บท
ตั้งค่า

บทที่2.

“เป็นไงไอ้เสือบ้านทุ่ง ดูเหมือนคนป่าเข้ากรุงเลยนะแกไม่ให้เกียรติสถานที่เลย” คริสต์ หรือ คริสโตเฟอร์ ลอว์เลนซ์ เพื่อนรักและยังเป็นญาติสนิทเอ่ยถามเมื่อเจอหน้า เคนยิ้มๆ แล้วยกแก้วเหล้าชูขึ้น

“ก็ดี สบายดี แหม่ แกก็พูดอย่างกับว่าฉันเดินแก้ผ้าเข้าเมืองมาอย่างนั้นล่ะ”

เคนอดประชดประชันเพื่อนรักไม่ได้ คริสต์ เป็นหนุ่มหล่อที่ใครๆ เห็นก็ต้องมองเหลียวหลัง ทั้งยังร่ำรวยเป็นเจ้าของบริษัทเดินเรือชื่อดังของออสเตรเลียและมีสายการบินเป็นของตัวเองเรียกได้ว่าหล่อรวยครบสูตร

“หึหึ ฉันยังนึกแปลกใจเลยว่า รปภ. คอนโดฉันให้นายเข้ามาได้ยังไง” คริสต์พูดติดตลก

“ก็บอกว่าหากไม่ให้ฉันเข้ามา ฉันจะหักคอมันจิ้มน้ำพริกปลาร้าไง รปภ. คอนโดแกถึงให้ฉันเข้ามา”

“โหดขนาดนั้นเชียว..” คริสต์หัวเราะเบาๆ

“แล้วนี่มาทำไม”

“ก็มีธุระนิดหน่อย..” แล้วเคนก็เล่าให้เรื่องราวของตนให้เพื่อนรักฟัง คริสต์ฟังอย่างตั้งใจแล้วก็พลันนึกติดใจกับผู้หญิงที่ชื่ออรสินี

“แกจะให้ช่วยยังไง”

“ก็ช่วยดูสองแม่ลูกนั้นไว้หน่อยท่าทางไม่น่าไว้ใจ”

“ปกติแกไม่เคยเสือกยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่หว่า” คริสต์พูดตรงๆ อย่างนึกแปลกใจที่เคนเกิดสนใจใครสักคนขึ้นมาเพราะปกติแล้วเคนแทบจะไม่สุงสิงหรือยุ่งกับชีวิตใครเลย เขาชอบอยู่แบบเงียบๆ สันโดษมากกว่า

“แค่สงสัยว่าการตายของคุณอนุวัฒน์ เพื่อนรักของพ่อกับคุณหญิงอรพินท์อะไรนั่นว่าตายโดยปกติหรือตายเพราะมีคนจงใจให้ตาย อีกอย่าง ครอบครัวนี้มีเรื่องเกี่ยวโยงกับครอบครัวฉัน ฉันอยากมั่นใจว่าเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าสินสอดจะถูกเอาไปทำอะไรและคนที่ได้มันไปเป็นคนแบบไหน”

“แกสนใจเรื่องนี้มากก็คิดอยู่ว่ามันไม่ธรรมดา”

“ที่สำคัญฉันไม่อยากให้คนพวกนั้นมาวุ่นวายกับครอบครัวฉัน”

“แต่แกก็ต้องแต่งงานกับลูกสาวเขาไม่ใช่หรือไง”

“ก็ใช่ แต่คนแบบคุณพิสมัยไม่น่านับญาติด้วย”

“โอเคแล้วจะจัดการให้ แล้วจะอยู่กรุงเทพฯ กี่วัน”

“อยู่อีกวันก็แล้วกัน นานๆ เจอกันนี่หว่า”

“งั้นเราไปเที่ยวกันเถอะ ไอ้วิศวะมันเปิดผับใหม่กับเพื่อนๆ มัน ไปอุดหนุนมันหน่อย” คริสต์พูดถึงเพื่อนในกลุ่มอีกคน

“โอคๆ ได้เลยเพื่อน”

อรสินีเดินฉับๆ เข้าไปในผับสุดหรูที่เหล่าเซเลป ไฮโซ ชื่อดังนิยมพากันมาที่นี่ ผับกึ่งเรสทัวรองซ์บนตึกสูงหลายสิบชั้นกลายเป็นจุดนัดพบของหนุ่มสาวผู้นิยมความเลิศหรูและสนุกสนานบรรยากาศดี อาหารอร่อย

“นังอุ๋ม แกเห็นผู้ชายโต๊ะนั้นไหม..” อรัญญา เพื่อนรักของอรสินีบุ้ยใบ้ให้เธอมองไปยังโต๊ะของชายหนุ่มคนหนึ่ง

“เห็นแล้วทำไม” อรสินีพยายามระงับความตื่นเต้นของตนไว้ เพราะแรกหันไปสบตาคมเข้มของเขาแล้วใจสาวมั่นอย่างเธอก็สั่นไหวรุนแรง

“เขามองแกตลอดเลย”

“ไม่หรอกมั้งก็นั่งอยู่ตั้งหลายคน”

ในกลุ่มของเธอมากันสี่คน มี อรัญญา ม่านทอง และ ฟ้าใส ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และเพื่อนๆ กลุ่มนี้เองที่ทำให้เธออยากจะมีชีวิตต่อไปหลังจากที่รู้เรื่องราวอันน่าอดสูเรื่องชาติกำเนิดของตน ใช่เธอรู้ว่าเธอเป็นใคร และรู้ว่าที่มาของมารดานั้นไม่ได้สวยหรู แต่เพื่อนๆ เหล่านี้ของเธอคอยให้กำลังใจเสมอไม่มีใครคิดจะซ้ำเติมหรือทำให้เอรู้สึกแย่ และอรัญญาก็คือน้องสาวต่างพ่อของเธอแต่ด้วยวัยใกล้เคียงกันทำให้เธอกับอรัญญาสนิทสนมกัน ความสันพันธ์และชีวิตของเธอมันซับซ้อนจนบางทีอรสินีก็ปวดหัวไม่อยากคิดอะไร...

“แต่เขามองแกจริงๆ นะอุ๋ม” เพื่อนๆ ต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“ฉันว่านะยายอุ๋มจะได้สามีก็คราวล่ะเว้ย ท่าทางเอาจริงด้วยจ้องเอาๆ ฮ่าๆ” อรัญญาพูดตรงๆ เธอเป็นคนประเภทพูดจาขวานผ่าซากๆ ห้าวๆ ลุยๆ ตรงไปตรงมา

“พูดมากนะรัญ เดี๋ยวเอากุ้งยัดปาก”

“ยัดมาเลยกำลังหิวพอดี” แล้วเพื่อนๆ ของเธอก็พากันพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อรสินีอดที่จะชำเรืองแลไปยังชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้แล้วใจของเธอก็เหมือนหวิวๆ ผิดหวังเล็กๆ เมื่อมองกลับไปอีกทีก็ไม่พบเขาคนนั้นแล้ว...

อรสินีเดินมานั่งข้างๆ เตียงของนายอเนก ซึ่งตอนนี้เขาป่วยและลุกเดินเหินไม่ไหว ต้องนั่งรถเข็นและมีคนคอยดูแล เธอกับรัญญาจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล

“คุณพ่อเป็นไงบ้างคะ”

“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะลูก ขอบใจนะที่มาเยี่ยมพ่อกับแม่”

นายอเนกพูดกับลูกสาวที่เขาไม่มีโอกาสจะได้ดูแลหรือแสดงความเป็นพ่อ แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกหรืออย่างไรก็ไม่อาจจะทราบได้ เมื่ออรสินีกับอรัญญามาพบกัน พูดคุยกันถูกคอและไปมาหาสู่กัน แต่สำหรับคนเป็นพ่อที่มีเพียงรูปใบเดียวของลูกน้อยแบเบาะนั้นกลับรู้สึกอิ่มเอมใจและสุขใจเมื่อเห็นหน้าอรสินี แววตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคุณพิสมัยทำให้เขารู้ว่าอรสินีคือลูกสาวของตน ผ่านไปหลายปีจนอรัญญากับอรสินีสนิทสนมกันและเขาก็รวบรวมความกล้าบอกความจริงกับอรสินีโดยมีอรัญญาและ นิภา ภรรยาของเขาอยู่ด้วย ตอนแรกอรสินีเหมือนรับไม่ได้แต่เมื่ออรัญญาพูดคุยเกลี้ยกล่อมเธอจึงตั้งสติและรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น โชคดีที่อรสินียอมรับฟังโดยไม่โวยวายหรือมีท่าทางต่อต้าน อรสินีก้มกราบเขาและเรียกนิภาว่าแม่ ทั้งยังเข้ากันได้ดีกับอรัญญาด้วยแค่นี้นายอเนกก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว...

“แล้วแม่เขาสบายดีหรือ”

“ก็สบายดีค่ะ แต่คงคิดทำเรื่องไม่ดี” แล้วอรสินีก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้เป็นพ่อฟัง

“หนูอุ๋มต้องช่วยหนูอ่อนนะลูก เขาน่าสงสาร”

“ทุกคนสงสารแต่หนูอ่อนหรือคะ” แววตาของอรสินีไหวไปเล็กน้อย

“หนูอุ๋มเป็นคนฉลาดพ่อรู้ว่าลูกคิดอะไรอยู่ ฟังพ่อนะลูก อดีตคือสิ่งที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แม่ของลูกก็เป็นคนแบบนั้นพ่อเชื่อว่าเขาไม่ยอมวางมือหากไม่เห็นว่าหนูอ่อนทุกข์ทรมานจนสาแก่ใจ”

“ทำไมแม่ต้องเป็นแบบนี้..” อรสินีน้ำตาคลอ

“หนูอุ๋มอย่าคิดมากเลยนะลูก มันเป็นวาระกรรมของใครของมัน ถ้าหนูอุ๋มอยากช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาหนูอุ๋มต้องช่วยให้หนูอ่อนรอดพ้นจากแผนการร้ายๆ จากแม่ของหนูอุ๋ม อย่างน้อยมันช่วยให้แม่เขาไม่ต้องสร้างกรรมเพิ่ม”

“คุณพ่อเป็นคนดีจัง”

“หนูอุ๋มก็เป็นคนดีนะลูก ลูกสาวพ่อน่ารักสวยและจิตใจดี” นายอเนกพุดพลางลูบเรือนผมสลวยของลูกสาวเบาๆ

“หนูอุ๋มเป็นคนดีก็เฉพาะในสายตาของคุณพ่อนั่นล่ะค่ะ”

หญิงสาวพูดติดตลกแต่เธอหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะต่อหน้ามารดาและต่อหน้าอรอาภาเธอต้องแสดงละครเป็นนางมารร้ายเสมอ แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นอรอาภาจะต้องโดนแม่ของเธอทำร้ายจิกใช้งานต่างๆ นานา เธอจึงจำเป็นต้องแสดงเป็นคนร้ายกาจ ทั้งที่ในใจขมขื่นทั้งยังสงสารผู้เป็นแม่ที่ไม่ยอมปล่อยวางสิ่งใด อรสินีรู้ดีว่าแม่ของตนนั้นเจ้าคิดเจ้าแค้นและฝังใจเจ็บเพียงใด และหากเธอไม่ได้พบเจอกับผู้เป็นพ่อแท้ๆ และครอบครัวของพ่อที่แสนอบอุ่น เธอก็คงหลงผิดไปตามทางที่แม่ชักจูง

“ดึกแล้วค้างที่นี่เลยไหม”

“ค่ะ หนูอุ๋มโทร. บอกคุณแม่แล้ว หนูอุ๋มจะนอนกับคุณพ่อนะคะ”

หญิงสาวกอดบิดาแล้วแนบหน้าลงกับอกของท่าน แววตาของหญิงสาวมีแววหมองเศร้าเล็กน้อย แต่ก็เพียงแวบเดียวก่อนที่เธอจะหลับตาหลงเหมือนอยากทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพียงเท่านั้น...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel