บทที่4.ต่อ
“อ๊ายยย คุณหนูอ่อนขา ระวังค่ะ”
ชบาหวีดร้องเสียงดังอรอาภาหันขวับมาตามเสียงแล้วก็ต้องหน้าซีดเผือดหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเนื้อตัวเย็นเฉียบดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกไม่มีแม้แต่เสียงจะหวีดร้อง...
อรอาภายืนนิ่งดวงตากลมโตเบิกกว้างเนื้อตัวเย็นเฉียบหากแต่เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายไปทั้งกาย หญิงสาวจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัว จมูกชื้นๆ ที่พ่นลมหายใจแรงๆ ใส่ใบหน้าของเธอมีกลิ่นหญ้าและดินปนกันผิดแผกจากที่เคยได้กลิ่นจากสัตว์เลี้ยงอย่างหมาหรือแมว เสียงลมหายใจฟืดฟาดๆ นั้นทำให้เธอกลัวไม่น้อยกลัวว่ามันจะทำร้ายเอาได้ หญิงสาวจ้องตากลมๆ สีดำขลับขนตายาวเป็นแพงอนช้อยจนน่าอิจฉาของมันนิ่ง มันเองก็จ้องเธอนิ่งเช่นกัน
“อีหมี.. อย่าทำอะไรคุณหนูอ่อนนะ”
เสียงชบาดังขึ้นสิ่งมีชีวิตนามว่าอีหมีทำเสียงเหมือนหึในลำคอแต่ไม่ยอมละสายตาจากอรอาภา หญิงสาวมองเขาโง้งๆ ยาวๆ ปลายเขาแหลมๆ ตวัดโค้งเข้าหากันดูสวยงามอ่อนช้อยและแข็งแกร่งในทีอย่างหวั่นเกรงไม่น้อยเมื่ออีหมีไม่มีทีท่าว่าจะเอาใบหน้ายาวๆ ของมันออกไปจากใบหน้าของเธอ แล้วอรอาภาก็หลับตาปี๋เมื่อมันเอาจมูกชื้นๆ ของมันมาใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดๆ เหมือนจะดมกลิ่นเธอ อรอาภาตัวเย็นวาบขนลุกชั้นทั้งกายเมื่อมันเอาจมูกของมันแตะแก้มเธอเบาๆ แล้วผละออกไป
อรอาภาค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนว่ามันขยับตัวออกห่าง และเมื่อเธอลืมตาขึ้นก็พบว่าเคนยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ ควายตัวโต อรอาภามองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วหน้าแดงก่ำ เคนเป็นชายหนุ่มที่ตัวใหญ่มาก ผิวสีเข้มอย่างที่เรียกว่าผิวดำแดงหรือน้ำตาลแดง แต่อรอาภาคิดว่าผิวของเคนสวยมากทีเดียว เขาไว้หนวดเคราเต็มใบหน้าดูดุดันน่ากลัวร่างแกร่งของเขาสวมเพียงกางเกงขาก๊วยสีซีดๆ และเขาไม่สวมรองเท้า แผงอกกว้างเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยมัดกล้ามตึงแน่นเป็นลอนไร้ไขมัน
“เดินทะเล่อทะล่ามาทำไม ดีนะบ่โดนอีหมีขวิดไส้แตก”
เสียงห้าวห้วนยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวดุดันมากขึ้น อรอาภาน้ำตารื้นด้วยความหวาดกลัวและตกใจจากเหตุการณ์ที่เจอ นึกไปถึงตอนที่อยู่กับคุณหญิงย่า ที่หากเธอเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญเช่นนั้นท่าคงจะเข้ามากอดปลอบเธอแล้ว
“เอ่อ อ้ายเคนจ๋า คือว่า..”
“บ่ต้องเว้า มาทำไรกันนี่” เคนหันไปดุชบาที่ทำคอย่นยิ้มแหยๆ ให้ชายหนุ่ม
“ก็อ้ายเคนบอกว่าถ้าจะให้พาคุณหนูอ่อนเข้าเมืองให้เดินมาหา”
“อ้อ.. เอ่อ.. อ้ายลืม” เคนยอมรับดื้อๆ แล้วหันมามองอรอาภาที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาน้ำตาคลอๆ
“จะยืนเป็นหุ่นอยู่นี่อีกนานบ่” ชบาเหมือนได้สติรีบเข้าไปประคองอรอาภาไปนั่งที่แคร่หน้ากระท่อม แต่ระหว่างที่เดินผ่านอีหมีชบาก็ทำท่ากลัวๆ พลอยทำให้อรอาภาตัวแข็งแทบเดินไม่ออกได้แต่มองอีหมีอย่างหวาดกลัว ซึ่งแม่ควายผู้หวงเจ้าของก็ทำท่าเหมือนจะข่มขู่หญิงสาวด้วยการทำเสียงฟืดๆ ใส่ และมันทำท่าราวยิ้มเยาะด้วย อรอาภาคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาดและไม่ได้คิดมากเกินไป
ควายมันจะยิ้มเยาะคนได้อย่างไรเล่าหนูอ่อน... แต่เธอก็อดเอ็ดตัวเองไม่ได้ที่คิดอะไรไร้สาระแบบนั้นได้
“อีหมีลูกพ่อ คนนี้เขาเป็นผู้สาวกรุงเทพฯ มึงอย่าไปแกล้งเขานะ เดี๋ยวเดินผ่านก็เดินเบาๆ เดี๋ยวกระเทือนเขา บางคือแก้วกลัวสิแตก”
เคนบอกอีหมีแล้วหันมามองหญิงสาวที่นั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ ด้วยแววตาเรียบเฉย ชบามองเคนที มองอีหมีที แล้วก็มองอรอาภาทีอย่างเห็นใจ
“อ้าย.. ก็บอกอีหมีว่าอย่าทำให้คุณหนูอ่อนกลัวสิ ดู.. คุณหนูร้องไห้แล้ว”
ชบาเดินมาพูดกับเคนเมื่อเขาจูงอีหมีไปกินหญ้าใต้ต้นมะม่วงใกล้คอกของมันซึ่งอยู่ห่างจากกระท่อมพอสมควร อีหมีไม่เคยถูกผูกมัดกับอะไรทั้งสิ้น มันแสนรู้และไม่เคยสร้างปัญหาไปกินข้าวของในสวนหากไม่ได้รับอนุญาต มันรู้ดีว่ามันควรกินอะไรแค่ไหน และที่ตรงไหนที่มันจะกินได้
“สูนี่ก็เสนอหน้านะชบา”
“แหม่ อ้ายเคน ชบาก็สงสารคุณหนูอ่อน เพิ่นเพิ่งมาไม่ทันได้รู้เรื่องอะไรอ้ายก็หาว่าชบา” ชบาเดินมาหาเคนทำเสียงอุบอิบในลำคอ เคนหันมามองอีหมีที่ทำทีกินหญ้าไม่สนใจใคร แล้วมองหาไอ้บุญรอดกับไอ้สีหมอก
“อ้าว แล้วบักสองตัวนั้นไปไหนล่ะ”
“โน่น.. อยู่โน่นกับคุณหนูอ่อน”
เคนกับอีหมีหันไปมองตามือชบาพร้อมกันราวกับนัดก็เห็นว่าเจ้าควายหนุ่มสองตัวที่พูดถึงนั้นอยู่กับอรอาภาจริงๆ ด้วย
“เดี๋ยวชบาไปหาคุณหนูอ่อนก่อนนะ”
“ไม่ต้องอยู่นี่ล่ะ คอยเบิ่งคุณหนูเจ้าสิเฮ็ดจังได๋” เคนเสียงเข้มกอดอกมองหญิงสาวที่อยู่ท่ามกลางควายหนุ่มทั้งสอง...
“หวะ หวัดดีจ้ะ..” อรอาภาพูดสั่นๆ เมื่อเห็นควายตัวใหญ่บึกบึนกับควายเผือกตัวน้อยยืนจ้องหน้าเธอนิ่ง เจ้าสองตัวนั้นเอียงคอมองเธอแล้วก็ยื่นหน้ามาดมๆ ตัวเธอ หญิงสาวนั่งเกร็งภาวนาว่าให้มันเข้าใจที่เธอพูด แล้วเจ้าควายทั้งสองก็ทำท่าพยักหน้าหงึกๆ เจ้าตัวเล็กเอาจมูกชื้นๆ ของมันมาดุนมือเธอเบาๆ แล้วเอาหน้ามาเกยตักเธอนิ่งดวงตากลมโตใสแจ๋วมองเธออย่างออดอ้อนดูเป็นมิตร อรอาภาค่อยๆ ลดความเครียดเกร็งลงแล้วค่อยๆ ยื่นมาลูบหัวมันเบาๆ ส่วนเจ้าตัวใหญ่อีกตัวก็ยื่นหน้ามาใกล้ อรอาภาลังเลว่าจะทำอย่างไรกับมันดี แต่สุดท้ายก็ยื่นมือไปลูบหน้ายาวๆ ของมันอย่างอ่อนโยน ซึ่งท่าทางของมันดูจะชอบที่เธอทำแบบนั้นอรอาภาจึงยิ้มออกมาได้
“ฉันชื่อหนูอ่อนนะ เพิ่งมาอยู่ที่นี่” หญิงสาวบอกมันแล้วก็นึกขันตัวเองที่พูดกับควาย
เธอชอบควาย สำหรับเธอควายคือสัตว์ชนิดหนึ่งที่น่ารัก ตามันแป๋วๆ ขนตายาวๆ และมันดูใสซื่อไม่มีพิษไม่มีภัย จำได้ว่าตอนเด็กๆ ครูพาไปทัศนศึกษาและเธอได้มีโอกาสเห็นควายที่กินหญ้าอยู่ในทุ่งนา เธอตื่นเต้นมากและคิดว่าอยากจะขอให้คุณหญิงย่าซื้อควายให้เธอเลี้ยงบ้าง แต่เธอก็ต้องหยุดความคิดนั้นเมื่อครูถามในชั้นเรียนว่าใครอยากมีสัตว์เลี้ยงหรือเลี้ยงสัตว์อะไร เธอคนเดียวที่ตอบว่าอยากเลี้ยงควายและอยากมีควายเป็นสัตว์เลี้ยง เพื่อนๆ พากันหัวเราะและล้อเธอกันยกใหญ่ เธอร้องไห้หนักมาก และกลับมาเล่าให้คุณหญิงย่าฟังท่านก็ได้แต่หัวเราะแล้วปลอบเธอว่าอย่าไปใส่ใจคำพูดของเพื่อนๆ เลย แล้วท่านก็เอาตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเธอมาให้กอดแล้วบอกว่า ให้น้องหมีช่วยแบ่งเบาความรู้สึกไม่ดี แล้วท่านก็บอกว่า เราไม่สามารถเลี้ยงควายได้เหมือนสัตว์เลี้ยงอย่างหมาหรือแมว เพราะควายมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงเหมือนหมากับแมว ควายมันต้องการทุ่งนา หรือท้องทุ่งโล่งๆ มีหญ้า มีบ่อน้ำ มีฝูง พื้นที่ในบ้านก็เลี้ยงควายไม่ได้ ตอนนั้นเธอก็เอาแต่ร้องไห้และไม่เข้าใจที่ท่านพูด คุณย่าท่านก็พาเธอไปทำบุญไถ่ชีวิตวัวควายเป็นประจำ เมื่อโตขึ้นเธอจึงเข้าใจในสิ่งที่คุณหญิงย่าบอกไว้ และตอนนี้เจ้าสัตว์แสนน่ารักในดวงใจของเธอก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าและอีกหนึ่งตัวก็กำลังเกยตักเธออยู่อย่างออดอ้อน เธอไม่รู้มาก่อนว่าควายมันก็ออดอ้อนเป็นเหมือนหมาเหมือนแมว
