บทที่12 ผีผลัก
ตึก ตึก ตึก
ติก ติก ติก
ในตอนนี้เวลาตีหนึ่งสี่สิบห้านาทีแล้วแต่อิสรันก็ยังคงนอนไม่หลับเสียงของเข็มนาทีจากนาฬิกาที่ข้างเตียงกับเสียงหัวใจของเขาไม่รู้ว่าอะไรมันดังกว่ากัน เพราะในความรู้สึกเขาเสียงหัวใจเขาเต้นหนักและดังกว่านาฬิกาเสียอีก
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจดังมาจากบนเตียงก่อนที่อิสรันจะเห็นร่างของเด็กสาวลุกขึ้นนั่ง เธอเองก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันละนะ
ก็อก...ก็อก...ก็อก
เสียงดังราวกับใครเคาะกระจกดังขึ้นทำให้ภีรพิชชาอดที่จะกลัวขึ้นมาไม่ได้ ห้องนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มีประตูเชื่อมกับห้องน้ำ ผนังที่ติดประตูก่อด้วยอิฐหนาทึบแต่ด้านตรงข้ามกับประตูเป็นกระจกนิรภัยที่สามารถเลื่อนเปิดปิดออกไปที่ระเบียงได้ ด้านกระจกมีผ้าม่านปิดอยู่แต่เด็กสาวก็ยังสังเกตุเห็นเงาอะไรบางอย่าง
ใจที่เริ่มหวาดกลัวจินตนาการไปต่าง ๆนาๆ ทั้งนึกถึงคำพูดของเพื่อนสามีในนามขึ้นมา ทั้งคำพูดทิ้งท้ายของอาศิระที่มาเคาะประตูห้องเมื่อยี่สิบนาทีก่อน
ทั้งคำพูดก่อนหน้านั้นของเพื่อนๆอิสรันที่เธอบังเอิญเดินผ่านไปได้ยินในช่วงงานพิธีบ่ายที่ว่า
“เขาลือกันว่าวิกานดายังไม่ไปไหน ยังวนๆเวียนๆอยู่ข้างๆไอ้รันนี่แหละ คนใช้นี่ลือกันให้แซดว่าตอนดึกๆได้ยินเสียงเหมือนใครไปเคาะประตูห้องหรือเคาะกระจกที่เรือนหอบ่อย ๆ”
“ก็เป็นได้นะเว้ย เรือนหอนั่นน่ะวิกานดายังไม่ได้อยู่เลย ตายซะก่อน คงยังวนเวียนอยู่จริง นี่เมียเก่ามันจะมาหักคอเมียใหม่มันรึเปล่าก็ไม่รู้”
“จะบ้าเหรอ คงไม่มั้ง”
“ก็ไม่แน่นะเว้ย วิน่ะรักไอ้รันมากอาจจะหึงที่ไอ้รันแต่งงานใหม่แล้วแก้แค้นด้วยการมาหลอกน้องหนูภีร์ก็ได้ใครจะไปรู้”
“หาพระไปให้เจ้าสาวหน่อยดีมั้ย”
“ก็ไม่แน่เว้ยค่อยถามไอ้รันพรุ่งนี้ดีกว่า ถ้ามีเสียงเคาะกระจกกับหมาหอนแสดงว่าเมียเก่ามันมาชัวร์”
เสียงสนทนาที่บังเอิญได้ยินดังอยู่ในหูของภีรพิชชาวนไปวนมาก่อนที่จะได้ยินเสียงของสัตว์สี่ขาดังขึ้น
ฮ้อง ฮ้อง บลู๊วววววว
“ฮืออ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต คุณน้าวิอย่ามาหลอกมาหลอนหนูภีร์เลยนะ” เด็กสาวยกมือพนมแล้วเอ่ยพลางมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดกลัวไม่เคยกลัวผีเลยเพิ่งจะมานึกกลัวเมื่อเย็นนี้แหละเพราะได้ยินเรื่องผีวิกานดานั่นแหละ ในขณะที่อิสรันนั้นลุกขึ้นมานั่งแล้วแต่คนกลัวผีเมียคนแรกของสามีในนามหาได้รู้สึกไม่เธอยังคงอยู่ในอาการหวาดกลัว
