บทที่11 พิธีเข้าหอ
หลังจากเต้นมันหยดจนเหนื่อยเจ้าบ่าวแล้วเจ้าสาวของงานก็ถูกคุณอนงค์นางเรียกตัวออกมาจากงาน อรรครินทร์มีสีหน้าหน้ายิ้มแย้มในขณะอรพิชชามีสีหน้าลำบากใจ
“ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงคืนเก้านาที จะได้ฤกษ์ส่งตัวพอดี หมดเวลาสนุกได้เวลาปิดท้ายพิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว” คุณอนงค์นางเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มในขณะที่อิสรันอยู่ในใบหน้าเรียบไม่แสดงออกว่าคิดอะไรอยู่ส่วนภีรพิชชานั่นอ้าปากค้าง
ดวงตาคมคู่หวานหันมองไปยังมารดาทันที “ต้องส่งตัวด้วยเหรอคะ”
ภีรพิชชาถามมารดาที่ทำสีหน้าลำบากใจอยู่ อรพิชชาถอนหายใจไม่ได้อยากจะให้มีการเข้าหอหรอกนะ แต่จะให้ไม่มีมันก็ออกจะพูดไม่ออกเพราะพิธีแต่งงานจะสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าขาดพิธีส่งตัวเข้าหอ จะให้ปฏิเสธรึก็เกรงใจอรรครินทร์และคุณอนงค์นาง จะยอมให้มีพิธีนี้ก็หวงลูกสาว อรพิชชาจึงหันไปส่งสายตาปรึกษาคุณสุมณฑาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คุณอนงค์นางแทน
“ต้องมีซิยัยภีร์ งานแต่งงานมันจะสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าขาดพิธีส่งตัวเข้าหอ” คุณสุมณฑาเอ่ยบอกแต่เด็กสาวกลับทำหน้าราวกับจะร้องไห้แล้วบอก “ในละครถ้ามีการส่งตัวคู่บ่าวสาวเขาจะ...ยึ้ย ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวผีผลัก”
อิสรันฟังแล้วอดที่จะขำไม่ได้ส่วนคุณสุมณฑานั้นฟังหลานสาวพูดแล้วส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยบอก “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลยนะ ไม่ว่าจะช้าจะเร็วเรื่องแบบนั้นก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดีแหละน่า จะเข้าหอรึไม่ก็ตาม”
“คุณยายยย”
“พอๆ ไม่ต้องมาทำหน้าขนพองสยองเกล้าเเบบนั้นเลย มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น นี่ก็ใกล้ถึงฤกษ์เต็มทีแล้วไปที่เรือนหอกันดีกว่า” คุณสุมณฑาบอกหันไปพยักหน้ากับคุณอนงค์นางและคุณอรรครินทร์ก่อนที่ตัวท่านจะโอบเอวหลานสาวเดินไปโดยเจ้าสาวตัวน้อยมีการขัดขืนแต่ก็ไม่อาจขัดขืนคุณยายได้สำเร็จ
เรือนหอของอิสรันและภีรพิชชาเป็นเรือนหอที่อรรครินทร์เคยคิดสร้างเป็นเรือนหอมอบให้แก่อิสรันในวันแต่งงาน แต่ยังไม่ทันจะสร้างเสร็จวิกานดาก็จากไปเสียก่อน อรรครินทร์ได้แต่หวังว่าเรือนหอแห่งนี้จะได้เป็นเรือนหอของอิสรันกับใครสักคนที่อิสรันจะแต่งงานใหม่ด้วย และวันนี้ก็ได้เป็นเรือนหอสำหรับอิสรันแล้วจริง ๆ
ภีรพิชชาหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งพร้อมกับคุณอนงค์นาง อรรครินทร์และคุณสุมณฑา พร้อมด้วยสุรีกาจ พี่เขยของอิสรันที่รับหน้าที่ช่างภาพในขณะที่อิสรันนั่นก้าวเดินอย่างช้า ๆ มองรอบ ๆ ข้างที่ช่างเงียบและวังเวงผิดปกติ
“รัน” เสียงเรียกจากอรพิชชาที่เดินตามมาด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหันกลับมามอง
อรพิชชามองดวงหน้าคมเข้มของลูกเขยก่อนที่จะเอ่ยบอก “สัญญากับพี่ได้มั้ยว่าต่อให้คืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับยัยภีร์หรือไม่ก็ตาม เธอจะไม่ทำให้ยัยภีร์เสียน้ำตา ไม่ทำให้ลูกสาวของพี่ต้องร้องไห้ ไม่นอกใจ และไม่มีอะไรปิดบังยัยภีร์ ดูแลยัยภีร์อย่างดีในฐานะภรรยาของเธอ จะเป็นสามีที่ดีของยัยภีร์ สัญญากับพี่ได้มั้ย”
อิสรันพ้นลมหายใจร้อนๆ ออกมาแล้วมองใบหน้าของภรรยาผู้มีพระคุณ
“ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในคืนนี้ และไม่ว่าต่อจากนี้ไปผมกับหนูภีร์จะต้องเจออะไรผมสัญญากับพี่และสัญญากับครูภัคว่าผมจะไม่ทำให้หนูภีร์ร้องไห้ จะไม่นอกใจ จะไม่ปิดบังเธอ จะเป็นสามีที่ดีดูแลเธอในฐานะภรรยา ผมเคยปกป้องวิไม่ได้แต่ผมสัญญาด้วยชีวิต...ว่าผมจะปกป้องหนูภีร์ให้ได้” เขาเอ่ยบอกก่อนที่ใบหน้าลำบากใจของอรพิชชาจะเริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปถึงหน้าห้อง
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีพิธีส่งตัวเข้าหอก็เริ่มขึ้นจนกระทั่งเสร็จสิ้นลงทุกคนออกจากห้องไปแล้วปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้พักผ่อน
“แหม่ไปยืนซะไกลเชียว กลัวผีผลักเหรอหนูภีร์”อิสรันเอ่ยขึ้นหลังจากที่คนอื่น ๆ ออกจากห้องไปแล้วและภีรพิชชานั้นเดินไปยืนอยู่ข้างๆ ประตูราวกับกลัวจะต้องอยู่ใกล้เขา
“ไม่ต้องมาพูดเลย หนูภีร์น่ะโกรธอารันเรื่องเมื่อเช้าอยู่นะ” ภีรพิชชาบอกด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“หยุดเลย ไม่ต้องมางอนเดี๋ยวอาง้อแล้วผีผลักขึ้นมาจะมาว่าอาไม่ได้นะ” อิสรันพูดก่อนที่จะล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแล้วปิดเครื่อง ดึกดื่นแบบนี้ไม่น่ามีใครโทรมากวนแต่ทุกคืนที่ผ่านมามีและหลังๆ มานี้เขาก็ปิดเครื่องหนีก่อนเที่ยงคืนทุกวัน เพราะไม่อยากเสียเวลารับสายไร้สาระและไม่รอยากให้ใครมารบกวนการนอนของเขา “จะอาบน้ำก่อนหรือให้อาอาบก่อน”
“หนูภีร์อาบก่อน” เด็กสาวบอกแล้วเดินไปที่ห้องน้ำทันที ประตูห้องน้ำถูกปิดลงแล้วส่วนอิสรันนั้นล้มตัวลงนอนบนเตียงเพื่อรอที่จะอาบน้ำ
เวลาต่อมา...
“ห้องน้ำว่างแล้วนะ” เสียงของภีรพิชชาดังขึ้นทำให้อิสรันลุกขึ้นยืนแล้วส่งเสียงตอบในลำคอ “อืม”
อิสรันเดินออกมาจากเตียงเดินผ่านหน้าเด็กสาวที่อยู่ในชุดเสื้อยืดติดกระโปรงยาวถึงหัวเข่าลวดลายตัวการ์ตูนที่เด็กสาวชื่นชอบอย่างหมีพูร์มาที่หน้าห้องน้ำแต่แล้วเสียงของภีรพิชชาก็ดังขึ้น “เดี๋ยว! ถ้าอารันอาบน้ำเสร็จแล้วนอนตรงนี้นะ ห้ามขึ้นไปนอนบนเตียง บนเตียงของหนูภีร์”
“แต่ห้องนี้” คนกำลังจะต้องลงไปนอนบนพื้นพูดขึ้นแต่ไม่ทันได้พูดจบภีรพิชชารีบสวนขึ้นทันที “ไม่มีแต่ คุณป๋าบอกว่าห้องนี้คือห้องของเรา หนูภีร์ก็มีสิทธิ์ในห้องนี้”
อิสรันฟังแล้วอยากจะกุมขมับแต่ก็ค้านความคิดของเด็กสาวที่บอกว่ามีสิทธิ์ในห้องนี้ว่า “อาก็มีสิทธิ์”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงหนูภีร์ก็จะนอนบนเตียง อารันนอนบนพื้น ถ้าอารันไม่ทำตามมีเรื่องแน่” เด็กสาวพูดอย่างเอาแต่ใจมือกอดอกแน่น
อิสรันถอนหายใจก่อนที่จะเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายหนักๆ “หนูภีร์!”
