บทที่14 แก้เผ็ด
ร่างสูงสง่ายืนเด่นมองหญิงสาวคนหนึ่ง เธอคนนั้นอยู่ในชุดคลุมท้องสีฟ้าอ่อน หน้าท้องนั้นนูนใหญ่บ่งบอกได้ดีว่ากำลังตั้งครรภ์ เขาเดินเข้าไปใกล้จนตัวเธอหันมาเห็น
“พี่รัน” เธอเรียกอีกฝ่ายอย่างสงสัย หันมองไปรอบ ๆไม่เห็นใครนอกจากชายตรงหน้า
“ไอ้คิวไม่อยู่นี่ใช่มั้ย” อิสรันถามออกไปก่อนที่ตัวเธอจะพยักหน้า อิสรันมองใบหน้านวลของคนที่มีใบหน้าเหมือนวิกานดาครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
รู้สึกสงสารในสถานะหลบๆซ่อนๆของเธอเป็นอย่างมาก สถานะของเธอสำหรับคีรติเป็นเพียงแม่ของลูกที่ไม่มีใครรับรู้ คีรติจะว่าเป็นหนุ่มโสดก็ไม่ใช่แต่งงานแล้วก็ไม่เชิง เพื่อนคนนี้ของเขาคบหากับคนตรงหน้าอย่างลับๆเพราะมีคู่หมายอยู่แล้วแม้ขนาดว่าคนตรงหน้ากำลังตั้งครรภ์ลูกของตนได้แปดเดือนแล้วยังไม่มีวี่แววจะเปิดเผยให้ใครรู้เลย
“พี่รันมีอะไรรึเปล่าคะ อะ จริงสิเมื่อวานงานแต่งพี่รันวิวขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ไป วิวไม่สะดวกจริง ๆ” เธอเอ่ยบอกใบหน้าเสียดายที่ไม่ได้ไปปรากฎเด่นชัด แต่เธอไม่สามารถออกจากบ้านนี้ไปไหนได้พ่อแม่พี่น้องไม่รู้ด้วยว่าเธอกำลังท้อง
อิสรันมองคนตรงหน้าอีกครั้งเพราะเธอคือเวรุฬา น้องสาวของวิกานดาและเป็นพี่สาวของวาริสาทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจในการกระทำของคีรตินัก “ไปกับพี่หน่อยวิว”
เวรุฬาถูกอิสรันประคองออกจากบ้านมาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าอดีตพี่เขยจะพาเธอไปไหนกัน
เวลาต่อมา
สายตาของคีรติมองสองร่างที่ยืนจังก้าอยู่หน้าบ้านแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ผู้เป็นพ่อและแม่ของเขามองคนทั้งสองอย่างงุนงงในขณะที่ว่าที่คู่หมายก็ยืนมองอย่างสงสัย
“นี่มันอะไรกันลูกรัน แล้วผู้หญิงคนนี้ใครกัน” แม่ของคีรติและคีตวัตรถามเพื่อนลูกชายที่เธอรักเหมือนลูกอย่างสงสัย
อิสรันหันไปมองคีรติแล้วยิ้มมุมปาก “เมียไอ้คิวครับ ไอ้นี่มันร้ายทำเขาท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ผมในฐานะที่เคยเป็นพี่เขยของเธอเลยพามาเรียกร้องความเป็นธรรมครับ”
“นี่มันอะไรกันไอ้คิว” คนเป็นพ่อพูดเสียงเข้ม ในขณะที่ว่าที่คู่หมายนั้นมองหน้าแล้วง้างมือตบเขาจนหน้าหันแล้วเดินออกไปทันที
“ต่อจากนี้เคลียร์กันเอาเองนะครับ ผมมีธุระ แต่ที่ผมมาวันนี้เวรุฬาไม่ได้รู้เห็นอะไรเลยอย่ามองเธอไม่ดีเลยนะครับ” อิสรันเอ่ยบอกหันมองเวรุฬาที่มีใบหน้าซีดลง
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูกรัน แม่จะให้ความเป็นธรรมกับหนูคนนี้เอง ตาคิวประคองเมียเราเข้าบ้านเรามีเรื่องต้องคุยกันยาว” แม่ของคีรติพูดแล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับสามี
อิสรันเดินยิ้มสะใจออกไปในขณะที่คีรติรับรู้แล้วว่าโดนแล้ว โดนเจ้าเพื่อนตัวร้ายแก้เผ็ดเอาคืนกันแล้ว “ไอ้รัน บ้าเอ๊ย”
อิสรันขับรถออกจากบ้านเพื่อนหนุ่มตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาลก่อนที่จะเดินเข้ามาในโรงพยาบาลสายตาเหลือบไปเห็นวาริสาพอดีและนับว่าเขาโชคดีเพราะวาริสายืนคุยอยู่กับแพทย์หญิงอรปรียาหรือหมอออย หมอสาวที่คีตวัตรตามจีบอยู่และคิดว่าคีรติก็จีบหมอคนนี้อยู่ทั้งที่ความจริงคีรติแค่ยั่วโมโหคีตวัตรเท่านั้น
จะแก้เผ็ดคีตวัตรต้องใส่ร้ายให้อรปรียาเข้าใจผิด อิสรันเดินเข้าไปใกล้แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
“ฮะโหลอยู่ไหนว่ะคีย์ ห๊ะ อยู่ม่านรูด แกไปทำอะไรที่นั้นว่ะ หือ พาสาวไปนอนด้วย อ้าวๆไหนว่าชอบคุณหมอที่ชื่อออยไง ห๊ะ จีบเล่นๆแข่งกับไอ้คิวเฉยๆ ร้ายกาจว่ะ เออๆแค่นี้ก่อนเดี๋ยวฉันไปทำธุระแป๊บ อือๆ อย่ามัวแต่ทำกิจกรรมเข้าจังหวะจนลืมการลืมงานนะ”
อิสรันที่ทำเป็นเดินคุยโทรศัพท์เดินผ่านหน้าหมอสาวทั้งสองไปแล้วแอบเห็นอรปรียาสะบัดเดินตึงตังอย่างโมโห เธอต้องได้ยินทุกคำและเข้าใจไปว่าคีตวัตรไม่จริงใจไปแล้ว
เมื่ออรปรียาเดินจากไปอิสรันก็เดินกลับมาใกล้ๆวาริสาที่กำลังจะเดินหนีไป “จะไปไหนหมอวา”
วาริสาหันกลับมายิ้มหวานแล้วเอ่ยอ้อน “ปล่อยวาไปเถอะพี่รัน พี่หินผาบังคับวา”
“โอเค แต่ต้องจูบลงที่กระเป๋านี่ก่อน” อิสรันพูดแล้วล้วงเอากระเป๋าของอาศิระขึ้นมายื่นให้ วาริสาพยักหน้าแล้วรีบรับมาทำตามคำสั่งทันที
อิสรันยิ้มก่อนที่จะเดินออกจากห้อง วาริสามองอย่างงุนงงก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงานของตน
จุดหมายต่อไปของอิสรันหาใช่บ้านของอาศิระหากแต่เป็นสถานีตำรวจ
“ผมมาหาผู้กำกับเจ้าพระยาครับ” อิสรันเอ่ยบอกหลังจากที่เดินเข้ามาในสถานีตำรวจไม่นานเขาก็ได้พบคนที่ต้องการ
“มีอะไรกับผมรึเปล่าผู้การอิสรัน” พันตำรวจเอกเจ้าพระยาเอ่ยถามอย่างงุนงงก่อนที่อิสรันจะทำท่าอ้ำอึ้ง
“เอ่อ คือ คือว่า คือ โอ๊ย ผมไม่อยากพูดอะไรมากครับ เพราะมันเกี่ยวกับเพื่อน” อิสรันเอ่ยบอกด้วยท่าที่ลำบากใจแล้วยื่นกระเป๋าสตางค์ของอาศิระให้อีกฝ่าย
“คือมีคนฝากกระเป๋านี่ไปให้ไอ้หินผานะครับ เขาบอกว่ามันลืมไว้ที่ห้องเมื่อคืน” อิสรันเอ่ยบอกแล้วพูดต่อ “คือผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้านครับ กลัวว่าถ้าน้องเพียงเห็นมันจะยุ่ง”
เจ้าพระยามองแล้วตบโต๊ะอย่างแรง “ขอบใจมากผู้การ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“งั้นผม ขอตัวกลับก่อนนะครับ” อิสรันบอกแล้วลุกออกจากห้องไป เจ้าพระยาเป็นน้องชายของพลเรือตรีเจ้าสมุทรอดีตผู้บังคับการเรือสมัยที่อาศิระเป็นต้นปืนประจำเรืออยู่ แถมยังเป็นอดีตหัวหน้าของอาศิระในหน่วยพิเศษ แต่ที่เขานำกระเป๋ามาให้เจ้าพระยาก็เพราะว่าเจ้าพระยาและเจ้าสมุทรเป็นลุงแท้ของเพียงพิสุทธิ์ภรรยาอาศิระ ไหนจะแพรชมพูภรรยาเจ้าสมุทรที่เป็นป้าแท้ๆของเพียงพิสุทธิ์ เจ้าพระยาและแพรชมพูจับตาเล่นงานอาศิระอยู่แล้ว ที่นี้ก็แค่รอฟังข่าวความยับเยินของอาศิระ
ในยามบ่ายคล้อย ร่างของอิสรันยืนมองสถานที่ตรงหน้าแล้วหยิบสร้อยร้อยแหวนขึ้นมา นี่เขาก็แกล้งคนพวกนี้เบาๆนะ เบาจริง ๆ ถึงขั้นขับรถจากสัตหีบมากรุงเทพเบาจริง ๆ
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ” ชายในเครื่องแบบตำรวจยศร้อยตำรวจตรีเอ่ยถามอย่างสงสัยที่เห็นอิสรันมายืนอยู่หน้ากองปราบฯ
อิสรันมองอย่างเป็นมิตรแล้วเอ่ยบอก “ผมมาหาผู้กองเอื้อยครับ”
หลังจากนั้น
ดวงดาคมมองดวงหน้าหวานแต่กล้าแกร่งตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา เช่นเดียวกันหญิงสาวก็มองเขาเช่นกันแต่มองด้วยความสงสัย
“คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ เราไม่รู้จักกันนิ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งมาสักพัก
อิสรันยิ้มแล้วเอ่ยบอก “ผมชื่ออิสรันครับ ผมเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของหมอป้อมน่ะ”
“เพื่อนหมอป้อม แล้ว...” “คือเขาทำของตกไว้นะครับ ผมเห็นเขาหวงมากจะฝากใครไปคืนก็กลัวหาย ก็เลยอยากฝากไว้กับผู้กอง เดี๋ยวผมโทรบอกเขามาเอาจากผู้กอง” อิสรันเอ่ยบอกเมื่อได้รับคำถามของตำรวจหญิงที่ชื่อร้อยตำรวจเอกหญิงอรปรียาหรือผู้กองเอื้อย ภรรยาตามกฎหมายของปริญญา
“อ้อ แล้วของอะไรเหรอคะ” อรปรียาเอ่ยถามก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสร้อยร้อยแหวนในมือของอิสรัน แหวนนั้นเป็นแหวนแต่งงาน เป็นแหวนที่ตัวเธอสวมให้ปริญญาในวันแต่งงาน ทำไมปริญญาจะต้องหวงของสิ่งนี้ด้วยนะ ไม่เห็นเข้าใจเลย “เขาคงไม่มาเอาหรอกค่ะ มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
“แล้วมาดูกันมั้ยละครับว่าสำคัญมั้ย ผมว่าหมอป้อมต้องมาเอา ตอนนี้เขาอยู่สัตหีบแต่อีกไม่เกินสองวันเขาต้องมาเอา” อิสรันพูดทำให้ตำรวจหญิงคนสวยรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยก่อนที่เขาจะบอกลาเธอแล้วออกจากกองปราบ
แล้วอิสรันก็โทรบอกน้องชายคนสนิทอีกคนทันที “ถ้าอยากได้แหวนคืนมาเอาที่ผู้กองเอื้อยนะหมอป้อม”
“ห๊ะ ผู้กองเอื้อย พี่รันหายนะชัดๆแบบนั้น” คนปลายสายคร่ำครวญ ไปหาก่อนก็เสียศักดิ์ศรีคนขี้เก๊กกันพอดีดิ
“แล้วแต่ ถ้าแหวนสำคัญก็ไปเอากับผู้กองเอื้อย แค่นี้นะพี่ต้องกลับสัตหีบ” อิสรันพูดแล้ววางสายทันทีก่อนที่จะขับรถกลับสัตหีบอย่างสบายใจ อันนี้แค่ลงโทษนิดหน่อยที่ทำอะไรไม่ปรึกษาแถมยังเอาวิกานดามาอ้างอีก แต่ถ้าเขาเอาจริงคงหนักกว่านี้ อันนี้แค่แกล้งกันเล่นแบบเด็กๆเท่านั้น
ด้านอาศิระผู้กำลังอยู่ในห้องสืบสวนของบ้านกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ภรรยาก็เข้าใจผิดจนเข้าห้องใส่กลอนไม่คุยด้วย พี่สะใภ้น้องสามีคู่นี้ก็ลากเขาเข้าห้องสืบสวนด้วยสายตาโหดๆ
“แม่เจ้าโว้ย ถ้ารอดไปได้แกโดนดีแน่ไอ้รัน” อาศิระบ่นแล้วมองหน้าแม่ยายบุญธรรมกับลุงของภรรยาที่กอดอกทำหน้าขรึมอยู่
ใบหูหนาถูกแพรชมพูผู้เป็นอดีตตำรวจหญิงมือปราบบิดจนแทบจะหลุด “โอ๊ยยยย แม่ยายฟังลูกเขยก่อนได้มั้ยครับ”
“ไม่มีเหตุจำเป็นต้องฟัง ฉันกับผู้กำกับแค่เล่นเบาๆไม่ได้จับนายไปฆ่าซะหน่อย”
“โธ่ถ้าไม่กลัวพี่เมฆบ่นแล้วก็น้องเพียงโกรธพี่สองคนก็คงทำล่ะ”
“แน่นอน แต่ฉันจะทำยังไงกับนายดีนะ”
“เอางี้ๆ ผมยอมให้แม่ยายตบเลยเอา แล้วก็จบนะผมจะไปง้อน้องเพียง”
“คิดดีแล้ว”
“อือๆ”
เพี๊ยะ ตบที่หนึ่งฟาดลงใบหน้าด้านซ้าย
เพี๊ยะ ตบที่สองฟาดลงใบหน้าด้านขวา
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ ตบต่อ ๆ มาสลับซ้ายขวาข้างล่ะเท่ากัน
“นี่นายโชคดีนะที่ฉันไม่ถนัดตบ แต่ถนัดเตะมากกว่า”
“โหย ซี๊ด แบบนี้ยังว่าไม่ถนัดอีก นี่ถามจริงพี่ๆเชื่อที่ไอ้รันมันใส่ร้ายผมเหรอ”
“เปล่า มันก็แค่เข้าทางพวกฉัน โน้น คนเชื่อนะน้องเพียงต่างหาก ฮะฮะฮ่า” แพรชมพูและเจ้าพระยาพูดแล้วเดินออกไป
“นรกสิ ซวยชะมัด ไอ้รันนะไอ้รัน” อาศิระโอดครวญก่อนที่จะหอบใบหน้าช้ำๆไปงอนง้ออธิบายให้ภรรยาสาวฟัง
ในขณะที่ปริญญาผู้กำลังเจอกับความลำบากใจขั้นสุดกำลังนั่งหงุดหงิดอยู่ในรถ ตอนนี้รถของเขาจอดอยู่ที่หน้ากองปราบฯเขากำลังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ สร้อยร้อยแหวนนั้นสำคัญมากแต่จะให้เขาลดความขี้เก๊กไปขอแหวนจากคนสวมมันให้เขานั้นก็ไม่กล้า
“เอาว่ะ เสียหน้าเป็นเสียหน้า” ปริญญาพูดแล้วก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในสถานที่นั้น และแล้วผลของการร่วมมือกับอาศิระก็คือการเสียหน้าแถมยังกระเป๋าฉีกมีอันต้องเลี้ยงข้าวอรปรียาและลูกน้องนับสิบคนเป็นเวลาสามวัน
ค่ำคืนนั้นอิสรันก็พาภีรพิชชากลับมาที่บ้านของเธอ ห้องของเด็กสาวมีเสื้อผ้าของใช้ของเขาเข้ามาผสมอยู่ด้วย เพราะต่อจากนี้ไปที่นี้คือบ้านที่เขาจะอยู่ส่วนใหญ่
“อารัน” เด็กน้อยเอ่ยเรียกแล้วลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ อิสรันที่นอนอยู่ข้างๆก็ลุกขึ้นนั่ง
“หือ”
ภีรพิชชาหันมองแล้วเอ่ยบอก “ภีร์นอนไม่หลับ”
“งั้นก็...” อิสรันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์นิดแต่ก็ต้องถูกเด็กสาวขัดขึ้นตั้งแต่ยังพูดไม่จบ “มาเล่นทายปัญหากันอารัน”
อิสรันเบิกตากว้างแล้วนึกเสียดายในใจ “ทายปัญหาเหรอ”
“ใช่ทายปัญหาใครตอบไม่ถูกโดนดีดหู” ภีรพิชชาพยักหน้าแล้วเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มแฉ่งเมื่อพูดถึงการดีดหู หมายมาดว่าจะต้องได้ดีดหูสามีหนุ่มเกือบใหญ่ให้ได้
อิสรันทำหน้าแปลกๆแล้วเอ่ยขึ้น “คืออารันต้องเล่นกับหนูใช่มั้ย”
“ใช่แล้ว” เด็กสาวพยักหน้าแล้วอิสรันก็เอ่ยขึ้น “โอเคๆ เมียว่าไงก็ว่างั้นเอา”
เพี๊ยะ
สิ้นคำพูดอิสรันก็โดนฟาดแขนจนเกิดเสียงดัง “หยาบคาย”
“หยะ” “พอๆมาเริ่มทายดีกว่า” ภีรพิชชาบอกแล้วเริ่มตั้งคำถามทายปริศนา “ส้มโอทำไมถึงตกรถ”
อิสรันนิ่งคิดแล้วตอบออกไป “เพราะบรรทุกเยอะไปมั้ง”
“ไม่ใช่”
“งั้นเพราะรถวิ่งเร็วมั้ง” อิสรันยังไม่ยอมแพ้ตอบพร้อมใบ้ความคิด
ภีรพิชชายิ้มๆแล้วพูดขึ้น “ก็ไม่ช่ายยย”
และแล้วเขาก็ต้องพูดอย่างยอมแพ้ “อืม แล้วมันทำไมตกรถล่ะ”
“ยอมยัง”
“อะๆยอม” หลังจากพูดว่ายอมอิสรันก็โดนดีดหูทันที “นี่แนะ ที่ส้มโอตกรถเพราะ...ส้มผลักไง”
“ส้มผลักเหรอ” เขาอุทานอย่างงุนงงก่อนที่เด็กสาวจะหัวเราะออกมา “555 ไม่เคยได้ยินเหรอ ภาษาอีสานว่า ส้มผักโอ ส้มผักโอ้”