ก็อก ก็อก ก็อก บลู๊วววววววววววว
“หันมาที่หน้าต่างซิหนูภีร์” เสียงผู้หญิงออกพูดยานคางดังขึ้นในขณะที่เด็กสาวนั้นยกมือขึ้นปิดหน้าแล้ว
“ไม่เอาไม่หัน อย่ามาหลอกหนูเลย หนูไม่ได้อยากได้ของคุณน้าเลยนะ ไม่ได้มานั่งทับที่ด้วย” เด็กสาวพูดเสียงอู้อี้เพราะเอามือปิดปากปิดตาไว้
“หันมา ฉันบอกให้หันมาาาา” เสียงหลอนๆสั่งจนคนกลัวต้องหันไปมองมือทั้งสองข้างลดลงจากดวงตาและใบหน้า ในขณะที่อิสรันนั้นได้แต่งุนงง ‘ผีอะไรมีสั่งด้วย นี่ใช่เสียงวิที่ไหนเล่าแต่ฟังไปก็คล้ายๆนะ แค่คล้ายไม่ใช่วิ ไม่มีทางใช่’
ดวงตาคมให้ไปมองก่อนที่จะหยุดตะลึงที่ร่างบอบบางในชุดสีขาวเปื้อนรอยสีแดงเข้มใบหน้าของหญิงคนนั้นเละจนดูไม่ได้ เธอยืนอยู่นอกกระจกแต่ในมุมที่ผ้าม่านไม่ได้ปิด เหมือนกับตรงนั้นไม่ได้เลื่อนผ้าม่านไปปิดราวกับมีใครตั้งใจให้เห็นเลยทีเดียว
“กรี๊ดดดด” เด็กสาวกรีดร้องลั่นแล้วกระโดดลงไปกอดอิสรันทันที เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เจอผี แต่ใครจะคิดว่าจะได้เจอ แถมเจอผีตนไหนไม่เจอ เจอผีภรรยาอิสรันเสียได้
“เอ่อ” อิสรันถึงกับพูดไม่ออก จะว่าตกใจกับไอ้คนที่หน้าต่างก็ไม่ใช่จะใช่คนหรืออะไรเขาก็ไม่รู้เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมันทำให้ตาเขาพร่าไปกว่าปกติ แต่ที่พูดไม่ออกก็แค่ตกใจเพราะร่างแน่งน้อยกระโจนลงมากอดต่างหาก
อิสรันกอดปลอบร่างบอบบางพลางหันไปมองที่ผนังกระจกอีกครั้งแค่ก็ไม่เห็นอะไรอีกนอกจากฝนที่เริ่มเทลงมา ‘ผีกลัวฝนรึไงถึงหายไป นี่มันอะไรว่ะเนี้ย’
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าดังขึ้นร่างแน่งน้อยยิ่งขยับเข้าใกล้จนแทบสิงอกแกร่ง
“หนูภีร์ ไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องกลัวนะ” เสียงอ่อนโยนดังปลอบประโลมใจคนกลัว
ภีรพิชชาหลับตาปี๋ไม่ลืมตาในขณะที่แขนนั้นกอดอิสรันไว้แน่น “ปะ ไปแล้วใช่มั้ย คุณน้าวิไปแล้วใช่มั้ยอารัน”
“ไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” อิสรันตอบอยากจะค้านเสียเหลือเกินว่าไม่ใช่วิกานดาแต่ในตอนนี้ไม่น่าจะเหมาะ
“แน่นะ” “ก็ลืมตาขึ้นมาดูสิ เห็นสักวิมั้ย”อิสรันบอกทำให้เด็กสาวลืมตาขึ้นช้า ๆก่อนหันไปมองที่หน้าต่าง แต่ทันทีที่เธอหันไปหญิงในชุดขาวก็โผล่ขึ้นมาอีก
“กรี๊ดดดดดดด” เสียงกรี๊ดดังพร้อมกับร่างบอบบางที่กระโดดขึ้นมานั่งบนตักแกร่งจนร่างสูงเซล้มลงนอนราบโดยที่ร่างบางกอดทาบทับอยู่ด้านบน
“ฉันไม่ได้มาหลอกแค่อยากฝากดูแลรันด้วยยยย ทำหน้าที่ภรรยาของเขาแทนฉันให้ดี ฝากด้วยนะถ้าเธอดื้อไม่ยอมรันฉันจะกลับมาหักคอเธอ อย่าลืมนะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีให้ครบทุกข้อที่ภรรยาควรทำ อย่าดื้อกับเขานะ” เสียงหลอนดังมาแล้วก็เงียบไวก่อนที่จะดังขึ้นอีก “ฉันไปแล้วนะ ลาก่อนนนนนน”
แล้วเสียงหลอนก็เงียบไปทั้งห้องเงียบอยู่พักใหญ่ก่อนที่เด็กสาวจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองซ้ายมองขวาและชะโงกหน้าขึ้นดูที่กระจกไม่เห็นอะไรแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เฮ้อ ไปแล้ว ไปแล้วอารัน ไปแล้ว” เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนที่จะก้มลงมองสบตาคนใต้ร่าง ในขณะที่เธอโอบกอดทาบทับอย่างวาดกลัวเธอคงไม่รู้ว่าเขานั่นเกิดอารมณ์หื่นพลุกพล่านในร่างกายขนาดไหน ทั้งหน้าอกหน้าใจที่ถูไถอยู่กับอกและกลิ่นกายหอมกรุ่น อารมณ์ที่ค้างมาถึงสามครั้งก็มาสุมรวมจนไม่อาจห้ามใจได้
ร่างหนาพลิกให้ร่างบางลงไปอยู่ข้างล่าง เด็กสาวเกิดอาการตกใจแล้วดิ้นนิดนึง
“จุ๊ๆ อย่าขัดขืนสิ เดี๋ยวผีก็กลับมาอีกหรอก ไม่ได้ฟังเหรอเธอบอกว่ายังไง เธอบอกว่าอย่าดื้อกับรันน่ะ ไม่ได้ยินเหรอ”อิสรันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ตะล่อมเหยื่อที่ปรารถนาอาศัยคำพูดของอะไรสักอย่างที่มาแอบอ้างว่าเป็นอดีตภรรยาของเขามาหลอกล่อคนใต้ร่างให้หยุดขัดขืนแล้วนิ่งงันไป
“เพิ่งรู้นะว่าหนูภีร์กลัวผี” อิสรันพูดพลางนึกหัวเราะขบขันในใจ เขาไม่รู้หรอกนะว่าที่โผล่มานั่นอะไรหรือเป็นการกระทำของใครแต่ก็นึกอยากจะขอบคุณขึ้นมาแล้วสิ
“อย่าพูดสิ หนูภีร์ไม่อยากเจออีกนะ ภีร์กลัว” สาวน้อยผู้ไม่รู้อนาคตอันใกล้เอ่ยบอกเมื่ออิสรันพูดว่าผี
“อืม ถ้าไม่อยากเจอก็ต้องไม่ดื้อกับอารันซิ ผีตนนั้นบอกว่าให้ดูแลอารันดี ๆ ถ้าไม่ยอมอาเธอจะกลับมาหักคอ” อิสรันพูดในขณะที่มองใบหน้าหวาดกลัวของเด็กสาวอย่างเสน่หา
คนกลัวทำหน้าหวาดๆก่อนที่จะเอ่ยบอก “ตะ ต่อไปนี้หนูไม่ดื้อแล้ว จะยอมอารันทุกอย่างเลย คุณน้าวิอย่ามาหักคอหนูนะ”
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็อย่าดื้อกับอา” ชายหนุ่มพูดแล้วก็ค่อยๆก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยนเขาปรารถนาเธอในแบบที่ไม่เคยเป็นมันคือความปรารถนาของผู้ชายที่ปรารถนาในตัวผู้หญิงไม่ใช่ความรู้สึกทั่วๆไป
ความร้อนรุ่มจากร่างบางถ่อยทอดกระจายจากร่างเขาส่งต่อมาถึงตัวเธอ ทุกสัมผัสจากอิสรันทำให้ร่างบางตัวสั่นอย่างตื่นเต้นแปลกใหม่ ริมฝีปากอุ่นแนบลงทาบทับพร้อมส่งปลายลิ้นอุ่นชื้นเข้ามาลิ้มรสความหวานหอมจากโพรงปากที่ไม่เคยมีใครย้ำกลายเข้ามารุกล้ำ นอกจากเขาที่ตลอดทั้งวันนี้ได้รุกล้ำย้ำกลายเข้ามาสี่ห้าครั้งแล้ว
หลังจากจุมพิตจนคนใต้ร่างแทบจะหายใจไม่ออกตัวอ่อนยวบลงกับพื้นแขนขาแทบไม่มีแรงขัดขืน จากนั้นก็จูบพรมทั่วใบหน้าแสดงความเป็นเจ้าของแล้วไล่ลงมาซุกไซ้ซอกคอขาวสร้างรอยสีจางๆแสดงความเป็นเจ้าของแล้วไล่ปลดกระดมชุดนอนลายการ์ตูนของเธอจนถึงเม็ดสุดท้าย
มือหนาขยับเสื้อออกจนเผยให้เห็นผิวเนื้อเขาไซ้ซอกคออีกครู่จากนั้นก็จุมพิตไล่ต่ำลงเรื่อยๆจนถึงเนินอกขาวผ่องแล้วผละออก เขาโอบร่างที่นอนราบกับพื้นอยู่ขึ้นมานั่งบนตักแล้วถอดชุดออกจากเรียวแขนบอบบางแต่แข็งแรง มือหนาเอื้อมไปหยิบรีโหมตและกดเปิดโคมไฟสว่างโร่แล้วหันมามองเด็กสาวที่มีสีหน้าและแววตามึนงง
ก่อนที่มือหนาปลดตะขอชุดชั้นในของเด็กสาวออกไม่นานทรวงอกของเธอก็เปิดเผยต่อสายตาคมเข้มอย่างชัดเจน
ความร้อนแล่นวาบทั่วใบหน้าของภีรพิชชาจนไม่สามารถทนสบตาคู่คมนั่นได้มือบางยกขึ้นปิดหน้าอกทันที
“ไหนบอกไม่ดื้อแล้วไง ไหนบอกจะยอมอารันทุกอย่างไง เดี๋ยวอะไรที่หน้าต่างก็โผล่มาอีก” อิสรันพูดแล้วจับมือเธอออกก่อนใช้มือหนาสัมผัสความอ่อนนุ่มของเธอ
“อะ” เธอส่งเสียงอย่างตกใจและตื่นตระหนก รางกายเกร็งไปหมดไม่คุ้นชินกับสัมผัสแบบนี้เลย ฝ่ามือสากปลุกปั่นเคล้งคลึงจนสาวน้อยผู้ไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอาการวาบหวามอย่างห้ามไม่อยู่
เพียงชั่วอึดใจเดียวร่างบอบบางแต่แข็งแรงก็เปลือยเปล่าโดยไร้สิ่งปกปิด เธอถูกพาขึ้นมาวางบนฟูนนอนนุ่มก่อนที่จะต้องหลับตาปี๋เมื่ออารันของเธอกำลังจะเป็นชีเปลือย เขาถอดเสื้อของตนออกก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงแล้วจับร่างบอบบางมาในท่านั่งแนบกาย
“หลับตาทำไม ลืมตาสิเด็กน้อย” เสียงนุ่มที่แฝงความปรารถนาเอ่ยบอกทำให้สาวน้อยต้องค่อยๆลืมตาขึ้น แผงอกลอนงามที่ปรากฎตรงหน้าทำให้ดวงตาบางกระพริบขึ้นลงถี่ ๆก่อนที่ใบหน้างามงอนจะเงยขึ้น
อิสรันจุมพิตลงที่กลีบปากหวานหอมอีกครั้งในขณะที่มือทั้งสองข้างลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของสาวน้อยให้ลุกโชนขึ้น
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คือสิ่งที่ภีรพิชชาไม่เคยเจอและสัมผัสมาก่อนเขาอยากจะให้มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่น่าจดจำของเธอจึงไม่เร่งรีบจนเกินไป
การเล้าโลมจากฝ่ามือสากและริมฝีปากร้อนปลุกความปรารถนาในตัวกันและกันให้ลุกโชนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างบางถูกวาฃลงบนที่นอนนุ่มส่วนอิสรันนั่นจูบพรมไปตามส่วนต่าง ๆจากลำคอต่ำลงไปจนถึงเนินเนื้อขาว เรียวขาทั้งสองถูกแยกออกก่อนที่ชายหนุ่มจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างพอใจ ใบหน้าคมก้มลงแทบจะแนบชิดกับกลีบกุหลาบสวยก่อนที่ปลายลิ้นร้อนจะแลบออกมาและแตะลงบนเนินกระสัน
ด้วยความตกใจสาวน้อยผู้แทบลุ่มหลงอยู่ในวังวนเสน่หาต้องอุทานออกมา “อะ”
ปลายลิ้นร้อนตะหวัดขึ้นลงช้า ๆในขณะที่นิ้วมือทั้งสองข้างของสาวน้อยจิกลงที่ฟูกแน่น ลิ้นร้อนอุ่นค่อยๆเพิ่มความเร็วขค้นเรื่อยๆ เรื่อยๆจนส่งผลให้สาวน้อยไร้เดียงสาบิดกายไปมาก่อนที่จะส่งเสียงครวญครางออกมา “อ่ะ อือ อ๊า”
ลิ้นของอิสรันขยับไปมาอยู่ครู่หนึ่งสาวน้อยก็ร้องออกมาเสียงดัง สมองว่างเปล่าขาวโพลนไปหมดก่อนที่จะหอบหายใจกระเพื้อม เขายิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะมองน้ำหวานที่ไหลเยิ้มตรงหน้าก่อนที่จะส่งนิ้วไปสัมผัสก่อนที่จะค่อยๆแทรกเข้าไปในช่องทางคับแคบ
“อือออ” เสียงของเด็กสาวดังขึ้นก่อนที่จะดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาขยับนิ้วเข้าออก มันช่างเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แบบนี้รึเปล่าคือความรู้สึกที่บังเอิญได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนพูดกัน นี่รึเปล่าที่เขาเรียกว่าเสียว
เด็กสาวผู้ถูกชักจูงให้หาทางปฎิเสธไม่ได้ได้แค่บิดกายไปมาก่อนที่จะรู้สึกจุก ลืมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ความเจ็บปวดมหาศาลถาโถมเข้าใส่เมื่อนิ้วร้อนถูกแทบที่ด้วยท่อนเนื้ออลังการ เขาแทรกความเป็นชายเข้าแทนที่นิ้วร้อนแล้วส่งมันเข้ามาจนสุดเพื่อให้สาวน้อยเจ็บปวดแค่ครั้งเดียว
“ฮึก อารันหนู หนูเจ็บ” เสียงแผ่วเบาของเด็กสาวดังขึ้น
“เดี๋ยวก็หายนะ เชื่ออารัน” เขาบอกพร้อมโน้มตัวลงจูบพรมใบหน้าเหยเกแล้วจูบกลีบปากบางอีกครั้งให้เธอหลงลืมความเจ็บปวดทรมาน เมื่อเห็นว่าสาวน้อยเริ่มคุ้นชินกับตัวเขาแล้วจึงค่อยๆเคลื่อนไหวร่างกายเข้าออก
ความรู้สึกแรกคือความทรมานทว่าชั่วอึดใจต่อมามันแปลเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่จนภีรพิชชาต้องส่งเสียงน่าอายออกมา
“อารัน อือ”
ในขณะที่อิสรันได้สุขสมอารมณ์ปรารถนานั้นมีคนกลุ่มหนึ่งที่ัเปียกปอนไปด้วยหยาดฝนรวมถึงคนในชุดขาวเปื้อนเลือดด้วย ทั้งกลุ่มมีทั้งหมดเกือบสิบคน ทุกคนพากันวิ่งหนีหลบฝนกันมาจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนหอเท่าไหร่
“บ้าเอ๊ย อยู่ ๆก็เทลงมาเกือบลื่นตกบันได” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างหัวเสียกับฝนที่เทลงมา
“พวกแกว่าสำเร็จมั้ยว่ะ แล้วเธอว่าจะสำเร็จมั้ยวา” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาแล้วหันไปที่หญิงสาวในชุดขาวเปื้อนเลือดที่ใบหน้าเละจนดูไม่ได้ คนที่ถามนั้นไม่ใช่ใครเขาคือคีรตินั่นเอง
“ต้องสำเร็จดิว่ะ ถ้าหินผาคิดยังไงก็ต้องสำเร็จ” อาศิระเอ่ยบอกพลางยิ้มหน้าระรื่น เขาและเพื่อนๆรวมหัว น่าจะเรียกว่าสุมหัววางแผนพิเศษนี้ขึ้นจุดประสงค์คือขยับความสัมพันธ์ของอิสรันและภีรพิชชาให้ลึกซึ้ง เพราะอิสรันจะได้เป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนแบบเขาเต็มตัว
แผนนี้เริ่มต้นด้วยการส่งคนไปเป่าหูภีรพิชชาเสียก่อน โดยการทำเป็นคุยกันเรื่องผีวิกานดาให้เหมือนกับเด็กสาวไปบังเอิญได้ยิน หลังจากนั้นก็ให้คนที่มีน้ำเสียงเหมือนวิกานดาไปยืนรอที่ระเบียง การขึ้นไปอยู่ที่ระเบียงห้องหอซึ่งอยู่ชั้นสองก็คือการไต่บันไดขึ้นไป จากนั้นก็เคาะกระจก จากนั้นก็เป็นการเปิดเสียงหมาหอนและเสียงหลอนวิกานดาบอกให้ภีรพิชชาเป็นภรรยาที่ดีพร้อมคำขู่อีกนิดเป็นอันจบแผน เรื่องต่อจากนั้นอยู่ที่ไอ้คนแอบร้ายแบบอิสรันจะจัดการตามสมควร
“นั่นสิ สำเร็จแน่นอน แต่ไอ้ฝนบ้านี่สิ เทลงมาไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าฟ้ามันร้องอีกทีนี่วาว่าแผนแตกอ่ะเพราะวาจะกรี๊ด” หญิงสาวในชุดขาวบอก เธอมีน้ำเสียงที่คล้ายกับวิกานดาจึงถูกเรียกร่วมแผนการนี้ เธอคือแพทย์หญิงวาริสาน้องสาวแท้ๆของวิกานดาอดีตน้องเมียของอิสรันนั่นเอง
“เออไอ้หิน ข้องใจว่ะ สงสัยด้วย” คีรติบอกอย่างสงสัยและถามข้อสงสัยของตัวเองออกไป “ทำไมต้องให้มันดื่มห้าแก้วด้วยว่ะ”
อาศิระยิ้มและมองคีรติ คีตวัตร ติณภัทร รวมถึงนายแพทย์ปริญญา และคนอื่น ๆซึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วหัวเราะออกมา “ฮะฮะฮ่า ฟังนะเหตุผลมีสองข้อ”
“ข้อแรกหมั่นไส้เลยอยากให้มันเดินมาเปิดประตูสองสามรอบ”อาศิระตอบด้วยสีกน้าสะใจแล้วเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ก่อนบอกต่อ “ข้อสอง ทำให้มันเมานิดๆไม่สงสัยแผนการของเรา และ และ และ ที่สำคัญเขาบอกว่าแอลกอฮอล์ส่งผลทำให้ขาดสติยั้งคิด และกล้าที่จะทำตามใจคิดโดยไม่ได้ใช้สมองไต่ตรองให้วุ่นวาย นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังมีผลต่ออารมณ์ทางเพศด้วย เข้าใจยัง”
“อ๋อ แค่อยากให้ไอ้รันเป็นแบบแกว่างั้น เมาแล้วปล้ำ ถุ้ย” คีรติและเพื่อนร่วมขบวนการพูดพร้อมกันแล้วทำท่าเหมือนจะพ้นน้ำลายใส่อย่างหมั่นไส้
“แกนี่มันอย่างร้ายว่ะ ไม่น่าไปเป็นเสนียดในบ้านคนดี ๆแบบพี่เมฆเลย” เพื่อนคนหนึ่งบอก ไม่เข้าใจว่าอาศิระกับอิสรันนี่ยังไงกันทำไมถึงได้แกล้งกันไปหมั่นไส้กันมาแบบนี้ ไอ้นั่นล้อไอ้นี่ว่าเมาแล้วไปปล้ำเขา ไอ้นี่ก็วางแผนให้ไอ้นั่นกลายเป็นคนเมาแล้วปล้ำเหมือนๆกันซะงั้น
“ไม่แคร์ แยกย้ายๆ ฉันจะกลับบ้านไปนอนกอดเมีย ไม่ต้องไปสนใจไอ้รันมันแล้วป่านนี้นะเชื่อดิเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนเต็มตัวแบบฉันไปแล้ว” อาศิระพูดก่อนที่ทุกคนจะต้องยอมแยกย้ายกันไป
วาริสามองไปที่เรือนหอก่อนที่จะยิ้มออกมา “คนที่พี่รักมีคนดูแลแทนแล้วนะพี่วิ สบายใจได้นะ พี่มองลงมาเห็นแล้วใช่มั้ย”
“กลับเถอะวา เดี๋ยวฉันไปส่ง” คีรติเอ่ยบอกก่อนที่ทั้งสองจะเดินเคียงข้างกันไปด้วยรอยยิ้ม
ด้านในห้องหอ
“บอกซิจะดื้อกับอารันอีกมั้ย” เขาพูดแล้วเคลื่อนไหวกายเร็วขึ้น
“มะ ไม่ดื้อ” สิ้นคำพูดนั้นร่างสูงเคลื่อนกายเข้าหาหนักหน่วงขึ้นจนพาเด็กสาวไปพบพานกับความรู้สึกที่ไม่เคยพบเจอสมองของภีรพิชชาก็ปรอดโปร่งพลางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยแบบที่ไม่เคยเป็น
อิสรันนำตัวตนของเขาออกจากร่างบางก่อนที่สายธารร้อนอุ่นจะไหลทะลักออกมา เธอยังไม่พร้อมที่เขาจะปลดปล่อยสิ่งนี้ในร่างกาย แต่สักวันหนึ่งที่เธอพร้อมเขาจะทำมันแน่
“ต่อไปหนูเป็นเมียอารันแล้ว อย่าดื้อกับอารันนะ” เขาพูดแล้วมอบจุมพิตให้อย่างโหยหา สาวน้อยฟังคำพูดนั้นแล้วก็หลับไปเสียอย่างนั้นจนอิสรันนึกขำ เด็กสาวคงเหนื่อย แถมนี้ก็เกือบตีสามแล้วร่างกายของเด็กวัยนี้ควรพักผ่อน
“พรุ่งนี้มีเคลียร์ ไอ้หน้าไหนมันบังอาจเอาวิมาแอบอ้าง ไอ้เห็บหมาล่ะตัวนึงพรุ่งนี้มันโดนแน่” อิสรันพูดกับตัวเองเบาๆก่อนที่จะนอนลงข้างๆร่างบางแล้วดึงเอาเด็กสาวเข้ามากอดและห่มผ้าให้ ไว้พรุ่งนี้ก่อนเถอะ ไอ้เรื่องผีไม่สมเหตุสมผลนี่ต้องเคลียร์ เขาไม่โกรธในความหวังดีประสงห์ร้ายของเพื่อนแต่โกรธที่เอาชื่อคนตายมาแอบอ้าง วิกานดาไม่ควรถูกนำมาทำให้ภีรพิชชาหวาดกลัว
