมณ์โกรธ ก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์มีถือให้คนโดนตบได้ดู “ดูสิ ว่าตัวเองดังกระฉ่อนขนาดไหนแล้ว”
อิสรันรับโทรศัพท์มือถือมาดูก่อนที่ใบหน้าจะเครียดขรึมขึ้น ในจอเปิดแอปพลิเคชันเฟสบุ๊คอยู่ สิ่งที่อรพิชชาอยากให้เขาดูนั่นคือโพสต์โพสต์หนึ่งจากเพจเพจหนึ่งที่คอยหาเรื่องทำลายชื่อเสียงข้าราชการอยู่บ่อย ๆ โพสต์นี้มีคนกดแชร์ขยายวงกว้างออกไปมากมาย
เนื้อหาของโพสต์มีรูปอิสรันนอนกอดภีรพิชชาบนเรือในขณะที่มีข้อความเขียนกำกับว่า ‘หลังจากที่ครั้งก่อนแอดมินพูดถึงนาวาโทนายแพทย์ ค แอบคบชู้กับภรรยาของคนอื่นมาแล้วมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วว่าข่าวมั่วแอดมินเลยเลิกติดตามข่าวคราวของคุณหมอเพราะหาหลักฐานไม่ได้ แอดมินเลยไปล่าหาข่าวข้าราชการทหารเรือคนอื่นแทนจนไปเจ้อ ไปเจอนายทหารเรือคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าหน้าตาหล่อเหลา ในใจคิดแล้วแหละคนนี้ต้องมีข่าวให้แฉแน่ รูปหล่อขนาดนี้สาวแก่แม่หม้ายหรือสาวผัวเผลอต้องตามเป็นขบวน แต่ก็ไม่มีวี่แววมีข่าวคาวๆ จนเมื่อเช้าไปซื้อโจ๊กหมูและบังเอิญได้ข่าวจังๆ ผู้ชายในรูปคือนาวาโทอักษรย่อ อ จ้า นอนกอดกันกลมดิกแบบนี้ดูก็รู้เนาะ ผู้หญิงในรูปคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือพ่อเทพบุตรแต่ที่แอดมินต้องแฉ ก็เพราะ...ผู้หญิงในรูปเนี่ยยังเด็กมาก อายุอานามน่าจะห่างกันเกือบ20ปีเลยมั้งค่ะขุ่นผู้ชมมม แบบนี้หลอกเด็กสาวไปเจาะไข่แดงมารึเปล่าค่ะผู้การ’
“มีโพสต์ใหม่อัปเดตด้วยครับอารัน ดูดิ” ภีมภพที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเอ่ยบอกก่อนจะยื่นให้อาหนุ่มดู
ในรูปคือใบหน้าที่ชัดเจนของภีรพิชชาที่กำลังทานอาหารอยู่ในร้านริมทะเลเมื่อเช้าพร้อมข้อความว่า ‘หน้าตาก็น่ารักเชียว จากโพสต์ที่แล้วมีคนมาแสดงความคิดเห็นให้ข้อมูลดี ๆ กับเราด้วยจ้า น้องคนนี้ชื่อย่อ ภ อยู่โรงเรียน...วิทยา เป็นนักกีฬาเทคควันโดและว่ายน้ำของโรงเรียนด้วยคร่าาา แหม่ๆ ไม่น่ารักเลยแอบพ่อแม่มานอนกับผู้แบบนี้’
“คุณแม่ขามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นแบบในเฟสนะ” ภีรพิชชาเอ่ยบอกแต่อรพิชชานั้นอยู่ในอารมณ์ที่ไม่รับฟังแล้ว
“แล้วไง มีไม่มีแล้วยังไง โผล่หน้าออกไปดูบ้างข้างนอกน่ะเข้ามามุงหน้าบ้านหมดแล้ว ป่านนี้เป็นขี้ปากเขาไปทั่วแล้ว เป็นแม่ก็เชื่อในภาพ ดูก็รู้ว่ากอดขนาดนี้ไม่ใช่ธรรมดา” อรพิชชาพูดก่อนที่หันมามองอิสรันอย่างไม่พอใจ
“พอได้แล้วแม่อร ไม่ว่ายังไงตอนนี้ยัยหลานก็คงเป็นขี้ปากเขาไปทั่วหมดแล้ว ทางที่ดีหาทางออกดีกว่า อย่ารอให้นานวัน” คุณสุมณฑา ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกแล้วหันไปถามหลานชาย “กระแสสังคมไปในทิศทางไหนเจ้าภีม”
“มีหลายคนโพสต์ต่อว่าเพจ บางส่วนโพสต์ให้อารันออกมาชี้แจง แต่บางส่วนออกมาด่าหนูภีร์ว่าใจแตกครับ มีส่วนนึงที่ต่อว่าอารัน คนพวกนี้น่าจะไม่ใช่คนที่รู้จักอารัน” ภีมภพพูดสายตายังจับจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียด “มีคนโพสต์ประวัติส่วนตัวหนูภีร์ด้วย มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเยอะแยะไปหมดโดยเฉพาะบอกว่าทำลายชื่อเสียงของผู้การภควัต ผู้การ อ ต้องรับผิดชอบ”
“นี่สาวกันถึงภควัตเลยรึ” คุณสุมณฑาชักสีหน้าไม่พอใจก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “แบบนี้ปล่อยผ่านไม่ได้เสียแล้ว ผู้การต้องแต่งงานกับยัยภีร์เพื่อรับผิดชอบ”
“แต่คุณแม่คะ ยัยหนูยังเรียนอยู่เลยนะคะ” อรพิชชาพูดอย่างไม่เห็นด้วยกับคนเป็นแม่ ลูกสาวของเธอยังเด็กเกินกว่าจะแต่งงาน
คุณสุมณฑาส่ายหน้าก่อนที่จะพูด “อ้าว ไม่ให้แต่งงานแล้วจะให้ทำยังไงแม่อร ก็เราเชื่อไปครึ่งแล้วนิว่าคนของเรากับผู้การเขาเกินเลยกันไปแล้ว รึจะยอมให้คนอื่นมานินทาว่าลูกสาวโดนกินฟรี”
“แต่”
“ไม่ตงไม่แต่มันแล้วแม่อร ฝั่งเรามีแต่ทางเสียหาย ตอนนี้สาวไปถึงคนบนฟ้าโน้นแล้ว จะดึงชื่อเสียงสามีเรามาให้เสียหายรึ แค่เรื่องเจ้าตัวดีภีมภพนี่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วกระมัง” อิสรันฟังสองแม่ลูกคุยกันเงียบในขณะที่ภีมภพกำลังอ่านคอมเม้นต์ในโพสต์และสะดุ้งเมื่อคนเป็นยายแขวะเรื่องที่เขาทำผู้หญิงท้องก่อนแต่งทั้งที่ยังเรียนไม่จบทั้งคู่
ภีรพิชชายืนฟังก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “คุณยายขา มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นซะหน่อยทำไมต้องให้หนูภีร์แต่งงานกับอารันด้วย”
“รึจะรอให้เขานินทาไปถึงโคตรเหง้าพ่อแม่ล่ะยัยภีร์ ไม่มีใครสนใจคำพูดเราหรอกนะสังคมนี้น่ะฟังแค่ความคิดคนหมู่มากและความคิดตัวเอง” คุณสุมณฑาพูด ความจริงเธอก็มีเหตุจำเป็นอีกข้อที่ต้องให้หลานสาวแต่งงานกับผู้การหนุ่ม
อรพิชชาที่ฟังอยู่อดที่จะแย้งขึ้นไม่ได้แต่แล้วก็โดนสวนกลับ “แต่ยัยภีร์ยังเรียนไม่จบมัธยม”
“เขาก็ไม่ได้ห้ามคนแต่งงานแล้วห้ามไปเรียนนะ หรือถ้าห้ามก็ไม่ต้องเรียน เป็นผู้หญิงยิงเรือจะเรียนจบอะไรให้สูงมากมาย จบออกมาต้องดูแลลูกผัวสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้”
ตามความคิดของคุณสุมณฑาผู้หญิงไม่ควรที่จะร่ำเรียนสูงมากจนเกินไปโดยเฉพาะสูงกว่าสามี ยิ่งมีความรู้ที่สูงกว่ายิ่งเหมือนกับการข่มสามีและความรู้ที่ร่ำเรียนนั่นเธอคิดว่าไม่จำเป็นเพราะสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้เอาเวลาไปดูแลลูกดูกแลสามีเสียมากกว่า แต่อรพิชชาไม่ได้คิดเช่นนั้นจึงเอ่ยกลับทันที “คุณแม่เลิกเอาควรคิดแบบนี้มาพูดเลยนะคะ ยังไงอรก็จะให้ลูกเรียนให้จบปริญญาตรีหรือถ้าลูกยังอยากเรียนต่ออรจะให้เรียนจนจบเอกเลย”
คำพูดของลูกสาวไม่เข้าหูคนเป็นแม่อย่างแรงจนคุณสุมณฑาต้องหลุดบางอย่างออกมา “นี่แม่อร สมัยนี้แต่งงานแล้วเรียนต่อมีถมไป นี่เป็นโอกาสแก้ปัญหาก่อนๆ ของเราไปด้วยนะ คิดดูดี ๆ”
อิสรันยังคงฟังด้วยใบหน้าเครียดก่อนที่จะถามออกมาอย่างสงสัย “ปัญหาอะไรครับ”
“ก็พ่อเลี้ยงศุภชาติที่ไร่ติดกับไร่ของป้าน่ะสิผู้การ อยากได้ยัยภีร์เป็นเมีย นี่ตั้งแต่เจอคราวก่อนก็มาเทียวทาบทามอยู่หนักเข้านี่เริ่มมาขู่” ใบหน้าคาดคั้นที่ใช่เพียงอิสรันแต่ยังมีภีรพิชชาและภีมภพทำให้คุณสุมณฑาต้องพูดความจริงออกมา
อรพิชชายังคงไม่เห็นด้วยได้แต่เอ่ยขัดแล้วก็ถูกตอกกลับจนเงียบไปครู่หนึ่ง “แต่คุณแม่คะ”
“นี่แม่อร เราน่ะก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เจ้าภีมกับยัยภีร์ก็ยังเด็กแม่น่ะรึก็แก่ปูนนี้แล้วจะมีเอาอะไรไปสู้กับพ่อเลี้ยงผู้กว้างขวางมากไปด้วยอำนาจ สู้หลบอยู่ใต้ปีกผู้การไม่ดีกว่ารึ ไหนๆ คนนอกก็คิดว่าสองคนนี้ไปถึงไหนกันไปแล้วก็ให้ตกแต่งกันไปซะ อย่ารอให้บานปลายไปถึงพ่อภควัตให้มากกว่านี้”
“รึไม่เอาลูกเขยคนนี้แต่จะให้ยัยภีร์แต่งกับพ่อเลี้ยงศุภชาติ”คนเป็นแม่พูดแล้วก็ได้ผลเมื่ออรพิชชาตอบกลับมา “ไม่นะคะคุณแม่ พ่อเลี้ยงศุภชาติน่ะแก่กว่าพ่อยัยภีร์เสียอีก มีเมียแล้วตั้งหลายคน”
“งั้นก็ทำตามที่แม่พูด ผู้การไปคุยกับป้าที่ห้องนั่งเล่นหน่อย”คุณสุมณฑาเอ่ยอย่างเอาแต่ใจก่อนที่จะหันมาพูดกับว่าที่หลานเขยที่ยังคงยืนนิ่งแล้วเดินออกไป
อิสรันเดินตามไปในขณะที่อรพิชชาได้แต่ถอนหายใจออกมา “เฮ้อ”
ห้องนั่งเล่น
“คิดว่าป้าเรียกเรามาทำไมผู้การ” คำถามแรกของคุณสุมณฑาดังขึ้นหลังจากที่ทั้งสองเข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นเรือนกระจก
อิสรันมองก่อนที่จะตอบกลับทันที “คงมีบางอย่างอยากจะคุยกับผม”
“ใช่แล้ว นี่ดูนี่” หญิงวัยชราพูดพลางยื่นกระดาษให้ชายหนุ่มดู ดวงตาคมมองอักษรในกระดาษอย่างแปลกใจ
‘ยกหนูภีร์ให้ผมซะคุณสุ ถ้าไม่อยากเสียไร่เคียงตะวันไป’
อิสรันหันมองหน้าคุณสุมณฑาอย่างไม่เข้าใจก่อนที่หญิงชราจะอธิบายให้ฟัง “เจ้าอาร์ต หลานชายป้าน่ะมันมาหลอกให้ป้าเซ็นต์โอนโฉนดให้มัน ตอนนี้โฉนดตกไปอยู่ในมือพ่อเลี้ยงเจ้าเล่ห์นั่น เพราะเจ้าอาร์ตไปยืมเงินออกมาซื้อรถกับเปิดรีสอร์ท ถ้าป้าไม่ยกยัยภีร์ให้ก็ต้องหาเงิน20ล้านไปให้ถึงจะได้โฉนดกลับมา”
“เงินทองที่มีหมดไปกับหลานชายคุณป้าจนจะหมดแล้วใช่มั้ยครับ” ทหารเรือหนุ่มพูดออกมาราวกับมีตาทิพย์ ด้วยความฉลาดหลักแหลมทำให้ชายหนุ่มเข้าใจได้ทันที
หญิงชราพยักหน้าก่อนที่จะเอ่ยบอก “ใช่ ป้าไม่อยากขายหลานเพื่อรักษาไร่หรอกนะ แต่ตาของเจ้าภีมเจ้าภีร์น่ะตั้งใจเก็บไร่เคียงตะวันไว้ให้สองพี่น้อง ป้าไม่อยากให้ทั้งหลานทั้งไร่ตกไปอยู่ในมือคนแบบนั้น พลิกวิกฤตตรงนี้แต่งงานกับยัยภีร์เถอะนะผู้การ ป้าไม่ขอให้ช่วยเรื่องไร่หรอกแค่ช่วยให้ยัยภีร์กับแม่อรรอดพ้นจากเงื้อมมือคนแบบนั้นเถอะ”
“หมายความว่า” อิสรันถามอย่างสงสัย นี่อรพิชชาไปเกี่ยวข้องด้วยเหรอ และแล้วก็ได้คำตอบที่เขาต้องตัดสินใจ
“ใช่ นอกจากยัยภีร์แล้วไอ้ศุภชาติมันยังต้องการแม่อรด้วย แม่อรก็ใช่ว่าขี้ริ้วขี้เหร่ หน้าตาสะสวยอายุก็ใช่ว่าจะมากมายไอ้พ่อเลี้ยงนั่นเห็นเข้าก็ถูกใจกะจะเอาไปเป็นเมียทั้งแม่ทั้งลูก”
“คุณป้าไม่ต้องห่วงครับ ยังไงผมก็ยอมให้ชื่อเสียงหัวหน้ามาแปดเปื้อนถ้อยคำคนไม่ได้อยู่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ผมก็อยู่เพื่อดูแลแก้วตาดวงใจทั้งสามของหัวหน้ามาตั้งแต่ที่รอดมาได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางคิดถึงหัวหน้าภควัตผู้เป็นทั้งพี่ทั้งครูและหัวหน้าขึ้นมาจับใจ
“สรุป จะแต่งงานกับยัยภีร์ใช่มั้ย” หญิงชราถามภายในใจรู้สึกโล่งใจขึ้นมาแต่อิสรันกลับพูดไม่ออกราวกับยังตัดสินใจไม่ได้ “ผม”
คุณสุมณฑามองหน้าแล้วพูดขึ้น พูดในสิ่งที่แทงใจอิสรันเข้าเต็มๆ “อย่าอยู่กับอนาคตสิผู้การ อยู่กับปัจจุบัน ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปกังวลกับอนาคตว่าจะต้องตายหรือมีคนต้องตายเพราะตัวเอง ยัยภีร์น่ะเข้มแข็งนะ เชื่อป้าสิว่าหลานป้าจะอยู่ได้ถ้าผู้การเป็นอะไรไป และเก่งพอที่จะเอาตัวรอดมีชีวิตอยู่ข้างผู้การไปอีกนาน ขอแค่ผู้การมีแค่หลานป้าคนนี้คนเดียวไม่ไปวอแวกับใคร”
“คุณป้าเชื่อแบบนั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างไม่มั่นใจแล้วคำตอบของคุณสุมณฑาก็ทำให้เขาเงียบไปอย่างขบคิด “ใช่ ป้าเชื่อ เชื่อในอานุภาพของความรัก ถ้าผู้การทำให้ยัยภีร์รักผู้การได้สุดหัวใจและรักยัยภีร์สุดหัวใจได้ ความรักจะพาให้ทั้งคู่ก้าวผ่านไปได้”
เห็นอิสรันเงียบคนเอาแต่ใจจึงต้องพูดขึ้น “อืดอาดยืดยาด ถ้าไม่แต่งก็ไม่ต้องแต่ง ให้คนเขานั่งนินทาบนหัวภควัตแบบนั้นแหละ”
“ตกลงครับ ผมจะแต่งงานกับหนูภีร์” อิสรันรีบตอบรับทันทีจนคุณสุมณฑาต้องส่ายหน้าน้อย ๆ ‘ต้องให้อ้างภควัต เฮ้อ’
“ผมจะจัดการกับทั้งเรื่องข่าว แล้วก็เรื่องไร่ด้วยครับ”อิสรันพูดสร้างรอยยิ้มให้คุณสุมณฑาได้ดีทีเดียว ใช่ว่าเธออยากขายหลานหรืออย่างไรแต่ที่ทำเพราะเป็นห่วงสองแม่ลูก และเชื่อมั่นว่าอิสรันดูแลครอบครัวได้ดี
“อ้อ อีกเรื่องนึงผู้การ เรื่องเจ้าภีม” คุณสุมณฑาพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“แน่นอนครับ ผมจะเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอให้เจ้าภีมเอง” อิสรันเอ่ยบอกก่อนที่คุณสุมณฑาจะกลับออกไปข้างนอก และเป็นอรพิชชาที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นแทน
“สัญญาได้มั้ยว่าจะดูแลยัยภีร์ให้ดี” อรพิชชาเอ่ยขึ้นเป็นคำแรกหลังจากเงียบอยู่ครู่ใหญ่
อิสรันมองและตอบออกไปอย่างมั่นคง “ผมสัญญาครับพี่อร”
“โอเค แล้วแต่เธอกับคุณแม่จะจัดการเลย แต่รับไปแล้วอย่าโยนกลับมานะพี่ไม่รับ แต่งแล้วแต่งเลยห้ามหย่า ถ้าวันไหนเธอนอกใจลูกสาวพี่ เธอตายแน่อิสรัน” อรพิชชาพูดข่มขวัญจนชายหนุ่มนึกกลัว ราวกับไม่ใช่พี่อรพูดแต่เป็นหัวหน้าภควัต เพราะคนตรงหน้าเลียนแบบท่าทีของภควัตมาข่มขวัญเขาอยู่ ‘เว้ยๆๆๆ นี่เขากำลังจะมีแม่ยายโหดเหมือนกับครูฝึกสมัยเรียนใช่มั้ย’