“เหอะๆๆ เอาๆยอม อาถามบ้าง ตอบไม่ได้อาไม่ดีดหูหนูหรอกนะ แต่จะหอมแก้ม โอเคมั้ย”อิสรันพูดอย่างเจ้าเล่ห์แต่เด็กสาวก็ตอบรับอย่างมั่นใจ “โอเค ภีร์ฉลาดอารันไม่มีทางได้ฉวยโอกาสแน่ๆ”
“ก็คอยดู อะไรเอ่ย กลมๆมีรูตรงกลาง” คำถามจากอิสรันทำให้เด็กสาวผู้เกิดไม่นานถึงขั้นตอบออกไปง่ายๆ “ง่ายมาก โดนัทไง”
แต่มันก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง “ผิด”
“งั้นแหวน”
“ก็ไม่ใช่”
“ต่างหู”
“ก็ผิดอีกเแหละ”
“เอ้า แล้วมันอะไรอ่ะ” เด็กสาวถามอย่างสงสัย ไอ้นั้นก็ไม่ใช่ ไอ้นี้ก็ไม่ใช่ แล้วมันคืออะไรกัน
อิสรันยิ้มแล้วถาม “ยอมมั้ยบอกก่อน”
“ยอมแล้ว บอกมาได้แล้วว่ามันคืออะไร” คนอยากรู้ตอบและเร่งให้เฉลยคำตอบ
“หอมก่อน เดี๋ยวบอก” อิสรันบอกแล้วยื่นหน้าไปหอมเด็กสาวฟอดใหญ่ “ฟอดดดด ชื่นใจแก้มเมียเนี้ยนเนียน ห๊อมหอม”
คนถูกชมว่าแก้มหอมเนียนถึงกับเขินนิดๆแล้วเอ่ยขึ้น “บะ บอกได้ยัง”
“ก็ได้ อะไรเอ่ยกลมๆมีรูตรงกลาง...ไม่คิดว่าจะ...เป็นห่วงบ้างเหรอเมียจ๋า” อิสรันบอกก่อนที่ห้องจะตบอยู่ในความเงียบ
“...”
“ฮะฮะฮ่า” เสียงหัวเราะของอิสรันดังขึ้นหลังจากเงียบไปครู่แล้วเด็กสาวก็ต้องโวยวายแก้เขินทันที “ไม่เล่นแล้ว อารันทายไรก็ไม่รู้ นอนดีกว่า”
“เหม่ง” เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอล้มตัวลงนอนหันหลังให้
“หือ”
“พรุ่งนี้อารันต้องออกลาดตะเวนนะ” อิสรันบอก เขาเพิ่งได้รับคำสั่งมาเมื่อช่วงบ่ายนี้เอง ใจไม่อยากไปเลยตอนนี้แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่
ภีรพิชชาฟังแล้วถามเสียงเรียบ “ไปกี่วันล่ะ”
“คงจะสักสองถึงสามเดือน การออกเรือแต่ละครั้งไม่มีกำหนดหรอกว่าต้องลอยเรืออยู่ในทะเลนานแค่ไหน อะไรก็เกิดขึ้นได้” อิสรันอธิบายก่อนที่เด็กสาวจะลุกขึ้นมานั่งทำตาโต
“โหย กลับมาภีร์คงเปิดเทอมพอดี ไปนาน ๆแบบนี้กลับมาคงดำจนภีร์จำไม่ได้”
“ยังจะมาพูดอีก พอๆถ้าจะวกเข้าเรื่องดำขึ้นเดี๋ยวก็วกไปหาความแก่ นอนเลยก่อนที่อารันคนนี้จะทำให้ไม่ได้นอน” อิสรันพูดแล้วจัดมะเหงกใส่หน้าผากกว้างไปหนึ่งครั้ง
ภีรพิชชาลูบหน้าผากแล้วเอ่ยบอก “ชิ นอนแล้ว ฝันดีอารัน”
“ฝันดีครับเมีย” อิสรันตอบกลับก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอน ทั้งคู่นอนหันหลังให้กันเพราะไม่สนิทใจจะหันหน้ามองกัน มันมีความคะเขินอยู่กับความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป
“ไว้กลับมาอารันจะหยอดจะอ่อยให้รักอารันคนนี้หัวปักหัวปำเลย”
