บทที่3.
“มาแล้วครับ แม่ใหญ่มีอะไรครับ”
“ลูกพี่เราหายหัวไปไหนไม่หน้าตาสองสามวันแล้ว”
“อ้อ.. อ้ายเคนกำลังทำใจครับแม่ใหญ่”
“ทำใจ ทำใจเรื่องอีหยังวะ”
“เรื่องสิเป็นเจ้าบ่าวครับ”
“หึ.. ทำแสดงอาการเล่นตัวไปเหอะ มาเห็นหน้าหนูอ่อนก่อนเถอะจะรีบให้แม่จัดงานแต่งให้ ถึงตอนนั้นแม่จะเล่นตัวบ้าง” แม่ใหญ่ไพลินว่าลูกชาย อรอาภานั่งฟังเงียบๆ รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อยเมื่อคิดถึงอนาคตของตน
“ถ้างั้นฝากไปบอกลูกพี่เอ็งด้วยนะไอ้เอกว่าคืนนี้ไม่ต้องมาก็ได้”
“หู้ยย แม่ใหญ่เอาจริงรึ”
“เออ.. ไปบอกลูกพี่เอ็งเลยไปๆ ขวางหูขวางตา” แม่ใหญ่ไพลินไล่เอกไปแล้วหันมาทางอรอาภา
“หนูอ่อนอย่าไปสนใจเลยมาดูผ้ากับแม่ดีกว่า นี่แม่เตรียมไว้รอหนูอ่อนเลยนะ ทอไว้ให้หนูอ่อนตัดชุดแต่งงาน แล้วนี่ผ้าซิ่นไว้ใส่เล่นๆ แล้วนี่ไว้ใส่ออกงาน สวยไหม ชอบไหมลูก..”
แม่ใหญ่ไพลินยื่นผ้าไหมสีชมพูเหลือบทองทอยกลายดอกแก้วมาตรงหน้า อรอาภายกมือไหว้อย่างงดงามสร้างความพอใจให้นางยิ่งนัก
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“เดี๋ยวแม่จะเรียกช่างมาวัดตัวตัดชุดให้ หนูอ่อนไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ทุกอย่างแม่จะจัดการให้ ไม่ให้หนูอ่อนน้อยหน้าใคร”
“แต่หนูอ่อน..”
“แม่รู้จ้ะว่าหนูอ่อนยังไม่อยากแต่งงาน แต่เอาเถอะ แค่ให้รู้ว่าการแต่งงานของหนูอ่อนกับลูกชายแม่มันคือสิ่งที่จะโอบอุ้มคุ้มครองหนูอ่อนในอนาคต จะไม่มีใครมารังแกหรือดูถูกหนูอ่อนได้ หนูอ่อนจะมีชีวิตที่ดีเพียบพร้อมไม่น้อยหน้าใคร และนางมารร้ายนั่นจะไม่มีวันทำร้ายหนูอ่อนได้อีกต่อไป หนูอ่อนเข้าใจที่แม่พูดใช่ไหม”
“ค่ะคุณแม่..”
“ทำใจให้สบายนะจ๊ะ ที่นี่ก็เป็นเหมือนบ้านของหนู และทุกคนที่นี่ก็ยินดีต้อนรับหนูนะ เห็นไหม พวกเขาตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นหน้าหนูอ่อนและงานนี้พวกเขาก็ทำให้ด้วยใจ เดี๋ยวจะมีล้มหมูล้มวัวกันสักตัวสองตัว”
“อะไรนะคะ ล้มหมู ล้มวัว หมายถึงฆ่าพวกมันเพื่องานเลี้ยงต้อนรับหนูอ่อนนี่นะคะ..” หญิงสาวหน้าตาตื่น
“ใช่จ้ะ ที่นี่เขาก็ล้มหมู หมายถึงฆ่าหมูมาทำอาหารเวลามีงานเลี้ยงอยู่แล้วล่ะจ้ะ”
“แต่.. แต่หนูอ่อนคงกินไม่ลง..” หญิงสาวหน้าเศร้าทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ แม่ใหญ่ไพลินหน้าเสียรีบปลอบ
“โถ.. ลูกมันก็เป็นเรื่องปกติของชาวบ้าน เวลามีงานบุญงานบวชหรืองานศพเขาก็ล้มหมูล้มวัวเพื่อทำอาหารเลี้ยงแขกกันจ้ะ อย่าคิดมากนะจ๊ะ ใช่ว่าพวกเขาจะฆ่าแกงพวกมันทุกวัน”
“คุณแม่ขา อย่าฆ่าพวกมันเพื่อทำอาหารเลี้ยงแขกหรือเพื่อต้อนรับหนูอ่อนเลยนะคะ สงสารมัน หนูอ่อนไม่อยากให้ใครหรือสัตว์ตัวไหนต้องมาเสียชีวิตเพื่อหนูอ่อน หากอยากเลี้ยงอยากจัดงานทำอาหารไปซื้อที่ตลาดที่เขาทำไว้สำหรับขายอยู่แล้วไม่ได้หรือคะ อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง นะคะบอกพวกเขาว่าอย่าล้มหมูล้มวัวหนูอ่อนสงสารพวกมัน”
แม่ใหญ่ไพลินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดูและนึกคล้อยตาม ผู้สูงวัยกว่ามองใบหน้าเศร้าๆ และตาแดงๆ มีน้ำตาคลอๆ แล้วก็นึกสงสาร หนูอ่อนของนางบอบบางและอ่อนโยนขี้สงสารเหลือเกิน...
“ก็ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่บอกพวกเขาให้ดีนะที่ยังไม่ไปเอาหมูมาจากเล้า”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่” อรอาภายิ้มกว้างอย่างยินดี
“อ๊าว อะไรวะ ทำไมแม่ใหญ่ไม่ให้ล้มหมูล้มวัววะ..”
เคนเสียงดังใส่ลูกน้องอย่างแปลกใจและขัดใจไม่น้อย วันนี้กะว่าจะได้กินลาบก้อยให้อร่อยหนำใจแต่แม่ของเขากลับยกเลิกการล้มหมูล้มวัวให้คนไปซื้อเนื้อหมูที่ตลาดมาทำอาหารแทน
“บักเอกรู้ว่าเพราะอะไร”
“เพราะอีหยังวะ” เคนกอดอกมองหน้าเอกดุๆ
“ก็เพราะนางฟ้าคุณหนูอ่อนบอกว่าไม่ให้ล้มหมูล้มวัวเพื่อทำอาหารเลี้ยงในวันนี้ไง”
“ขัดลาภปากกูจริงๆ เลยนางฟ้ามึงนี่”
“โอ๊ย.. คุณหนูอ่อนเพิ่นงามอีหลี งามทั้งกายทั้งใจ” อ่อมว่าพลางทำตาหวาน เคนมองลูกน้องอย่างไม่ชอบใจ
“นั่นว่าที่เมียกูไอ้อ่อม”
“ข้อยฮู้ แหม่ อ้ายเคนทำเป็นหวง”
“ไหนว่าไม่อยากมีเมีย ทีงี้มาทำหวงน้ออ้าย” เอกว่ายิ้มๆ ทำตาเล็กตาน้อยน่าหมั่นไส้ มันรู้ใจลูกพี่คนเก่งดีว่าเป็นยังไง
“ทำรู้ดีนะมึงไอ้เอก ไป.. จะไปไหนก็ไปกูจะนอนเล่นที่นี่ล่ะค่ำๆ ถึงจะไปบอกแม่ใหญ่มึงด้วย”
“อ้อ.. ลืมบอกไปอ้ายเคน” เอกเว้นวรรคแล้วทำหน้าทะเล้น
“แม่ใหญ่ฝากมาบอกว่างานนี้อ้ายเคนไม่ต้องไปก็ได้ บ่เป็นหยัง อยู่ที่กระท่อมน้อยเจ้าไปโลด อยู่ไปเลย อยู่ให้สบายใจเดี๋ยวให้พวกข้อยเอาข้าวมาส่ง ไปพี่อ่อมเราไปกัน” พูดจบเอกกับอ่อมก็กอดคอกันเดินจากไป เคนมองตามลูกน้องคู่ใจแล้วทำท่าฮึดฮัดขัดใจ
“ฮึ.. อีแม่นะอีแม่.. แกล้งกันชัดๆ เลยนี่ บักเคนไม่ยอมแพ้เจ้าดอก...”
ชายหนุ่มหันไปมองเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ห่างจากระท่อมของตนไปราว 600 เมตรอย่างขุ่นใจ
อรอาภาค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อถึงเวลางานเลี้ยง เสียงเพลงลูกทุ่งหมอลำที่เธอไม่ค่อยคุ้นหูพร้อมทั้งเสียงพูดคุยด้วยภาษาที่แปลกแตกต่างจากที่เคยได้ยิน แม้จะเคยได้ยินสาวใช้ในบ้านบางคนพูดแต่บ้าง แต่พอหลายๆ คนพูดกันก็จับใจความไม่ได้และที่สำคัญเธอขัดเขินกับสายตาของทุกคนที่มองมา
“ไม่เป็นไรนะหนูอ่อน ไม่ต้องเขิน พวกเขาใจดีกันทุกคน”
แม่ใหญ่ไพลินกุมมือเย็นเฉียวของอรอาภาไว้ หญิงสาวในชุดเสื้อแขนกระบอกและนุ่งซิ่นย้อมครามผืนงามยิ้มบางๆ ให้แต่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นอยู่
“อ่อนไม่รู้จะทำตัวยังไงค่ะ”
“ก็ทำตัวสบายๆ ไงลูก ไปเถอะ ทุกคนอยากรู้จักหนูอ่อนกันทั้งนั้น”
แม่ใหญ่ไพลินจูงมือเล็กไปยังลานหน้าบ้านที่ค่ำคืนนี้ถูกเนรมิตอย่างงดงามด้วยความช่วยเหลือของทุกคน อรอาภามองรอบๆ กายอย่างตื่นเต้นและรู้สึกตื้นตันใจที่มีคนทำอะไรแบบนี้ให้ และนานมาแล้วที่เธอไม่เคยได้มีรอยยิ้มและรู้สึกปลอดโปร่งใจเช่นนี้
“เอาล่ะทุกๆ นี่คือหนูอ่อน หรือคุณหนูอรอาภา หลานสาวของฉันและจะมาเป็นสะใภ้ของฉันด้วย”
