
บทย่อ
รูปหล่อกล้ามใหญ่ ดิบ เถื่อน ห้าวเป้งนุ่งกางเกงขาก๊วย แต่เมื่อได้พบเธอหัวใจก็ระทวยเป็นสีชมพูฟรุ้งฟริ้ง เคน หนุ่มลูกครึ่งมาดเข้มแห่งบ้านโคกอีแร้งก็ออกจะขัดใจนิดๆ ที่อยู่ๆ พ่อแม่ก็หาเมียให้ ตอนแรกก็ไม่อยากจะมีเมียหรอกนะ แต่พอได้เห็นหน้าหวานๆ ของ หนูอ่อน คุณหนูผู้อาภัพใจแกร่งกระด้างของเขาก็พลันเบ่งบานอยากจะเป็นหนุ่มสายหวานขึ้นมาทันที แต่เพราะออกตัวแรงไปตั้งแต่แรกว่าไม่อยากแต่งงานไม่อยากมีเมีย ครั้นจะมาสายหวานง่ายๆ ก็ดูจะเสียฟอร์ม งานนี้มันก็ต้องเล่นตัวหน่อยๆ อ่อยนิดๆ เพื่อพิชิตใจสาวเจ้า
บทนำ
“ข้อยบ่อยากมีเมีย อีแม่อย่าบังคับข้อย”
อ้ายเคน หรือ เคน คเชนทร์ ลอว์เลนซ์ โคกสมบูรณ์ ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปี รูปร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทย แน่นอนล่ะเพราะเขาเป็นลูกครึ่งนี่นา ใบหน้าคมเข้มอย่างคนเลือดผสมเอ่ยขึ้นเป็นภาษาท้องถิ่นของตน ดวงตาสีเขียวอมเทาตามสายเลือดของผู้เป็นพ่อขุ่นมัวอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อผู้เป็นแม่บอกว่าเขาจะต้องแต่งงานกับคนที่ท่านหาให้ ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนรักของพวกท่านนั่นเองเพราะเคยสัญญากันไว้ว่าหากมีลูกสาวลูกชายจะให้แต่งงานกัน นี่มันสมัยไหนแล้ว ยุคไทยแลนด์ 4.0 แล้วมันจะมีการคลุมถุงชนได้อย่างไร..
“บ่แต่งบ่ได้ บ่แต่งแม่ก็เป็นหมาสิ สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา”
แม่ใหญ่ไพลิน หญิงวัยห้าสิบสี่ปีที่ยังคงสวยพริ้งเพรา ใบหน้าสวยคมแบบคนที่มีเลือดผสมแม้จะไม่ได้เข้มข้นแต่ด้วยความเป็นลูกเสี้ยวเพราะพ่อของนางเป็นลูกครึ่งไทย อังกฤษ และแม่เป็นคนไทยสายเลือดจีน ทำให้นางดูงดงามแปลกตาในหมู่หญิงสาวชาวบ้าน บ้านโคกอีแร้ง ผิวนวลลออสีน้ำผึ้งยังคงดูเปล่งปลั่ง เรือนผมที่แม้จะมีสีขาวแซมถูกมวยไว้อย่างเรียบร้อย นางแต่งกายด้วยเสื้อหม้อฮ่อมแขนกระบอกสวมผ้าซิ่นฝ้ายหมักโคลนย้อมครามผืนงามดูงามสง่าอยู่ไม่สร่าง
“ก็ช่าง.. ข้อยบ่สนใจ อยากสัญญากันเองแต่หมู่พวกเจ้าบ่เกี่ยวกับเด็กน้อย”
เคนบ่นที่พ่อแม่ของตนไปสัญยิงสัญญากันไว้ตั้งแต่สมัยหนุ่มสาวซึ่งตอนนั้นเขายังไม่เกิดด้วยซ้ำไป ก็ช่างสิ มันไม่ใช่เรื่องที่เขาไปสัญญาเสียหน่อย ชายหนุ่มหน้าบึ้งตึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราที่เจ้าตัวไม่ชอบโกนดูดุดัน ร่างสูงใหญ่สวมเพียงกางเกงขาก๊วยสีกรมท่าซึ่งเป็นผ้าทอมือที่แม่ใหญ่ไพลินเป็นคนทอเองกับมือ กว้างที่ตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้อเป็นลอนสวย แม่ใหญ่ไพลินมองลูกชายยืนกอดอกนิ่งเชิดหน้าขึ้นซึ่งท่าทางแบบนี้คือการแสดงความดื้อดึงไม่ยอมรับสิ่งที่พูดออกไป
“ถึงยังไงเจ้าก็ต้องแต่งงานกับลูกสาวหมู่แม่ อาทิตย์หน้าเตรียมโต โลดเด้อเจ้า” แม่ใหญ่ไพลินตัดบทแล้วเดินหนีลูกชายกลับเรือนหลังใหญ่ของตน
“อีแม่.. ข้อบ่ยอม ข้อบ่ยอมมมม”
เคนร้องตามหลังผู้เป็นแม่ไปแล้วสบถในลำคอเบาๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราบึ้งตึงดวงตาคมสีมรกตขุ่นเขียว
“อีหยังวะ มื้อนี้มันเป็นมื้อหยังของบักเคนว้า”
“มีหยังไอ้เคน” เอก ชายหนุ่มวัยละอ่อนรูปร่างสูงเก้งก้างเยี่ยมหน้าเข้ามาถาม
“แม่ใหญ่เพิ่นเว้าอีหยังอ้ายคือเบิ่งหน้าคือตูดอีหมี” อ่อม พี่ชายของเอกซึ่งอยู่ในวัยใกล้เคียงกับเคนเอ่ยถาม
“อ้าว.. เว้าแบบนี้อยากโดนตีนกูล่ะหวาบักอ่อม”
เคนทำท่าเกรี้ยวกราดใส่ลูกน้องคู่ใจที่เปรียบหน้าตาเขาเหมือนตูด อีหมี ซึ่งก็คือแม่ควายตัวเก่งแสนรู้ของบ้าน และที่บ้านของเขาเลี้ยงควายไว้หลายสิบตัวด้วย
“แหม่ อ้ายเคน ข้อยขอโทษ อ้ายเคนสุดหล่ออย่า เคียด ให้ข้อยเด้อ” อ่อมหัวเราะแหะๆ รีบยกมือขอโทษขอโพยเคนเป็นการใหญ่
“แล้วมีอิหยัง ล่ะพี่”
“ก็อีแม่น่ะสิจะให้กูแต่งงานมีเมีย ชีวิตโสดของกู ชีวิตคนหล่ออย่างบักเคนสิถึงกาลอวสานแล้ว”
เคนยกมือขึ้นกางออกเหนือศีรษะแล้วตะโกนก้องทุ่งนาเขียวขจีนับร้อยๆ ไร่อย่างอัดอั้นตันใจเพราะรู้ดีว่าหากแม่ไพลินของตนคิดจะทำอะไรแล้วไม่มีใครขัดใจนางได้ เรื่องนี้ก็เช่นกัน
“ดีใจนำเด้ออ้ายเคน” อ่อมแสดงความยินดีด้วยกับลูกพี่ของตนประสาคนซื่อๆ
“ดีใจห่าเหวอะไรวะ กูยังบ่อยากมีเมียตอนนี้เว้ย ฮึ่ย ผู้หญิงอะไรวะ ไม่มีปัญญาหาผัวรึถึงให้คนอื่นหาให้” เคนบ่น
“เขาอาจจะไม่อยากได้ผัวคือกันละมั้งอ้ายเคน” เอกออกความเห็น
“ไม่อยากได้ทำไมไม่คัดค้าน นี่ยุคไหนแล้ว ไสมึงบอกกูสิ”
“ยุคไหน ยุคคุกกี้เสี่ยงทายไงอ้าย โอ๊ยย ข้อยมักหลาย ข้อยกะเป็นโอตะคือกัน”
เอกตอบฉะฉานแล้วทำท่าฝันหวานเมื่อพูดถึงศิลปินกลุ่มหญิงชื่อดังกับเพลงสนุกที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง และเอกก็กลายเป็นแฟนคลับศิลปินเหล่านั้นไปแล้วเรียบร้อย และติดตามข่าวคราวทุกอย่างของพวกเธอ
“เออ... แล้วไง”
“ก็แล้วไง น้องๆ เขางามน่าฮักกันทุกคนเลยอ้าย” เอกยิ้มเผล่ชื่นชมศิลปินของตนต่อไป
“โอ๊ยยย.. บักเอกกูไม่ได้หมายความถึงแบบนั้น กูหมายถึงยุคนี้มันสมัยไหนแล้ว เขาบ่มีคลุมถุงชนแล้ว เขาต้องให้เลือกคู่ผัวเมียกันเอง มึงเข้าใจบ่”
“อ้อๆ เข้าใจแล้วไงต่ออ้าย”
“ถ้ายายคนนั้นไม่อยากมีผัวก็ต้องคัดค้าน ไม่ใช่ให้เขาจูงจมูกคืออีหมี แบบนี้แสดงว่าอยากได้ผัวคักๆ”
“อ้ายเคนก็ว่าไป เขาอาจจะยังไม่รู้ก็ได้นะอ้าย”
“แบบนี้กูจะปล่อยให้ไหลตามน้ำเหมือนขี้ไม่ได้..”
“โอ๊ย.. เจ้าก็เปรียบเทียบซะแบบนั้น”
สองพี่น้องส่ายหน้ากับคำเปรียบเทียบของลูกพี่สุดหล่อ พวกเขาเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ของเคนอุปการะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ ตอนนั้นอ่อมอายุสิบขวบและเอกเพิ่งจะหกขวบเท่านั้น สาเหตุการกำพร้าน่ะหรือ ก็แค่หญิงชายรักสนุกเอากันแล้วพอมีลูกก็เอามาให้คนแก่ปู่ย่าตายายเลี้ยง แต่อ่อมกับเอกโชคร้ายที่ยายกับตาเสียชีวิตตั้งแต่พวกเขายังเด็กทำให้ไร้ที่พึ่งดีที่ว่า แม่ใหญ่ไพลิน กับ พ่อใหญ่ปีเตอร์ พ่อแม่ของอ้ายเคนรับพวกเขามาอุปการะเลี้ยงดู พวกเขาจึงมีชีวิตที่ดีและพวกเขาก็รักครอบครัวอ้ายเคนมาก
“กูมีแผน พวกมึงมานี่ๆ” เคนวักมือเรียกลูกน้องทั้งสองมาสุมหัวแล้วเริ่มต้นวางแผนการบางอย่าง
