บทที่4.
ทำแบบนี้ได้ไงวะ..
“ก็เคนบอกเองว่าบ่อยากมีเมีย แม่ก็ไม่ว่าแล้วไง”
แม่ใหญ่ไพลินมองหน้าลูกชายยิ้มๆ เคนหน้าตึงใจร้อนรนไปหมด แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปากพูดอะไรแม่ใหญ่ไพลินก็พูดขึ้นก่อน
“เอ้าหนูอ่อนมาพอดี มาๆ มานั่งตรงนี้ลูกมารู้จักอ้ายเคนเขาเสีย” เคนหันไปมองหญิงสาวที่ยอบกายนั่งพับเพียบข้างๆ แม่ใหญ่ไพลินด้วยท่าทางที่พยายามทำให้นิ่งและดูเข้มขรึมที่สุด
“สวัสดีค่ะพอ้ายเคน”
“เออ.. หวัดดี” เคนทำเสียงแข็งทำทีเมินหน้าหนีทั้งที่ความงดงามของหญิงสาวตรงหน้านั้นมันสะกดสายตาจนแทบไม่อาจจะถอนสายตา
“บักเคน..” พ่อใหญ่ปีเตอร์กระแอมเบาๆ มองลูกชายตาขุ่น
“อะ เอ่อ หวัดดีจ้ะ” เคนเสียงอ่อนลงเล็กน้อยแล้วหันมามองหญิงสาวที่ยิ้มบางๆ ให้เขา ท่าทางอ่อนหวานสงบเสงี่ยม
“ในเมื่อรู้จักกันแล้วเคนก็ต้องช่วยแม่ดูแลน้องดีๆ ล่ะ เอาล่ะกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยววันนี้แม่จะให้อ้ายเคนเขาพาหนูอ่อนเข้าเมืองนะ ไปหาซื้อของใช้อะไรที่อยากได้”
“แต่ข้อย”
“ต้องพูดกับน้องเป็นภาษากลางด้วยจ้ะ น้องเขายังไม่ชิน” แม่ใหญ่ไพลินบอก
“เอาใจกันเหลือเกินนะ” เคนทำเสียงในลำคอ อรอาภานั่งเงียบค่อยๆ ตักข้าวเข้าปาก
“เราก็อย่ามาดุน้องเขา หนูอ่อนไม่ใช่ไอ้อ่อมไอ้เอกนะ”
“นั่นสิ เคนต้องพูดจาให้นุ่มนวลขึ้นนะห้ามมาทำเสียงตะคอกหนูอ่อนเหมือนสองคนนั้นไม่ได้”
“ข้อยก็เป็นของข้อยแบบนี้ ใครก็เปลี่ยนไม่ได้ดอก ใครรับไม่ได้ก็กลับบ้านตัวเองไปโลด” พูดจบก็ผลุนผันลงจากเรือนไปโดยไม่กินข้าวกินปลา แม่ใหญ่ไพลินหันมามองคนที่นั่งหน้าเสียอย่างเห็นใจ
“พี่เขาก็เป็นแบบนี้ล่ะลูก ใจร้อนปากไม่ค่อยดี”
“เรียกได้ว่าปากหมาเลยล่ะ ฮ่าๆ” พ่อใหญ่ปีเตอร์หัวเราะชอบใจ อรอาภาจึงพลอยยิ้มออก
“เดี๋ยววันนี้ให้พี่เขาพาไปเที่ยวในเมือง ตัวอำเภอห่างจากนี่ประมาณยี่สิบโล เผื่อหนูอ่อนอยากได้อะไรเพิ่ม”
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วแม่ใหญ่ไพลินก็พาอรอาภามานั่งเล่นที่โถงกลางบ้านแล้วหยิบตะกร้าหวายใบเล็กลวดลายงดงามออกมา ส่วนชบาก็นั่งหน้าแป้นแล้นอยู่ข้างๆ อรอาภา
“แต่หนูอ่อนไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ เท่าที่มีก็พอแล้ว” แม่ใหญ่ไพลินมองหญิงสาวอย่างเอ็นดูในความถ่อมตัวเจียมเนื้อเจียมตัวของอรอาภาทั้งที่นางเห็นว่าเธอมีของติดตัวมาไม่กี่อย่างเท่านั้น
“ของใช้ส่วนตัวอย่างพวกครีมกันแดด สบู่ยาสีฟันที่หนูใช้ไงจ๊ะ”
“หนูอ่อนใช้เหมือนกับทุกคนได้ค่ะ ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ หนูอ่อนเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก ของใช้จำเป็นบางอย่างหนูอ่อนก็ต้องใช้นะจ๊ะ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง แม่จะจัดการให้”
ว่าพลางหยิบเงินออกมายื่นให้ อรอาภานิ่งทำตัวไม่ถูกเพราะเห็นว่ามันมีแบงก์สีเทาๆ อยู่หลายใบ
“เอ่อ.. หนูอ่อนว่า...”
“นี่แม่ไว้ให้ใช้ซื้อข้าวซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ประสาผู้หญิง แม่เห็นหนูอ่อนมามีแค่เสื้อผ้าเท่านั้นนี่จ๊ะ” อรอาภาหันมามองชบาที่รีบก้มหน้างุดทันที
“อย่าไปว่าชบามันเลย มันก็พูดมากประสามันนั่นล่ะ หนูอ่อนเป็นลูกสาวแม่แล้ว หนูอ่อนอยากได้อะไรบอกแม่ได้เลยอย่ากังวลเลยลูก ถ้าหนูอ่อนคิดว่ามันมากไปหนูอ่อนก็แค่ช่วยงานแม่ดีไหม ถือว่าเป็นค่าจ้าง” แม่ใหญ่ไพลินรู้ว่าอรอาภาคิดอะไรอยู่จึงหว่านล้อมให้เธอรับไมตรี
“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณแม่แล้วหนูอ่อนจะช่วยงานคุณแม่ทุกอย่างตามที่คุณแม่ต้องการค่ะ”
“ดีมากจ้ะ เอาล่ะทีนี้ ชบาไปเป็นเพื่อนคุณหนูอ่อนเขานะ”
“ได้ค่าแม่ใหญ่”
“พอจะได้ไปเที่ยวหน้าระรื่นเชียวนะเอ็ง ไปๆ ไปบอกให้อ้ายเคนเตรียมตัวพาหนูอ่อนเข้าเมือง”
ชบารับคำแล้วรีบวิ่งลิ่วลงเรือนไปทันที แม่ใหญ่ไพลินมองตามแล้วส่ายหน้าอย่างระอาในความทะเล้นทโมนของชบา
“ดู๊ นังนี่พอพูดเรื่องเที่ยวล่ะมันไวยังกะลิง”
แม่ใหญ่ไพลินถอนใจเบาๆ มองอรอาภาในชุดเดรสชีฟองสีชมพูพาสเทลหวานละมุนที่เดินตามชบาไปยังกระท่อมปลายนาของลูกชายตน เพราะเคนยื่นข้อเสนอมาว่าหากจะให้เขาพาอรอาภาเข้าเมืองเธอจะต้องเดินไปหาเขาที่กระท่อม ตอนแรกนางก็จะไม่ตามใจลูกชาย แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว เรื่องแบบนี้มันต้องชิงไหวชิงพริบกันหน่อย
“แล้วแบบนี้หนูอ่อนจะไม่เจออีหมีไล่ขวิดหรือแม่ไพลิน”
“ไม่หรอก น้องรู้ว่าลูกชายตัวดีของเรากำลังคิดอะไรอยู่”
“ยังไง..”
“มันคือบททดสอบไงคะ” พ่อใหญ่ปีเตอร์สบตากับเมียรักแล้วยิ้มออกมา
“มันร้ายจริงๆ ทำทีเหมือนไม่สนใจ แหม่ๆ มันร้ายๆ”
“ไม่รู้เหมือนใครนะท่ามากแบบนี้”
แม่ใหญ่ไพลินยิ้มๆ สองผัวเมียหัวเราะเบาๆ ให้กัน เฝ้ามองหนุ่มสาวทั้งสองอย่างลุ้นไปด้วย และภาวนาว่าขอให้อีหมีแม่ควายที่ดุยิ่งกว่าหมาพันธุ์บางแก้วของตนมันยอมรับอรอาภาด้วยเถิด...
“คุณหนูอ่อนเหนื่อยไหมคะ” ชบาหันมาถามอย่างห่วงใยเมื่อเห็นใบหน้าขาวนวลแดงก่ำเพราะไอแดดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายเต็มดวงหน้างาม
“ไม่จ้ะเดินแค่นี้เอง” บอกพลางหอบนิดๆ จนชบานึกเห็นใจ แม้ว่าระหว่างทางมันจะร่มรื่นด้วยแมกไม้ก็ตาม แต่เพราะอรอาภาคงยังไม่ชินกับอากาศของชนบทและอาจจะไม่เคยเดินตากแดดไกลขนาดนี้ก็เป็นได้
“คุณหนูอ่อนอดทนอีกนิดนะคะ จะถึงแล้วค่ะ นั่นไงคะ”
ชบาชี้ไปยังกระท่อมหลังน้อยซึ่งปลูกอยู่ใต้ต้นมะม่วงสองต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งใบมาชนกันและส่วนหนึ่งของกระท่อมหลังน้อยยื่นไปในคลองซึ่งเป็นคลองที่ขุดเชื่อมกับคลองสายหลักเพื่อช่วยระบายน้ำในหน้าฝน หน้ากระท่อมมีแคร่ไม้ไผ่และข้างๆ กันนั้นก็มีสุ่มไก่ และมีคอกเป็ดอีกทั้งรอบๆ กระท่อมก็มีพืชผักหลายอย่าง พื้นที่ถูกจัดสรรอย่างสวยงามลงตัวน่ามองไม่น้อย มีศาลาท่าน้ำเล็กๆ ข้างกระท่อมน้ำก็ดูใสแจ๋วน่าแหวกว่ายกลางคลองมีดอกบัวแดงบัวสายชูช่อไสวสวยงาม อรอาภามองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หญิงสาวเดินไปมองรอบๆ อย่างตื่นเต้นแล้วสูดอากาศเข้าปอดอย่างสดชื่นผ่อนคลายทั้งด้วยความร่มรื่นโดยรอบและสายลมอ่อนๆ ที่พัดโชยแผ่วๆ เย็นสบาย แต่แล้วเสียงร้องมอดังกึกก้อง พร้อมกับเสียงอึกทึกแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น
