บทที่2 ต่อ
อรอาภาเดินช้าๆ ไปหาแม่ใหญ่ไพลินกับพ่อใหญ่ปีเตอร์ที่ยิ้มกว้างของรับด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างอุ่นใจ อย่างน้อยๆ หญิงชายสองคนตรงหน้าก็ดูเปี่ยมด้วยเมตตาและทั้งสองคงรักเธอ.. หญิงสาวยิ้มบางๆ ให้ทั้งสองก่อนจะยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย
“หวังว่าคงไม่พากลับมาส่งนะคะ เพราะฉันคงไม่รับคืน”
“ไม่มีทางที่ฉันจะพาหนูอ่อนมาส่งคืนหรอก เธอเองก็รักษาสัญญาก็แล้วกัน”
แม่ใหญ่ไพลินมองภรรยาของเพื่อนรักอย่างไม่ชอบใจ นางเป็นเพื่อนกับวิสุทธ์และเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะเป็นสาวบ้านนอกแต่นางก็ได้รับการศึกษาที่ดี เพราะพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน นางกับคุณอนุวัฒน์ ก็จึงเป็นเพื่อนกันและนางสนิทสนมกับอาภาตอนที่มีชีวิตอยู่ การตายของอนุวัฒน์ นางเองก็ยังติดใจ ไม่แพ้กับที่สงสัยการตายของคุณหญิงอรพินท์ที่ก็นับถือเคารพท่านเสมือนแม่คนที่สอง พอรู้ข่าวว่าคุณพิสมัยจะให้อรอาภาไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยคนหนึ่งนางจึงยกเอาสัญญาที่พูดคุยกันเล่นๆ มาอ้างเพื่อช่วยให้อรอาภารอดพ้นจากความใจร้ายใจดำของแม่เลี้ยงอย่างคุณพิสมัย
“ฉันไม่ต้องการนังเด็กนี่อยู่แล้ว จะพามันไปไหนก็ไปเถอะไป๊ หมดธุระแล้วก็รีบๆ ออกไปจากบ้านฉัน”
แม่ใหญ่ไพลินกัดกรามกรอดอย่างพยายามข่มอารมณ์ไว้ เมื่อก่อนก็เข้าออกบ้านนี้บ่อยๆ แต่พอคุณอนุวัฒน์ แต่งงานกับนางมารร้ายที่ชื่อพิสมัยนางก็ไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนัก เคยมาเยี่ยมคุณหญิงอรพินท์อยู่หลายครั้งและมักจะเข้าประตูเล็กที่ตรงไปยังเรือนไทยหลังน้อยที่คุณหญิงอรพินท์พักอยู่กับอรอาภาและเมื่อได้พบอรอาภาครั้งแรกนางก็ประทับในความงดงามน่ารักของอรอาภา
“เราไปกันเถอะ” แม่ใหญ่ไพลินไม่ต่อปากต่อคำกับคนที่ตนไม่ชอบหันไปชวนสามีซึ่งพยักหน้ารับ
“คุณหนูขา.. รักษาเนื้อรักษาตัวนะคะ ฝากคุณหนูด้วยนะคะคุณไพลิน” นางอังกาบเข้ามากอดอรอาภาไว้ทั้งน้ำตา คนรับใช้หลายคนมองดูเจ้านายสาวอย่างอาลัยอาวรณ์น้ำตาคลอเบ้ากันทุกคน
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะป้าอังกาบฉันจะดูแลหนูอ่อนอย่างดียิ่งกว่าลูกฉันอีก”
“ขอบคุณค่ะคุณไพลิน คุณหนูขา ขอให้คุณหนูโชคดีนะคะ”
“ป้าอังกาบก็ดูแลสุขภาพนะคะ ทุกคนด้วยนะคะ หนูอ่อนต้องไปแล้ว” อรอาภาบอกทุกคนด้วยน้ำตานองหน้า สาวใช้สองสามคนกำลังจะเข้ามาลาคุณหนูผู้แสนอ่อนโอยนของตน แต่ก็ต้องสะดุ้งแลหยุดละงักเมื่อคุณพิสมัยตวาดลั่น
“พวกแกไปทำงานกันได้แล้ว มาสาระแนอะไรกันตรงนี้ ทำเป็นจะเป็นจะตาย มันอาลัยอาวรณ์กันนักใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเงินเดือน เดือนนี้ไม่ต้องเอา..”
“คุณแม่คะ เสียงดังอะไรกันนักหนาคะ หนูอุ๋มจะนอน เสียงดังแบบนี้อุ๋มจะนอนยังไง” อรสินีเดินหน้ายุ่งมาหาผู้เป็นแม่แต่เมื่อเห็นว่ามีแขกก็มีมารยาทพอที่จะยกมือไหว้
“ก็อีพวกนี้น่ะสิมันมาสาระแนทำท่าจะเป็นจะตายมาลานายมัน แม่จะหักเงินเดือนพวกมัน”
“คุณแม่คะ หักเงินเดือนพวกมันแล้วเกิดมันลาออกไปหมด อุ๋มจะทำไงล่ะคะ ใครจะมาความสะอาดห้อง ทำงานบ้าน นี่พวกเธอรีบๆ ออกไปกันได้แล้ว และก็รีบกลับไปทำงาน เร็วๆ สิ จะล่ำลาอะไรกันก็รีบๆ ลากันซะ เกะกะวุ่นวาย”
อรสินีแหวใส่บรรดาสาวใช้ที่ยืนก้มหน้านิ่งอย่างลังเลและเมื่อเธอเอ่ยอนุญาตก็พากันเข้ามากอดล่ำลาอรอาภาก่อนที่จะรีบแยกย้ายไปทำงาน อรอาภาหันมายิ้มให้อรสินีที่ยังคงกอดอกเชิดหน้ามองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ขอบใจนะน้องอุ๋ม” อรอาภาเอ่ยเสียงหวานในแบบฉบับของตนอรสินีพยักหน้าน้อยๆ โดยไม่พูดอะไร
“เสร็จแล้วก็รีบๆ ไปสิยะ”
“ไปกันเถอะหนูอ่อน” แม่ใหญ่ไพลินเข้ามาโอบร่างบอบบางของอรอาภาเดินไปขึ้นรถ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองคุณพิสมัยและอรสินีเป็นครั้งสุดท้าย...
อรสินีมองรถของแม่ใหญ่ไพลินที่แล่นออกไปจากบริเวณบ้านแล้วแอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ หญิงสาวหันไปมองผู้เป็นแม่แล้วยิ้มหวาน
“คุณแม่ขา วันนี้เราไปชอบปิ้งกันดีไหมคะ”
“เป็นความคิดที่ดีมากลูก พอดีเลยเงินสินสอดของนังอ่อนเราจะใช้ให้เปรมไปเลย”
“แม่คะ อุ๋มมีอะไรจะพูด”
“อะไรหรือลูก”
“อุ๋มอยากเปิดร้านกาแฟกับเพื่อนๆ น่ะคะ เงินสินสอดของหนูอ่อน อุ๋มขอได้ไหมคะ นะคะแม่ขา”
“เพื่อนคนไหนไว้ใจได้รึเปล่าไม่ใช่มันเห็นเรามีเงินก็หวังจะเกาะนะลูก”
“ไม่หรอกค่ะ อรัญญากับฟ้าไงคะ เพื่อนรักของอุ๋มไง”
“เพื่อนสองคนนี้อีกแล้ว แม่ไม่ชอบหน้ามันเลยโดยเฉพาะยายอรัญญานั่นหน้าตามันคล้ายๆ คนที่แม่เกลียด” อรสินีรู้ทันทีว่าท่านหมายถึงใครจึงพยายามหาเรื่องมาคุยบ่ายเบี่ยง
“แหม.. คุณแม่ขา แต่รัญเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอุ๋มนะคะ ตอนนี้เพื่อนอุ๋มเหลือไม่กี่คนแล้ว เว้นยายรัญไว้สักคนนะคะ เราไปชอปปิ้งกันก่อนดีกว่าเนอะ ส่วนเรื่องทำร้านกาแฟแค่คุณแม่ไม่ขัดอุ๋มก็ดีใจแล้วค่ะ”
หญิงสาวกอดมารดาอย่างประจบ คุณพิสมัยลูบเรือนผมลูกสาวเบาๆ อย่างแสนรัก ทั้งชีวิตของนางมีเพียงลูกเท่านั้นที่นางยึดมั่นไว้ และอรสินีก็ได้ดังใจทุกอย่าง
“จ้า เพื่อลูกของแม่ ได้ทุกอย่าง”
อรสินีหอมแก้มมารดาแล้วกอดนางไว้แน่น ดวงตารื่นเริงเมื่อครู่เศร้าสลดลง แม้ในใจจะรู้สึกผิดที่ปกปิดนางหลายเรื่อง แต่เพื่อไม่ให้มารดาถลำลึกไปกว่านี้เธอจะต้องทำทุกอย่างให้นางปล่อยวางให้ได้...
อรอาภามองไปรอบๆ ตัวอย่างตื่นตาตื่นใจและค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ หญิงสาวในชุดเดรสแสนสวยยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างขวางที่กว้างกว่าบ้านของคุณหญิงย่าของตนเป็นสิบเท่า และแวดล้อมด้วยท้องทุ่งเขียวขจีและลำคลองต้นไม้ร่มรื่น อากาศก็สดชื่นมองไปทางไหนก็สบายตา
“เป็นไงบ้างจ๊ะหนูอ่อนคิดว่าอยู่ได้ไหม” แม่ใหญ่ไพลินเดินมาโอบร่างบอบบางไว้อย่างรักใคร่
“ก็.. ค่ะ หนูอ่อนจะพยายามปรับตัว” แม่ใหญ่ไพลินมองผิวขาวละเอียดและรุปร่างบอบบางอ้อนแอ้นของคนตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกหวั่นในใจว่าบอบบางถึงเพียงนี้จะอยู่บ้านนอกคอกนาได้หรือไม่ ทั้งท่าทางอ่อนหวานนุ่มนวลดูไม่มีปากไม่มีเสียงจะมาต่อกรกับลูกชายตัวร้ายของตนได้อย่างไร
“ขึ้นเรือนกันเถอะ วันนี้เดินทางมาทั้งวันหนูอ่อนคงเหนื่อย ไปพักก่อนดีกว่าเรื่องอื่นค่อยว่ากันนะจ๊ะ”
“ค่ะคุณป้า”
“อะไรกันจ๊ะ เรียกป้าไม่ได้ ต้องเรียกคุณแม่ นั่นคุณพ่อ” แม่ใหญ่ไพลินท้วงแล้วยิ้มบางๆ อย่างพอใจเมื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นสะใภ้รับคำอย่างว่าง่าย
“ค่ะ คุณแม่ คุณพ่อ”
“ไปเถอะขึ้นเรือนกัน”
