บทที่4 ภีร์โกรธมากนะ
ในช่วงเวลาบ่ายสามโมงสายลมเย็นสบายภีรพิชชานั่งอ่านหนังสือและทำการบ้านอย่างอารมณ์ดี ในตอนเช้าจนถึงเที่ยงเธอและพี่ชายเล่นน้ำอยู่กับอิสรันอย่างสนุกสนานก่อนที่จะหาอะไรง่ายๆ กินกันตามประสาคนทำกับข้าวไม่เป็นและก็หามุมส่วนตัวกันพักผ่อนทำธุระส่วนตัว
เด็กสาวเลือกที่จะมานั่งทำการบ้านในห้องนั่งเล่นที่ถือเป็นสถานที่ที่ร่มรื่นที่สุดเพราะผนังของนี้ทำด้วยกระจกพิเศษมองออกไปเห็นธรรมชาติข้างนอกแต่ถ้ามองจากข้างนอกจะเห็นเป็นกระจกธรรมดาๆ
“เย้ ในที่สุดก็เสร็จแล้ว” เด็กสาวตะโกนกับตัวเองอย่างดีใจเมื่อทำการบ้านเสร็จหมดทุกวิชาแล้ว เสียงของภีรพิชชาทำให้อิสรันที่นอนคว่ำหน้าหลับอยู่ที่โซฟาต้องผงกหัวขึ้นมามองอย่างงัวเงียก่อนที่จะเหลือบเลยไปเห็นภีมภพกำลังแบกกระเป๋าเดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี
“จะไปไหนเจ้าภีม”อิสรันถามเสียงงัวเงียก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง มือหนายกขึ้นขยี้ตา
“พอดีเพื่อนที่ทำงานกลุ่มด้วยกันโทรมาบอกว่ารายงานมีปัญหา ให้รีบกลับไปช่วยกันแก้น่ะครับ” ภีมภพเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปมองน้องสาวที่สีหน้ามุ้ยลงทันที
“ไม่เอาน่าเหม่งน้อยกลอยใจของพี่ ไว้วันศุกร์หน้าพี่ภีมจะรีบมาหาเหม่งเลยนะ” ภีมภพพูดปลอบคนเป็นน้อง
อิสรันมองสองพี่น้องก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วเอ่ยขึ้น “แล้วจะไปยังไงรถตู้เหรอ อาไปส่งมั้ย”
ไม่ทันที่ภีมภพจะได้ตอบเด็กสาวก็รีบแทรกขึ้นทันทีว่า “ให้อารันไปส่ง หนูภีร์จะไปด้วย”
“เอ่อ”
“เอาตามหนูภีร์บอกเถอะเจ้าภีม วันนี้อาว่างทั้งวันอยู่แล้ว” อิสรันรีบเอ่ยตัดสินเมื่อเห็นภีมภพทำหน้าเกรงใจ
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” ภีมภพเอ่ยบอก ภีรพิชชากลับมายิ้มแฉ่งอีกครั้ง
อิสรันมองสองพี่น้องก่อนที่จะเอ่ยบอก “งั้นเดี๋ยวอาไปล้างหน้าล้างตาสักแป๊บนะ”
เวลาต่อมา
กระบะสมรรถนะดีพุ่งทะยานตามถนนจากจังหวัดชลบุรีถึงกรุงเทพมหานครภายในเวลาไม่นานแต่กลับต้องมาเสียเวลากับการจราจรที่ติดขัดกว่าจะมาถึงบ้านเพื่อนของภีมภพก็ค่ำเสียแล้ว
“อารันกับหนูภีร์เข้าไปกินน้ำข้างในก่อนสิครับ รถติดตั้งหลายชั่วโมงคงหิวน้ำกันแย่” ภีมภพเอ่ยก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถ
“จะลงไปมั้ยเหม่ง”อิสรันหันกลับไปถามคนที่นั่งเบาะหลังอย่างปรึกษา
เด็กสาวทำท่าคิดก่อนที่จะเปิดประตูลงไปทันที อิสรันมองตามก่อนที่จะต้องดับเครื่องยนต์แล้วออกจากตัวรถตามลงไป ภีมภพนำน้องสาวและอาหนุ่มนอกสายเลือดเข้าไปในบ้านอย่างชำนาญ ราวกับเข้าออกบ้านนี้เป็นประจำจนอิสรันนึกสงสัย
เมื่อเดินเข้ามาถึงในตัวบ้านก็ได้เห็นหนุ่มน้อยหนึ่งคนและสาวน้อยสามคนกำลังทำหน้าเคร่งเครียดอยู่กับอะไรสักอย่างก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันขึ้นมาถามภีมภพ “อ้าวไอ้ภีม มาแล้วเหรอ”
“อือ หนูภีร์อารันคนนั้น พลอย วา แล้วก็จีจี้ เจ้าของบ้าน นี่หนูภีร์น้องสาวเรา ส่วนคนนี้อารันอาเราเอง” ภีมภพเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปที่คนที่เขาแนะนำว่าชื่อจีจี้ “จีจี้ไปยกน้ำมาให้อารันกับน้องเราหน่อยสิ”
“เจนจีรา” หรือ “จี” พยักหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปด้านหลังของบ้าน อิสรันและภีรพิชชามองหน้ากันในใจนึกถึงอะไรบางอย่างที่ดูไม่ธรรมดา ทำไมไม่รู้แต่ทั้งสองรู้สึกได้ว่าสาวน้อยคนนี้กับภีมภพมีอะไรแปลกๆ
“น้ำค่ะ” รอไม่นานเจนจีราก็กลับมาพร้อมกับน้ำส้มสองแก้วและน้ำเปล่าอีกสองแก้ว อิสรันดื่มน้ำแล้วแกล้งชวนภีรพิชชากลับ “ไปหนูภีร์กลับกันดีกว่า”
“หนูภีร์ยังไม่อยากกลับอ่าาา” เด็กสาวเอ่ยบอก เธอกับอาหนุ่มยังไม่อยากกลับตอนนี้หรอกยังมีเรื่องสงสัยที่ต้องไขให้ได้ก่อน
“หนูภีร์อย่าดื้อเกรงใจเจ้าของบ้านเขา” อิสรันทำเสียงเข้มปรามสาวน้อยจนสาวน้อยทำหน้าจ๋อยไป
สาวน้อยตีหน้าเศร้าอย่างมืออาชีพก่อนที่จะเอ่ยบอก “แต่หนูภีร์อยากอยู่กับพี่ภีมต่ออ่าาาา”
“เกรงใจจีจี้เขาน่าหนูภีร์” คราวนี้เป็นภีมภพที่เอ่ยปราม เพราะไม่รู้ว่าน้องสาวกำลังเล่นละคร
“ฮึก ฮือๆๆ พี่ภีมใจร้าย” คนตีบทแตกร้องสะอื้นออกมาจนคนมองนึกสงสาร
“โธ่”
เจนจีรามองอย่างสงสารก่อนที่จะเอ่ยบอก “เอ่อ ให้น้องภีร์อยู่ต่อก็ได้ เราไม่ว่าอะไรหรอก”
“เฮ้อ! ตามใจ” ภีมภพเอ่ยบอก น้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยจนคนช่างสังเกตทั้งสองอย่างภีรพิชชาและอิสรันจับความรู้สึกได้ ใช่ว่าภีมภพไม่พอใจเขากับเธอแต่ไม่พอใจเจนจีราต่างหาก หนึ่งหนุ่มเกือบใหญ่และหนึ่งสาวน้อยวัยใสได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมภีมภพต้องไม่พอใจเจนจีรา และฟังเสียงของเจนจีราแล้วคุ้นๆ เหมือนกับได้ยินที่ไหนมาก่อน
ภีมภพถอนหายใจนิดหน่อยก่อนที่จะถามถึงเรื่องงาน “แล้วงานต้องแก้นานมั้ย”
“คงต้องแก้กันทั้งคืนแหละ” พลอยวิภาเอ่ยบอก พลางส่งสายตาไปโปรยเสน่ห์ใส่อาหนุ่มร่างบึกบึนของเพื่อน พลางคิดอย่างถูกใจว่า ‘ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้สูง หุ่นทรมานใจ แถมหน้าตายังน่ากินอีก’
“ถ้าไม่หลับกันก่อนก็คงเสร็จ” วารุณีเอ่ยก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้ๆ ตี๋หรือตติภัทรแล้วกระซิบกระซาก “อาหลานกันจริงเหรอ คนเป็นอาหล่อไทยร่างบึกบึน คนหลานหล่อใสเกาหลีแบบนี้ นอกจากความสูงแล้วนายภีมกับน้องภีร์ไม่มีอะไรเหมือนคุณอารันเลย”
“ไม่ใช่หรอก อารันน่ะเป็นศิษย์ก้นกุฏิของพ่อไอ้ภีม เรียกว่าสนิทกันมาก พ่อไอ้ภีมตายอารันก็เข้ามาคอยดูแลไอ้ภีมกับยัยหนูแสบนั่น”
“ได้ยินนะพี่ตี๋ม เอ๊ย ตี๋” ภีรพิชชาเอ่ยขึ้นจนตติภัทรสะดุ้ง ‘แม่เจ้าไอ้เด็กนี่มันหูดีไม่มีเปลี่ยน ไม่อยากมีเรื่องกับไอ้เด็กนี้เลยมันน่ากลัว ยัยตัวแสบนี่มีความร้ายสูง’
“ติ๋ม 555 ทำไมน้องเรียกตี๋ว่าติ๋มล่ะ” พลอยวิภาถาม แล้วมองตติภัทรอย่างสงสัย วารุณีและเจนจีราก็หันมองตามด้วย
ภีรพิชชายิ้มก่อนที่จะเอ่ยบอก “ก็ตอนเด็กๆ หนูภีร์เห็นพี่ติ๋มกับพี่ภีมตัวติดกันเป็นตังเม พี่ภีมต้องคอยปกป้อง ส่วนพี่ตี๋ก็ทำตาติ๋มๆ หงิ๋มๆ อย่างกะตุ๊ด”
“ไอ้แสบ”
“ไอ้เหม่ง” สองหนุ่มเรียกพร้อมกันในขณะสาวๆ พากันหัวเราะคิกคักหลังจากได้ยินคำพูดของเด็กสาว
“พอๆ อย่าไปฟังยัยเหม่งมาก รีบมาแก้งานกันดีกว่า” ภีมภพเอ่ยก่อนที่จะนั่งลงดูว่ารายงานนั้นผิดพลาดตรงไหน
อิสรันมองเวลาก่อนที่จะถามออกไป “นี่ก็ค่ำแล้ว กินอะไรกันรึยัง”
“ยังเลยค่ะ/ครับ” หนึ่งหนุ่มกับสามสาวเอ่ยบอกแล้วลูบท้องอย่างรู้สึกหิว
“งั้นเดี๋ยวอาออกไปซื้อกับข้าวมาให้ละกัน เหม่งอย่ากวนพี่ๆ เขานะ” อิสรันเอ่ยบอกก่อนที่จะออกไปจากบ้าน
ภีรพิชชามองไปรอบ ๆ ในขณะที่ห้าหนุ่มสาววัยมหาลัยกำลังเคร่งเครียดอยู่กับรายงานก่อนที่เด็กสาวจะเอ่ยถาม “พี่จีจี้ขา ห้องน้ำไปทางไหนอ่าา”
“ห้องน้ำอยู่หน้าบันไดเหม่งเดินตรงไปเลย” คนที่ตอบหาได้เป็นเจนจีราแต่เป็นภีมภพจนคนเป็นน้องชักสงสัยเข้าไปใหญ่
ร่างบางเดินตัวปลิวไปตามทางที่ภีมภพบอกแต่ไม่ได้เข้าห้องน้ำกลับแอบย่องขึ้นบันไดไปแทน ดวงตาคมหวานมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้องติดบันไดเข้าไป โชคดีที่ไม่ได้ล็อคไว้
“ห้องนี้มันก็ดูปกติ ผิดปกติแค่เตียงที่ยับยู่ยี่ หือนั่นอะไรนะ” เด็กสาวพูดกับตัวเองก่อนที่จะมองของที่ตกอยู่ข้างๆ เตียง
เด็กสาวมองก่อนที่จะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปไว้ “อะไรน้อ อย่างกะลูกโป่ง ถ่ายไว้ไปถามอารันดีกว่า”
หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วก็หยิบใส่กระเป๋าเพราะตนเกะมันออกแล้วถ้าขืนทิ้งไว้ที่เดิมเดี๋ยวเจ้าของห้องจะรู้เอาก่อนที่จะหันไปเห็นแขนเสื้อลอดออกมานอกตู้เสื้อผ้า
ร่างบางเดินเข้าไปใกล้ก่อนที่จะเปิดประตูตู้ออกก่อนจะต้องอ้าปากอย่างตกใจ ตู้เสื้อผ้าก็ต้องมีเสื้อผ้าแต่ข้างในไม่เพียงมีแค่เสื้อผ้าผู้หญิงแต่ยังมีเสื้อผ้าและชุดนักศึกษาของผู้ชายด้วยและเสื้อผ้าผู้ชายเกือบทุกชิ้นในตู้ภีรพิชชารู้และจำได้ดีว่ามันคือเสื้อผ้าของพี่ชายคนเดียวของเธอ
“นี่มันเสื้อผ้าอีพี่เถิกชัดๆ” ภีรพิชชาพูดกับตัวเองก่อนที่จะได้ยินเสียงตะกุกตะกักที่หน้าประตูจึงรีบหาที่หลบซ่อนที่ใต้เตียง
ดวงตาคมหวานมองเรียวขายาวที่เข้ามาในห้องอย่างสงสัยก่อนที่จะได้ยินเสียงพูดกับตัวเองจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือเจนจีรา
“สมุดเล่มนั้นไปอยู่ไหนนะ” เจนจีราพูดกับตัวเองก่อนที่จะมองหาของที่ตามหาไปทั่วโดยไม่ได้รับรู้เลยว่านอกจากเธอแล้วยังมีภีรพิชชาอยู่ในห้องด้วย
“หาเห็นมั้ยจี” เสียงห้าวดังขึ้นทำให้ภีรพิชชาเบิกตากว้าง จำได้ดีว่าเสียงนี้คือเสียงของพี่ชายเธอเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมากเสียงเจนจีราก็ดังขึ้น “ไม่เห็น นี่หยุดนะไม่ต้องเข้ามาเลย นายจะมาก่อกวนชีวิตเราไปถึงไหน”
“เฮ้ เราไม่ได้ก่อกวนนะ ก็แค่จะรับผิดชอบ” ภีมภพเอ่ยท้วงก่อนที่จะนั่งลงบนเตียง ภีรพิชชายกมือป้องปากก่อนที่จะต้องเบิกตากว้างกับคำพูดต่อไปของภีมภพ “วันนี้ลูกกวนเธอมั้ย”
“เงียบอีก เราถามเธอว่าลูกกวนเธอมั้ย แพ้ท้องรึเปล่า” ภีมภพถามย้ำเมื่อเจนจีราเงียบใส่ คำพูดของภีมภพทำให้ภีรพิชชาเข้าใจความหมายคำถามแรกของพี่ชายมากขึ้น
“หมายความว่ายังไง” คนที่แอบซ่อนใต้เตียงถามขึ้นทันทีพรางคลานออกมายืนจังก้าคาดคั้นสองหนุ่มสาว
“หนูภีร์” ภีมภพเรียกชื่อน้องสาวตัวเองด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด ในขณะที่ตกใจกว่าภีมภพนั้นคือเจนจีรา
“พี่จีท้องเหรอ ท้องลูกพี่ภีมใช่มั้ย” ภีรพิชชาถามแต่กลับไม่ได้คำตอบกลับมา เด็กสาวรีบสะบัดหน้าหันเดินออกจากห้องไปทันที
“หนูภีร์ ฟังพี่ภีมก่อน” ภีมภพร้องเรียกพร้อมตามน้องสาวไปเจนจีราตามออกไปอีกคนแต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรภีรพิชชาก็คะยั้นคะยอให้อิสรันที่เพิ่งกลับมาพาออกไป
“ไม่ต้องตามมาเลยนะ ถ้าไม่พร้อมอธิบายอย่าตามหนูภีร์ ไว้พร้อมอธิบายค่อยว่ากัน ตอนนี้ภีร์โกรธมากนะ” สาวน้อยพูดก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไป อิสรันรีบตามหลานสาวไปอย่างไม่รีรอ
“ไม่กลับบ้านนะ หนูภีร์ยังไม่อยากกลับ” สาวน้อยบอกทำให้อิสรันต้องถอนหายใจออกมาอย่างงุนงงแล้วขับรถออกไป เขาทำได้แค่ขับรถไปเรื่อยๆ คิดไม่ออกว่าจะไปทางไหนดี