“ทำไม ขึ้นเสียงเหรอ” เมื่อขึ้นเสียงมาเด็กสาวก็ขึ้นเสียงกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“เออ”
ภีรพิชชามองด้วยสายตาเข้มๆ แล้วภามขึ้น “กล้าขึ้นเสียงเหรอ”
สายตาเข้มๆ ดุๆ ของเด็กสาวทำให้อิสรันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้เขาหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้แต่รู้เพียงว่าต้องยอม “เอ่อ อาแค่จะบอกหนูภีร์ว่า นอนบนพื้นก็ได้แต่ขอผ้าห่มกับหมอนหน่อยนะ”
ภีรพิชชาเห็นท่าทีอ่อนลงของอิสรันแล้วอดที่จะพูดไม่ได้
“นึกว่าแน่ ชิ”
“ก็อยากจะแน่ ๆ แต่ปากมันไปแบบนี้จะให้ทำยังไง”อิสรันพูดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เขาไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ ทำไมต้องยอม ทำไมต้องอ่อนให้ไอ้เสียงเข้มๆ สายตาดุๆ นั่นด้วย
ห้องหอเงียบลงแต่คนเป็นเจ้าสาวหาได้นอนหลับพักผ่อนไม่ เพราะเด็กสาวนั้นกำลังนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ของอิสรันอยู่ เธอยังไม่รู้สึกง่วงแม้ว่าเวลานี่จะใกล้ตีหนึ่งเข้ามาเต็มที อาจจะเพราะตื่นเต้นหรือกังวลเพราะต้องนอนในห้องเดียวกับอิสรันตัวเธอก็ไม่อาจบอกตัวเองได้
ไม่นานอิสรันก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มขายาวเรียบร้อย มือที่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดขยี้ผมอยู่ทิ้งลงมาเท้าสะเอวยืนมองคนนั่งเล่นเกมอย่างไม่ค่อยจะพอใจ
“ทำไมยังไม่นอนอีกหนูภีร์ มันดึกแล้วนะ” เขาถามออกมาแต่คนเล่นเกมอยู่หาได้สนใจไม่จนอิสรันต้องเดินไปแย่งโทรศัพท์จากมือบาง
คนถูกแย่งหันมองแล้วลงจากเตียงมายืนประจันหน้าอย่างไม่ชอบใจ “เอามา หนูภีร์จะเล่น”
“ไม่ให้ นอนได้แล้วหนูภีร์ตีหนึ่งแล้ว” หนุ่มเกือบใหญ่พูดคราวนี้ไม่ยอมอ่อนให้เด็กสาวอีก
“เอามา” ภีรพิชชาพูดแล้วก็เข้าไปยื้อแย่ง อิสรันไม่ยอมให้เช่นกันทั้งสองยื้อแย่งกันชุลมุนก่อนที่ภีรพิชชาจะออกแรงดังจนร่างของทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียง
ในห้องเงียบสนิทในขณะที่สายตาสองคู่นั้นสบกันอยู่อย่างไม่อาจละสายตาไปไหนได้ ใบหน้าคมเข้มโน้มลงใกล้ๆ ใบหน้าขาวผ่องก่อนที่จะจรดริมฝีปากลงจุมพิตกลีบปากเนียนนุ่มจากจุมพิตอ่อนโยนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มือหนานั้นลูบไล้อยู่ที่หน้าอกของหญิงสาวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ลิ้นอุ่นชื้นละเลียดความหวานในโพรงปากหวานหอมอย่างหลงใหลในขณะที่มือหนาก็ยังคงลูบไล้ตามเรือนร่างบอบบางโดยเฉพาะที่หน้าอกเนียนนุ่ม
ก็อกๆๆ
“เพื่อนรันเปิดประตูหน่อยยยย” เสียงเคาะประตูและเสียงคนเรียกจากหน้าห้องทำให้ทั้งคู่ได้สติขึ้นมา ความรู้สึกของอิสรันนั้นบอกตัวเองในใจว่า ค้าง ค้างคำเดียวเท่านั้น ภีรพิชชาผลักอกคนรุกรานออกจากตัว
“ไอ้รัน เปิดดิว่ะ ทามอารายอยู่” เสียงจากหน้าห้องดังเรียกอีกทีทำให้อิสรันลุกขึ้นจากเตียงด้วยใบหน้าเซ็งๆ ทันที “เออๆ กำลังจะเปิดเดี๋ยวนี้แหละ”
อิสรันเปิดประตูพร้อมกับกวาดสายตามองคีรติและติณภัทรยืนถือแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ “มีไรว่ะ กลางค่ำกลางคืนไม่หลับไม่นอนบุกมาถึงห้องฉันเนี้ย”
“ดื่มหน่อยครับลูกพี่” ติณภัทรบอกพร้อมยื่นแก้วมาให้ “หรือเมียไม่ให้ดื่ม”
“เอามา” เจ้าบ่าวในค่ำคืนนี้พูดก่อนที่จะฉวยแก้วไปกระดกทันที ปกติเขาไม่ใช่คนชอบดื่มแต่ก็ไม่ใช่คนคออ่อน
“อีกแก้วสิเพื่อนราน” คีรติที่ค่อนข้างอยู่ในอาการเมาเอ่ยบอกแล้วจับแก้วยื่นให้ถึงปากของเพื่อน
อิสรันคว้าแก้วมาดื่มเอาจนหมดแก้วแล้วถาม “หมดยัง”
“หมดแล้วครับ ผมกับพี่คิวไม่รบกวนแล้วครับ” รุ่นน้องคนสนิทบอกก่อนที่จะกอดคอคีรติออกไปอย่างสนิทสนม
อิสรันมองตามก่อนที่จะปิดประตูห้องแล้วเดินกลับมาในห้อง ล้มตัวลงนอนบนพื้นที่มีหมอนกับผ้าห่มทิ้งกองไว้
ในห้องเงียบสนิทอิสรันไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่มันเต้นราวกับมีคนมาตีกลองอยู่ด้านใน ภีรพิชชาเองก็เช่นกันเธอทั้งเขินอายทั้งใจเต้นตึงตังโครมครามอย่างไม่เคยเป็น ก่อนหน้านี้มันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูกรู้ตัวอีกทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นแล้ว
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่แล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือดทำให้อิสรันมองขึ้นไปบนเตียงแล้วเลือกที่จะลุกขึ้นไปนอนบนเตียง
ภีรพิชชาหันกลับมามองแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ก้มลงจุมพิตทันทีอย่างรุกรานครั้งนี้เด็กสาวขัดขืนไปมาแต่เพียงไม่นานเด็กสาวก็พ่ายแพ้อ่อนระทวยลงกับฟูกนอนนุ่มเพราะจูบอันเร่าร้อนของอิสรัน
อิสรันลอบยิ้มในใจเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนั้นไม่อาจขัดขืนอะไรได้แล้ว ริมฝีปากบางถอนออกจากกลีบปากเนียนนุ่มก่อนที่จะจูบพรมไปตามไปหน้าหวานและลำคอ...
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบจนอิสรันนึกหัวเสียลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู “อะไร”
“หัวเสียไรว่ะ มาๆ ดื่มๆ” คีตวัตรที่เป็นคนเคาะประตูเอ่ยบอก เขามากับพันตรีนายแพทย์ปริญญาหรือหมอป้อมเพื่อนรุ่นน้องอีกคนที่เคยช่วยชีวิตหลานสาวของอิสรันไว้
อิสรันรับแก้วจากคีตวัตรมาดื่มแล้วยื่นแก้วคืนให้แล้วฉวยแก้วจากมือของนายแพทย์ทหารบกมาดื่มจนหมดแก้ว “พอใจมั้ยไอ้หมอคีย์ นายหมอป้อม”
“พอใจครับพี่รัน” ปริญญาพูดก่อนที่อิสรันจะปิดประตูใส่หน้าสองหนุ่มต่างวัย ปริญญาและคีตวัตรยิ้มมุมปากก่อนที่จะกอดคอกันเดินออกไปก่อนที่จะเห็นอาศิระถือแก้วเดินมา ทั้งสามส่งสายตามองกันก่อนที่อาศิระจะเดินสวนมายืนหน้าห้องหอด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
ด้านคนในห้องมุ่งหน้าจะเข้าไปสานต่อสิ่งที่ค้างคาอยู่ เขาว่าแอลกอฮอล์ทำให้เรากล้าที่จะทำในสิ่งที่เราต้องการและตัวเขาก็กำลังเป็นแบบนั้น
ก็อกๆๆ
“ไอ้โคแก่เปิดหน่อยยยย” เสียงของอาศิระดังมาจากหน้าห้องทำให้อิสรันยิ่งหัวเสียเดินกลับมาเปิดประตู
“มาทำไมว่ะไอ้เห็บหมา อุบ” ยังไม่ทันพูดจับอาศิระก็จับแก้มกรอกปากเจ้าบ่าวทันที
“555 ก็ไม่มีไรแค่นี้แหละ บอกน้องหนูภีร์ระวังผีหลอกด้วย ตอนฉันเดินเข้ามาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ อยู่แถวกระจกอ่ะ” อาศิระพูดโดนเน้นคำว่าผีเสียงดังจนคนในห้องได้ยินด้วยแล้วเดินออกไป
“มันบ้าอะไรของมันกันว่ะ” อิสรันพูดก่อนที่จะเดินมานอนบนพื้นอย่างหัวเสียเพราะคนตัวเล็กนั้นถือปืนขึ้นมาขู่ และปืนนั้นก็ไม่ใช่ของใครของเขาเอง ไม่รู้มาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จบ หมด ค้าง คืนนี้นอน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ
