บท
ตั้งค่า

บทที่2.จบตอน

อรอาภามองเรือนไม้หลังงามอย่างชื่นชม แม้มันจะไม่ได้สวยงามมีลวดลายฉลุอ่อนช้อยอย่างเรือนรื่นรมย์ของคุณหญิงย่า แต่เรือนไทยแบบอีสานที่ประยุกต์ให้ทันสมัยเข้ากับพื้นที่และการใช้งานก็สวยแปลกตาแต่ก็ลงตัว เรือนหลังใหญ่กว้างขวางสะอาดสะอ้านโปร่งสบายมีหลายห้องและมีโถงตรงกลางและชานเรือน ถัดไปก็เป็นเรือนหลังเล็กซึ่งเป็นครัวที่ออกแบบผสมผสานครัวไทยกับครัวฝรั่งไว้อย่างลงตัว นอกจากนั้นยังมีเรือนหลังเล็กที่ยื่นเยื้องไปในสระน้ำกว้างเป็นเรือนทอผ้าของแม่ใหญ่ไพลิน อรอาภามองไปรอบๆ อย่างชื่นชมและรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย

“นี่ห้องหนูอ่อนนะจ๊ะ พักตามสบายเลยจ้ะ เอ๊า ชบาเอาของคุณหนูเข้ามาเก็บเร็ว”

แม่ใหญ่ไพลินเรียก ชบา หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับอรอาภา ลูกสาวของ บานชื่น คนงานในบ้านซึ่งอยู่ด้วยกันมานาน เป็นทั้งเพื่อนและแม่บ้านของนาง

“ค่ะแม่ใหญ่”

“นี่ชบานะหนูอ่อน ชบานี่หนูอ่อน ลูกสาวคนใหม่ของแม่ใหญ่ ดูแลหนูอ่อนด้วยนะ”

“ค่ะแม่ใหญ่” ชบารับคำแล้วยิ้มกว้างให้อรอาภา ก่อนจะพาร่างอวบอิ่มของตนยกกระเป๋าใบย่อมของอรอาภาไปเก็บในห้อง

“เอาล่ะมีอะไรขาดเหลือก็บอกชบานะจ๊ะ”

“ขอบพระคุณค่ะคุณแม่” แม่ใหญ่ไพลินลูบเรือนผมสลวยเบาๆ แล้วเดินจากไปปล่อยให้หญิงสาวได้พักผ่อน

“คุณหนูอ่อนสวยจังเลยค่ะ ผิวข้าวววขาว เหมือนกับสำลีเลยค่ะ” ชบาชวนคุยเมียงมองอรอาภาอย่างชื่นชม พยายามพูดภาษากลางงกๆ เงิ่นๆ

“ขอบใจจ้ะชบา ชบาก็สวย ผิวสวย”

“สวยตรงไหนคะ ชบาดำปี๋อ้วนด้วย” อรอาภามองชบายิ้มๆ สำหรับเธอแล้วชบาไม่ได้ดำสักนิดและไม่อ้วนด้วย ร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลสมส่วน ผิวสองสีหรือผิวดำแดงมันก็เป็นสีผิวทั่วไปของคนเอเชียโดยเฉพาะคนไทย แต่เพราะสมัยนิยมที่มักชอบคนผิวขาว อย่างดาราเกาหลีทำให้ถูกมองว่าผิวแบบนี้คือดำเท่านั้นเอง แต่ในทางตรงกันข้ามชาวยุโรปกลับอยากมีสีผิวเหมือนคนเอเชีย บางคนก็อาบแดดอย่างจริงจังเพื่อผิวสีแทน เธอเห็นนางแบบระดับโลกบางคนตอนเดินแบบก็ต้องรองพื้นหรือทาผิวให้ออกมาเป็นสีน้ำตาทอง เป็นสีแทนใส่ปีกนางฟ้าเดินเฉิดฉายกันหลายคน

“เขาไม่ได้เรียกว่าดำจ้ะ เขาเรียกว่าผิวสีแทน สีแบบนี้ล่ะสวย ชบาอย่าว่าตัวเองดำนะ”

“ค่ะไม่ดำก็ไม่ดำ แต่คุณหนูอ่อนว่าชบาสวยอีหลีติคะ”

“อะไรคืออีหลิติ” อรอาภาขมวดคิ้วมุ่น

“อุ๊ย ชบาลืมตัว แหะๆ” ชบาเกาหัวแกรกๆ

“เดี๋ยวชบาจะสอนคุณหนูอ่อนเว้าอิสานเด้อค่ะ”

“เอาแบบนั้นหรือ”

“แม่นแล้ว...” ชบาดีดนิ้วเปาะ แล้วกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ เจ้านายคนใหม่ทันที

“แบบนี้นะคะคุณหนูอ่อน เวลาไปไหนใครด่าจะได้ฟังรู้เรื่อง”

“ทำไมต้องมาด่ากันด้วยล่ะ หนูอ่อนยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” อรอาภาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“โอ๊ย คุณหนูอ่อนยังไม่รู้อะไร อ้ายเคนน่ะเนื้อหอมจะตายไปค่ะ เผื่อไปตลาดแล้วเจออีพวกสาวๆ ที่อยากเป็นเมียอ้ายเคนมันพูดจาไม่ดีใส่ไงคะ”

“ชบาพูดไม่เพราะ เราจะไม่เรียกใครว่ามันหรือ เอ่อ อี.. นะจ๊ะมันไม่ดี อย่าพูด” ชบาหน้าตาเหลอหลาแต่เมื่อเห็นแววตาดุๆ สีหน้าจริงจังของอรอาภาก็ยิ้มแหยๆ

“ก็ได้ค่ะ ไม่เรียกใครว่าอี.. ก็ได้” ชบาเสียงแผ่ว แต่ไม่นานก็ตาใสขึ้นมา

“ก็รู้ๆ ไว้นั่นล่ะค่ะ เพราะคิดว่าคุณหนูอ่อนคงไม่เข้าใจอีกหลายๆ คำ”

“ได้จ้า ว่ามาเลยหนูอ่อนจะฟัง” อรอาภายิ้มหวานให้เพื่อนใหม่และชบาก็เป็นเพื่อนคุยที่ดีบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เหมือนพาเธอไปเที่ย“อ้ายเคนๆ เจ้าสาวอ้ายมาฮอด เฮือน แล้วนะ” บักเอกวิ่งมาบอกลูกพี่สุดหล่อที่นั่งทอดอารมณ์คือคันเบ็ดนิ่ง ร่าสูงใหญ่เอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนเอาหมวกปีกกว้างปิดหน้าไว้

“แล้วไงวะ”

“โอ๊ยย ปานนางฟ้านางสวรรค์ งามอีหลี งามคักๆ งามแท้งามเหลืองาม ง้ามม งาม” บักอ่อมเสริมคำพูดน้องชายทั้งชื่นชมอรอาภาอย่างมาก เคนลุกขึ้นเอาหมวกปีกกว้างออกจากหน้า

“แล้วไงต่อ”

“ห่วย.. อ้าย เจ้าบ่ไปเบิ่ง หน้าเพิ่น ติ”

“เบิ่งเฮ็ดหยัง เดี๋ยวก็ได้เจอกัน”

“ไม่สนใจจริงเร้อ”

“ไอ้นี่มากวนตีน ไปไกลๆ เลยไป๊ ปลาไม่กินเบ็ดกูกะเพราะพวกมึงนี่ล่ะ” เคนหน้าตึงทำตาดุๆ ใส่ลูกน้อง เอกกับอ่อมหันมาหัวเราะให้กันคิกคักๆ น่าหมั่นไส้

“ขืนพวกมึงยังไม่หยุดหัวเราะโดนกูถีบตกน้ำแน่”

“ไปๆ ไปหาแม่ใหญ่กัน พรุ่งนี้แม่ใหญ่เพิ่นว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูอ่อนคนงาม” ว่าแล้วทั้งสองพี่น้องก็กอดคอกันเดินไป เคนมองตามแล้วยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเก็บคันเบ็ดสะพายข้องกลับกระท่อมน้อยของตน

ด้วยความเห็นว่าหญิงสาวอาจจะเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางหลังจากรับประทานอาหารเย็นกันแล้ว แม่ใหญ่ไพลินก็ให้อรอาภาเข้าไปพักผ่อนโดยให้ชบามานอนเป็นเพื่อนในคืนแรก เพราะห่วงว่าสาวชาวกรุงอย่างอรอาภาจะไม่ชิน หรือแปลกที่อาจจะกลัวจนนอนไม่หลับ อรอาภาเองก็ทำตามอย่างว่าง่ายและทั้งเหนื่อยและเพลียเธอจึงหลับไปอย่างง่ายดาย

หลังจากที่ได้พักผ่อนพอได้หายเมื่อยแล้วอรอาภาก็ออกมาหาแม่ใหญ่ไพลินที่กำลังง่วนอยู่กับการรื้อค้นอะไรบางอย่างอยู่ใน เรือนไพลิน อรอาภาเงยหน้ามองป้ายไม้ที่สลักชื่อเรือนไม้หลังเล็กกะทัดรัดที่มีกี่ทอผ้าและผ้าไหม ผ้าฝ้ายที่แม่ใหญ่ไพลินกับป้าบานชื่นทอไว้สวมใส่หรือบางทีก็เอาไว้เป็นของฝาก

“อ้าวหนูอ่อน มีอะไรหรือจ๊ะ”

“คือ หนูอ่อนสงสัยค่ะว่าเขามีงานอะไรกันหรือคะ เห็นทุกคนดูวุ่นวายแต่ก็ดูสนุกดี”

“อ้อ.. ค่ำนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับหนูอ่อนไงล่ะจ๊ะ ทุกๆ คนที่นี่จะได้รู้ว่าหนูอ่อนเป็นใคร”

“แต่หนูอ่อนว่าไม่ต้องก็ได้ค่ะ มันเอิกเกริกไป” แม้จะรู้ตัวว่ามาในฐานะว่าที่สะใภ้ของบ้านนี้ แต่อรอาภาก็ไม่อยากให้ใครต้องมาวุ่นวายกับการมาของตน

“ไม่ได้สิ คนทั้งโคกอีแร้งจะต้องรับรู้ว่าตอนนี้หนูอ่อนเป็นลูกสาวคนใหม่ของแม่ แต่เอ.. นี่ไม่เห็นหน้าเห็นหนวดอ้ายเคนเลย หายหัวไปไหนของเขานะ บักเอกเอ๊ย บักเอกมานี่สิ”

นางทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้แล้วเรียกเอกที่ช่วยเพื่อนๆ แบกฟางอัดก้อนมาเตรียมทำเป็นโต๊ะและเก้าอี้นั่งแบบง่ายๆ หน้าลานบ้านที่มีชายหนุ่มหลายคนมาช่วยกันทำเวทีเล็กๆ ประดับประดาด้วยข้าวของเครื่องใช้จักสานและดอกไม้ที่หาได้ตามรั้วบ้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel